ตอนที่ 9-10 สองอัจฉริยะ
โอลิเวอร์บินถอยกลับไปที่แท่นผู้ชมทันทีจ้องมองลินลี่ย์ด้วยสายตาประหลาดใจ
แต่จากนั้นโอลิเวอร์ก็เริ่มหัวเราะลั่น “เยี่ยม เยี่ยม ยอดเยี่ยม! ความเร็วในการใช้กระบี่โจมตีของเจ้าเทียบเท่ากับวิชาปีศาจฝันของข้าได้”
“เจ้าก็ไม่เลวเหมือนกัน ความจริงเจ้าสามารถป้องกันวิชาระลอกลมของข้าได้”เสียงเยือกเย็นของลินลี่ย์ดังออกมา
สัจธรรมแห่งธาตุลม –ระลอกลม
กระบี่เงาแสง –กระบี่ฝันปีศาจ
พลังของวิชาทั้งสองนี้พอๆกัน
หลังจากชื่นชมกันแล้วอัจฉริยะทั้งสองคนก็เงียบและมองกันอย่างระมัดระวัง เห็นได้ชัดว่าการปะทะกันครั้งนี้ส่งผลให้ทั้งสองคนมองกันว่ามีฝีมือเสมอกัน
ความตึงเครียดในสนามชมการประลองมากขึ้นทุกขณะ สามารถหั่นเป็นชิ้นได้ด้วยมีดกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวทำให้ผู้ชมทั้งแปดหมื่นคนรู้สึกว่าพวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
“ถ้าเจ้าสามารถรับท่าโจมตีต่อไปนี้ของข้าได้ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” แววชื่นชมที่มีต่อลินลี่ย์สามารถเห็นได้ในแววตาของโอลิเวอร์ “ถ้ารับการโจมตีต่อไปนี้ของข้าได้ ก็แสดงว่าเจ้ามีคุณสมบัติพอเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้”
ทันทีที่เขาพูดคำเหล่านี้ออกมา บาร์เกอร์และคนอื่นๆ ก็เริ่มสบถ
“ให้ตายเถอะวะ! เจ้าโอลิเวอร์ผู้นี้ไม่สามารถแสดงฝีมือได้เหนือใต้เท้าลินลี่ย์เลยแม้แต่น้อยแต่กล้าพูดอะไรเช่นนี้ออกมาได้ พูดมาได้ยังไงว่า‘รับการโจมตีครั้งต่อไปเจ้าจะมีคุณสมบัติพอเป็นคู่แข่งของข้า? นี่มันน่ารังเกียจเกินแล้วมั้ง?” เกทส์สบถดังลั่น
บาร์เกอร์และน้องคนอื่นๆก็บ่นพึมพำไม่สบายใจเช่นกัน
ความจริงคำพูดเหล่านี้จากปากของโอลิเวอร์ทำให้หลายคนมองดูการต่อสู้อย่างไม่มีความสุข พวกเขาสามารถเห็นได้ชัดว่าโอลิเวอร์ไม่สามารถมีเปรียบแต่อย่างใด เขาพูดอย่างนั้นออกมาได้ยังไง?นี่หยิ่งยโสเกินไปแล้ว
“คู่แข่ง?” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น “ถ้าเจ้าสามารถรับท่ากระบี่ต่อไปของข้าได้ ข้าก็จะถือว่าเจ้ามีคุณสมบัติพอเป็นคู่แข่งของข้าได้เช่นกัน”
ทั้งสองคนต่างพูดในทำนองเดียวกันข่มกันและกัน
“ฮ่าฮ่า...งั้นลองเจอพลังกระบี่แสงอุษาของข้าดู!” โอลิเวอร์หัวเราะลั่น และจากนั้นเขาบินขึ้นไปด้วยความเร็วสูงพุ่งเข้าหาลินลี่ย์อีกครั้ง
ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็น
ลินลี่ย์เองก็เช่นกันเริ่มเตรียมใช้เคล็ดสัจธรรมแห่งธาตุลมขั้นที่สอง – ทำนองสายลมนี่คือกระบี่โจมตีแบบเป้าหมายเดียวอาศัยความเร็วและพลังสูงสุด
“บึ้ม!” ระเบิดกำแพงเสียงดังขึ้น
หางมังกรที่ดุดันของลินลี่ย์ส่ายอยู่ด้านหลังเขาลินลี่ย์พลันเปลี่ยนเป็นพร่าเลือนขณะที่เขาพุ่งตรงเข้าหากระบี่เลือดม่วงในมือกลายสภาพเป็นสีม่วงสว่างเจิดจ้า
รังสีขาวสว่างเจิดจ้าคลุมไปทั้งกระบี่ฝันยะเยือกของโอลิเวอร์ขยายออกฉับพลันกระบี่ฝันยะเยือกเปลี่ยนสภาพเป็นเหมือนแสงอาทิตย์แพรวพราว
แสงที่แสบแยงตาทำให้ทุกคนที่ดูการต่อสู้ต้องหรี่ตาอย่างช่วยไม่ได้
พลังโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของวิชากระบี่เงาแสง– กระบี่แสงอุษา!
วิชาโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของลินลี่ย์เคล็ดสัจธรรมแห่งธาตุลม – ทำนองสายลม!
แสงสีม่วงที่ร้ายกาจนั้นเคลื่อนที่ได้รวดเร็วและดุดันราวกับสายฟ้า แต่ขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยความนุ่มนวลของสายลมยามฤดูใบไม้ผลิ รังสีที่มีความขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิงเหล่านี้เห็นประจักษ์ในเวลาเดียวกันขณะโจมตีครั้งนี้
จังหวะทำนองทีแปลกประหลาดเช่นนั้นทำให้หลายคนรู้สึกกลัวอย่างประหลาดจับใจ
“เป็นพลังกระบี่โจมตีที่ทรงพลังมาก!” ตาของเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนสว่างวูบ เขาสามารถรู้สึกได้ว่าพลังโจมตีนี้ของลินลี่ย์ทรงพลังมากขนาดไหน
จังหวะที่น่าสนใจทั้งแปลกประหลาดและเฉพาะตัวอย่างนี้ทำให้คมดาบสายลมตามธรรมชาติก่อตัวอยู่บนผิวกระบี่เลือดม่วง จะพูดให้ถูกก็คือเป็นคมดาบอากาศ
แสงสีม่วงดูชั่วร้าย แสงสีขาวเจิดจ้าบาดตาทั้งสองผสานกันในกลางอากาศเหนือเวทีประลอง
“บึ้ม!” พลังปะทะที่น่ากลัวระเบิดออกไปทั่วทุกทิศทาง เวทีประลองด้านล่างถูกฟันด้วยดาบที่มองไม่เห็นนับไม่ถ้วนร่องลึกหลายรอยปรากฏขึ้นบนผิวเวที ในขณะเดียวกัน คลื่นพลังที่น่ากลัวได้เล็ดรอดหลุดออกไปในทิศทางต่างๆทำให้ผู้ชมทั้งแปดหมื่นสะดุ้งไปตามๆ กัน
“โครมม!ฐานบางส่วนที่อยู่ใกล้ขอบเวทีประลองแตกออกเพราะแรงลม
ผู้ชมเหล่านั้นเกาะที่นั่งหินไว้สุดชีวิตขณะที่ร่างโอนเอนไปมาเพียงหลังจากนั้น ลมกระโชกที่รุนแรงซึ่งเหลืออยู่ในสนามชมการประลองค่อยๆลดความรุนแรงลงจนอยู่ในสภาพปกติ แต่ก็ทำให้ผู้ชมหลายคนตกใจ มีหลายคนที่ชุดชั้นนอกถูกลมพัดปลิวไป
ช่างเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัว
ทุกคนจ้องมองยอดฝีมือทั้งสองคนในกลางอากาศอย่างประหลาดใจ โอลิเวอร์และลินลี่ย์จ้องหน้ากันกลางอากาศอย่างเงียบงัน
ทำนองแห่งสายลม กระบี่แสงอุษา
เป็นอีกครั้งที่พวกเขาสู้เสมอกัน
โอลิเวอร์จ้องมองลินลี่ย์ สายตาของเขาเป็นประกาย รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของโอลิเวอร์ “ลินลี่ย์วิชากระบี่ที่เจ้าเพิ่งใช้ออกมามีนามว่ากระไร?”
ลินลี่ย์ไม่พยายามจะกลบเกลื่อน “สัจธรรมแห่งธาตุ ขั้นที่สอง – ทำนองแห่งสายลม”
“ทำนองแห่งสายลม.. ทำนองแห่งสายลม...”เมื่อคิดถึงพลังโจมตีที่ลินลี่ย์เพิ่งใช้โอลิเวอร์มองดูลินลี่ย์ด้วยแววตาที่เห็นด้วย “ลินลี่ย์ข้ายากจะเชื่อจริงๆว่าเจ้าคือประติมากรปรมาจารย์ที่อายุเยาว์เช่นกันสามารถมีความสำเร็จขนาดนั้นได้ ทั้งที่อายุไม่ถึงสามสิบปี ข้าขอชื่นชมเจ้า”
ทัศนคติที่โอลิเวอร์มีต่อลินลี่ย์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“ก่อนหน้านั้นที่ข้าพูดว่าถ้าเจ้าสามารถทนรับการโจมตีจากข้าได้ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ข้ายังจะรักษาคำพูดนั้นอยู่ จากวันนี้เป็นต้นไปข้าจะเพิ่มชื่อของเจ้าไว้ในรายชื่อคู่แข่งของข้า ข้าหวังว่าเจ้าจะเติบโตและพัฒนาฝีมือให้ยิ่งขึ้นไป” โอลิเวอร์พูดพลางยิ้ม
ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
โอลิเวอร์ผู้นี้หยิ่งยโสเกินไป
บาร์เกอร์และน้องๆยืนอยู่ด้านล่างพวกเขา เกทส์อารมณ์เสียมากที่สุด เขาลุกขึ้นยืน “แม่มันเถอะ, โอลิเวอร์ เจ้าเอาชนะใต้เท้าของเราไม่ได้ยังกล้ากรีดกรายทำยกหางตัวเอง ข้าละเกลียดคนแบบนี้เหลือเกิน”
เสียงตะโกนที่ดังอย่างนี้ทำให้ผู้ชมนับไม่ถ้วนกลั้นหัวเราะไม่ได้
ต้องบอกว่าหลายคนเห็นด้วยกับคำพูดของเกทส์
คำพูดที่โอลิเวอร์เพิ่งจะพูดออกไปเป็นคำพูดที่ผู้อาวุโสพูดกับผู้เยาว์ มีกลิ่นอายในลักษณะสั่งสอนอยู่ในนั้น เขายังพูดต่อ “ข้ามองไปถึงวันที่เจ้าเติบโตข้างหน้าและหวังว่าข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
ถ้าโอลิเวอร์ชนะอย่างแท้จริง คนอื่นที่รู้ความหมายในคำพูดเหล่านี้จะฟังอย่างสงบ
แต่เขาไม่ได้ชนะ ไม่มีใครสามารถรู้สึกได้ว่าโอลิเวอร์มีเปรียบแม้แต่น้อย ถ้าพวกเขายังคงสู้ต่อไปก็ยากจะบอกได้ว่าใครจะชนะ
“ฮึ่ม” โอลิเวอร์แค่นเสียงเย็นชา สายตาที่เย็นชาและขึงขังกวาดมองพื้นที่รอบๆและสนามประลองเงียบลงในทันที
โอลิเวอร์มองดูลินลี่ย์ เขากล่าวอย่างสงบ “หกปีที่แล้ว เจ้าอาจเอาชนะข้าได้ แต่ตอนนี้...”
“เจ้าเพิ่งมีคุณสมบัติให้ข้าใช้กระบี่อัคนีได้ แต่ถ้าข้าใช้กระบี่นี้กับเจ้าในวันนี้แล้วอัจฉริยะอย่างเจ้าคงต้องสูญเสียชีวิตเป็นแน่” เสียงเยือกเย็นของโอลิเวอร์ดังก้องไปทั่วสนามประลอง
ถึงตอนนี้ผู้คนเกือบทั้งหมดในสนามประลองนึกขึ้นมาได้ว่า....โอลิเวอร์มีกระบี่อยู่บนหลังสองเล่ม กระบี่ฝันยะเยือกเป็นหนึ่งในนั้น
กระบี่อัคนี?
“กระบี่อัคนี? โอลิเวอร์ เจ้าเชี่ยวชาญมันจริงๆ หรือ?” ที่คอกของผู้ตัดสิน เฮนด์เซนเซียนดาบจ้าวภูผาพูดออกมาดึงดูดความสนใจจากทุกคน
เท่าที่เห็นเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนมีความสัมพันธ์อันดีกับโอลิเวอร์มาช่วงหนึ่ง
โอลิเวอร์หันไปมองเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซน และพูดอย่างราบเรียบ “ท่านเฮนด์เซน ต้องขอบคุณคำแนะนำที่ท่านให้ข้าเมื่อหกปีที่แล้ว เป็นผลทำให้ข้าได้รู้แจ้ง สามปีของการต่อสู้ตามมาด้วยสามปีของการทำสมาธิในภูเขารกร้าง ตอนนี้ข้าเชี่ยวชาญกระบี่อัคนีซึ่งมีพลังมากกว่าวิชาเงาแสงมากนัก”
ในสนามประลองเต็มไปด้วยเสียงร้องประหลาดใจ
“ยังทรงพลังมากกว่าวิชากระบี่เงาแสงอีกหรือ? มิน่าเล่าท่านโอลิเวอร์ถึงบอกว่าเขาจะไว้ชีวิตอาจารย์ลินลี่ย์”
“ปีนั้นเมื่อเขาเอาชนะท่านดิลลอน ท่านโอลิเวอร์ก็ใช้วิชากระบี่เงาแสง ในตอนนั้นท่านโอลิเวอร์มีกระบี่อยู่เล่มเดียวบนหลังของเขา แต่ตอนนี้มีสองเล่ม สิบปีแล้ว เขาก้าวหน้าจริงๆ”
หลายคนถอนหายใจทึ่งกับความกล้าหาญของโอลิเวอร์ พลังที่เขาเพิ่งแสดงออกมาตอนนี้ยังไม่ใช่พลังที่แท้จริง โอลิเวอร์น่ากลัวขนาดไหนกันแน่?
“พี่ใหญ่, เขา...” วอร์ตันรู้ว่าลินลี่ย์สู้เพื่อประโยชน์ของเขา และตอนนี้ เขาเริ่มเป็นห่วงลินลี่ย์
วอร์ตันเป็นห่วง แต่บาร์เกอร์และน้องๆ กลับตรงกันข้ามไม่ห่วงเลยแม้แต่น้อย
“วอร์ตัน,ใต้เท้ายังไม่ได้แสดงพลังที่แท้จริงเลยนะ” บาร์เกอร์หัวเราะ ขณะมองดูวอร์ตัน “เมื่อใต้เท้าซ้อมฝีมือกับเจ้า เขาเพียงแต่ใช้กระบี่อ่อนเลือดม่วง เขาไม่กล้าใช้พลังโจมตีที่แท้จริงกับเจ้า”
“ใช่แล้ว ลินลี่ย์มีดาบหนักอดาแมนเทียมที่น่ากลัวยิ่งกว่าอยู่เล่มหนึ่ง” ซาสเลอร์พูดอย่างจริงจัง
ได้อยู่กับลินลี่ย์มาเป็นเวลานานซาสเลอร์และพี่น้องบาร์เกอร์รู้ว่าดาบหนักอดาแมนเทียมทรงพลังน่ากลัวเพียงไหน เมื่อตอนลินลี่ย์ยังเป็นนักสู้ระดับเก้าชั้นสูง เขาใช้วิชาคลื่นร้อยชั้นด้วยดาบหนักอดาแมนเทียมก็ยังทำร้ายนักรบอมตะระดับเซียนได้แม้พวกเขาจะรู้วิธีป้องกันก็ตาม
แม้แต่ยอดฝีมือชั้นเซียนระดับกลางก็ยังอาจจะต้องบาดเจ็บสาหัสก็ได้
และตอนนี้ว่าด้วยพลังของลินลี่ย์และปราณยุทธเป็นระดับเซียนทั้งหมด ถ้าเมื่อเขาใช้เคล็ดสัจธรรมแห่งธาตุดิน มีแนวโน้มว่าแม้แต่ยอดฝีมือชั้นเซียนระดับสูงก็คงไม่สามารถทนรับพลังโจมตีของเขาได้
ที่สำคัญ พลังโจมตีคลื่นสั่นสะเทือนซึ่งลินลี่ย์พัฒนาขึ้นมาจากการรู้แจ้งก็ยิ่งน่ากลัวมาก ปราณยุทธและพลังกล้ามเนื้อแทบจะป้องกันไม่ได้
“ลินลี่ย์ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการท้าทายจากเจ้าในอนาคตอีก”โอลิเวอร์พูดพร้อมกับหัวเราะอย่างใจเย็น
โอลิเวอร์เป็นคนที่ไล่ตามไขว่คว้าพลังสูงสุด คู่แข่งที่ดีสักคนหาได้ยากสำหรับลินลี่ย์อายุยี่สิบก็แข็งแกร่งทรงพลังมากแล้วก็หมายความว่าในอนาคตจะต้องเป็นคู่แข่งที่ดีของโอลิเวอร์
“ท่านโอลิเวอร์สมกับเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งจริงๆ” หลายคนถอนหายใจชมเชย แต่บลูเมอร์ที่อยู่ใกล้ที่นั่งผู้ตัดสินไม่สบายใจ “ทำไมพี่ชายของเขาไม่ฆ่าลินลี่ย์และจบเรื่องกันไปเลย?”
