ตอนที่ 244 – ตอนที่ 225 คลายปมหัวใจ
หญิงงามอมโรคขอให้เย่ว์หยางเข้ามา แต่นางเอาแต่ดูเขาโดยไม่พูดอะไร
เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนมีความผิดเล็กน้อยที่ถูกนางจ้องดู ความจริงเขาไม่ได้มีความรู้สึกผิด แต่หลังจากได้ยินข้อเสนอของหญิงงามลึกลับที่เป็นเหมือนกับอสรพิษที่เป็นตัวล่อลวงในสวนอีเดน เย่ว์หยางยังคงมีความคิดแย่ๆ ในหัวที่จะคอยหลอกหลอนจิตใจของตัวเขาเองต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น หญิงงามอมโรคดูเหมือนมีดวงตาที่มองทะลุจิตใจของคน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกผิดมาก
“อู๋เสียคุยอะไรกับเจ้าหรือ?” หญิงงามอมโรคถาม
“นางพูดถึงบางเรื่องเกี่ยวกับประมุขน้อยนิกายภูเขาหมอกและองค์ชายสือจิน” เย่ว์หยางไม่ได้พูดความจริงตามปกติทันที แม้ว่าเขาจะพูดจริง นั่นก็หมายความว่าเขาพยายามปกปิดความลับที่ยิ่งใหญ่
“มีอย่างอื่นอีกไหม?” หญิงงามอมโรคมองดูเย่ว์หยางในทำนองขบขัน
“เราคุยเรื่องอาการของท่าน เราคุยกันถึงเรื่องหาวิธีรักษาท่าน” เย่ว์หยางทำตัวเป็นเด็กว่าง่ายในตอนนี้ ในความเป็นจริง เขากำลังคิดถึงเรื่องที่หญิงงามลึกลับพูด “ข้าต้องการให้เจ้าเป็นคนเลวชั่วครู่หนึ่ง” อยู่ในใจของเขา
สิ่งที่นางให้คำนิยามว่า “คนเลว” เย่ว์หยางเข้าใจได้อย่างแน่นอน
ดวงตากลมโตของหญิงงามอมโรคมีขนตางอนยาว นางลืมตาเป็นประกายทันทีแล้วโพล่งออกมาลอยๆ ว่า “เปล่าประโยชน์ที่จะทำอย่างนั้น มีแต่จะทำให้เรื่องราวซับซ้อนขึ้นไปอีก อย่าไปฟังนาง”
เย่ว์หยางไม่เข้าใจ “อะไรนะ?”
หญิงงามอมโรคโบกมือเบาๆ “เจ้าเรียนวิธีแปลงสัตว์อสูรเป็นเกราะมาด้วยหรือ?”
พอได้ยินนางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ภาระที่หนักอึ้งในหัวใจของเย่ว์หยางก็ถูกยกขึ้น เขารีบส่ายหน้าและพูดว่า “ข้าเข้าใจแค่บางส่วน แต่บางทีข้าคงต้องคลำทางและค้นคว้ากันอีกนานเพื่อฝึกให้มันแปลงเป็นเกราะได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังไม่รู้ว่าสัตว์อสูรแปลงชนิดใดที่ดีที่สุดสำหรับตัวข้า”
หญิงงามอมโรคตอบเขาด้วยคำตอบอย่างดีที่สุด “อสูรร่างมนุษย์มีศักยภาพและปัญญาสูงที่สุดจะมีโอกาสสูงที่จะผสานร่างได้สำเร็จ อสูรที่มีพลังต่อสู้สูงจะมีความยากลำบากในการผสานร่างสูงมาก เจ้าแค่ลองผสานกับสัตว์อสูรระดับต่ำก่อน ความจริงพลังของตัวเจ้าตื่นขึ้นแล้วเช่นกัน เจ้าแค่ไม่รู้วิธีใช้ บางทีเจ้าคงต้องการให้มีผู้แนะนำเจ้า.. เจ้าค่อยมาอีกครั้งเมื่ออาการข้าดีขึ้นหลังจากผ่านไป 2-3 วัน! โอว, จริงสิ เชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นๆพูดว่าทุกคำที่หลุดออกมาจากปากของเจ้าเป็นคำโกหกทั้งนั้น แต่ข้าคิดว่าเจ้าซื่อสัตย์ตรงไปตรงมานะ เจ้าแค่เหมือนกับแกล้งเป็นคนขี้โกง มันไม่ดีมากๆ เลยที่เจ้าจะปกปิดจิตวิญญาณของเจ้าอย่างนี้ มันจะมีผลต่อการฝึกฝนของเจ้า นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เจ้าเผชิญกับศัตรูแข็งแกร่งในวิหารเทพสตรี ถ้าเจ้าเข้าใจตรงจุดนี้ดี วิหารเทพสตรีก็จะเป็นด่านที่ผ่านได้ง่ายที่สุดสำหรับเจ้า!”
เย่ว์หยางตะลึงค้างเมื่อได้ยินเช่นนี้
“ค่อยมาอีกครั้ง หลังจากผ่านไป 2-3 วัน ตอนนี้ข้าเหนื่อยมากแล้ว…” หญิงงามอมโรคหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย เย่ว์หยางค่อยๆ เอาผ้าห่มคลุมให้นาง และขณะที่เตรียมตัวจะหมุนตัวเดินออกไป ทันใดนั้นหญิงงามอมโรคก็ถามขึ้นมาโดยไม่ลืมตาว่า “เจ้าคิดว่าข้ากับอู๋เสียมองดูคล้ายกันไหม?”
“อะไรนะ?” เย่ว์หยางไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงถามเรื่องนั้น จะทดสอบอย่างนั้นหรือ?
“ไม่มีอะไร, เจ้าไปได้แล้ว!” หญิงงามอมโรคไม่ได้ลืมตานาง แต่นางยิ้มเป็นนัยๆ เหมือนกับว่านางกำลังแอบหัวเราะ
นี่ยิ่งทำให้เย่ว์หยางสับสนหนักขึ้นไปอีก จริงๆ แล้วนางหมายความว่าอย่างไรที่อยู่ๆ ก็ถามคำถามเหล่านี้ขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย?
หลังจากนั้น นางยังแอบขำ ช่างทำให้คนงุนงงจริงๆ
เมื่อเย่ว์หยางออกมานอกประตู หญิงงามลึกลับกำลังรออยู่ข้างนอก
ถึงนางไม่ได้รอให้เย่ว์หยางพูด แต่ดวงตาของนางฉายแววเหมือนกับหญิงงามอมโรคที่อยู่ในห้อง ขณะที่นางถามเย่ว์หยางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไปเดินเล่นกันหน่อยได้ไหม?”
เห็นได้ชัดว่าเย่ว์หยางรับปากอย่างมีความสุข
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นๆ ไม่ได้สร้างปัญหาอะไร พวกนางนั่งปรึกษาเรื่องบางเรื่องกันอยู่ในอีกห้องหนึ่ง
พอเห็นเย่ว์หยางและหญิงงามลึกลับเดินออกไป เจ้าเมืองโล่วฮัว, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หวี่ทุกคนมองตามพวกเขาอย่างเลื่อนลอย
หลังจากเดินเล่นพร้อมกับหญิงงามลึกลับไปรอบๆ สวนได้ครู่หนึ่ง เย่ว์หยางเตรียมตัวจะถามสถานะที่แท้จริงของนางที่เขาสงสัยอยู่ อย่างไรก็ตาม จู่ๆ หญิงงามลึกลับก็หันมาทางเขาแล้วถามว่า “ความจริง เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นใครแล้วใช่ไหม?”
