ตอนที่แล้วบทที่ 841 ความไม่รู้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 843 พักกลางวัน

บทที่ 842 จะไม่นั่งเฉยๆ(ตอนฟรี)


บทที่ 842 จะไม่นั่งเฉยๆ

“เร็วเข้าๆ! กว้านซื้อหุ้นทั้งหมดที่มีคนเทขาย เราต้องยึดครองมาให้ได้ทั้งหมด!” ในสำนักงานใหญ่ของเฟยหลงกรุ๊ป ซูหลงจ้องมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง เส้นเลือดบนหน้าผากถึงกับเต้นตุ้บๆ “ต้องประคองราคาไว้ให้ได้ อย่าให้มันลงต่ำไปกว่านี้!”

ซูเฉ่าที่ยืนอยู่ข้างๆมีใบหน้าที่ไม่ได้ดีไปกว่าพ่อของเขาเลย ความเย็นชาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารฉายชัดอยู่ในแววตา “พลังของตระกูลโจวมีมากกว่าที่คิด เจ็บแสบมาก!”

เมื่อซูเฉ่าได้รู้ว่ามีการออกอากาศทางทีวีรายงานเรื่องเฟยหลงกรุ๊ปอาจมีการดำเนินการอย่างผิดกฎหมาย และได้มีการส่งชุดทีมสืบสวนเข้ามาตรวจสอบบริษัท ซูเฉ่าก็รู้ได้เลยว่างานนี้พังแน่!

แม้ว่าซูหลงจะเป็นหัวหน้าแก๊งพยัคฆ์มังกรและเป็นประธานใหญ่ของเฟยหลงกรุ๊ป แต่ในความเป็นจริงเขาไม่ได้มีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์และการจัดการอุตสาหกรรมมากนัก ดังนั้นธุรกิจที่เป็นทางการจึงถูกดำเนินการโดยซูเฉ่าทั้งหมด และสิ่งที่ซูหลงรับผิดชอบก็มีเพียงแค่เรื่องที่เกี่ยวกับแก๊งพยัคฆ์มังกรเท่านั้น

ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าใจได้ว่า ทำไมซูหลงถึงได้ไม่รู้ว่าข่าวพวกนั้นจะส่งผลเสียมากแค่ไหนต่อราคาหุ้นของกลุ่มบริษัท อย่างไรก็ตาม ซูเฉ่าไม่มีเวลามานั่งอธิบายให้เขาเข้าใจได้ทั้งหมด

ตลาดหุ้นของประเทศจีน เป็นตลาดที่เปราะบางมาก ข่าวร้ายเล็กน้อยอาจก่อให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในตลาดหุ้น แต่นี่ถึงกับเป็นข่าวการบุกสืบสวนจากทีมสืบสวนกลาง

ลำพังแค่ข่าวซุบซิบนิดเดียวก็อาจส่งผลร้ายได้มากแล้ว ไม่ต้องพูดถึงข่าวนี้ออกอากาศทางช่องการเงินของสถานีโทรทัศน์! คิดดูสิว่ามันจะส่งผลกระทบที่รุนแรงมากขนาดไหน?

ดังนั้นเมื่อซูเฉ่ารู้เรื่องนี้ เขาจึงโทรหาผู้บริหารของเฟยหลงกรุ๊ปทันทีเพื่อระดมเงินทุนที่จะตรึงราคาตลาดเอาไว้ แม้ว่าสิ่งนี้จะเริ่มต้นขึ้นไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันก่อน แต่มันก็เป็นเพียงมาตรการป้องกันเท่านั้น ในความเป็นจริง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสภาพคล่องของเฟยหลงกรุ๊ป นอกจากอสังหาริมทรัพย์แล้ว หนี้ที่เป็นหนี้ของกลุ่มสหกรณ์อื่นๆและทรัพย์สินของพวกเขาในต่างประเทศ เงินเหล่านี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นทรัพย์สินทั้งหมดของเฟยหลงกรุ๊ป

ดังนั้น หากไม่มีคำสั่งของซูเฉ่า หัวหน้างานเหล่านั้นจะไม่กล้ายุ่งเกี่ยวกับเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต

อย่างไรก็ตาม เมื่อซูเฉ่าโทรหาผู้บริหารและหัวหน้าเหล่านั้น เขาก็พบว่ามันสายเกินไป

กระแสการเทขายหุ้นของเฟยหลงกรุ๊ปนั้นได้ก่อตัวขึ้นแล้ว!

หุ้นของเฟยหลงกรุ๊ปร่วงลงมาตลอดทาง และยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่องจนเกือบจะถึงขีดจำกัด

จนกระทั่งเวลานี้ซูหลงถึงได้ตระหนักว่าข่าวนั้นส่งผลร้ายแรงมากจริงๆ เขาและซูเฉ่าจึงรีบไปที่สำนักงานใหญ่ด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ รีบจนถึงขนาดซูหลงไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ เมื่อไปถึงเขาสั่งให้ผู้ค้าเหล่านั้นกู้คืนหุ้นที่ถูกขายโดยผู้ถือหุ้นเป็นการส่วนตัว

พวกเขาต้องทำแบบนี้ ไม่เช่นนั้น ทรัพย์สินของบริษัทจะลดลงอย่างรวดเร็ว และท้ายที่สุดพวกเขาจะสูญเงินเป็นจำนวนมหาศาล และอาจไม่เหลืออะไรติดมือเลย

ในเวลานี้ ในที่สุด ซูหลงก็เข้าใจแล้วว่าทำไมลูกชายของเขาถึงได้มีใบหน้าที่น่าเกลียดเมื่อเขาได้รู้ว่ามีการออกอากาศเกี่ยวกับข่าวในแง่ลบของเฟยหลงกรุ๊ป

“ดึงขึ้น ดึงราคาขึ้น!” ซูหลงคำรามอย่างลนลาน

หัวหน้าแผนกคนหนึ่งพูดอย่างระมัดระวัง “บอสครับ กระแสการเทขายมันก่อตัวขึ้นแล้ว เว้นแต่ว่าจะมีข่าวในตลาดหุ้นที่เอื้ออำนวยต่อกลุ่มบริษัทของเรา ไม่อย่างนั้นเงินทุนในมือของเราตอนนี้อาจทำได้แค่รักษาหุ้นไว้ที่ราคาปัจจุบันเท่านั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะดึงขึ้นให้สูงกว่านี้!”

“ไร้สาระ!”

ซูหลงตะคอกอย่างโกรธเคือง “ฉันมีเงินอยู่ในมือมากกว่าสามร้อยล้านหยวน! ทำไมถึงดึงราคาหุ้นให้มันขึ้นมาไม่ได้? นายทำงานยังไง? เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ ไอ้ขยะ!”

“พ่อครับ สิ่งที่เขาพูดนั้นถูกต้องแล้ว” ซูเฉ่าอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆ “สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราในตอนนี้คือการรักษาเสถียรภาพของราคาหุ้น จากนั้นหาช่องทางที่จะสร้างข่าวที่เกิดประโยชน์ต่อกลุ่มบริษัทของเราให้ได้ และที่สำคัญต้องเข้าถึงตลาดหุ้นด้วย แต่วันนี้เราต้องทำทุกวิถีทางให้รักษาราคาหุ้นไว้ให้ได้ พอผ่านพ้นวันนี้ไป แล้วมีข่าวดี ผมเชื่อว่าราคาหุ้นจะดีดกลับอย่างแน่นอน!”

“หึ! ไอ้พวกสารเลว มั่วนั่งบื้ออะไรอยู่ ทำไมยังไม่ลงมืออีกล่ะ? ถ้าฉันจะตาย ฉันจะลากพวกแม่งไปด้วยกันให้หมด!” ซูหลงกัดฟันและหันไปพูดกับลูกชาย “ซูเฉ่า ฟังให้ดี ทำตามที่แกคิดว่าดีที่สุดในตอนนี้ รักษาราคาหุ้นให้คงที่ แม้ว่าจะต้องใช้เงินทั้งหมดที่มี แกก็ต้องทำให้ราคาหุ้นมันอยู่ในระดับนี้ให้ได้ ฉันจะไปโทรกระตุ้นคนพวกนั้นหน่อย ฉันไม่เชื่อหรอกว่าไอ้สารเลวพวกนั้นจะเมินเฉยต่อเรื่องนี้แล้วต้องแลกมากับตำแหน่งของพวกมัน!”

“แต่...” ซูเฉ่าอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกขัดจังหวะโดยซูหลง

“ไม่ต้องแต่ ทำตามที่บอกก็พอ!” ซูหลงโบกมือและพูดเสียงเข้มก่อนจะเดินออกไป

ซูเฉ่ายืนกอดอกและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างผิดปกติ... หรือฉันจะคิดมากไป?”

........

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะคุณชายจี้? หรือถ้าไม่เข้าใจอะไรก็ถามได้นะคะ” เมื่อเห็นจี้เฟิงนั่งจ้องมองทีวีด้วยใบหน้าคิ้วขมวด โจวเฟยเฟยก็อดไม่ได้ที่จะถาม

ทีวีในห้องนั่งเล่นของวิลล่าแห่งนี้สามารถใช้เป็นคอมพิวเตอร์ได้ด้วย ในเวลานี้จี้เฟิง โจวเฟยเฟย ซูหยวนและจี้ยูเหวินนั่งอยู่บนโซฟามองดูเส้นกราฟที่เป็นแนวโค้งบนหน้าจอที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มันเป็นเส้นกราฟหุ้นของเฟยหลงกรุ๊ป

ในผังกราฟหุ้นของเฟยหลงกรุ๊ป มีการดิ่งลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มต้นจนใกล้จะถึงขีดจำกัด แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีการดีดตัวขึ้นเล็กน้อย และดูเหมือนว่ามันจะรักษาระดับคงที่ไว้ตรงนี้ ไม่ได้ถูกระงับไปอย่างสมบูรณ์

โจวเฟยเฟยเห็นจี้เฟิงนิ่งเงียบไป ใบหน้าของเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและกำลังจ้องมองไปที่ทีวีราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ โจวเฟยเฟยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภูมิใจเล็กน้อยและรู้สึกอยากจะอวดฝีมือต่อหน้าจี้เฟิง

เป็นเพราะแผนการก่อนหน้านี้ของจี้เฟิง ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องและตามไม่ทัน และสูญเสียความมั่นใจไปพอสมควร..

ดังนั้น เมื่อเธอได้รับโอกาสในครั้งนี้ โจวเฟยเฟยย่อมอยากจะเอาชนะจี้เฟิง

ใครจะคิด จี้เฟิงแค่ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มจางๆและพูดว่า “ฉันเกรงว่าคนที่ควรจะมีปัญหาน่าจะเป็นฝ่ายของซูหลงมากกว่าไม่ใช่ฉัน จริงมั้ย?”

“หืม?”

โจวเฟยเฟยรู้สึกงงเล็กน้อย “คุณชายจี้พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงเหรอคะ?”

เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยในสิ่งที่จี้เฟิงพูด มันอาจจะถูกต้องที่มันควรจะเป็นซูหลงและคนอื่นๆที่ต้องปวดหัวในตอนนี้ แต่จี้เฟิงก็เข้าใจเรื่องนี้เหมือนกันงั้นหรือ?

จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อยและพูดด้วยรอยยิ้ม “เฟยเฟย ฉันคิดว่าเธอคงไม่รู้ใช่มั้ยว่าเอกที่ฉันเรียนในมหาวิทยาลัยคือการจัดการเศรษฐกิจ แม้ว่าเอกนี้จะไม่ได้ศึกษาปัญหาทางวิชาชีพในสาขาการเงินโดยตรง แต่ยังไงมันก็มีความเกี่ยวข้องกัน ยิ่งไปกว่านั้น ความจำของฉันก็ค่อนข้างดี”

เมื่อเห็นท่าทางประหลาดใจของโจวเฟยเฟย จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ถ้าฉันจำไม่ผิด เมื่อคืนนี้ฉันเป็นคนบอกให้เธอเริ่มซื้อหุ้นของเฟยหลงกรุ๊ปเองไม่ใช่เหรอ? แล้วเมื่อเช้านี้ เธอบอกว่าเงินทั้งหมดเตรียมพร้อมไว้อย่างเพียงพอ เหลือแค่รอให้การโจมตีเริ่มขึ้น... ใช่มั้ย?”

“ใช่!” โจวเฟยเฟยพยักหน้าเล็กน้อย

จี้เฟิงยิ้ม “ถ้าการคาดเดาของฉันไม่ผิด ที่เงินทุนของเธอยังไม่มีการเคลื่อนไหว และสาเหตุที่ทำให้หุ้นของเฟยลงกรุ๊ปลดลงอย่างต่อเนื่อง จริงแล้วเหตุมันมาจากผลกระทบของข่าวนั้นเท่านั้น ในกรณีนี้ ต่อไป ตราบใดที่เฟยหลงกรุ๊ปต้องการปกป้องราคาหุ้นเอาไว้ เขาก็สามารถทำได้ แต่สิ่งที่เธอต้องการคือทำให้ผู้บริหารระดับสูงของเฟยหลงกรุ๊ปต้องทำมันทุกวิถีทาง และทำการรักษาราคาเอาไว้ด้วยความสิ้นหวัง!”

สีหน้าที่ภาคภูมิใจของโจวเฟยเฟยหายไป และแทนที่ด้วยความสงสัยก่อนจะเป็นสีหน้าแห่งความประหลาดใจ “คุณชายจี้รู้ได้ยังไง?”

“ฉันบอกไปแล้วไง ฉันเรียนเอกเศรษฐศาสตร์และการจัดการ!” จี้เฟิงหัวเราะ

ซูหยวนที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้นว่า “เฟยเฟย ปรากฏว่าคุณต้องการให้ไอ้สารเลวซูหลงทุ่มเงินทั้งหมดของมันลงในหุ้นเพื่อตรึงราคาไว้ และเมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญ คุณก็โจมตีเพื่อดึงราคาหุ้นให้ตกต่ำลงอีกครั้ง เมื่อถึงตอนนั้น ซูหลงที่ไม่เหลืออะไรในมือจะทำอะไรได้.. และกลุ่มเฟยหลงก็จะไม่หลงเหลืออะไรเลย...”

สีหน้าของซูหยวนค่อยๆเปลี่ยนเป็นเย็นชา เธอกัดฟันและพูดด้วยความเกลียดชังที่ออกมาจากหัวใจ “เยี่ยมมาก! นี่คือสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น ด้วยวิธีนี้ สัตว์นรกซูหลงจะต้องพบกับความเจ็บปวด และมันจะได้เรียนรู้ว่าการที่ไม่เหลืออะไรเลยมันเป็นยังไง!”

“ฉันขอเดา... เฟยเฟย คุณควรจะได้ถือหุ้นของเฟยหลงกรุ๊ปเป็นจำนวนมากเลยใช่ไหม?” จี้ยูเหวินหัวเราะ

โจวเฟยเฟยยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ฉันว่าฉันทำเรื่องนี้ได้อย่างชาญฉลาดมากแล้วนะ ฉันไม่คิดเลยว่าพวกคุณจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้ไวขนาดนี้... เอ๊ะ! ถ้าอย่างนั้น ฝ่ายซูหลงก็คงจะเข้าใจเหมือนกันใช่มั้ย?”

“ถึงเขาจะเข้าใจก็ไร้ประโยชน์!” จี้เฟิงหัวเราะ “เฟยหลงกรุ๊ปคือผลงานที่มาจากความอุตสาหะของเขา เขาจะไม่ยอมแพ้ ก่อนหน้านี้ฉันได้ตรวจสอบมาแล้ว หุ้นที่ปล่อยให้คนนอกซื้อมีทั้งหมด 40% แต่ฉันไม่รู้ว่าตัวเขาเป็นเจ้าของหุ้นเท่าไหร่ แต่ที่แน่นอนคือ 60% ที่เหลือนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นของเขาคนเดียว ดังนั้นเมื่อไหร่ที่เธอยึดหุ้น 40 % ได้ทั้งหมด เขาจะยอมแพ้ต่อเฟยหลงกรุ๊ปในราคาที่ต่ำมาก และเขาจะต้องกระอักเลือด!”

“จี้เฟิงพูดถูก ในตอนนี้ ไอ้สารเลวซูหลงมันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตรึงราคาเอาไว้ให้ไม่ให้ต่ำไปกว่านี้!” ใบหน้าสวยของซูหยวนแสดงถึงความดุดัน “มันไม่มีทางยอมแพ้ต่อเฟยหลงกรุ๊ปของมันง่ายๆแน่ มันไม่มีทางยืนดูลูกรักของมันล่มจมไปต่อหน้าต่อตาหรอก!”

“บางที ในขณะที่พวกซูหลงกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อตรึงราคาหุ้นเอาไว้อย่างสิ้นหวัง พวกเขาอาจจะหาทางออกอื่นไปด้วย อย่างเช่นอาจจะหาผู้มีอำนาจในการไกล่เกลี่ย หรือทำเรื่องเลวๆอย่างอื่น มันไม่นั่งนิ่งๆรอความฉิบหายของเฟยหลงกรุ๊ปแน่!” จี้เฟิงหมุนถ้วยชาในมือและมีสีหน้าครุ่นคิด “ตอนนี้มีสองวิธีที่จะหยุดการโจมตีครั้งสุดท้ายของเธอ วิธีแรกคือทำให้ตระกูลโจวพบการต่อต้านที่รุนแรงและยอมแพ้!”

“วิธีที่สองคือใช้กลอุบายกับตระกูลโจว อย่างเช่น... ลักพาตัวเฟยเฟยหรือใครบางคนในตระกูลโจว!” สีหน้าของจี้เฟิงเปลี่ยนเป็นเย็นชา “เฟยเฟย วันนี้มีใครในครอบครัวของเธอออกไปเที่ยวไหม?”

“ไม่มี!”

โจวเฟยเฟยตอบอย่างรวดเร็ว “คุณปู่ของฉันจัดการไว้เรียบร้อยแล้ว วันนี้ทุกคนจะต้องอยู่ที่บ้าน แม้แต่คนที่ไปคุยธุรกิจก็ต้องกลับมา มันคืองานรวมญาติ!”

“ดีมาก!” จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อย “ถ้าเป็นแบบนี้ สิ่งที่ซูหลงทำได้ก็เหลือแค่หาวิธีต่อต้านตระกูลโจว เขาพอจะรู้จักใครที่ทำให้ตระกูลโจวต้องยอมถอยหรือเปล่า...”

“Rrrr..”

เสียงโทรศัพท์ของโจวเฟยเฟยดังขึ้น เธอเหลือบมองที่หน้าจอและกดรับอย่างรวดเร็ว “ฮัลโหล...”

จี้เฟิงเหลือบมองเธออย่างครุ่นคิดและพูดกับตัวเองในใจว่า ‘นี่คงไม่ใช่การต่อต้านที่พูดถึงหรอกใช่มั้ย...’

....จบบทที่ 842 ~

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด