ตอนที่แล้วตอนที่ 237 ของขวัญจากเซียนกระบี่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 239 ฝืนคนให้ทำงานเกินตัว

ตอนที่ 238 ติงตังกับผี่ผา


สถานีพลุกพล่านไปด้วยคนที่แต่งชุดหลากหลายสีสัน  เมื่อติงตังก้าวลงจากยานโดยสาร  ขณะที่นางเดินทอดน่องไปตามทางเดินที่แออัดความวิตกกังวลของนางลดลงในไม่ช้าหลังจากที่นางพาตัวเข้าไปในบ้านเกิดที่คุ้นเคย

นี่คือบ้านเกิดของนางเมืองหมิงจินแห่งดาวฉื่อตง  หมิงจินเป็นเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในดาวฉื่อตงและเป็นศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญ การสัญจรของมนุษย์ที่นี่เข้มข้นและมีขบวนเดินทางไปมาเสมอ  สินค้าที่มีขายกันที่มีมากมายหลายหลาก  ซึ่งดึงดูดพ่อค้าให้มาที่นี่ ทั้งนี้เนื่องเป็นเพราะตำแหน่งของดาวฉื่อตงอยู่ในสี่สิบสองกลุ่มดาวในท้องฟ้าด้านใต้  และเป็นเพียงดาวปกติดวงหนึ่ง  แต่ดาวธรรมดานี้มีประตูดวงดาวมากมาย ประตูดวงดาวเหล่านี้เชื่อมโยงกลุ่มดาวถึงหกกลุ่มดาว

โดยปกติจะเป็นจุดชุมทางของนักเดินทางและเรือโดยสารมากมาย

ติงตังผู้คุ้นเคยกับสถานที่นี้มาก  เมื่อลงจากยานก็หายเข้าไปในคลื่นฝูงชน

ติงตังหายเข้าไปในฝูงผู้คนเพื่อความปลอดภัย  นางเดินลัดเลาะไปตามถนนด้วยความระมัดระวังและมักเหลียวมองข้างหลังนางเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครไล่ตามนาง พื้นที่เมืองมีชื่อเสียงสำหรับนักล่าอิสระผู้มักตามล่าม้าขององค์การวิญญาณมืด  ตำแหน่งม้าแต่ละคนจะมีข้อมูลความลับมากมายซึ่งพวกนักล่าคอยจับตาอยู่เป็นงานอดิเรกทั่วไปในบรรดานักล่ามีอิสระที่จะไล่ตามจับม้าขององค์การวิญญาณมืดเพื่อดูดเอาข้อมูลลับในตัวพวกเขา

ในโลกที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายนี้ความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยอาจทำให้ท่านตกอยู่ในอันตรายได้ม้าวิญญาณมืดส่วนใหญ่ที่ติงตังรู้จักล้วนถูกไล่ล่าเมื่อไม่นานนักที่ติงตังยกระดับของนางเป็นระดับเงินแม้ว่าสถานะทางสังคมของนางได้ยกขึ้น การครอบครองสถานะระดับเงินทำให้นางเป็นเหยื่อที่มีค่ามากสำหรับนักล่าอิสระ

ติงตังเลี้ยวเข้าซอยแห่งหนึ่งที่มีบ้านติดกับกำแพงอยู่สองฟากถนนซอยนั้นแคบมากจนคนเพียงสามคนถึงจะเดินเรียงกันพอดี  แต่อย่างน้อยที่สุดก็ยังปลอดภัย  เมื่อเดินไปตามทางที่ปูอิฐแคบนางสามารถได้ยินเสียงดังกังวานของระฆังที่แขวนไว้ตามประตูบ้าน เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่ชื้นของเมืองและอุณหภูมิที่เหมือนฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปีกระถางต้นไม้เต็มไปด้วยดอกไม้เลื้อยตามข้างกำแพง กลิ่นหอมของดอกไม้และกลิ่นกับข้าวลอยมาจากบ้านถือว่าเป็นสีสันที่สร้างความสุขให้กับติงตัง

ติงตังเอียงศีรษะและเหลียวมองกระถางที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ฟุตมีกระจกเงาเล็กๆ โผล่ออกมาดินครึ่งหนึ่ง มันหันหน้าไปทางปากซอย นางวางไว้ตรงนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครไล่ตามนาง

ไม่มีใคร

ตอนนี้นางไม่สนใจแล้วเดินไปตามทางก่อนก้าวเข้าบ้าน

นางผลักประตูเปิดและปิดอย่างรวดเร็ว

“นั่นใคร?” เสียงสตรีดังขึ้นจากในห้อง

“ข้าเอง” ติงตังตอบอย่างเคร่งขรึม  นางผ่อนคลายถอนหายใจด้วยความโล่งใจ  นางวิ่งเข้าไปในห้องที่อยู่สุดท้ายลานบ้าน

“ติงตังกลับมาแล้ว!”  ผี่ผาแฝดของนางส่งเสียงดีใจนอกจากผิวที่ซีดและผมยาวแล้ว แฝดของติงตังคล้ายกับนางมากไม่มีใครสามารถจำแนกได้  นางดูเซื่องซึมและสงบเสงี่ยม  ในมือกอดหนังสือไว้แน่นและยังคงรู้สึกประหลาดใจกับการปรากฏตัวของพี่สาวนาง

ติงตังฉวยหนังสือมาจากมือนาง “ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าอ่านหนังสือตอนที่เจ้าไม่สบาย?”

“ข้าเบื่อ มันต้องใช้เวลานี่” นางแลบลิ้น

ผี่ผาป่วยตั้งแต่นางยังเล็ก นางไม่ค่อยกล้าไปผจญโลกภายนอกนอกจากการหลบหนีไปพร้อมกับติงตัง  การอ่านหนังสือเป็นการระงับความเบื่อหน่ายอย่างเดียวของนาง  ตู้หนังสือรายล้อมไปทุกมุมห้องมีหนังสือกองถึงเพดาน

ติงตังถอนหายใจ  “จำเอาไว้ พักร่างกายไว้ เข้าใจไหม?

“ก็ได้ ก็ได้!” ผี่ผาตอบ

ติงตังเอาแอปเปิ้ลลูกหนึ่งมาวางไว้กลางโต๊ะ นางใช้แขนเสื้อนางเช็ดแอปเปิ้ลแล้วกัดกินอย่างดุเดือด

“ยังไม่ได้ล้างเลย!”  ผี่ผาตะโกน

นางกัดแอปเปิ้ลอีกคำ“ข้าทำความสะอาดแล้ว, เจ้าอย่า...”

ติงตังโยนแอปเปิ้ลที่กินไปได้ครึ่งหนึ่งทิ้งแล้วคว้าข้อมือพีผาและวิ่งไปที่หลังห้อง นางค่อยๆ ผลักเปิดหน้าต่าง เมื่อมองออกไปในที่โล่ง นางสามารถเห็นบุรุษหลายคนกำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่นอกบ้าน

ผี่ผาถูกติงตังจูงมือพาข้ามห้อง  เมื่อนางไปถึงข้างหิ้งหนังสือ นางก็ดึงเปิดหิ้งหนังสือเปิดออกทำให้เห็นอุโมงค์มืด นางค่อยๆหมอบก้มลงไปในอุโมงค์ขณะที่ปิดหิ้งข้างหลังนางไว้ตามเดิม

ชั่วครู่ต่อมาประตูที่ลานบ้านถูกกระแทกพังเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

บุรุษหลายคนที่ดูเหมือนจะฝึกวิทยายุทธมาเดินเข้ามาในห้อง  หลังจากกวาดตามองดูจึงรู้ว่าไม่มีใครอยู่ในห้องหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ

หนึ่งในนั้นพบแอปเปิ้ลที่กินเหลือไว้ครึ่งหนึ่งของติงตังและพูด“พวกนางเพิ่งจากไป ค้นให้ทั่ว ต้องมีทางลับอยู่แน่!”

พวกเขาแยกกันตรวจดูห้องทุกตารางนิ้วและเคาะไล่ไปตามชั้นหนังสือ

หลังจากนั้นสองนาทีทางเดินลับหกเส้นทางปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขา

ทุกคนตะลึงมอง

ไม่มีใครคาดว่าติงตังจะละเอียดรอบคอบติดตั้งทางหนีในทิศทางต่างๆถึงหกทาง

สายตาทุกคนมองไปทางบุรุษผู้ที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำเราจะไปทางไหนดี?

หน้าของคนที่เป็นหัวหน้าเขียวคล้ำ  เขาทุ่มแรงและเวลาไปมากเพื่อวางแผนหาสถานที่นี้ไม่เคยคิดเลยว่า...

สตรีนางนี้เจ้าเล่ห์นัก

***************************

ติงตังโผล่ออกมาจากสุดทางเดินนางมองดูรอบๆ หาดูสัญญาณอันตรายหรือสิ่งที่น่าสงสัยอย่างตั้งใจตอนนี้พวกนางปลอดภัยแล้ว  จากในที่ไกลนางสามารถได้ยินรถม้าโดยสารกำลังมาถึง นางคว้าข้อมือผี่ผาแน่นแล้วรีบหลบเข้าไปในรถม้าโดยสาร

ไม่มีใครอยู่ข้างใน

ครึ่งชั่วโมงต่อมาติงตังมาถึงสถานียานขนส่งระยะไกลด้านข้างถนน แม้ว่าจะไม่หรูหรา แต่ห้องโดยสารก็มีพื้นที่มากพอสำหรับคนทั้งสอง

“ยานโดยสารนี้จะเดินทางไปยังกลุ่มดาวภูเขา  ใช้เวลาเดินทางประมาณ 92 ชั่วโมงถือว่าเป็นการเดินทางที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน”

เสียงกัปตันประจำยานดังขึ้นได้ยินทั้งห้อง

“น่าเสียดาย ข้าไม่ได้เอาหนังสือมาสักเล่ม ข้ายังไม่ได้อ่านหนังสือเหล่านั้นเลย”ผี่ผาถอนหายใจ

“ดูเหมือนข้าจะถูกสะกดรอยตามมาตั้งแต่แรก  ข้าประมาทมากไปหน่อย” ติงตังขอโทษ

ผี่ผาส่ายหน้าเบาๆ “ติงตังพยายามอย่างหนักแล้วและยังต้องกล้าเผชิญกับอันตรายอีกด้วยเป็นข้าที่ลากเจ้ามาตกต่ำ” เมื่อแกล้งทำเป็นสงบ นางพูดต่อ “ฮิฮิ, งั้นตอนนี้บ้านใหม่ของเราจะอยู่ที่ไหนกันเหรอ?ดาวเขาหมอก?”

“ไม่” ติงตังส่ายหน้าอีกครั้ง  “เป็นเมืองสามวิญญาณ”

“ภูมิภาควิญญาณเหรอ?” ผี่ผาส่งเสียงประหลาดใจ  ผี่ผารู้ว่าติงตังไม่ชอบภูมิภาควิญญาณ

ติงตังนั่งขัดสมาธิและหยิบผลไม้ออกมาจากโต๊ะ  “วันนี้เป็นความผิดพลาดอย่างโง่ๆจนข้าเกือบพลาดท่าแล้ว”  นางตะโกนบ่นตัวเอง

“อ๊า!”พีผาร้องออกมาขณะที่นางหน้าซีด

ผี่ผาสะดุ้งที่จู่ๆนางก็ระเบิดอารมณ์ออกมา หลังจากเห็นน้องสาวตกใจ ติงตังปลอบนางทันที “อย่าตกใจไปเลยเจ้าไม่เห็นหรือว่าข้ายังปลอดภัยอยู่?”

ผี่ผาแตะอกนางเบาๆ  “เจ้าขู่จนข้ากลัวเลยนะตอนนั้น!”

“อย่างไรก็ตาม จากวันนี้ไปข้าจะมีเจ้านายอีกคนต้องคอยรายงานเขา แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องแย่ แต่อย่างน้อยข้าไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนแล้วในตอนนี้”  ติงตังตอบ

“เจ้านายเจ้าเป็นยังไงบ้าง?  เขาเป็นคนดีหรือเปล่า?”  ผี่ผาถามด้วยความสงสัย  ผี่ผารู้ว่าติงตังเป็นพวกดื้อรั้นหัวแข็ง  แม้จะได้รับการชักชวนจากหลายๆ คน แต่นางไม่เคยยอมรับใครอย่างง่ายดาย

“เขาใจกว้างมาก”ติงตังตอบขณะที่กินแอปเปิ้ลอย่างมูมมาม “โอว, อายุไล่ๆ กับเราด้วย”

“ใช่!  ลูกท่านหลานเธอจากตระกูลมั่งคั่ง”  ผี่ผานัยน์ตาเป็นประกาย “แต่ติงตังข้าคิดว่าเจ้าเกลียดคนประเภทนี้ไม่ใช่เหรอ?”

“แค่ก..แค่ก..”ติงตังสำลักไออย่างหนักขณะที่นางดูเหมือนจะหลบตา

“เป็นลูกท่านหลานเธอก็ไม่เลวนะ” ผี่ผาชำเลืองมองติงตังและวาดฝันไปเรื่อยเปื่อย  “ต่อไปติงตังก็ไม่ต้องย้ายเร่ร่อนไปมาแล้ว”

เพียงชั่วครู่หลังจากนั้นติงตังค่อยรู้ความหมายในคำพูดนั้น“อย่าพูดเหลวไหลน่า!”

“ฮิฮิ ตอนนี้เจ้าดูน่ารักมากเลยนะ ติงตัง!” ผี่ผาหัวเราะคิกคัก

“เลิกล้อข้าเล่นได้ไหม” ติงตังพูดอย่างอ่อนใจ

หลังจากนั้นชั่วครู่สีหน้าของติงตังก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย  นางกล่าวครุ่นคิด “มาคิดดูแล้วเขาเป็นคนแปลกที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา อายุเขาก็ราวๆ พวกเรานี่แหละแต่ร่างกายแข็งแกร่งมากข้าเพิ่งจะได้อ่านข่าววิทยายุทธอมตะรายสัปดาห์และเขาก็มีเรื่องราวอยู่ในนั้นด้วย กล่าวกันว่าเขาเพิ่งสร้างวิทยายุทธใหม่ที่ไม่เหมือนใคร”

“วะ..วะ..วิทยายุทธใหม่น่ะหรือ?”  ผี่ผาติดอ่าง

ผี่ผาอยู่กับติงตังมาตั้งแต่เล็กร่วมวิเคราะห์ประมวลวิทยายุทธต่อสู้ใหม่ๆ ผี่ผารู้ว่าวิทยายุทธที่เหนือชั้นคืออะไร

“ใช่แล้ว!กรงเล็บเพลิงภูตพรายติดอันดับวิชาใหม่ไม่ซ้ำใครบนกระดานวิชาเกิดใหม่”  ติงตังตอบ

“อะไรนะ? กรงเล็บเพลิงภูตพรายน่ะหรือ? นั่นเป็นวิทยายุทธที่พวกสมาพันธ์ชาวยุทธมีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?  ถ้าข้าจำได้ไม่ผิดนั่นเป็นวิชาที่ถูกบัญญัติขึ้นโดยผู้เฒ่าหนงกรงเล็บภูตพราย” ผี่ผาอุทาน

ผี่ผาไม่เคยลืมว่านี่คือสิ่งที่ติงตังชื่นชมมากที่สุด

“ใช่แล้ว นี่คือวิทยายุทธนั้น  ในมือของเจ้านายมันกลายเป็นวิทยายุทธที่ไม่เหมือนใครหมายเลขที่ 199281” ติงตังออกความเห็น

“ในท้ายที่สุดแล้ว นี่ก็ยังนับว่าเป็นวิทยายุทธที่ไม่เหมือนใคร”ผี่ผาสรรเสริญ “สามารถเปลี่ยนวิทยายุทธธรรมดาให้กลายเป็นวิชาที่โดดเด่นไม่ซ้ำใครได้นั่นคือความสำเร็จแน่นอน”

“ใช่แล้ว! เจ้านายยังมีปรมาจารย์วิศวจักรกลอยู่ข้างตัวเขาอีกด้วย”ติงตังกล่าว

“ปะ..ปรมาจารย์วิศวจักรกล” ผี่ผาประหลาดใจ  “ปรมาจารย์ผู้นั้นเป็นใครกัน? อาเธอร์?กวนจือมั่ว? หย่าฟ่าน?”

“ไม่, ไม่ใช่เลย”ติงตังตอบขณะที่มองดูพีผาที่ยังอยู่ในอาการตกใจ “เป็นสุภาพสตรีนามว่าเซรีน”

“เซรีน? ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย” ผี่ผาส่ายหน้า

“ใช่แล้ว,แม้แต่ข้าเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่นางไม่ใช่ของปลอมแน่ เพราะข้าได้เห็นผลงานของนางมาก่อนแล้ว  นางผสานจิตวิญญาณพลังยุทธกับวิทยายุทธสร้างเป็นอาวุธจักรกลชนิดใหม่เรียกว่าพยัคฆ์ฟ้านั่นเป็นอาวุธจักรกลที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา” ติงตังพูดอย่างจริงจัง

“โหว, ฟังดูแล้วนางแข็งแกร่งมากเลยนะ” ผี่ผาตอบ

ติงตังรู้สึกจนใจ ผี่ผาชอบดูเรื่องราวของปรมาจารย์เนื่องจากฝีมือที่ดีเป็นพิเศษและเพราะตัวนางรักการอ่าน

“ถ้าเจ้าเห็นเจ้านาย เจ้าจะเข้าใจ  เป็นเรื่องยากอธิบายเรื่องวิธีที่เขาจัดการราวกับว่ามาจากรากฐานที่ใหญ่” ติงตังส่ายหัว “ข้าได้รับสายเลือดดาวทองมาแล้ว แต่ช้าเกินไปที่จะให้เจ้าใช้ ดูเหมือนว่าเจ้าจะต้องรอจนกว่าจะไปถึงเมืองสามวิญญาณก่อน  แล้วข้าค่อยให้เจ้าลองดูว่าจะมีผลยังไง”

“ก็ได้” ผี่ผาพยักหน้าเห็นด้วย

ผี่ผารู้ว่าสายเลือดดาวทองมีผลน้อยมากเมื่อใช้กับนาง  นางเคยบอกเรื่องนี้กับติงตังแล้วแต่ติงตังยังคงยืนกราน  สำหรับติงตังการให้เลือดดาวทองผี่ผาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

นี่เป็นผลจากห่วงหาอาทรและพึ่งพากันและกันมาอย่างยาวนาน

ผี่ผายิ้มให้ติงตังอย่างอบอุ่น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด