ตอนที่แล้วตอนที่ 235 แท่นสูงสามเมตรกระบี่แสนเล่ม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 237 ของขวัญจากเซียนกระบี่

ตอนที่ 236 สุสานกระบี่และกระบี่มหาสุญญตา


“เจ้าคือลูกหลานของซินอู่ใช่ไหม?”

เซี่ยชิงมองดูทำอะไรไม่ถูกเมื่อเขาเห็นภาพที่น่าตื่นตะลึงกับตาตัวเองจนกระทั่งมีเสียงเลือนรางดังขึ้นในหู เขาจึงได้กลับคืนสู่ความเป็นจริงเบื้องหน้า  เขาได้ตระหนักว่าเขาไม่ได้ถูกตรึงไว้ จึงคุกเข่าคุกเข่าลงกับพื้นทันที

“ศิษย์เซี่ยชิง บรรพบุรุษของข้าคือเซี่ยซินอู่”

“ซินอู่เป็นเด็กดี”  เขาถอนหายใจเบาๆราวกับว่าเขาคือสายลมที่อยู่เหนือทะเลหมอก

ด้านบนสุดของแท่นร่างเงาร่างหนึ่งยืนหันหลังให้เขาอยู่ในท่ามกลางกลุ่มกระบี่ชำรุดที่รายล้อมเขาอยู่นับแสนเล่ม  ทุกคนพยายามเข้าไปดูลักษณะของเขาใกล้ๆ  เขามีร่างกายผอมดูราวกับคนอายุสี่สิบมีนัยน์ตาลึกและเขาสวมชุดมือกระบี่สีเทาดูหลวมเล็กน้อย

ถังเทียนสะบัดแขนเสื้อของตนและเขารู้สึกว่าร่างกายเขาขยับได้  เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง

จ้าวกิเลนและพวกหลุดเป็นอิสระเช่นกันและได้มารวมตัวกัน  ถังเทียนและพวกก็รวมตัวอยู่อีกด้านเช่นกัน

“เขาคือจิตวิญญาณพลังยุทธ!”  จิ้งจอกหิมะพึมพำ  นัยน์ตาเขาเปล่งประกายไม่หยุด  “เราอยู่ในสนามพลังวิญญาณของกระบี่ผนึกปีศาจ”

ทุกคนตะลึง  จิ้งจอกหิมะมีประสาทสัมผัสที่อ่อนไหวและเป็นผู้ที่มีความรู้มากที่สุดในกลุ่มพวกเขา

“มันคือสมบัติชั้นเซียนแน่นอน  ทรงพลังมากจริงๆ”  จิ้งจอกหิมะถอนหายใจชมเชย  “ถ้าเราเอาชนะเขาได้  เราก็จะได้กระบี่นั่นมา”

“เขาแข็งแกร่งมากทีเดียว”  เขี้ยวอสรพิษพูดอย่างเย็นชา

“ต้องใช้วิชานั้น”  จิ้งจอกหิมะพูดอย่างไม่ลังเล “มีแต่ใช้วิชานั้นเราถึงจะมีโอกาส  ถ้าเราชนะกระบี่นั่นก็ตกเป็นของเรา  สมบัติเซียน  นี่เป็นโอกาสครั้งเดียวที่มีในชีวิตของเรา”

ทุกคนเงียบ นั่นก็ถูกสมบัติเซียนนี้อยู่เพียงแค่เอื้อม นี่คือโอกาสเดียวในชีวิตของพวกเขา พวกเขาโชคดีเป็นบ้าแล้ว ถ้าพวกเขาพลาดโอกาสนี้ไป  พวกเขาอาจไม่มีโอกาสครั้งอื่นอีก

แต่,ถ้าพวกเขาใช้วิชานั้น...

สายตาทุกคู่มองมาที่จ้าวกิเลน  พวกเขากำลังรอการตัดสินใจของเขา

จ้าวกิเลนพูดไม่ออก

******************

ร่างกายของถังเทียนฟื้นคืนสู่สภาพปกติถังเทียนที่กลับสู่สภาพปกติแล้วถามด้วยความสงสัย “นี่มันที่ไหนกัน?  ทำไมถึงมีแต่หมอกเทาเต็มไปหมดแปลกที่ข้ามองอะไรได้ไม่ไกลเลย”

“นี่คือสนามพลังวิญญาณของกระบี่ผนึกปีศาจ”  อาเฮ่อตอบอย่างใจเย็น

“สนามพลังวิญญาณ?”  ถังเทียนตกใจ ทุกคนหันมาทางอาเฮ่อ

“อืมมม, มีแต่สมบัติระดับทองที่มีความสามารถเช่นนี้” อาเฮ่ออธิบายอย่างระมัดระวังเมื่อทุกคนมีท่าทีเหมือนกับว่าไม่เข้าใจ “พวกท่านต้องเข้าใจไว้ก่อนว่าสมบัติทุกชิ้นเหมือนกับโลกใบเล็ก โลกเหล่านี้เป็นแหล่งพลังงานของจิตวิญญาณพลังยุทธมีบางชิ้นก็สมบูรณ์แบบ  ขณะที่บางชิ้นก็หักๆพังๆ  สำหรับสมบัติระดับทอง  จิตวิญญาณพลังยุทธจะแข็งแกร่งมากดังนั้นพวกเขาสามารถสร้างพื้นที่มิติให้พวกเขามีแหล่งพลังงานสำหรับพวกเขา”

“ฟังดูแล้วลึกซึ้งจริงๆ”  ถังเทียนพึมพำ

หลิงซิ่วบ่น“ไม่ว่าจะเป็นสนามพลังหักๆ พังๆ ยังไงก็ช่าง ข้าจะใช้หอกของข้าทะลวงให้หมด”

อาเฮ่อหัวเราะ..

ติงตังอารมณ์ไม่ดี  นางเหลือบมองหลิงซิ่ว “ใครยังจะเคลื่อนไหวภายใต้พลังนี้ได้เล่า?  พลังของสนามพลังวิญญาณแข็งแกร่งมากต่อให้เจ้ามีพลังเท่ากับสมบัติ เจ้ายังจะมีโอกาสทำลายสนามพลังวิญญาณได้หรือ  สนามพลังวิญญาณที่เราอยู่ในตอนนี้อย่าคิดว่าใครๆ ก็สามารถทำลายได้นะ”

“ทำไมล่ะ?” ถังเทียนถามด้วยความสงสัย

“ก็เพราะสนามพลังวิญญาณนี้ ก็จิตวิญญาณพลังยุทธที่คุ้มครองอยู่นี้คือเซียนกระบี่น่ะสิ”  ติงตังมีสีหน้าจริงจัง “ใครยังจะสามารถทำลายสนามพลังวิญญาณแบบนี้ได้กันเล่า?”

ตอนนี้ทุกคนพูดไม่ออกแล้ว

ถูกแล้วต่อให้กลายเป็นจิตวิญญาณพลังยุทธเซียนกระบี่ก็ยังน่าเกรงขาม  ทุกคนคงได้เคยเจอมาก่อนหน้านี้แล้ว  มีนักสู้นับไม่ถ้วนที่ได้ฝึกวิชากระบี่ แต่มีคนเพียงหยิบมือในประวัติศาสตร์ที่สามารถเรียกตนเองได้ว่าเซียน

เห็นได้ชัดว่า ติงตังรู้เรื่องราวของเซียนกระบี่ลับมากมาย  นางบ่นต่อไป “เซียนกระบี่แต่ละคนจะมีแท่นเซียนซึ่งก็คือแท่นนั้นนั่นเอง แท่นเซียนของเซียนกระบี่ลับเรียกว่าสุสานกระบี่ ยอดบนของสุสานกระบี่จะมีกระบี่หักชำรุดหนึ่งแสนเล่ม  กระบี่ชำรุดทั้งแสนเล่มถูกเซียนกระบี่ใช้งานก่อนที่เขาจะได้ฉายาเช่นนี้

เฮ้อ..ทุกคนถอนหายใจและมองดูด้วยความตกใจ

กระบี่แสนเล่มหักชำรุดเกิดจากการฝึกฝน...

อาเฮ่อที่ใจเย็นเป็นปกติก็พลอยประหลาดใจไปด้วยทันใดนั้นเขาไปมองด้านบน  แท่นเซียนกระบี่มองดูน่าเกรงขามจริงๆ  เขาก็ฝึกฝนวิชากระบี่ด้วยเช่นกัน  เขาไม่รู้เรื่องแท่นเซียนได้ยังไง?

เมื่อเซียนกระบี่ได้รับฉายา เขาจะสื่อสารความตั้งใจของเขากับสวรรค์และโลก สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะได้ยินเสียงกระบี่จากแท่นเซียนตามความปรารถนาของเขา

แท่นเซียนกระบี่ของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป  ตามคำเล่าลือแท่นเซียนกระบี่จะแสดงความเข้าใจของเซียนกระบี่ที่มีต่อกระบี่

สุสานกระบี่!

สุสานกระบี่ชื่อแปลกจริงๆ นั่นคือเป้าหมายในอนาคตของเขา

เซียนกระบี่!

แค่เพียงสองคำก็ทำให้เขาเลือดลมพลุกพล่านเขาค่อยๆ กระชับกระบี่กระเรียนในมือแน่น ไม่มีใครรู้ว่ากระบี่ในมือของเขาก็คือกระบี่กระเรียน เป็นสมบัติเซียน

นี่คือสมบัติชั้นทองในกลุ่มดาวกระเรียน

เหมือนกับว่าเขาเชิดหน้าขึ้นขณะที่กระบี่กระเรียนในมือของเขาสั่นเล็กน้อย

********************************

“ทำให้เจ้าต้องลำบากแล้ว”

ด้วยคำพูดนี้เซี่ยชิงนัยน์ตาพร่าเลือน ผู้อาวุโสมากมายเผชิญกับทุกอย่างก็เพื่อประโยคนี้  ทันทีที่เขาเข้าใจหลายเรื่องผู้อาวุโสในหมู่บ้านมักจะบอกเล่าเรื่องให้เขาฟัง พวกเขาทุกคนคือองครักษ์พิทักษ์กระบี่

คำพูดเหล่านี้ผุดขึ้นมาในความทรงจำของเขา

หมู่บ้านได้คุ้มครองพื้นที่ซึ่งแห้งแล้งคุ้มครองกระบี่ที่เทพเจ้าไม่รู้ พวกเขาเคร่งครัดคำสั่งสอนของบรรพบุรุษโดยไม่มีความสงสัยสิ่งเหล่านี้ไม่เคยถูกละเลยมาก่อน

เซี่ยชิงไม่กล้าเอ่ยปากพูดเพราะเขากลัวว่าตนเองอาจจะร้องไห้   วันนี้เขาร้องไห้หลายครั้งซึ่งมากกว่าตลอดชีวิตยี่สิบปีของเขานี่เป็นครั้งแรกที่เขาตระหนักว่าเขาไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่ควรจะเป็น

“นับจากวันนี้ไป เจ้าคือศิษย์ของเซียนกระบี่ลับรุ่นปัจจุบัน”

ราวกับถูกสายฟ้าฟาดทั้งความคิดและความตั้งใจนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในใจของเซี่ยชิง

กระบี่สีเทาเยียบเย็นกดลงบนไหล่ของเขาขณะที่เสียงแว่วดังขึ้นในหัวของเขา

“แม้ว่าเจ้าจะคุณสมบัติที่ธรรมดามาก  แต่เจ้าเป็นคนดีข้ารู้สึกวางใจที่กระบี่ลับตกอยู่ในมือเจ้า เพราะกระบี่เล่มนี้ข้าได้ผนึกมันไว้ในสนามพลังวิญญาณ เมื่อสามารถฝึกวิทยายุทธเฉพาะของสำนักได้สำเร็จ มันก็จะได้รับการกระตุ้นให้ทำงาน”

เซี่ยชิงโพล่งออกมา  “วิชาเฉพาะอะไรกัน?”

เสียที่ดังอยู่บนศีรษะเขายังคงเงียบอยู่

ทันใดนั้น มีระเบิดปราณที่แข็งแกร่งท่วมท้นเต็มท้องฟ้า  เซี่ยชิงรู้สึกมึนงง  จากเขารีบหันไปมอง

ห้ามือสังหารล้อมเป็นวงกลมมือของพวกเขาประกบกันรอยสักสัตว์ร้ายทั้งหมดบนอกพวกเขากลายเป็นมีชีวิตคือ จิ้งจอกหิมะ, อาชาเหล็ก,จระเข้และงูยักษ์พวกมันเคลื่อนไปตามแขนพวกเขาและไปรวมกับกิเลนห้าสีบนร่างจ้าวกิเลน

อสูรทั้งห้ารวมตัวกันเป็นหนึ่ง

ปราณที่ร้ายกาจรุนแรงนั้นระเบิดออกมาจากร่างของจ้าวกิเลน

ระเบิดปราณมรณะทะลักเข้าหาพวกเขาเหมือนคลื่นทะเลคลั่ง

ถังเทียนใบหน้าเปลี่ยนไปมาก  ปัจจุบันนี้ปราณของจ้าวกิเลนแข็งแกร่งขึ้นมาก  แม้ว่าเป็นแค่ผลพวงที่ตามมา  แต่ถังเทียนกำลังสำลักจากชั้นพลังใหม่นี้ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น ทุกคนรอบๆ ตัวเขามีใบหน้าเหยเกตะลึงกันไปหมด

พวกมันเหมือนกับสัตว์อสูรในตำนานที่ตื่นขึ้นจากการหลับลึก

แค่ปราณของพวกเขาก็เพียงพอทำให้ทุกคนสำลักหายใจไม่ออกแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น?”  ถังเทียนถามอย่างกังวลใจ  “ทำไมพวกเขาถึงได้แข็งแกร่งขึ้นกะทันหันเล่า?”

“นั่นคือวิชารวมพลัง!  นั่นคือวิชารวมพลังจริงๆ ด้วย!”  หน้าของติงตังซีดไม่มีสีเลือดเสียงของนางสั่น  “พลังของทุกคนผสานรวมกันเป็นหนึ่งพระเจ้า, นักสู้สวรรค์วิถีห้าคนรวมพลังกันได้...”

ใบหน้าของอาเฮ่อไม่มีรอยยิ้มอีกต่อไป  มีแต่เพียงความกังวลอยู่ในดวงตาของเขา  ทรงพลังมาก

แย่แน่!

เพราะเป็นครั้งแรกที่เขามีความรู้สึกล้มเหลว  เขาจับกระบี่กระเรียนในมือแน่น  แต่ความรู้สึกพ่ายแพ้ในใจของเขาไม่ได้ลดลง

หมอกเทาทั้งหมดในเมืองวิญญาณถูกเป่ากระจายออกไปอย่างบ้าคลั่งด้วยปราณที่น่ากลัวนี้  พื้นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับว่าสนามพลังวิญญาณกำลังจะพังทลาย

ทันใดนั้นจ้าวกิเลนหัวเราะอย่างชั่วร้าย

กิเลนบนอกของเขาเพิ่มความตั้งใจสู้เต็มที่อสูรอื่นอีกสี่ตัวประจำอยู่ที่แขนขาทั้งสี่ของเขากระแสพลังเต็มอยู่ในทุกซอกมุมของร่างกายเขา เหมือนกับว่าทั้งสวรรค์และโลกอยู่ใต้เท้าของเขา

ความรู้สึกนี้ช่างยอดเยี่ยมนัก

ในตอนนี้สหายทั้งสี่ของเขากำลังนอนอยู่บนพื้น

ช่างน่าเสียดายที่พลังนี้คงอยู่ชั่วคราว

จ้าวกิเลนเลียริมฝีปากและจ้องเซียนกระบี่ลับด้วยความละโมบ  ตราบใดที่เขาได้กระบี่นี้ไป พลังที่เขาครอบครองนี้จะไม่ใช่พลังชั่วคราวอีกต่อไป

สมบัติเซียน!

เมื่อเขาย่ำลงบนพื้นสนามพลังวิญญาณที่เต็มไปด้วยทะเลหมอกก็ฟุ้งเหมือนถูกฟาดก่อกวน  พื้นที่กว้างไม่มีที่สิ้นสุดเกิดรอยร้าวใสหลายแห่งทันที

มือของเซี่ยชิงเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งขณะที่เขาต้องการตะโกนบอกคนอื่น กระบี่ที่แตะอยู่ที่ไหล่ของเขาพลันถูกดึงกลับทันที

ยอดฝีมือกระบี่ชุดเทาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขา  เซียนกระบี่กำลังเดินเฉื่อยชาเหมือนกับว่าเขาไม่เห็นรอยร้าวรอบๆสนามพลังวิญญาณ ก้าวย่างของเขาดูผ่อนคลายและเชื่องช้า

เมื่อเดินไปได้สามก้าว  จู่ๆ เขาก็หยุดและพูดคำหนึ่งทันที

“เจ้าถามว่าวิชาเฉพาะของสำนักเราคืออะไรใช่ไหม?”

เซียนกระบี่ลับกลับเงียบและตอบทันที  “อย่างนั้นให้ข้าบอกเจ้าก็ได้  นั่นเรียกว่า.....”

น้ำเสียงของเขาสงบมากและทะเลหมอกที่น่ากลัวก็จางลงราวกับว่ามีมือยักษ์ที่มองไม่เห็นกวาดทะเลหมอกออกไปจนเบาบาง

จ้าวกิเลนเอียงคอมองดูคู่ต่อสู้ของเขาด้วยแววตาเย้ยหยัน

เซียนกระบี่  อย่างนั้นเจ้าก็เป็นเซียนกระบี่สินะ?

ขุนพลวิญญาณเซียนกระบี่ที่อยู่มาเกินร้อยปีแล้ว  ใครจะรู้กันว่าพลังเจ้าเสื่อมโทรมลงมากแค่ไหนแค่เพียงย่ำเท้าครั้งเดียว ข้าก็สร้างรอยร้าวในสนามพลังวิญญาณได้หลายที่แล้ว  อ่อนเสียจริง

เขายกแขนช้าๆและยิ้มเจ้าเล่ห์  โง่จริงใครจะสนกันเล่าว่าเจ้ามีวิชาเฉพาะแบบไหน

ข้าต้องการแค่กระบี่นี้!

ไปตายซะ!

จ้าวกิเลนเบิกตากว้างร่ายรำหมัดเกิดเสียงหวีดหวิวแหวกอากาศทันใด

“กระบี่มหาสุญญตา!”

ชื่อนี้ก้องสะท้อนไปทั่วสุสานกระบี่ทำให้สนามพลังวิญญาณสั่นสะเทือน!

กระบี่เล่มหนึ่งแทงใส่สมองของจ้าวกิเลน  จ้าวกิเลนจ้องมองอย่างตกตะลึงขณะที่เขาชะงักค้าง   พลังที่น่ากลัวทั้งหมดในร่างของเขาปะทะกันเองเหมือนกับว่านั่นคือเปลวไฟซึ่งสูญเสียการควบคุม

กระบี่นี้....

มาจากตรงไหน....

บึ้ม!

จ้าวกิเลนระเบิดกลายเป็นลูกไฟระยิบระยับ

“จำชื่อไว้ให้ดี”

เสียงแว่วดังมาจากสุสานกระบี่ที่มีเงาร่างสีเทายืนอยู่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด