ตอนที่ 249 : ตอนที่ 230 น้ำตาเทพธิดา
แม้ว่าหลังจากเปลี่ยนชุดของเย่ว์ปิงแล้ว อี้หนานก็ยังรู้สึกเขินอายอย่างมาก นางยังก้มหน้าต่ำไม่กล้ามองดูเย่ว์หยาง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางคิดถึงภาพที่น่าอายนั้น นางแทบอยากแทรกแผ่นดินเข้าไปหลบอยู่ในนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางแสดงตัวต่อหน้าเย่ว์หยางด้วยสถานะหนุ่มอี้หนาน แสดงตัวว่าเป็นพี่ชายของตัวนางเองแล้วยังมอบสร้อยคอในนามน้องสาวเป็นสัญลักษณ์เชิงบุคคลว่าขอหมั้นหมายแต่งงานแต่สถานะที่นางเป็นสตรีกลับถูกเปิดเผยที่นี่ นางจึงไม่รู้ว่าจะทำยังไงจริงๆ
เย่ว์ปิงเองก็อาย
นางเป็นน้องสาวของเขา ชุดของนางถูกไฟไหม้เป็นเถ้าถ่านต่อหน้าพี่ชาย เห็นได้ชัดว่านางก็อายมากเช่นกัน
สิ่งที่ทำให้ดูน่าอึดอัดใจสำหรับนางที่สุดก็คือดูเหมือนว่าไฟที่ลุกโหมครั้งใหญ่นี้เริ่มต้นที่นาง เกิดขึ้นได้อย่างไร นางหาสาเหตุไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ถือโอกาสขณะที่เย่ว์ปิงและอี้หนานไปสวมเสื้อผ้าในที่ลับตาแห่งหนึ่ง เย่ว์หยางเข้าไปใกล้หญิงงามลึกลับที่ตอนนี้ทั้งร่างของนางมีน้ำแข็งปกคลุม “ที่ผ่านมานี้ ปีศาจภายในทำให้เจ้าต้องเจอกับอะไรบ้าง? เจ้าเห็นปีศาจภายในเหมือนกับข้าหรือเปล่า?เขาพูดอะไรกับบเจ้า?”
“เขาพูดแต่เรื่องไร้สาระ...” หญิงงามลึกลับเผยให้เห็นความรู้สึกที่อ่อนโยนในประกายตานาง “นั่นเป็นเรื่องไร้สาระอาจเป็นความลับนิดหน่อย แต่ข้าไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ถ้าเจ้ากังวลเรื่องนั้น ข้าบอกเจ้าได้เลยว่าเป็นความลับอย่างหนึ่งที่มีเจ้ากับข้าที่จะรู้ในอนาคต จะไม่มีทางที่บุคคลที่สามได้รู้เรื่องนั้น เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องความลับนี้อีกต่อไป แค่ดูแลแม่สี่และน้องของเจ้าให้ดีก็พอ!”
“เจ้าก็สงสัยมาตั้งแต่ต้นสินะ?” ความรู้สึกสุขใจมีอยู่เต็มหัวใจเย่ว์หยาง ก่อนที่เขาจะถามนางอีกครั้ง
“ทุกคนมีความลับเป็นของตนเอง ถ้าเจ้าไม่แบ่งความลับให้ข้ารู้ ข้าก็จะไม่สงสัยมัน แม้ว่าข้าจะรู้ ข้าก็จะฝังความลับไว้ในในส่วนลึก” นัยน์ตาของหญิงงามลึกลับกระจ่างใสเหมือนน้ำขณะที่นางยิ้มอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตน “เย่ว์หยาง! อาจจะมีคนที่ไม่คู่ควรให้เจ้าไว้วางใจ แต่เจ้าลองเชื่อใจข้าเถอะ!”
“ขอบคุณ, อู๋เสีย” เย่ว์หยางรู้สึกว่าหัวใจของเขาปลดภาระที่หนักอึ้งออกไปได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่เขาเดินทางเข้ามาในโลกนี้ เขารู้สึกโล่งใจและผ่อนคลายใจเป็นอย่างมาก
สภาวะจิตของเขาเริ่มเปลี่ยนไปโดยที่เขาไม่รู้
ในที่สุด เขารู้สึกได้ว่ามีโอกาสที่เขาจะฝึกฝนเพื่อบรรลุขอบเขตระดับใหม่ได้
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาต้องการดูรางวัลสำหรับการผ่านด่านวิหารเทพสตรีแล้ว เย่ว์หยางคงจะลองยกระดับวิชากระบี่ไร้ลักษณ์ขึ้นสู่ขั้นที่ห้าแน่ หลังจากเอาชนะปีศาจภายในใจและปลดภาระที่ถ่วงจิตใจเขาอยู่ เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ ตอนนี้เขาเริ่มเชื่อมั่นว่าเขามีความสามารถไต่อันดับขึ้นไปเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสุดยอดได้ เมื่อเขามีเรื่องวุ่นวายใจอยู่มากเขาไม่สามารถตั้งสมาธิฝึกฝนได้เต็มที่ แล้วเขาจะขึ้นไปสู่เขตแดนปราณก่อกำเนิดระดับสุดยอดแบบนั้นได้อย่างไร?
หญิงงามลึกลับยิ้มสดใสเหมือนผลึกน้ำแข็งในฤดูใบไม้ผลิ สามารถหลอมหัวใจเย่ว์หยางได้ “แม้ว่าเจ้าจะโง่เง่าอยู่บ้าง แต่ข้าคิดว่า.. เจ้าก็ยังดูดี ไม่มากก็น้อย!”
เย่ว์หยางดีใจ “จริงเหรอ? พรุ่งนี้ข้ามีเวลาว่าง เจ้าอยากไปนั่งพายเรือชมทะเลสาบกับข้าไหม?”
“ไม่หรอก, พายเรืออาจเหมาะกับเซี่ยนเซี่ยนแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าชอบ” หญิงงามลึกลับปฏิเสธเขาทันที
“อย่างนั้นข้าสามารถติดตามเจ้าไปอ่านหนังสือเล่นภายใต้ต้นโอ๊คพันปีก็ได้..” เย่ว์หยางมีปฏิกิริยาโต้ตอบได้เร็วมาก
“แค่อ่านหนังสือเหรอ?” หญิงงามลึกลับถามอย่างระมัดระวัง
“ข้ารับรองได้ว่าเราจะทำแค่อ่านหนังสือ ข้าจะไม่ก่อเรื่องกวนใจใดๆ แน่นอน” พอได้ยินว่าอาจมีโอกาส เย่ว์หยางเริ่มทำตัวเป็นเด็กดีทันที ขณะที่เขาตบอกรับรองกับนาง หวังว่านางจะเห็นด้วย
“ไม่” หญิงงามลึกลับยังคงปฏิเสธเขาในที่สุด
“ทำไมเจ้าถึงไม่ต้องการไปเล่า?” เย่ว์หยางแสดงให้เห็นความจริงใจของเขา “คนงาม! ให้โอกาสข้าบ้างเถอะมันยากสำหรับข้านะที่จะแสดงตัวว่าเป็นเด็กดี เจ้าก็รู้”
“ให้ข้าคิดดูก่อน..” หญิงงามลึกลับยิ้มอย่างอ่อนโยน
เมื่อเย่ว์หยางได้ยินเช่นนั้นเขากระโดดโลดเต้นอย่างเบิกบานใจ
ในชีวิตคนๆหนึ่ง ถ้าเขาพบหญิงสาวอย่างนี้ จะไม่ตามจีบนางมาเป็นภรรยาได้อย่างไร?
อี้หนานและเย่ว์ปิงกลับมาหาพวกเขาอย่างเงียบๆ อี้หนานสวมชุดคับติ้วที่นางยืมมาจากเย่ว์ปิง มันเล็กเกินไปสำหรับนาง นางจึงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเย่ว์ปิง ด้วยเกรงว่าเย่ว์หยางจะเห็นนาง เย่ว์หยางเกรงว่านางจะรู้สึกเครียดเกินไป ดังนั้นเขาทำเป็นไม่สนใจนาง กลับเอื้อมมือออกไปลูบศีรษะเย่ว์ปิง “ปิงเอ๋อ, ไปกันเถอะเราควรไปรวบรวมรางวัลของเราสำหรับการผ่านด่านครั้งนี้” ขณะที่พูดอยู่นั้นเขาก็ลูบหัวอี้หนานและส่งสัญญาณให้นางตามมาด้วย
แม้ว่าเขาได้พบความจริงเรื่องของนาง เขาก็ยังใจเย็นและเป็นปกติอยู่ได้ อี้หนานรู้สึกอายมาก
ด้วยสีหน้าที่แดงซ่าน นางซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเขาและเดินตามมาอย่างเงียบๆ
กระจกแล้วผลึกที่ประดับด้วยทองและเพชรดูผิวเผินเหมือนกับเป็นกระจกสมบัติ แต่ด้วยทักษะญาณทิพย์ระดับ 4เขาสามารถเห็นได้ว่าความจริงแล้วมันคือสัตว์อสูรตนหนึ่ง
เป็นสัตว์อสูรชนิดพิเศษ
เมื่อเย่ว์หยางและสามสามเดินเข้าไปใกล้มัน รูปเทพธิดาผู้ปราณีปรากฏอยู่บนผิวกระจก มีเสียงที่ฟังไม่ชัดดังก้องอีกครั้ง “สหายน้อยและสาวน้อยทั้งสาม ขอแสดงความยินดีด้วยที่กลุ่มของพวกเจ้าผ่านด่านวิหารเทพสตรีแห่งวิหารสิบสองนักษัตรได้ พวกเจ้ามีความไว้วางใจที่ไม่มีเงื่อนไขให้กันและกัน เป็นเรื่องยากที่จะเอาชนะปีศาจภายในของพวกเจ้าได้ มากกว่าข้ามาที่นี่ตามลำพังเสียอีก.. ในฐานะผู้พิทักษ์วิหารเทพสตรี นอกจากขอยินดีด้วยกับความสำเร็จของพวกเจ้าแล้ว ข้ายังอยากจะให้รางวัลพิเศษกับพวกเจ้าด้วย!”
แสงสว่างเจิดจ้าฉายออกมาจากกระจก เป็นแสงที่บริสุทธิ์ฉายส่องมาที่เย่ว์หยางและคนอื่นๆ
ในขณะเมื่อแสงสว่างมีความสว่างถึงที่สุดแก้วผลึกใสสว่างสี่ลูกลอยเข้าไปในหน้าผากของเย่ว์หยาง, เย่ว์ปิง, อี้หนานและหญิงงามลึกลับ ขณะะเดียวกันคนทั้งสี่รู้สึกเหมือนกับมีข้อมูลใหม่กระจายอยู่ในศีรษะของพวกเขา ทักษะที่เรียกว่า “กระจกภายใน” ปรากฏขึ้นในใจของพวกเขา เหมือนกับว่าเป็นทักษะแฝงเร้นที่มอบให้ทันทีที่พวกเขาทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้สำเร็จ
หลังจากนั้น รอยร้าวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วบนพื้นผิวกระจกแก้วขณะที่พวกมันแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ลำแสงถูกยิงออกมาจากร่างของอี้หนานและสลายหายไปในท้องฟ้า ก่อตัวเป็นรูปเทพธิดาผู้ปราณี นางยิ้มให้อี้หนานแล้วพูดว่า “เด็กสาวคนนี้มีสัมพันธ์ที่ดีกับข้าที่สุด ดังนั้นข้าจะให้ทักษะ”ภูตกระจกเงา“แก่เจ้า งานของข้าที่นี่ลุล่วงดีแล้ว ลาก่อน!”