หนามแหลมที่ยื่นออกมาจากศีรษะของลินลี่ย์เปล่งประกายสะท้อนแสง
“โอลิเวอร์” นัยน์ตาสีทองเข้มจ้องมองโอลิเวอร์ “ข้าบอกเจ้าไว้นานแล้วคนเราควรรู้จักประมาณตนเอง นึกหรือว่ากระบี่อัคนีของเจ้าจะทรงพลังมากนัก?”
“หืม?”สีหน้าของโอลิเวอร์เปลี่ยนขณะมองดูลินลี่ย์ ลินลี่ย์ช่างไม่รู้ดีรู้ชั่วเลยจริงๆ
แต่ลินลี่ย์เหยียดมือออก ทันใดนั้นดาบหนักสีดำฉาบฟ้าแปลกประหลาดปรากฏอยู่ในมือของเขา
“อาวุธที่ทรงพลังที่สุดของข้า...ดาบหนักอดาแมนเทียม” ลินลี่ย์จ้องมองโอลิเวอร์ “เมื่อข้าใช้ดาบหนักอดาแมนเทียม แม้แต่ข้าก็ยังควบคุมพลังมันได้ไม่เต็มที่ ข้าอาจพลั้งมือฆ่าเจ้าได้”
โอลิเวอร์ตะลึง
เซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนตะลึงงันเช่นกัน บลูเมอร์จ้องมองลินลี่ย์ที่อยู่กลางอากาศอย่างประหลาดใจเช่นกัน ผู้ชมทั้งแปดหมื่นคนเงียบเสียงกันทั้งหมด
ในกลางอากาศลินลี่ย์ในร่างมังกรแปลงที่ดูดุดันกวัดแกว่งดาบหนักอดาแมนเทียนและจ้องมองโอลิเวอร์อย่างเย็นชา “จากสิ่งที่เจ้าพูดฟังเหมือนว่ากระบี่อัคนีของเจ้าจะทรงพลังมาก ข้าอยากจะเห็นกับตาตัวเองว่ากระบี่อัคนีของเจ้าทรงพลังมากกว่าหรือว่าดาบหนักอดาแมนเทียมของข้าทรงพลังมากกว่า”
“ดาบหนักอดาแมนเทียม? อดาแมนเทียม?” โอลิเวอร์และเฮนด์เซนลอบตกใจกันทั้งสองคน
วัสดุในตำนานซึ่งต่อให้เป็นนักสู้ระดับเทพก็หาทางทำลายได้ยากน่ะหรือ?
“ฮ่าฮ่า..ดีมาก ยอดเยี่ยม” โอลิเวอร์เริ่มหัวเราะลั่น “ข้าขอคืนคำพูดก่อนนั้นทั้งหมด ข้าเองก็เหมือนกัน อยากเห็นว่าดาบหนักอดาแมนเทียมของเจ้าเป็นทุกอย่างดังที่เจ้าอ้าง ลินลี่ย์, ระวังให้ดีกระบี่อัคนีของข้าอาจจะคร่าชีวิตเจ้าได้”
ขณะที่เขาพูดโอลิเวอร์เก็บกระบี่ฝันยะเยือกเข้าฝัก จากนั้นค่อยๆ ชักกระบี่อัคนีออกมา กระบี่อัคนีมีขนาดและรูปร่างเท่ากับกระบี่ฝันยะเยือก แต่ผิวของมันดำสนิทดูเหมือนกระบี่ธรรมดา อย่างไรก็ตามเมื่อโอลิเวอร์ถือกระบี่อัคนีอยู่ต่อหน้าเขาชั้นแสงดำเย็นยะเยือกอาบไปทั่วผิวของกระบี่
แสงสีดำดูเหมือนสามารถกลืนทุกสรรพสิ่งรอบๆตัวมัน
“วิชาของกระบี่อัคนีพัฒนาขึ้นมาจากการรู้แจ้งกฎธรรมชาติแห่งธาตุมืดของข้าเอง” โอลิเวอร์จ้องมองลินลี่ย์อย่างเย็นชา
ลินลี่ย์ควงดาบหนักอดาแมนเทียมในมือ เพราะมันถูกสายฟ้าผ่าใส่เมื่อตอนสร้างผิวของดาบหนักอดาแมนเทียมจึงส่องประกายสะท้อนสีฟ้า
“วิชาของดาบหนักอดาแมนเทียมพัฒนามาจากการรู้แจ้งกฎธรรมชาติแห่งธาตุดิน” นัยน์ตาสีทองเข้มของลินลี่ย์จ้องมองคู่ต่อสู้ไม่วางตาเช่นกัน
คนหนึ่งควงกระบี่อัคนี อีกคนหนึ่งกวัดแกว่งดาบหนักอดาแมนเทียม
สองสุดยอดอัจฉริยะดวงตาทั้งแปดหมื่นคู่ในสนามประลองจับจ้องมองดูพวกเขา ทั่วทั้งสนามประลองดูเหมือนแทบไม่มีเสียงหายใจ ทั้งบลูเมอร์และวอร์ตันเริ่มกังวลและกระวนกระวาย
ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าใครจะชนะลินลี่ย์หรือโอลิเวอร์!
“ปัง ปัง!”
เสียงระเบิดทลายกำแพงเสียงปะทุขึ้นขณะที่ทั้งสองคนพุ่งตรงเข้าหากันจากระยะห่างหลายร้อยเมตรแต่ขณะนั้นเองเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนซึ่งแต่เดิมนั่งอยู่ในที่นั่งกรรมการตัดสินหายวับไปจากที่นั่งทันที เขาก้าวย่างกลางอากาศเพียงสามก้าวก็เคลื่อนไหวได้เร็วกว่าสายฟ้าเข้าไปแทรกระหว่างทั้งสองคนทันที
“พวกเจ้าหยุดมือก่อน!”
ระลอกพลังสีดินปล่อยออกมาจากร่างของเซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนปะทะลินลี่ย์และโอลิเวอร์อย่างต่อเนื่องลินลี่ย์รู้สึกเหมือนถูกดาวตกนับไม่ถ้วนกระแทกใส่และร่างของเขาถอยร่นไปข้างหลังหลายสิบเมตร โอลิเวอร์เองก็ถูกกระแทกกลับไปในลักษณะเดียวกัน
ลินลี่ย์และโอลิเวอร์หันไปมองเฮนด์เซนทั้งคู่
เซียนดาบจ้าวภูผาเฮนด์เซนหัวเราะอย่างใจเย็นพลางมองดูพวกเขาทั้งสองคน “ลินลี่ย์ โอลิเวอร์ พวกเจ้าทั้งสองคนเป็นอัจฉริยะที่เหลือเชื่อของทั่วทั้งทวีปยูลาน พวกเจ้าทั้งสองคนยังอายุเยาว์มาก พิจารณาจากคำพูดของพวกเจ้าทั้งวิชาดาบหนักอดาแมนเทียมและวิชากระบี่อัคนีเป็นวิชาดาบกระบี่ที่ร้ายกาจมากและอันตรายซึ่งพวกเจ้าทั้งสองคนยังไม่สามารถควบคุมได้เต็มที่ ถ้าการต่อสู้ครั้งนี้ยังดำเนินต่อไปจริงๆอย่างนั้นพวกเจ้าคนใดคนหนึ่งอาจจะต้องตาย หรือบางทีอาจตายกันทั้งคู่ เพราะการตายไปของอัจฉริยะสองคนถือเป็นความสูญเสียของทวีปยูลานทั้งสิ้น ข้าขอเสนอว่าเรายุติการประลองไว้แต่เพียงเท่านี้เถิด”