ตอนที่ 234 ตัวประหลาด
พลังระเบิดของปราณแท้ทำให้ประกายไฟกระจายออกเป็นรูปดาว พร้อมกับเสียงแมวร้องบนปลายนิ้วของถังเทียน มีประกายดวงดาวบัดเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวหมองลง
เสียงหวีดหวิวหายไปทันที
ปราณที่แหลมคมและน่าภูมิใจบนกรงเล็บหายไป
ปล่อยพลังหิ่งห้อยเพลิงจ้าวปีศาจ
ถังเทียนตะโกนในใจเบาๆ
บอลแสงล้อมรอบอยู่ปลายนิ้วถังเทียนเหมือนกับหิ่งห้อยห้าตัวทิ้งร่องรอยแสงไว้ในท้องฟ้า
ทันใดนั้น ลมยามราตรีสงบในช่องว่างระหว่างหุบเขาความแห้งแล้งของใบไม้ดูราวกับฉากภาพที่แสดงโดยหิ่งห้อย
หัวใจของถังเทียนสงบ
หัวใจของจ้าวกิเลนเต้นแรง อันตรายทั้งหมดที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนในตอนนี้รายล้อมอยู่รอบตัวเขาเขามีแรงกระตุ้นที่จะจับหิ่งห้อยเข้ามา
หัวใจของเขายังคงเต้นแรง
วิชาระดับปรมาจารย์... วิชาระดับปรมาจารย์!
พอเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นตัวประหลาดในสายตาของเขา หรือว่าเจ้าเด็กนี่เริ่มฝึกฝีมือตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่? ทันทีที่วิชาระดับปรมาจารย์ถูกปลดปล่อยออกมาจากปลายนิ้วของถังเทียน เขารู้สึกเหลือเชื่ออยู่บ้าง
เกราะของเขา อาวุธสมบัติของเขาทั้งหมดยังด้อยกว่าการ์ดขุนพลวิญญาณวิชาประทีปปัญญา ของเหล่านั้นเป็นแค่สมบัติที่ทำให้เขารู้สึกอิจฉาเท่านั้น
แต่...วิชาระดับปรมาจารย์...
เขาไม่ได้โกรธถังเทียนแม้แต่น้อย แต่กลับเต็มไปด้วยความกลัวแทน
วิทยายุทธทุกรูปแบบทันทีที่ถึงในระดับฝีมือปรมาจารย์จะน่ากลัวทั้งหมดและน่านับถือที่สุดเพราะนี่คือสิ่งที่สมบัติภายนอกไม่อาจทำให้เกิดผลลัพธ์นี้ได้ ในวิทยายุทธทุกรูปแบบเขามีคุณสมบัติถูกเรียกว่าปรมาจารย์ได้
เจ้าคนผู้นี้เป็นตัวประหลาดโดยแท้
เขาเพียงแต่ฝึกฝนวิชาประทีปปัญญาได้ถึงระดับห้า เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดเรื่องการได้เป็นระดับปรมาจารย์ เนื่องเขายังมีหนทางอีกยาวไกล
หิ่งห้อยที่ส่องแสงวูบวาบให้ความรู้สึกที่เงียบและสงบ
เลือดในตัวจ้าวกิเลนแทบจะแข็งค้าง เขากัดลิ้นตัวเองเพื่อลิ้มรสเม็ดเลือดที่เปรี้ยวของเขา ทันใดนั้นเขาตื่นเต้นเนื่องจากกระตุ้นความคิดจะฆ่าอยู่ในหัวของเขา
ระดับปรมาจารย์หรือ? แล้วไงเขาเป็นระดับปรมาจารย์หรือเปล่า?
“กิเลน!”
เสียงตะโกนดังขึ้น กิเลนห้าสีบนหน้าอกเขาเรืองแสงเป็นประกายอยู่ในดวงตาเขาเหมือนเทียนเผาไหม้ มันยืดร่างออกและดูแปลกประหลาดผิดปกติ
จ้าวกิเลนนัยน์ตาเปลี่ยนสีแดงเหมือนเลือด เหมือนว่าเขากำลังจุดเทียนเผาอยู่ในความมืดดูน่าขนลุก
ปราณแข็งแกร่งและรุนแรงระเบิดออก
ม้าศึกตะลึงเล็กน้อยขณะที่เขาหยุดและหันไปมองพี่ใหญ่ของเขาและพบว่าเขากำลังสู้สุดกำลัง
จิ้งจอกหิมะหัวเราะเบาๆ “ดูเหมือนกับกำลังทุ่มเทสุดกำลังแล้ว”
จระเข้เฒ่ายังคงจ้องต่อไป เขาไม่ตั้งใจจะเปลี่ยนความคิดของเขาเขาจะทำตามแผนเดิมของเขาและหลิงซิ่วจะหมดพลังในไม่ช้า
ปราณรอบๆ ตัวทำให้เขี้ยวอสรพิษรู้สึกได้ถึงปราณของพี่ใหญ่ มีแววกระพริบครั้งหนึ่งในดวงตาที่เย็นชาของเขา หลังจากสู้เป็นเวลานานโดยไม่ประสบผลสำเร็จจิตใจที่เริ่มกังวลของเขาก็เริ่มสงบ เนื่องจากพี่ใหญ่ทุ่มสุดกำลัง อย่างนั้นเขาก็จะทำด้วยเช่นกัน
ขณะที่ม่านตาเขาเหมือนกับมีเปลวไฟลุก เขาจ้องมองหิ่งห้อยเพลิงจ้าวปีศาจ เขายกมือขวา กิเลนบนอกเขาก็เคลื่อนไปที่แขนขวาดวงตาที่ร้อนแรงส่งพลังไปที่หมัดของเขา
ปัง!
ปราณที่ป่าเถื่อนรุนแรงเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วขณะที่แสงเทียนบนหมัดของเขาระเบิดพลังออกเป็นแสงเจิดจ้า
กลุ่มกิเลนห้าสีขยายคลุมร่างของเขาเดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวหายไปอยู่ในท่ามกลางเปลวเจิดจ้าของพลังประทีปปัญญา
กิเลนห้าสีคือพลังสายเลือดระดับเงินที่หาได้ยาก เขาใช้เงินถึงเก้าล้านเหรียญดาวเพื่อซื้อมา ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ใครๆจะได้รับพลังสายเลือดโบราณ มันมีพลังของกิเลนโบราณแม้ว่าจะมีอยู่เบาบางก็ตามแต่กิเลนโบราณก็ป่าเถื่อนและอันตราย นั่นก็เพียงพอสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนได้
กิเลนพิโรธ!
ภายในเงาของหมัดที่แดงเข้ม เป็นรูปความโกรธเกรี้ยวของกิเลน
ควั่บ
หิ่งห้อยปีศาจตัวแรกบินตรงเข้าหากิเลน แต่ก่อนที่มันจะเข้าไปใกล้ กิเลนก็คำรามและระเบิดพลังที่ไร้สภาพออกมา หิ่งห้อยระเบิดและกลายเป็นดอกไม้ไฟที่งดงามตา
ตูม..
หิ่งห้อยสามตัวระเบิดทีละตัวกลายเป็นดอกไม้ไฟงามจับตาเหมือนกับตาข่ายใหญ่ที่รายล้อมกิเลน
กิเลนโกรธมากในตอนนี้ มันยกขาหน้าขึ้นแล้วย่ำลง
คลื่นปราณกวาดไปทั่วพื้น
ตาข่ายพลุแตกระเบิดออกเหมือนกับลูกโป่ง ดูคล้ายกับว่าจะแตกทำลายขณะที่ระเบิด
บึ้มหิ่งห้อยอีกตัวระเบิดและเป็นรูปดอกไม้ไฟก่อนที่มันจะพุ่งไปหาตาข่ายดอกไม้ไฟตอนนี้ไฟบนตาข่ายแข็งแกร่งมาก
เสียงร้องแว่วๆของแมวดังแว่วออกมาทันทีและมีสายปราณลึกลับสีดำพุ่งออกมาครอบคลุมร่างกิเลนเหมือนกับแมวดำ มันเคลื่อนไหวได้เร็วมาก ตาที่เหมือนเปลวเทียนของกิเลนสั่นกระพือด้วยเสียงร้องที่น่าขนลุกของแมวป่านั้น ทำให้มันรู้สึกผิดปกติ
ทันใดนั้นตาข่ายเพลิงหดตัวลงพยายามรวบตัวกิเลนไว้แน่น กิเลนร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทันทีขณะที่มันพยายามดิ้นรนให้หลุดแต่ตาข่ายเพลิงรวบแน่นลงทุกทีๆสายข่ายเหมือนกับทำจากเหล็กพยายามรวบจับตัวกิเลนให้ล้มลง
ปราณสีดำลึกลับฉวยโอกาสนี้แทรกเข้าไปในร่างกิเลน
กิเลนชะงักค้างก่อนที่จะระเบิดเป็นผุยผงกลายเป็นแสงสีรุ้ง
จ้าวกิเลนเพียงแต่รู้สึกเจ็บปวดที่อกเหมือนกับว่าเขาถูกค้อนทุบเขาปลิวกระเด็นและกระอักโลหิตออกจากปาก
“พี่ใหญ่!”
คนอื่นๆ คลั่งแค้น
ในกลางอากาศนัยน์ตาของจ้าวกิเลนหรี่แคบขณะที่หิ่งห้อยที่บินฟ้าและเกียจคร้านตัวหนึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา
แย่แล้ว
บึ้ม
หิ่งห้อยระเบิดอยู่ต่อหน้าจ้าวกิเลน ประกายไฟเหมือนพลุนับไม่ถ้วนระเบิดคลุมเต็มทัศนวิสัยการมองของเขา
“พลังปกป้อง!”
จ้าวกิเลนไม่สนใจอะไรอื่นอีกต่อไปขณะที่เขาตะโกน
โล่เล็กๆ ปรากฏขึ้นต่อหน้าของเขากะทันหันบังพลุไฟเอาไว้ พลุไฟกระทบที่ด้านหลังโล่และมันแตกกระจายเป็นชิ้นๆ นับไม่ถ้วนร่วงลงพื้นแต่จ้าวกิเลนถือโอกาสหลบการโจมตีครั้งนี้ได้
ควับ!
จ้าวกิเลนหอบหายใจหนักหน่วงขณะจ้องมองเด็กหนุ่มผู้นี้ โล่นี้คือสมบัติชั้นเงินจากหมู่ดาวโล่ เขาได้โล่ปกป้องนี้มานานแล้วแต่ไม่เคยมีโอกาสได้ใช้ เขาไม่เคยคาดเลยว่าจะต้องเอามาใช้ช่วยชีวิตของเขาเองในวันนี้ แม้ว่าสมบัติจะถูกทำลาย แต่เขาไม่ได้รู้สึกปวดใจ เขาเพียงแต่จ้องดูถังเทียน
ระดับปรมาจารย์..แน่นอน นั่นเป็นวิทยายุทธระดับปรมาจารย์แน่!
หิ่งห้อยทั้งห้าเปลี่ยนวิธีสู้ได้แน่นอน จากที่เขาได้เห็นทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่ามันมีชีวิต จนกระทั่งวันนี้เขาถึงได้รู้ว่าวิทยายุทธระดับปรมาจารย์นั้นมีพลังชีวิต
ถ้ามันเป็นแค่หิ่งห้อย ก็คงจะไม่น่ากลัว แต่หมอกสีดำที่น่าหวาดหวั่นนั่น ผนวกกับเสียงร้องของแมว ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะรับมือได้
จ้าวกิเลนสูดลมหายใจลึกและลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
ตอนนี้แววตาของเขาสงบแล้ว วิทยายุทธสังหารต้องใช้พลังงานของเด็กหนุ่มค่อนข้างมาก เพราะปราณแท้ของเขาคงจะร่อยหรอไปแล้ว เขามีพลังปราณแท้ระดับเจ็ดและเขาสามารถบอกได้ว่าถังเทียนเป็นเพียงระดับหก
แต่ช่างน่าประทับใจยิ่งนักที่นักสู้ระดับหกสามารถสร้างเคล็ดสังหารที่น่ากลัวเช่นนั้นได้!
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเคล็ดวิชาที่งดงาม คู่ต่อสู้ของเขายังไม่สามารถใช้ได้ตามใจปรารถนาได้ เมื่อไตร่ตรองเช่นนั้นจ้าวกิเลนยกเลิกความคิดที่จะจบการต่อสู้นี้โดยเร็ว เขามองดูถังเทียนเหมือนกับเป็นคู่ต่อสู้ที่ช่วยยกระดับพลังให้เขา
การต่อสู้เพิ่งเริ่มต้น!
พร้อมกับประกายเย็นชาในดวงตา เขาหายไปทันที
จากนั้นเขาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังถังเทียนและโจมตีใส่ต้นคอของถังเทียน ราวกับว่าถังเทียนรู้สึกตัวอยู่ก่อนแล้วเขาก้มศีรษะและตวัดขาซ้ายกวาดใส่ขาจ้าวกิเลนเป็นการตอบโต้
ร่างของทั้งสองสั่นสะท้าน
เขาแข็งแกร่ง! หัวใจของถังเทียนเต้นแรง
พลังของเจ้าผู้นี้แข็งแกร่งมาก! จ้าวกิเลนประหลาดใจ
ทั้งสองมองหน้ากันและตวาดพร้อมกับก้มตัวลงต่ำ
ปัง
เหมือนกับกระทิงดุสองตัว ทั้งสองศีรษะชนศีรษะ พื้นสั่นสะเทือนขณะที่ระลอกคลื่นปราณกระจายออก
ระดับพลังโจมตีจากทั้งสองฝ่ายรวดเร็วผิดธรรมดา เหมือนกับเงาร่างสองสายโรมรันพันกันเป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นพวกเขาได้ชัดเจน เสียงปะทะกันดังสนั่นสั่นสะเทือน พื้นรอบๆ ตัวพวกเขาระเบิดเป็นครั้งคราว ส่งผลให้โคลนและสิ่งสกปรกกระเด็นขึ้นในอากาศ
ตอนนี้จ้าวกิเลนชักหวั่นใจ เพราะวิทยายุทธเจ้าผู้นี้แตกต่างกันสิ้นเชิง เขายังไม่สามารถมีเปรียบได้แต่อย่างใด ถ้าไม่อย่างนั้น ด้วยวิทยายุทธเหล่านี้เขาคงหนีได้
ในที่สุดเขาก็พบกับคนที่ฝีมือพอๆ กับเขา ดังนั้นเขาอาจใช้โอกาสนี้เพื่อฝึกวิทยายุทธระดับเจ็ดเหล่านี้คือหัตถ์แสงสะท้าน, ดรรชนีห่วงและเท้าไร้สิ้นสุด
วิทยายุทธแต่ละอย่างมาจากการ์ดวิญญาณระดับทองทั้งนั้น
แค่มองจากวิทยายุทธ นี่ก็เพียงพอไล่ต้อนถังเทียนจนแทบตายได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นประทับหัตถ์ใหญ่ใครจะใช้วิทยายุทธระดับห้าให้ตัวเองขายหน้าเล่า? วังวนวิหคขาวและท่าเท้าดาบถานถุ่ยก็เช่นเดียวกันยังคงเป็นวิทยายุทธระดับห้า....
นอกจากกรงเล็บภูตพรายซึ่งนับได้ว่าเป็นวิทยายุทธที่ยอดเยี่ยมแล้ววิทยายุทธอื่นๆ เป็นแค่มดแมลง
แต่มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกันในสนามต่อสู้จริงๆ
ถังเทียนเทียนพึ่งพาวิทยายุทธระดับต่ำป้องกันการโจมตีเป็นพายุบุแคม ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้จ้าวกิเลนจิตตก พวกเขาแตกต่างกันถึงสองระดับ
เป็นไปได้อย่างไร?
เขาคิดแล้วคิดอีกแต่ก็ยังไม่เข้าใจ สิ่งที่ทำให้เขาแทบกระอักโลกหิตก็คือ เมื่อถังเทียนตกอยู่ในอันตรายเขาจะใช้กรงเล็บเพลิงภูตพรายคลี่คลาย
พลังของกรงเล็บเพลิงที่น่ากลัวนั้นใช้ประโยชน์ได้เมื่อสู้ระยะไกลและใกล้
ปัดโธ่เว้ย เจ้าบัดซบคนไหนที่สร้างวิชาที่ร้ายกาจนี้ขึ้นมา?
พอสู้ระยะประชิด กรงเล็บเพลิงภูตพรายของถังเทียนก็ไม่ช้าลงแต่อย่างใด ความเร็วปานสายฟ้าทำให้เหมือนมีคนอยู่ภายในพลุไฟ
นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวกิเลนรู้สึกท้อแท้
เขารู้สึกว่าเด็กหนุ่มต่อหน้าเขาทำให้เขาเหมือนพ่ายแพ้ เจ้าเด็กนี่เหมือนกับเต่า เขาไม่มีจุดอ่อน
เว้นแต่... ข้าต้องใช้วิชานั้น?
จ้าวกิเลนลังเลใจ
ถ้าเขาใช้วิชานั้น ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะเอาชนะได้ แต่เขาต้องพักร่างกายไปครึ่งปีเว้นเสียแต่จนปัญญา เขาไม่ต้องการจะใช้วิชานั้น
แต่ ในไม่ช้า เขาไม่มีเวลาคิดอีกต่อไป ถังเทียนระดมโจมตีเหมือนห่าฝน ไม่ให้โอกาสเขาได้พักหายใจ
เขากำลังจะหมดแรง
ควั่บ
ทันใดนั้น จ้าวกิเลนฝืนใช้หมัดต่อยลงพื้น ใช้พลังขาดึงตัวหนีออกมา
ตัวของเขาเปียกโชกราวกับเพิ่งขึ้นมาจากน้ำหอบหายใจอย่างหนักหน่วงราวกับมีไฟออกมาจากจมูก เขาพยายามรวบรวมลมปราณขณะจ้องมองถังเทียนเขม็ง ถังเทียนก็หลั่งเหงื่อโชกเช่นกันแต่เขาก็ยังดูดี
โธ่เว้ย
เจ้าบ้านี่ เป็นตัวประหลาดที่โผล่มาจากไหนกันนี่...