ร่างของเทพธิดาผู้เมตตาเปลี่ยนไปเป็นลำแสงและยิงขึ้นสู่ท้องฟ้า หายไปโดยไม่เหลือร่องรอยเหมือนกับว่าไม่เคยคงอยู่มาก่อน
มีเพียงเศษกระจกแตกอยู่บนพื้นเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าพวกเขาผ่านด่านได้แล้ว พวกเขาสร้างบันทึกในประวัติศาสตร์ได้สำเร็จแล้ว
เย่ว์หยางเก็บเศษกระจกขึ้นมา
เขารู้ได้ว่าสำหรับกระจกที่แตกเหล่านี้ ยังคงมีบางส่วนที่ใช้งานได้ อักษรรูนที่สลักอยู่บนนั้นดูแล้วเขาไม่คุ้นเคยเลยแม้แต่น้อย, ถ้าเขาสามารถทำซ้ำได้ เขาอาจสร้างกระจกแก้วผลึกที่มีพลังปีศาจภายในได้อีกชิ้นหนึ่ง.. หากเขาสามารถใช้อาวุธเช่นนั้นสู้กับคู่ต่อสู้ของเขา คู่ต่อสู้ของเขาอาจตายอย่างน่าอนาถก็ได้! เมื่อเย่ว์หยางเก็บชิ้นส่วนกระจกผลึกที่แตกขึ้นมา ทันใดนั้นอี้หนานเรียกคัมภีร์อัญเชิญของนางออกมาและเปิดดู นางก็เห็นได้ว่าหน้าว่างในคัมภีร์ของนาง บัดนี้มีสัตว์อสูรตัวใหม่ปรากฏขึ้น
ภูตกระจกเงา – อสูรรูปแบบพิเศษ ชั้นทองระดับที่ 1 มีพลังวิญญาณและร่างมายา ไม่มีพลังปัญญา ทักษะพิเศษ – พลังวิญญาณเปลี่ยนรูป, พลังวิญญาณซึมซับ และผสานวิญญาณ
หญิงงามลึกลับและเย่ว์ปิงร่วมแสดงความยินดีกับอี้หนานเมื่อพวกนางเดินเข้ามาดู
ไม่ใช่แค่ว่าเป็นอสูรทองระดับ 1 ที่ทำให้พวกเขาทุกคนมีความสุขมากเท่านั้น แต่ความจริงก็คือ เทพธิดาผู้การุณย์ได้มอบเส้นทางพัฒนาและแนวทางฝึกฝนพลังจิตให้อี้หนาน ด้วยพลังภูตระดับที่มีความสัมพันธ์กับอี้หนานมากที่สุดนี้ จะทำให้อนาคตของนางไม่มีขีดจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางเข้าถึงขอบเขตที่ทำให้นางสามารถสร้างโลกปีศาจภายในได้ คู่ต่อสู้ที่โชคร้ายของนางผู้ไม่สามารถเอาชนะปีศาจภายในของพวกเขาได้ อาจต้องพบจุดจบอย่างน่าสังเวช
ก็เหมือนกับที่สุดยอดนักสู้แต่โบราณได้พูดไว้ก่อนว่า อสูรชนิดใดที่ดีที่สุด? คำตอบก็คืออสูรที่เหมาะสมเข้ากันได้ดีกับตัวเจ้าเองที่สุด
อี้หนานไม่เคยรู้ว่าอสูรชนิดใดเหมาะสมเข้ากันได้กับนางที่สุดมาก่อน อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่นางได้รู้ว่าอสูรชนิดใดเหมาะสมกับนางที่สุดในตอนนี้เท่านั้น นางยังคงเป็นเจ้าของอสูรที่เรียกว่า ภูตกระจกซึ่งเป็นอสูรที่เข้ากันกับเส้นทางฝึกฝนของนางได้ดีที่สุด
“ยินดีด้วย! พี่อี้หนาน!” เย่ว์ปิงร่วมยินดีกับอี้หนานทันที ในที่สุดนางก็สามารถเรียกอี้หนานเป็นพี่สาวได้อย่างเต็มคำเสียทีโดยไม่ต้องห่วงว่าเย่ว์หยางจะได้ยิน ดังนั้นเสียงของนางจึงเต็มไปด้วยความดีใจและดังมาก
“ขอบใจนะ, ปิงเอ๋อ..” ปากอี้หนานกล่าวขอบคุณนาง แต่สายตานางกลับตรวจดูปฏิกิริยาของเย่ว์หยาง
พอเห็นว่าเย่ว์หยางยิ้มและมองดูอยู่ข้างหลังนาง นางรีบก้มหน้าทันทีกลัวว่าเขาจะล้อนางเล่น
พอได้ยินเขายินดีกับนาง ความรู้สึกวาบหวามอย่างหนึ่งผุดขึ้นจนอี้หนานรู้สึกเขินอาย ด้วยพลังภูตกระจกนี้ ดูเหมือนว่านางจะสามารถช่วยเขาได้ในอนาคต นางจะมีความสุขถ้าหากนางช่วยเขาได้แม้เพียงเล็กน้อย ซึ่งก็ยังดีกว่าคอยเป็นภาระถ่วงเขาไว้ พอเห็นอี้หนานมองนางอย่างกังวลใจ หญิงงามลึกลับยิ้มและพูดว่า “ภูตกระจกนี้เป็นอสูรชั้นดีมากๆเย่ว์หยางไม่เคยให้ของขวัญอะไรเจ้ามาก่อน เจ้าน่าจะขอให้เขามอบสัตว์อสูรเจ้าที่สามารถผสานร่างเจ้ากับภูตกระจกได้ เมื่อภูตกระจกของเจ้าครอบครองปัญญาได้ในที่สุด ข้าเชื่อว่าเจ้าจะอยู่ไม่ห่างจากการสร้างโลกปีศาจภายในเลย”
อี้หนานตอบด้วยน้ำเสียงที่เบากว่ามดเสียอีก “ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นก็ได้”
แม้ว่านางพูดว่าไม่จำเป็น แต่ความจริงนางปรารถนาอยากให้เย่ว์หยางมอบอสูรตนหนึ่งที่สามารถผสานเข้ากับภูตกระจกได้
นางไม่สนว่าเขาจะให้นางเมื่อไหร่ ตราบเท่าที่เขามอบให้ด้วยตัวเขาเองก็ดีแล้ว
เย่ว์หยางไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแต่ยื่นมือมาแตะศีรษะของอี้หนานแทนคำตอบ
แน่นอนว่าอี้หนานเข้าใจคำตอบเงียบของเย่ว์หยาง นางรู้สึกเขินอายแต่ก็สุขใจในขณะเดียวกัน ภายนอกนางต้องการจะแสดงว่าเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและมีคุณธรรม แต่มุมปากนางกลับไม่ยอมขยับได้แต่เม้มนิ่งอย่างสุขใจ
ด้านหน้าประติมากรรมเทพธิดา มือทั้งสองของประติมากรรมนั้นถือบอลที่มีประกายไฟ ไฟที่ดูโปร่งแสง มองดูคล้ายหยดน้ำตา... เย่ว์หยางใช้ญาณทิพย์ระดับ 4 ตรวจดูแล้วเขาก็โพล่งขึ้นอย่างอัศจรรย์ใจว่า “นี่คือ..น้ำตาเทพธิดา!” น้ำตาเทพธิดาเป็นสมบัติล้ำค่าในตำนานที่สารานุกรมยาเขียนระบุสรรพคุณไว้ว่าสามารถชุบชีวิตคนตายซึ่งก็คือของสองชิ้นเล็กๆนี้เอง”
“ด่านท้าทายที่ยากที่สุด ย่อมได้รับผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!” หญิงงามลึกลับตื่นเต้นยินดีเป็นที่สุด ญาติผู้พี่ของนางจะอยู่รอดปลอดภัยด้วยน้ำตาเทพธิดานี้
น้ำตาเทพธิดาไม่ปรากฏชัดว่าถูกสร้างขึ้นมาอย่างไร แต่ผู้ที่จะเอามาได้จะต้องอยู่ในหอทงเทียนชั้นสูงๆขึ้นไป
พันปีที่แล้ว มีการบันทึกไว้ในสารานุกรมยาว่า น้ำตาเทพธิดาเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดที่จำเป็นต้องใช้ในการปรุงยาเทพเจ้าที่เรียกว่ายาชุบชีวิต คนแรกที่ได้บริโภคยาเม็ดชุบชีวิตก็คือเจ้าหญิงแสงดาวผู้โโ่งดังเรียกกันอีกชื่อว่าเจ้าหญิงนิทรา เล่ากันว่านางถูกคนวางยาพิษและถูกเก็บรักษาไว้ในโรงแก้วมาเป็นเวลาหลายร้อยปี ในที่สุด หลังจากได้รับยาชุบชีวิต นางก็ค่อยๆตื่นขึ้นเหมือนกับว่าเป็นการตื่นจากการหลับใหล รูปลักษณ์ของนางไม่เปลี่ยนแปลงเลยหลังจากที่ถูกวางยาพิษมาหลายร้อยปี หน้าของนางเปล่งปลั่งขณะที่พิษในตัวนางทั้งหมดถูกขับสลายไป ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากได้รับยาชุบชีวิต นางยังคงมีรูปอ่อนเยาว์เป็นเวลาเกินกว่าสองร้อยปี ถ้าไม่ใช่เพราะนักรบปีศาจบางพวกที่ริษยาความเยาว์วัยของนางต้องการฆ่าและชิงยาชุบชีวิตไปจากเจ้าหญิงนิทรา บางทีนางอาจจะเป็นหญิงงามที่สุดในทวีปมังกรทะยานในรอบหลายร้อยปีที่ผ่านมา
ส่วนผสมที่สำคัญที่สุดในการทำให้ยาชุบชีวิตที่มีพลังอมตะก็คือน้ำตาเทพธิดานั่นเอง
แม้แต่กระบวนการปรุงยาชุบชีวิตให้สำเร็จ ถ้าปราศจากน้ำตาเทพธิดาแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรมากจากยารักษาโรคธรรมดา
กล่าวกันว่าแม้จะไม่ได้ปรุงเป็นยาแต่หญิงสาวก็ยังจะมีความเยาว์วัยอมจะเพียงเพราะกินแต่เพียงน้ำตาเทพธิดาเท่านั้น
ในรายชื่อสมุนไพรหายากที่มีค่ามากที่สุดในบันทึกสารานุกรมยา น้ำตาเทพธิดามีค่ามากเป็นอันดับห้า สมุนไพรอย่างเดียวที่พอจะเทียบเคียงได้ก็คือ “โลหิตเทพเจ้า” ที่ได้รับการกล่าวขวัญว่าทำให้พลังฝึกปรือของบุรุษมีความก้าวหน้าถึงหลายร้อยปี
ไม่มีผู้ใดคิดว่าของหายากและเป็นสมบัติคุณภาพสูงส่งอย่างนั้นจะปรากฏเป็นรางวัลตอบแทนในวิหารเทพสตรีได้
ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่มีแต่เพียงหยดเดียว ความจริงกลับมีน้ำตาเทพธิดาถึงสองหยด
มิน่าเล่าวิหารเทพสตรีจึงได้รับการขนานนามว่าเป็นด่านที่ผ่านยากที่สุด รางวัลตอบแทนในการผ่านด่านมากกว่าในวิหารคนคู่เสียอีก น้ำตาเทพธิดาสองหยดนี้ จะเป็นของที่มีความต้องมารมากที่สุดในหมู่สาวๆอย่างแน่นอน
ที่สำคัญที่สุด เย่ว์หยางสามารถใช้เจ้าสิ่งนี้เพื่อช่วยชีวิตหญิงงามอมโรคได้
ถ้าเขาสามารถปรุงยาเม็ดชุบชีวิตด้วยน้ำตาเทพธิดานี้ ก็จะมีหวังกอบกู้ชีวิตของหญิงงามอมโรคนี้ได้
**************