“ไม่, ข้าไม่รู้จริงๆ” เย่ว์หยางรีบแกล้งตีหน้าเซ่อ
“อย่างนั้นเจ้าจะอธิบายเรื่องนั้นได้อย่างไร?” หญิงงามลึกลับรีบเปลี่ยนคำถามไปอีกคำถามหนึ่ง
“เรื่องอะไรหรือ?” หัวใจเย่ว์หยางเต้นผางทันที ตรงนี้เอง ในที่สุดเวลาก็มาถึง เขายังสืบเรื่องนั้นได้ไม่จบ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถตอบได้ทั้งหมด
“ช่างมันเถอะ, เราไม่ได้ทำความคุ้นเคยกันในช่วงเวลานั้น แม้ว่ามันจะจริง ข้าจะไม่ตำหนิเจ้า ยิ่งกว่านั้น เรื่องนั้นก็เป็นเท็จด้วย” หญิงงามลึกลับดูเหมือนไม่ต้องการคุยเรื่องนั้นต่อ อย่างไรก็ตาม คำพูดต่อไปของหญิงงามลึกลับแทบทำให้หัวใจของเย่ว์หยางกระดอนออกมานอกตัว “เจ้าชอบใครมากกว่ากัน ระหว่างพี่โล่วฮัวกับเชี่ยนเชี่ยน?”
คำถามนี้คือกับดัก! มันจะไม่นำไปสู่การจบเรื่องที่ดี หากเขาตอบเพียงคนใดคนหนึ่ง
เย่ว์หยางได้แต่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำถาม
ถ้าเป็นไปได้ เย่ว์หยางต้องการบอกนางว่าความจริงเขาชอบความลึกลับของนางมาก… เย่ว์หยางจะอ้าปาก แต่ในที่สุด คำพูดเหล่านั้นก็มากระจุกอยู่ที่คอของเขา ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาพูด เขาเป็นคนที่มาจากโลกอื่น สถานะของเขายังคงสุ่มเสี่ยงต่อเนื่อง ถ้าเย่ว์ชิวไม่ตายจริงๆ หรือว่ามารดาของสหายผู้น่าสงสารกลับมาได้จริงๆ เขายังจะซ่อนเร้นสถานะจากบิดามารดาของสหายผู้น่าสงสารได้อีกหรือ? ถึงตอนนั้น ความสัมพันธ์ของเขากับหญิงสาวเหล่านี้จะเป็นอย่างไร? ยกเว้นแต่พวกนางชอบเขาจริงๆ เพราะเขาอยู่ในสถานะบุตรของเย่ว์ชิว เย่ว์หยางไม่สามารถสัญญาอะไรกับพวกนางได้ นี่ยังคงเป็นเหตุผลที่เย่ว์หยางยินดียอมรับอี้หนานมากกว่า
อี้หนานชอบเขาอย่างที่เขาเป็น ความรู้สึกของนางไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับสถานะของเขา
พวกเขาทั้งคู่ไม่รู้จักกันมาก่อน เป็นคนแปลกหน้าที่บังเอิญมาพบกันและค่อยๆ กลายเป็นความรักกันและกัน แม้ว่าความรู้สึกที่พวกเขามีต่อกันจะไม่มากขนาดสามารถเกี่ยวก้อยขึ้นสวรรค์ก็ตาม แต่อี้หนานก็รักเขาแน่นอน
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่สหายผู้น่าสงสาร แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในฐานะทายาทของตระกูลใหญ่ทั้งสี่ และแม้ว่าเขาจะไม่มีสถานะเป็นบุตรชายของเย่ว์ชิว นางก็จะยังชอบเขา เย่ว์หยางเชื่อใจอี้หนานแน่นอน ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีสักวันเมื่อคนอื่นๆ พบความเรื่องสถานะของเขาและเขาไม่ได้อยู่ในสถานะของสหายผู้น่าสงสารอีกต่อไป องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, เจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามลึกลับจะยังปฏิบัติต่อเขาอย่างนี้หรือไม่?
ก็อาจจะทำก็ได้ แต่เย่ว์หยางไม่มั่นใจเต็มร้อย
เขามีเวลาน้อยเกินไปกว่าที่จะได้โต้ตอบสื่อสารกับพวกนาง เขาต้องใช้เวลากับพวกนางมากขึ้น ได้สัมผัสสิ่งใหม่ๆ พร้อมกับพวกนาง ก่อนที่เขาจะรู้สึกมั่นใจความรู้สึกที่พวกนางมีต่อเขา
“เจ้ากำลังคิดมากเกินไป ความจริง ข้าไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด..” เสียงของหญิงงามลึกลับแผ่วลงจนแทบจะไม่ได้ยิน “เราทุกคนเป็นหญิง เราไม่ต้องการเอาตัวเองไปพัวพันเรื่องการปกครองและเราก็ไม่ต้องการชื่อเสียง นอกจากการฝึกตัวแล้ว เราไม่มีเวลาทำอย่างอื่น… เรา.. เราทุกคนก็รักสันโดษเหมือนกับเจ้านั่นแหละ บางทีพวกเรามาอยู่ด้วยกันก็เพราะเรื่องนั้น เพราะเรารู้สึกว่าเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่เหมือนกัน… ไม่ว่าจะเป็นโล่วฮัว, เชี่ยนเชี่ยนหรือว่าข้า เราไม่มีการแสดงออกที่ดีนัก เราทุกคนงุ่มง่ามกับความรู้สึกของตนเอง แน่นอน เจ้าก็เหมือนกัน เราทั้งคู่ปกป้องตัวเองกับกันและกัน เกรงว่าจะทำร้ายกลุ่มอื่น และยังกลัวถูกทำร้ายในขณะเดียวกัน… ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว เรายังมีทางข้างหน้าอีกยาวไกล ค่อยๆ ก้าวไปก็แล้วกัน!”
“ความจริง, ข้าก็มีเหตุผลของตนเอง” เย่ว์หยางรู้ว่าหญิงงามลึกลับพูดเตือนเป็นนัยให้รู้ว่า เขาก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง แต่เขากลับไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบที่ดีพอ ทั้งที่ความจริงแล้วเย่ว์หยางตื่นตัวและมีปฏิกิริยาโต้ตอบมาก ตัวอย่างเช่น เขาไม่ตระหนี่ความพยายามเลยเมื่อไล่ตามจีบอี้หนาน อย่างไรก็ตาม องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, เจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามลึกลับทุกคนมีสถานะที่พิเศษมาก อาจจะไม่มีปัญหากับพวกนางในตอนนี้ แต่ในอนาคต เมื่อพวกนางรู้ความจริง เย่ว์หยางไม่สามารถจินตนาการถึงผลสุดท้ายที่จะเกิดตามมา
เขาไม่อาจพูดได้ว่าเขาไม่ใช่คนในโลกนี้ เขาเพียงแต่สวมสถานะของอีกคนที่อยู่ในโลกนี้
ถ้าเขาพูดคำนี้ออกไป ทุกอย่างก็เป็นอันจบลง
เมื่อหญิงงามลึกลับได้ยินคำนี้ นางมองดูเย่ว์หยางด้วยนัยน์ตาที่กระจ่างดุจน้ำใส ก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมาฟังดูเหมือนเสียงสายน้ำไหลเอื่อยๆ “ความลับหรือ? ใครเล่าไม่มีความลับ? สักวันเจ้าจะเข้าใจว่าสิ่งเหล่านั้นไม่สำคัญเลย… กลับกันเถอะ เจ้ายังต้องแข่งขันตอนบ่ายนี้”
เย่ว์หยางสามารถเข้าใจจิตใจของหญิงงามลึกลับได้ดีขึ้นแล้วในตอนนี้ นางเหมือนบอกเป็นนัยๆ ว่าไม่ว่าเย่ว์หยางจะมีความลับอะไร นางจะไม่สนใจเลย
อย่างไรก็ตาม นางจะไม่ใส่ใจหรือ ถ้าเขาบอกนางว่าเขาเป็นคนมาจากโลกอื่นและเข้ามาสวมสถานะแทนคนอีกคนหนึ่งที่อยู่ที่นี่
เย่ว์หยางไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อย เมื่อเขาคิดเรื่องนั้นในทำนองนี้
เขามองหน้าหญิงงามลึกลับที่มีผ้าบางคลุมอยู่ มองด้วยความรู้สึกขออภัย เย่ว์หยางมีความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจของเขา มีสาวงามอยู่มากในทวีปมังกรทะยาน แต่นางเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดที่เขาเคยพบมาในชีวิต… นางเข้ากับเขาได้ดี พวกเขาเข้าใจกันและกันได้โดยไม่ต้องสื่อสาร นางผ่านประสบการณ์ร่วมเป็นร่วมตายกับเขามาแล้ว พอเห็นนางเป็นแบบนี้ เย่ว์หยางรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่พิเศษ เหมือนกับว่านางเป็นคนที่พรหมลิขิตมาแล้วให้อยู่ร่วมกับเขาตั้งแต่ชาติปางก่อน
แต่เพราะเรื่องนั้น เย่ว์หยางยิ่งกลัวว่าจะเสียนางไปมากกว่าเดิม กลัวว่านางจะไปจากเขา
ดังนั้น เขาจะรักษาความลับที่ว่าเขามาจากโลกอื่นไว้ เขาจะไม่บอกความจริงกับนาง ต่อให้เขาตายก็ตาม
เมื่อเวลาสุกงอมได้ที่ เขาจะพานาง, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวไปหอทงเทียนและไปจากทวีปมังกรทะยาน เขาจะละทิ้งตัวตนในอดีตและไปใช้ชีวิตใหม่
แน่นอนว่า นั่นต้องอยู่ภายใต้สมมติฐานที่ว่าเขามีพลังที่แข็งแกร่งมากแล้ว
“ถึงเจ้าไม่พูดอะไร แต่ข้าก็รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่!” หญิงงามลึกลับพยักหน้าขณะที่โบกมือให้เย่ว์หยาง “ข้าจะไปก่อนนะ เจ้าค่อยไปพร้อมกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นๆ ข้าจะกลับไปและคิดหาวิธีให้เจ้าผ่านด่านวิหารเทพสตรีให้ได้…”
“ให้ข้าเรียกเจ้าว่าอู๋เสียได้ไหม?” เย่ว์หยางถามก่อนที่นางจะเข้าประตูเทเลพอร์ต
“ปากเป็นของเจ้าอยู่แล้ว ข้าห้ามเจ้าได้เสียเมื่อไหร่?” หญิงงามลึกลับยิ้มขณะที่หันกายเดินจากไป ยิ้มของนางเหมือนรังสีดวงอาทิตย์ฉายทะลุก้อนเมฆส่องเข้ามาถึงในหัวใจเย่ว์หยางได้ มันสลายภาระหนักอึ้งในหัวใจเย่ว์หยางได้ ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น ใช่แล้ว ชีวิตเขานี้จะต้องมีหญิงสาวผู้รักการอ่านหนังสือผู้นี้แน่นอน ไม่ว่าเขาจะมีสถานะเช่นไร เขาจะไม่มีทางปล่อยนางไป นางจะต้องเป็นของเขาคนเดียว!
นางก็อนุญาตให้เขาตามจีบนางแล้ว อย่างนั้นทำไมเขาจะต้องลังเลอีก? เขาควรจะทุ่มเทความรักที่โรแมนติคให้กับนางถึงจะถูก
จะสนใจไปไยเรื่องสถานะของเขา
ที่สำคัญที่สุดก็คือเขาชอบนาง เขาไม่สนเรื่องสถานะของนางหรือว่าเรื่องคนรอบข้างจะมีปฏิกิริยาเช่นไร เขาคงต้องโดนเทวทัณฑ์แน่นอนหากปล่อยให้ผู้หญิงดีๆ ต้องหลุดมือไป
เขาจะไม่ยอมแน่นอน เนื่องจากเขาชอบนาง เขาต้องจีบนางให้สำเร็จและทำให้นางอยู่กับเขาตลอดชีวิต
ตลอดไป
ขณะที่ปมในหัวใจของเย่ว์หยางได้รับการคลี่คลายแล้ว หน้าของเขาจึงเริ่มมีรอยยิ้มขณะที่เขาโบกมือลาหญิงงามลึกลับ “คนสวย! อดทนรอหน่อยนะ สักวันข้าจะบอกเจ้า”
ดูเหมือนเย่ว์หยางได้รอยยิ้มที่มีความมั่นใจกลับคืนมาแล้ว องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกหึงขึ้นมาในใจทันที
นางฉุดเย่ว์หยางมาอยู่ข้างๆ และถามว่า “พวกเจ้าคุยอะไรกัน?”
“เจ้าอยากรู้ไหมล่ะ?” เย่ว์หยางยื่นเงื่อนไข “ถ้าแม่เสือสาวยอมจุ๊บข้านิดนึง อย่างนุ่มนวล ข้าอาจจะบอกเจ้าก็ได้”
“ฝันไปเถอะ” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกมันเขี้ยวอีกครั้ง อยากจะกัดและทุบเจ้าเด็กนี่ให้เละ อย่างไรก็ตาม เจ้าเมืองโล่วฮัว, เย่ว์หวี่และเย่ว์ปิงทุกคนต่างแอบมองพวกเขา ดังนั้นนางไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ นางได้แต่ลดเสียงเตือนเขาเบาๆ “เจ้าเด็กตัวร้าย อย่าให้ข้ามีโอกาสเชียวนะ ไม่งั้นข้าทุบเจ้าแน่ๆ”
เย่ว์หยางหัวเราะเมื่อได้ยินนางพูด “องค์หญิง! นอกจากท่านเป็นฝ่ายรุกใส่ข้า ข้าไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
เจ้าเมืองโล่วฮัวถึงกับหัวเราะลั่นเมื่อเห็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโกรธจนหน้าแดง นางหัวเราะจนไหล่ไหวคลอน
นางลอบยกนิ้วให้เย่ว์หยาง
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หวี่รั้งอยู่เพื่อคอยดูแลหญิงงามอมโรคผู้เชี่ยวชาญในการปลุกพลังให้อสูรแปลงร่างเป็นเกราะ พวกนางไม่ได้ตามเย่ว์หยางกลับไปที่เกาะก้วนจวิน
เจ้าเมืองโล่วฮัวเป็นสตรีที่ใจกว้างมาก นางบอกว่าในฐานะเจ้าเมืองที่ดีนางควรจะช่วยสนับสนุนองครักษ์ส่วนตัวของนางให้เข้าแข่งขัน ดังนั้นนางจึงกลับไปพร้อมกับเย่ว์หยาง เย่ว์ปิงผู้ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเหมือนก้างขวางคอก็กลับไปพร้อมกันด้วย
เย่ว์ปิงโชคดีอีกครั้งเมื่อจับสลากจัดอยู่ในกลุ่มดี ที่แทบไม่มีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเลย
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางกลับโชคร้าย
บรรดากลุ่มทั้งสี่ 1, 2, 3, 4 เขาจับได้กลุ่มสอง ซึ่งขนานนามว่าเป็นกลุ่มแห่งความตาย
บรรดาคนสิบคนในกลุ่มบี มีเสวี่ยทันหลางจากตระกูลเสวี่ย, ประมุขน้อยนิกายภูเขาหมอกไป๋หวินเฟย, องค์ชายสือจินศิษย์เอกนิกายเจดีย์ราชสีห์ตะวันตก, ทูตมังกรชังหลันหวี่แห่งนิกายปราสาทแก้วทะเลตะวันตก, เซี่ยเชียนเริ่นจากตระกูลเซี่ยและเลี่ยปันจากตระกูลเลี่ย เมื่อกลุ่มแห่งความตายนี้ถูกจัดขึ้นมา ผู้เข้าแข่งขันถึงกับสูดลมหายใจหนาวเหน็บโดยไม่ทันรู้ตัว สู้กันในกลุ่มนี้อาจจะหนักกว่ารอบชิงชนะเลิศเสียอีก
ฝ่ายผู้เข้าชมกลับตรงกันข้าม ที่มีแต่ความเบิกบานใจแทบคลั่ง ยิ่งยอดฝีมือสู้กันก็ยิ่งมีการแข่งขันที่ตื่นเต้นมากขึ้น
การต่อสู้นัดแรก เย่ว์หยางจับสลากพบกับเซี่ยเชียนเริ่นจากตระกูลเซี่ย ถ้าเขาชนะ เขาจะต้องเจอกับผู้ชนะระหว่างเสวี่ยทันหลางกับเลี่ยปัน เจ้าเมืองโล่วฮัวหัวเราะลั่นขณะที่นางตบไหล่เขา “ข้าคิดว่าข้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เชี่ยนเชี่ยนถึงได้สบถใส่เจ้าอย่างหนัก ฮ่าฮ่าฮ่า”
*************