ตอนที่แล้วตอนที่ 21 แตกเนื้อหนุ่ม (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 23 ผมอยากเรียนเวทมนตร์ (อ่านฟรี)

ตอนที่ 22 วุ่นวายอะไรอย่างนี้ (อ่านฟรี)


แม็กนัสตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เขายังคงรู้สึกถึงอากาศเย็นๆ ที่ก้นอยู่เลย เขาตระหนักทันทีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เป็นเรื่องจริง เขาบรรลุนิติภาวะแล้วมันก็ไม่มีอะไรน่าอวดหรอก แค่หมายความว่าเขากำลังจะถูกดึงดูดโดยเพศตรงข้ามในอนาคต

“อาเธอร์ คุณมีเทคนิคที่จะเมินผู้หญิงที่สวยๆ ไหม?” เขาถาม

“แน่นอน ข้ามีเยอะเลย วิธีที่ดีที่สุดคือชักว่าววันละ 5 ครั้ง เมื่อไม่เหลืออะไรในไข่แล้ว จะได้ไม่ต้องยัดใส่ใคร...” อาเธอร์ตอบพร้อมทำหน้าเอือมระอา ราวกับว่าเขากำลังนึกถึงวันเก่าๆ

แม็กนัสแทบอาเจียน “คุณเพี้ยนไปแล้วหรือไง บอกกับเด็กอายุ 11 ขวบให้… เอ่อ... คุณไม่ใช่ราชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว คุณมันราชาแห่งความโรคจิตที่สุดต่างหาก...” แม็กนัสเหวใส่อาเธอร์

เขาลุกขึ้นและลงไปข้างล่าง มันเป็นวันเกิดของเขาและเช่นเคยพวกเขาจะมีงานเลี้ยงเล็ก ๆ

“แม่จ๋า...” เขาโผเข้ากอดแม่อย่างมีความสุข จากนั้นหันไปกอดพ่อของเขา

"สุขสันต์วันเกิดนะลูกรัก..." เกรซลูบผมด้วยความรัก

“แม็ก ลูกโตเร็วเกินไปแล้ว… สูงถึงอกพ่อแล้วเนี่ย” อดัมสังเกตเห็นความสูงของเขา

"แน่นอนฮะ มันคือพลังแห่งแพนเค้ก" เขาตอบติดตลก ทำให้เกรซหัวเราะ

“แม่ฮะ วันนี้ผมจะช่วยแม่ทำอาหารนะฮะ” เขาตัดสินใจผิด

“จ-จริงเหรอ? ลูกไม่อยากอ่านหนังสือเหรอจ๊ะ?” เธอถามเขาเหมือนปกติที่เขาทำ

“ผมว่าผมอ่านมาพอแล้ว ผมสอบเข้ามัธยมปลายได้สบายๆ เลยนะฮะแม่” แม็กนัสตอบอย่างมั่นใจ

“ช่างน่ารักเหลือเกินลูกแม่ มามะเดี๋ยวแม่จะโชว์วิธีทำอาหารอร่อยๆ ให้ลูกดูนะจ๊ะ” ตอนนี้เธอตื่นเต้นกับเรื่องนี้สุดๆ

ในไม่ช้า แม็กนัสก็มีแป้งเต็มตัว แต่ทุกอย่างก็คุ้มค่า เขาสนุกกับมันมาก ในที่สุดเขาก็ทำแพนเค้กเป็นอาหารเช้าด้วยตัวเอง พวกมันไม่มีชิ้นไหนที่สมบูรณ์แบบเท่ากับสิ่งที่แม่ของเขาทำ แต่ผลของการทำงานด้วยตนเองนั้นหอมหวานเสมอ

สักพักเขาก็เดินลั้นลากลับไปที่ห้องของเขาอย่างร่าเริง เพื่อดูว่าเขาจะสร้างไฟจากมือของเขาได้อีกหรือไม่

เขามักจะเก็บถ้วยเล็กๆ ไว้ใส่น้ำ เอาไว้เผื่อว่าเขาจะเผลอทำไฟไหม้

เขานั่งบนเก้าอี้คราวนี้พยายามสร้างไฟบนฝ่ามือทั้งสองของเขา เขาใช้เวลาไม่กี่นาทีมัน แต่เขาก็สามารถสร้างไฟได้ดวงเล็กๆ เขาตระหนักว่าเขาต้องทุ่มเทอย่างมากเพื่อทำสิ่งนี้

“บางทีฉันน่าจะลองนั่งสมาธิหรือทำอะไรสักอย่างเพื่อให้มีสมาธิมากขึ้น เอาล่ะ มาดูกันว่าฉันจะพ่นไฟจากปากไม่ก็เท้าได้ไหม” เขาตัดสินใจลองดู

เขาลองด้วยเท้าก่อน เท้าไม่มีการไหลเวียนของเลือดที่ดีเท่าส่วนอื่นๆ ของร่างกาย อยากรู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า

*ฟึบ*

“นั่นไง มีแค่ประกายไฟ สงสัยฉันยังไม่แกร่งพอที่จะทำอย่างนั้น เอาล่ะ เรามาลองใช้ปากกันเถอะ”

"ฟู่วววว..."

"ฟู่ๆๆๆๆๆ..."

*แคก แคก*

"ไม่ มีแต่ควันออกมา สรุปเลยว่าอายุ 11 ขวบไม่ได้ทำให้แข็งแกร่งขึ้นเต็มที่ อืม เราจะมีเวลาเพียงพอในโรงเรียน" เขาคิดกับตัวเองและหยุดฝึกฝนเพราะเขาว่าเขาใช้เวลากับมันมากเกินไปแล้ว

ไม่นานจากนั้นเสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น เขาพุ่งตัวลงไปชั้นล่าง เขารู้ว่าน่าจะเป็นบ็อบบี้

หลังจากบ๊อบเข้ามาในห้องแล้ว บ๊อบบี้ก็ร่ายออกมาอย่างรวดเร็ว “แม็ก...คุณต้องไม่เชื่อว่าฉันเห็นอะไรมา...”

"อะไรล่ะ?" แม็กนัสถามกลับ

"ฉัน... ฉันกับแม่กำลังเดินไปที่ธนาคาร ฉันสังเกตเห็นอะไรแปลกๆ ในตู้โทรศัพท์ แม็กคนในตู้จู่ๆ หายลงไปบนพื้น อย่างกะว่าตู้โทรศัพท์เป็นลิฟท์อ่ะ... อย่างหลอนอ่ะแม็ก" บ๊อบบี้จ้อไม่หยุด

“หืม… พวกเขาสังเกตุเห็นนายหรือเปล่า?” แม็กนัสถาม

“เปล่าๆ ฉันก็มองพวกเขาผ่านหน้าต่างจากในธนาคาร มีสองคน คนหนึ่งผมบลอนด์ยาว อีกคนผมสีเข้ม” บ๊อบบี้เผย

“หืม พวกเขาจะเป็นอะไรก็ได้ ผู้วิเศษหรือไม่ก็หน่วยข่าวกรองสักแห่ง แต่อย่าพูดเรื่องนี้กับใครนะ บ๊อบบี้ พอฉันเข้าโรงเรียนใหม่ ฉันจะเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ทั้งหมด แต่ต้องให้แน่ใจว่านายจะไม่ถูกลบความทรงจำหลังจากถูกจับได้”

เขาเตือนเขา

บ๊อบบี้พยักหน้า เขาไม่ต้องการปัญหาใดๆ "ฉันไม่ทำหรอกน่า โอ้ สุขสันต์วันเกิดนะ"

“ฮ่าฮ่า ทีนี้นายก็จำได้สักทีว่านายมาที่นี่ทำไม ฉันมีอะไรให้ดู ดูที่ฝ่ามือของฉันสิ” เขาโชว์เปลวไฟของเขา

"วู้ว้าววว...เจ๋งมาก ทำอาหารด้วยมือได้เลยเนี่ย ไม่ต้องเสียค่าแก๊สฯ" บ๊อบบี้อุทานด้วยความดีใจ

แม็กนัสขมวดคิ้วทันใด "ใช่ เราทำได้ แต่ฉันก็สามารถใช้มันต่อสู้ได้เหมือนกัน"

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของบ๊อบบี้ก็สลดลง “ปีนี้นายจะไปแล้ว ฉันคงเบื่อมาก”

*แปะ แปะ*

แม็กนัสตบไหล่ของเขาและพูดว่า “ไม่เอาน่าบ๊อบบี้ นี่คือโอกาสของนาย เป็นผู้ที่เยี่ยมยอดที่สุดในการศึกษา บ่มเพาะอำนาจเหนือนักเรียนทุกคน สร้างกลุ่มผู้ติดตามของนายเอง ซึ่งประกอบด้วยผู้ที่ฉลาด แข็งแรง และมีพื้นฐานครอบครัวที่มีอิทธิพล ฉันแน่ใจว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อนายในภายหลัง นอกจากนี้ เมื่อเราทั้งสองจะเริ่มต้นธุรกิจในอนาคต เราสามารถใช้ความสัมพันธ์รวมทั้งผู้ติดตามทั้งหมดเหล่านี้ได้”

บ๊อบบี้พยักหน้า "นายไปอ่านเรื่องพวกนี้จากที่ไหน?"

“ก็ซิเรียสไง เขาทิ้งหนังสือไว้กับฉัน มันเกี่ยวกับทฤษฎีของพวกเลือดบริสุทธิ์ ในนั้นมันมีแต่วรรณกรรมเหยียดคน แต่ข้อดีเพียงอย่างเดียวที่ฉันพบคือกฎที่ฉลาดและแข็งแกร่งที่สุดนั้นเหนือกว่าคนที่ฉลาดและแข็งแกร่ง ก็เลยคิดได้ว่าถ้าอยากจะได้ดีก็ต้องเป็นผู้นำคน” แม็กนัสอธิบาย

กรามของบ๊อบบี้อ้าออก “ร้ายกาจ แต่ฉันไม่ได้เก่งเหมือนนายนะ เพราะงั้นนายต้องคอยช่วยฉันเป็นระยะๆ”

“แน่นอน เราจะเป็นพี่น้องกันตลอดไป บ๊อบบี้ ฉันจะต้องหาเงินให้ได้เยอะๆ เพราะฉันอยากจะเติมเต็มความฝันของแม่ ที่อยากเป็นเจ้าของโรงพยาบาลของเธอเอง ฉันจะมอบโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่และดีที่สุดในโลกให้เธอ แล้วนายล่ะ นายมีความฝันว่าไง?” แม็กนัสถามเขา

บ๊อบบี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง “อืม ฉันแค่อยากให้ธุรกิจของพ่อประสบความสำเร็จ ให้พวกเขาได้พักผ่อนบ้าง”

"แล้วเราก็จะทำทั้งหมดนั้น" แม็กนัสกระตุ้นเขา

“แม็ก...ลงมานี่สิลูก...” เสียงของเกรซดังขึ้น เรียกให้พวกเขาไปทานอาหารเย็น

พวกเขาลงไปชั้นล่าง มีงานเลี้ยงเล็กๆ ในครอบครัว คราวนี้พ่อแม่ของบ๊อบบี้ไม่ได้มาด้วย

...

แม็กนัสเข้าสู่โหมด Expert เต็มรูปแบบเนื่องจากตอนนี้เขามีเวลาน้อยลง เขาจำหนังสือทุกวิชาของฮอกวอตส์ได้จนถึงปี 4 เขายังเชี่ยวชาญวิชาระดับมัธยมปลายอีกด้วย ตอนนี้ เป้าหมายหลักของเขาคือการอัดความรู้ในโรงเรียนมัธยมทั้งหมดไว้ในหัวของบ๊อบบี้ เพื่อที่เขาจะได้เริ่มต้นในทุกสิ่งที่เขาต้องทำในชีวิต

จากสิ่งที่บ๊อบบี้ศึกษาและเชี่ยวชาญ ทุกคนทราบดีว่าเขากำลังจะข้ามม. 3 ไปชั้นม. 4 โดยตรงในปีนี้ นั่นหมายความว่าเมื่ออายุได้ 13 ปี บ๊อบบี้ก็จะจบมัธยมปลายแล้ว [ผู้แปล:รร.ยุโรปส่วนใหญ่จบประมาณเด็กไทยอยู่ม. 5 ถ้านับของอังกฤษคือ ปี 12 หรือเกรด 11 ในอเมริกา]

สำหรับเด็กอายุ 13 ปีที่รอบข้างเต็มไปด้วยเด็กอายุประมาณ 16 หรือ 17 ปีถือเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง พวกนั้นจะกลั่นแกล้งเขาอย่างแน่นอนเพราะเขาอายุน้อยกว่าและดีกว่าพวกนั้น ดังนั้นเขาต้องช่วยให้บ๊อบบี้เรียนรู้การต่อสู้ พ่อของแม็กนัสยังสอนพวกเขาในเรื่องนี้รวมถึงวิธีเคลื่อนไหวแบบทหารให้พวกเขาด้วย

สำหรับแมกนัส บ็อบบี้เป็นเหมือนน้องชายของเขามากกว่า เพราะตั้งแต่อยู่ชั้นอนุบาล เขาก็เห็นบ๊อบบี้ถูกรังแก ถูกคนอื่นทำให้เสียใจหรือเหยียดหยามเพราะเสื้อผ้าที่สกปรกของเด็กชาย ตั้งแต่นั้นมา แม็กนัสก็คอยอยู่เคียงข้างและช่วยเหลือเขาทุกครั้งที่ทำได้

ตอนนี้เขาจำเป็นต้องทิ้งน้องชายไว้เบื้องหลัง แน่นอนว่าเขากังวลอยู่สักหน่อย เขาต้องแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เขาไม่อยากให้ความก้าวหน้าและความแข็งแกร่งทางจิตใจที่บ๊อบบี้พัฒนาขึ้นมาถูกทำลายโดยอันตพาลผู้ไม่หวังดี

สรุปแล้ว แม็กนัสต้องปกป้องครอบครัวของเขาเป็นอย่างดี และด้วยเหตุผลบางอย่าง สัญชาตญาณนี้ก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ที่เขาได้รับพลังเวทย์มนตร์

“บ็อบบี้ ตอนนี้เป็นเดือนกรกฎาคมแล้ว ฉันกำลังจะได้รับจดหมายจากฮอกวอตส์เร็วๆ นี้ นายจำที่ฉันสอนทั้งหมดได้หรือยัง?” แม็กนัสถาม

"แม่น ห่วงตัวเองก่อนเหอะน่าแม็ก นายกำลังเข้าสู่ดินแดนที่ไม่มีในแผนที่นะ แถมไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนด้วย" บ๊อบบี้เถียง

“นั่นก็จริง แต่ฉันรู้สึกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดี” แม็กนัสตอบกลับ

แม็กนัสตื่นเต้นขึ้นทุกวันหลังจากนั้น เปิดประตูทุกครั้งเมื่อมีคนกดกริ่งที่ประตู หวังว่าจะได้รับจดหมาย แต่ไม่มีใครมา หลังจากนั้นไม่กี่วันเขาก็เลิกสนใจ

...

ฮอกวอตส์,

ศาสตราจารย์มักกอนนากัลกำลังนั่งอยู่ในห้องที่เก็บปากกาขนนกรับรองและหนังสืออนุญาต ช่วงเวลานี้ของปีที่จดหมายถูกส่งออกไป

ผู้ที่มีสืบทอดทางเวทมนตร์ก่อนหน้านี้ได้รับนกฮูกส่วนพวกที่เกิดจากมักเกิ้ลจะได้รับจดหมายจากคณาจารย์ของฮอกวอตส์เนื่องจากการอธิบายให้มักเกิ้ลฟังเป็นเรื่องยากมาก

เธอทำเช่นนี้ทุกปีและทำได้ดีมากด้วย ขณะที่กำลังอ่านชื่อของเด็กๆ ที่กำลังจะขึ้นปี 1 เร็วๆ นี้ เธอสะดุดกับชื่อแปลกๆ เธอสะดุ้งเมื่อรู้ว่าเป็นชื่อที่ดัมเบิลดอร์บอกให้เธอคอยเฝ้าระวัง

เธอรีบปิดหนังสือและไปที่ห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ ดัมเบิลดอร์อยู่ที่นั่น แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำอะไรในขณะที่อยู่ข้างใน

เธอเข้ามาอย่างตื่นเต้น “อาจารย์ใหญ่ ฉันเจอแล้ว ชื่อที่คุณหาอยู่ แต่ฉันเชื่อว่ามีประเด็นอยู่สักหน่อย”

“เป็นอะไรไปมิเนอร์วา? เขาไม่มีชื่อเพนดรากอนเหรอ?” ดัมเบิลดอร์ถามจากที่นั่งด้านหลังโต๊ะ ดูเหมือนชายชราผู้รอบรู้

“ไม่ มันมีเพนดราก้อนอยู่จริงๆ แต่สิ่งที่ฉันกังวลคือหนึ่งในชื่อกลางของเขา ในหนังสือชื่อเต็มของเขาคือแม็กนัส แกรนต์ เอมริส เพนดรากอน อัลบัส นี่ไม่ใช่นามสกุลของพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่เมอร์ลินเหรอ?” เธอถามเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของดัมเบิลดอร์ก็เปล่งประกายยิ่งกว่านิวเคลียร์นับพันลูก สุนัขจิ้งจอกแก่ใช้สมองทำงานมากเกินไป

"มิเนอร์วา ทิ้งจดหมายของเขาไว้ที่นี่ ผมจะไปพบเขาเป็นการส่วนตัว" เขาตัดสินใจแล้ว

มักกอนนากัลผงะแต่ก็ไม่ได้โต้แย้ง อาจารย์ใหญ่มีสิทธิ์ที่จะไปพบผู้ปกครองของเด็กเพื่อสอนเวทมนตร์

...

บ้านของแม็กนัส

*ก๊อกก๊อก*

“มาแล้วคร้าบ...” แม็กนัสตะโกนออกมาจากในบ้านของเขาและวิ่งมาต้อนรับ

แม็กนัสเปิดประตูและตกตะลึง มีชายชรารูปร่างสูงโปร่งสวมชุดคลุมเก่าสีขาวที่ดูดีกว่าในพิพิธภัณฑ์ แล้วก็มีหมวกแหลมทรงแปลก ๆ

"ว้าว... เคราของคุณช่าง... อลังการ" แม็กนัสพึมพำคำแรกที่เข้ามาในหัวของเขาหลังจากเห็นชายคนนั้น

ชายชราหัวเราะเบา ๆ และตอบว่า "อืม ขอบคุณสำหรับคำชมนะ"

“ชื่อของฉันคืออัลบัส เพอร์ซิวาล วูลฟริก ไบรอัน ดัมเบิลดอร์ อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ แม็กนัส พ่อแม่ของเธออยู่ที่บ้านไหม?” ดัมเบิลดอร์ถามอย่างสุภาพ

กรามของแม็กนัสอ้าค้าง วันนี้เขาตรงประเด็นและฉับไวกว่าทุกครั้งที่เขาพูด ดังนั้นเขาจึงพูดทุกอย่างที่อยู่ในใจของเขา “เป็นชื่อที่ยาวมาก”

~ชื่อเธอสั้นกว่าของฉันแค่คำเดียว เด็กน้อย~ ดัมเบิลดอร์คิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกมาดังๆ เขายังคงประเมินแม็กนัส เขารู้สึกได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ได้ใช้ในตัวเขา เหมือนกับที่เขาไม่เคยรู้สึกแม้แต่ในตัวเขาเองหรือ...ในตัวเขา... จากวิธีที่แม็กนัสพูด เขาดูคล่องแคล่วแต่ไม่หยิ่งยโส ซึ่งเป็นสัญญาณในการเลี้ยงดูที่ดี

ก่อนมาที่นี่ เขาได้ตรวจสอบประวัติครอบครัวของเด็กชายแล้ว ดังนั้น เขาจึงมาในเวลาที่แม็กนัสอยู่คนเดียวและพ่อแม่ของเขากำลังจะกลับบ้าน

ถ้าแม็กนัสมีแค่นามสกุลเพนดรากอน เขาก็คงไม่พยายามเกินเลยที่จะได้พบเขา แต่ตอนนี้ เพราะเขามีชื่อเมอร์ลินด้วย เขาจึงไม่สามารถเพิกเฉยต่อมันได้ ประวัติศาสตร์เวทมนตร์รู้ว่า เมอร์ลินกับอาเธอร์นั้นสนิทกันเหมือนพี่น้อง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกหากแม็กนัสได้รับมรดกจากทั้งคู่

แต่สิ่งหนึ่งที่เขาแน่ใจว่านั่นไม่ใช่มรดกทางธรรมชาติ แม็กนัสรับมันด้วยวิธีบางอย่าง แต่เขาไม่สนใจที่จะรู้เรื่องนี้ เพราะผลลัพธ์อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ถ้ามรดกของเมอร์ลินเห็นว่าแม็กนัสเหมาะสม เขาก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน

เป็นที่รู้กันว่าเมอร์ลินเป็นพ่อมดที่สนับสนุนสันติภาพและความเท่าเทียม ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเชื่อเช่นกัน นอกจากนี้ ดัมเบิลดอร์กำลังวางแผนที่จะดูแลแมกนัสให้กลายเป็นคนอย่างเมอร์ลินเมื่อเขาโตขึ้น และนำโลกเวทมนตร์ไปสู่จุดสูงสุดของความสามัคคี สันติสุข และความก้าวหน้า

ก็ถ้าเขารู้ว่าเมอร์ลีนกับอาเธอร์ตัวจริงเจ้าเล่ห์แค่ไหนล่ะก็...

“ไม่ครับ พ่อกับแม่จะกลับบ้านเร็วๆ นี้ คุณมีจดหมายอยู่กับตัวไหมครับ ผมต้องรู้ว่าคุณเป็นคนจากฮอกวอตส์จริงๆ หรือเปล่า”

แม็กนัสเรียกร้อง เขาจะไม่ปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านของเขาแบบนี้แน่

แต่ดัมเบิลดอร์รู้สึกงุนงง เขาได้อ่านบันทึก แม็กนัสเป็นเด็กที่เกิดกับครอบครัวมักเกิ้ล เขาไม่ควรรู้เรื่องจดหมาย

“เธอรู้เรื่องโลกเวทมนตร์อย่างนั้นหรอ?” ดัมเบิลดอร์ถาม

แม็กนัสพยักหน้า “ครับ เพื่อนของผมก็มีเวทมนตร์เหมือนกัน เขาชื่อซิเรียส”

"ซิเรียส แบล็ก? อืม เขาเป็นเด็กดี ดีกว่าคนอื่นๆ มาก มีใครรู้เรื่องนี้ไหม?" ดัมเบิลดอร์สอบถามเพิ่มเติม

แม็กนัสส่ายหัว “ไม่ ผมไม่ได้บอกพ่อแม่ด้วยซ้ำ”

ดัมเบิลดอร์พยักหน้าพลางยื่นจดหมายให้แม็กนัส

เขาทำได้เพียงยอมรับคำพูดของแม็กนัสตามที่เห็นสมควรเพราะเขาไม่โง่พอที่จะพยายามเจาะลึกเข้าไปในหัวของเขา เขาได้เห็นแล้วว่าคำสาปของเมอร์ลินกำลังทำอะไรกับพวกราชวงศ์ เขาไม่ต้องการเผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของตำนานเก่าแก่

*ปั้ง* (เสียงปิดประตูรถ)

อดัมนั่นเอง เขาวิ่งออกจากรถและตะโกน "อยู่ให้ห่างจากลูกชายของฉัน! แม็กนัส กลับไปข้างในแล้วโทรแจ้งตำรวจ มีข่าวแพร่สะพัดไปทั่วว่ามีพวกคลั่งเด็กเที่ยวเพ่นพ่านแระแวกนี้"

แม็กนัสมองไปที่พ่อของเขา จากนั้นดัมเบิลดอร์ก็หน้ามืดลงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

ดัมเบิลดอร์รู้สึกหงุดหงิดเช่นกันเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล่าวหาว่าเขาเป็นพวกคลั่งเด็ก… อืม.. ก็ไม่ใช่ครั้งแรกแต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ใช่แบบนั้นและไม่ชอบให้ใครเรียกแบบนั้น

“คุณแกรนท์ ผมไม่ใช่คนที่คุณคิด ฉันเป็นอาจารย์ยะ-” ดัมเบิลดอร์ปกป้องตัวเอง

แต่อดัมชักปืนออกมา "ออกไปให้ไกลจากประตูและลูกชายของฉัน..."

ดัมเบิลดอร์เพิ่งตระหนักว่าไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีที่สุดที่จะมาที่นี่เมื่อแม็กนัสอยู่คนเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีพ่อแม่เป็นทหาร ซึ่งปกป้องลูกมากเกินไป

~วุ่นวายอะไรอย่างนี้~

_____________________________

เพจแปลถ้าเช่นนั้นข้าขอลา

ดัมเบิลดอร์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด