ตอนที่ 236 สุสานกระบี่และกระบี่มหาสุญญตา
“เจ้าคือลูกหลานของซินอู่ใช่ไหม?”
เซี่ยชิงมองดูทำอะไรไม่ถูกเมื่อเขาเห็นภาพที่น่าตื่นตะลึงกับตาตัวเองจนกระทั่งมีเสียงเลือนรางดังขึ้นในหู เขาจึงได้กลับคืนสู่ความเป็นจริงเบื้องหน้า เขาได้ตระหนักว่าเขาไม่ได้ถูกตรึงไว้ จึงคุกเข่าคุกเข่าลงกับพื้นทันที
“ศิษย์เซี่ยชิง บรรพบุรุษของข้าคือเซี่ยซินอู่”
“ซินอู่เป็นเด็กดี” เขาถอนหายใจเบาๆราวกับว่าเขาคือสายลมที่อยู่เหนือทะเลหมอก
ด้านบนสุดของแท่นร่างเงาร่างหนึ่งยืนหันหลังให้เขาอยู่ในท่ามกลางกลุ่มกระบี่ชำรุดที่รายล้อมเขาอยู่นับแสนเล่ม ทุกคนพยายามเข้าไปดูลักษณะของเขาใกล้ๆ เขามีร่างกายผอมดูราวกับคนอายุสี่สิบมีนัยน์ตาลึกและเขาสวมชุดมือกระบี่สีเทาดูหลวมเล็กน้อย
ถังเทียนสะบัดแขนเสื้อของตนและเขารู้สึกว่าร่างกายเขาขยับได้ เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง
จ้าวกิเลนและพวกหลุดเป็นอิสระเช่นกันและได้มารวมตัวกัน ถังเทียนและพวกก็รวมตัวอยู่อีกด้านเช่นกัน
“เขาคือจิตวิญญาณพลังยุทธ!” จิ้งจอกหิมะพึมพำ นัยน์ตาเขาเปล่งประกายไม่หยุด “เราอยู่ในสนามพลังวิญญาณของกระบี่ผนึกปีศาจ”
ทุกคนตะลึง จิ้งจอกหิมะมีประสาทสัมผัสที่อ่อนไหวและเป็นผู้ที่มีความรู้มากที่สุดในกลุ่มพวกเขา
“มันคือสมบัติชั้นเซียนแน่นอน ทรงพลังมากจริงๆ” จิ้งจอกหิมะถอนหายใจชมเชย “ถ้าเราเอาชนะเขาได้ เราก็จะได้กระบี่นั่นมา”
“เขาแข็งแกร่งมากทีเดียว” เขี้ยวอสรพิษพูดอย่างเย็นชา
“ต้องใช้วิชานั้น” จิ้งจอกหิมะพูดอย่างไม่ลังเล “มีแต่ใช้วิชานั้นเราถึงจะมีโอกาส ถ้าเราชนะกระบี่นั่นก็ตกเป็นของเรา สมบัติเซียน นี่เป็นโอกาสครั้งเดียวที่มีในชีวิตของเรา”
ทุกคนเงียบ นั่นก็ถูกสมบัติเซียนนี้อยู่เพียงแค่เอื้อม นี่คือโอกาสเดียวในชีวิตของพวกเขา พวกเขาโชคดีเป็นบ้าแล้ว ถ้าพวกเขาพลาดโอกาสนี้ไป พวกเขาอาจไม่มีโอกาสครั้งอื่นอีก
แต่,ถ้าพวกเขาใช้วิชานั้น...
สายตาทุกคู่มองมาที่จ้าวกิเลน พวกเขากำลังรอการตัดสินใจของเขา
จ้าวกิเลนพูดไม่ออก
******************
ร่างกายของถังเทียนฟื้นคืนสู่สภาพปกติถังเทียนที่กลับสู่สภาพปกติแล้วถามด้วยความสงสัย “นี่มันที่ไหนกัน? ทำไมถึงมีแต่หมอกเทาเต็มไปหมดแปลกที่ข้ามองอะไรได้ไม่ไกลเลย”
“นี่คือสนามพลังวิญญาณของกระบี่ผนึกปีศาจ” อาเฮ่อตอบอย่างใจเย็น
“สนามพลังวิญญาณ?” ถังเทียนตกใจ ทุกคนหันมาทางอาเฮ่อ
“อืมมม, มีแต่สมบัติระดับทองที่มีความสามารถเช่นนี้” อาเฮ่ออธิบายอย่างระมัดระวังเมื่อทุกคนมีท่าทีเหมือนกับว่าไม่เข้าใจ “พวกท่านต้องเข้าใจไว้ก่อนว่าสมบัติทุกชิ้นเหมือนกับโลกใบเล็ก โลกเหล่านี้เป็นแหล่งพลังงานของจิตวิญญาณพลังยุทธมีบางชิ้นก็สมบูรณ์แบบ ขณะที่บางชิ้นก็หักๆพังๆ สำหรับสมบัติระดับทอง จิตวิญญาณพลังยุทธจะแข็งแกร่งมากดังนั้นพวกเขาสามารถสร้างพื้นที่มิติให้พวกเขามีแหล่งพลังงานสำหรับพวกเขา”
“ฟังดูแล้วลึกซึ้งจริงๆ” ถังเทียนพึมพำ
หลิงซิ่วบ่น“ไม่ว่าจะเป็นสนามพลังหักๆ พังๆ ยังไงก็ช่าง ข้าจะใช้หอกของข้าทะลวงให้หมด”
อาเฮ่อหัวเราะ..
ติงตังอารมณ์ไม่ดี นางเหลือบมองหลิงซิ่ว “ใครยังจะเคลื่อนไหวภายใต้พลังนี้ได้เล่า? พลังของสนามพลังวิญญาณแข็งแกร่งมากต่อให้เจ้ามีพลังเท่ากับสมบัติ เจ้ายังจะมีโอกาสทำลายสนามพลังวิญญาณได้หรือ สนามพลังวิญญาณที่เราอยู่ในตอนนี้อย่าคิดว่าใครๆ ก็สามารถทำลายได้นะ”
“ทำไมล่ะ?” ถังเทียนถามด้วยความสงสัย
“ก็เพราะสนามพลังวิญญาณนี้ ก็จิตวิญญาณพลังยุทธที่คุ้มครองอยู่นี้คือเซียนกระบี่น่ะสิ” ติงตังมีสีหน้าจริงจัง “ใครยังจะสามารถทำลายสนามพลังวิญญาณแบบนี้ได้กันเล่า?”
ตอนนี้ทุกคนพูดไม่ออกแล้ว
ถูกแล้วต่อให้กลายเป็นจิตวิญญาณพลังยุทธเซียนกระบี่ก็ยังน่าเกรงขาม ทุกคนคงได้เคยเจอมาก่อนหน้านี้แล้ว มีนักสู้นับไม่ถ้วนที่ได้ฝึกวิชากระบี่ แต่มีคนเพียงหยิบมือในประวัติศาสตร์ที่สามารถเรียกตนเองได้ว่าเซียน
เห็นได้ชัดว่า ติงตังรู้เรื่องราวของเซียนกระบี่ลับมากมาย นางบ่นต่อไป “เซียนกระบี่แต่ละคนจะมีแท่นเซียนซึ่งก็คือแท่นนั้นนั่นเอง แท่นเซียนของเซียนกระบี่ลับเรียกว่าสุสานกระบี่ ยอดบนของสุสานกระบี่จะมีกระบี่หักชำรุดหนึ่งแสนเล่ม กระบี่ชำรุดทั้งแสนเล่มถูกเซียนกระบี่ใช้งานก่อนที่เขาจะได้ฉายาเช่นนี้
เฮ้อ..ทุกคนถอนหายใจและมองดูด้วยความตกใจ
กระบี่แสนเล่มหักชำรุดเกิดจากการฝึกฝน...
อาเฮ่อที่ใจเย็นเป็นปกติก็พลอยประหลาดใจไปด้วยทันใดนั้นเขาไปมองด้านบน แท่นเซียนกระบี่มองดูน่าเกรงขามจริงๆ เขาก็ฝึกฝนวิชากระบี่ด้วยเช่นกัน เขาไม่รู้เรื่องแท่นเซียนได้ยังไง?
เมื่อเซียนกระบี่ได้รับฉายา เขาจะสื่อสารความตั้งใจของเขากับสวรรค์และโลก สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะได้ยินเสียงกระบี่จากแท่นเซียนตามความปรารถนาของเขา
แท่นเซียนกระบี่ของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ตามคำเล่าลือแท่นเซียนกระบี่จะแสดงความเข้าใจของเซียนกระบี่ที่มีต่อกระบี่
สุสานกระบี่!
สุสานกระบี่ชื่อแปลกจริงๆ นั่นคือเป้าหมายในอนาคตของเขา
เซียนกระบี่!
แค่เพียงสองคำก็ทำให้เขาเลือดลมพลุกพล่านเขาค่อยๆ กระชับกระบี่กระเรียนในมือแน่น ไม่มีใครรู้ว่ากระบี่ในมือของเขาก็คือกระบี่กระเรียน เป็นสมบัติเซียน
นี่คือสมบัติชั้นทองในกลุ่มดาวกระเรียน
เหมือนกับว่าเขาเชิดหน้าขึ้นขณะที่กระบี่กระเรียนในมือของเขาสั่นเล็กน้อย
********************************
“ทำให้เจ้าต้องลำบากแล้ว”
ด้วยคำพูดนี้เซี่ยชิงนัยน์ตาพร่าเลือน ผู้อาวุโสมากมายเผชิญกับทุกอย่างก็เพื่อประโยคนี้ ทันทีที่เขาเข้าใจหลายเรื่องผู้อาวุโสในหมู่บ้านมักจะบอกเล่าเรื่องให้เขาฟัง พวกเขาทุกคนคือองครักษ์พิทักษ์กระบี่
คำพูดเหล่านี้ผุดขึ้นมาในความทรงจำของเขา
หมู่บ้านได้คุ้มครองพื้นที่ซึ่งแห้งแล้งคุ้มครองกระบี่ที่เทพเจ้าไม่รู้ พวกเขาเคร่งครัดคำสั่งสอนของบรรพบุรุษโดยไม่มีความสงสัยสิ่งเหล่านี้ไม่เคยถูกละเลยมาก่อน
เซี่ยชิงไม่กล้าเอ่ยปากพูดเพราะเขากลัวว่าตนเองอาจจะร้องไห้ วันนี้เขาร้องไห้หลายครั้งซึ่งมากกว่าตลอดชีวิตยี่สิบปีของเขานี่เป็นครั้งแรกที่เขาตระหนักว่าเขาไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่ควรจะเป็น
“นับจากวันนี้ไป เจ้าคือศิษย์ของเซียนกระบี่ลับรุ่นปัจจุบัน”
ราวกับถูกสายฟ้าฟาดทั้งความคิดและความตั้งใจนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในใจของเซี่ยชิง
กระบี่สีเทาเยียบเย็นกดลงบนไหล่ของเขาขณะที่เสียงแว่วดังขึ้นในหัวของเขา
“แม้ว่าเจ้าจะคุณสมบัติที่ธรรมดามาก แต่เจ้าเป็นคนดีข้ารู้สึกวางใจที่กระบี่ลับตกอยู่ในมือเจ้า เพราะกระบี่เล่มนี้ข้าได้ผนึกมันไว้ในสนามพลังวิญญาณ เมื่อสามารถฝึกวิทยายุทธเฉพาะของสำนักได้สำเร็จ มันก็จะได้รับการกระตุ้นให้ทำงาน”
เซี่ยชิงโพล่งออกมา “วิชาเฉพาะอะไรกัน?”
เสียที่ดังอยู่บนศีรษะเขายังคงเงียบอยู่
ทันใดนั้น มีระเบิดปราณที่แข็งแกร่งท่วมท้นเต็มท้องฟ้า เซี่ยชิงรู้สึกมึนงง จากเขารีบหันไปมอง
ห้ามือสังหารล้อมเป็นวงกลมมือของพวกเขาประกบกันรอยสักสัตว์ร้ายทั้งหมดบนอกพวกเขากลายเป็นมีชีวิตคือ จิ้งจอกหิมะ, อาชาเหล็ก,จระเข้และงูยักษ์พวกมันเคลื่อนไปตามแขนพวกเขาและไปรวมกับกิเลนห้าสีบนร่างจ้าวกิเลน
อสูรทั้งห้ารวมตัวกันเป็นหนึ่ง
ปราณที่ร้ายกาจรุนแรงนั้นระเบิดออกมาจากร่างของจ้าวกิเลน
ระเบิดปราณมรณะทะลักเข้าหาพวกเขาเหมือนคลื่นทะเลคลั่ง
ถังเทียนใบหน้าเปลี่ยนไปมาก ปัจจุบันนี้ปราณของจ้าวกิเลนแข็งแกร่งขึ้นมาก แม้ว่าเป็นแค่ผลพวงที่ตามมา แต่ถังเทียนกำลังสำลักจากชั้นพลังใหม่นี้ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น ทุกคนรอบๆ ตัวเขามีใบหน้าเหยเกตะลึงกันไปหมด
พวกมันเหมือนกับสัตว์อสูรในตำนานที่ตื่นขึ้นจากการหลับลึก
แค่ปราณของพวกเขาก็เพียงพอทำให้ทุกคนสำลักหายใจไม่ออกแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น?” ถังเทียนถามอย่างกังวลใจ “ทำไมพวกเขาถึงได้แข็งแกร่งขึ้นกะทันหันเล่า?”
“นั่นคือวิชารวมพลัง! นั่นคือวิชารวมพลังจริงๆ ด้วย!” หน้าของติงตังซีดไม่มีสีเลือดเสียงของนางสั่น “พลังของทุกคนผสานรวมกันเป็นหนึ่งพระเจ้า, นักสู้สวรรค์วิถีห้าคนรวมพลังกันได้...”
ใบหน้าของอาเฮ่อไม่มีรอยยิ้มอีกต่อไป มีแต่เพียงความกังวลอยู่ในดวงตาของเขา ทรงพลังมาก
แย่แน่!
เพราะเป็นครั้งแรกที่เขามีความรู้สึกล้มเหลว เขาจับกระบี่กระเรียนในมือแน่น แต่ความรู้สึกพ่ายแพ้ในใจของเขาไม่ได้ลดลง
หมอกเทาทั้งหมดในเมืองวิญญาณถูกเป่ากระจายออกไปอย่างบ้าคลั่งด้วยปราณที่น่ากลัวนี้ พื้นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับว่าสนามพลังวิญญาณกำลังจะพังทลาย
ทันใดนั้นจ้าวกิเลนหัวเราะอย่างชั่วร้าย
กิเลนบนอกของเขาเพิ่มความตั้งใจสู้เต็มที่อสูรอื่นอีกสี่ตัวประจำอยู่ที่แขนขาทั้งสี่ของเขากระแสพลังเต็มอยู่ในทุกซอกมุมของร่างกายเขา เหมือนกับว่าทั้งสวรรค์และโลกอยู่ใต้เท้าของเขา
ความรู้สึกนี้ช่างยอดเยี่ยมนัก
ในตอนนี้สหายทั้งสี่ของเขากำลังนอนอยู่บนพื้น
ช่างน่าเสียดายที่พลังนี้คงอยู่ชั่วคราว
จ้าวกิเลนเลียริมฝีปากและจ้องเซียนกระบี่ลับด้วยความละโมบ ตราบใดที่เขาได้กระบี่นี้ไป พลังที่เขาครอบครองนี้จะไม่ใช่พลังชั่วคราวอีกต่อไป
สมบัติเซียน!
เมื่อเขาย่ำลงบนพื้นสนามพลังวิญญาณที่เต็มไปด้วยทะเลหมอกก็ฟุ้งเหมือนถูกฟาดก่อกวน พื้นที่กว้างไม่มีที่สิ้นสุดเกิดรอยร้าวใสหลายแห่งทันที
มือของเซี่ยชิงเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งขณะที่เขาต้องการตะโกนบอกคนอื่น กระบี่ที่แตะอยู่ที่ไหล่ของเขาพลันถูกดึงกลับทันที
ยอดฝีมือกระบี่ชุดเทาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขา เซียนกระบี่กำลังเดินเฉื่อยชาเหมือนกับว่าเขาไม่เห็นรอยร้าวรอบๆสนามพลังวิญญาณ ก้าวย่างของเขาดูผ่อนคลายและเชื่องช้า
เมื่อเดินไปได้สามก้าว จู่ๆ เขาก็หยุดและพูดคำหนึ่งทันที
“เจ้าถามว่าวิชาเฉพาะของสำนักเราคืออะไรใช่ไหม?”
เซียนกระบี่ลับกลับเงียบและตอบทันที “อย่างนั้นให้ข้าบอกเจ้าก็ได้ นั่นเรียกว่า.....”
น้ำเสียงของเขาสงบมากและทะเลหมอกที่น่ากลัวก็จางลงราวกับว่ามีมือยักษ์ที่มองไม่เห็นกวาดทะเลหมอกออกไปจนเบาบาง
จ้าวกิเลนเอียงคอมองดูคู่ต่อสู้ของเขาด้วยแววตาเย้ยหยัน
เซียนกระบี่ อย่างนั้นเจ้าก็เป็นเซียนกระบี่สินะ?
ขุนพลวิญญาณเซียนกระบี่ที่อยู่มาเกินร้อยปีแล้ว ใครจะรู้กันว่าพลังเจ้าเสื่อมโทรมลงมากแค่ไหนแค่เพียงย่ำเท้าครั้งเดียว ข้าก็สร้างรอยร้าวในสนามพลังวิญญาณได้หลายที่แล้ว อ่อนเสียจริง
เขายกแขนช้าๆและยิ้มเจ้าเล่ห์ โง่จริงใครจะสนกันเล่าว่าเจ้ามีวิชาเฉพาะแบบไหน
ข้าต้องการแค่กระบี่นี้!
ไปตายซะ!
จ้าวกิเลนเบิกตากว้างร่ายรำหมัดเกิดเสียงหวีดหวิวแหวกอากาศทันใด
“กระบี่มหาสุญญตา!”
ชื่อนี้ก้องสะท้อนไปทั่วสุสานกระบี่ทำให้สนามพลังวิญญาณสั่นสะเทือน!
กระบี่เล่มหนึ่งแทงใส่สมองของจ้าวกิเลน จ้าวกิเลนจ้องมองอย่างตกตะลึงขณะที่เขาชะงักค้าง พลังที่น่ากลัวทั้งหมดในร่างของเขาปะทะกันเองเหมือนกับว่านั่นคือเปลวไฟซึ่งสูญเสียการควบคุม
กระบี่นี้....
มาจากตรงไหน....
บึ้ม!
จ้าวกิเลนระเบิดกลายเป็นลูกไฟระยิบระยับ
“จำชื่อไว้ให้ดี”
เสียงแว่วดังมาจากสุสานกระบี่ที่มีเงาร่างสีเทายืนอยู่