ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 124 ละเลงหอเมฆาพิรุณด้วยเลือด (3)
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 124 ละเลงหอเมฆาพิรุณด้วยเลือด (3)
แปลโดย iPAT
แม่เล้ากรีดร้องเสียงแหลม “นายท่าน ช่วยข้าด้วย!” นางยังมีสติแม้จะอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช
เมื่อฟู่หรงเห็นฉากนองเลือดและได้ยินว่านางจะเป็นรายต่อไป นางจึงกรีดร้องเช่นกัน “ช่วย...” แต่ก่อนที่นางจะกล่าวจบประโยค มือที่แข็งแกร่งก็บีบลำคอของนางแน่นขึ้น
“หยุด! ปล่อยฟู่หรง!” หอเมฆาพิรุณเกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง
ลูกค้าที่อยู่ที่นั่นไม่สามารถอดทนอีกต่อไป
“ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์เป็นผู้สนับสนุนหอเมฆาพิรุณมิใช่หรือ? เหตุใดวันนี้พวกเขาถึงหันหลังให้กัน?” หลังจากทั้งหมดหอเมฆาพิรุณคงถูกปิดไปนานแล้วหากพวกเขาไม่ได้รับการปกป้องจากผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์
“เด็กนั่นทำร้ายฟู่หรง!”
“กระไรนะ!? เขาทำเช่นนั้นได้อย่างไร?” หลายคนกัดฟันด้วยความโกรธ ฟู่หรงคือเทพธิดาในฝันของพวกเขา แม้พวกเขาจะไม่สามารถครอบครองนาง แต่พวกเขาก็ไม่มีวันปล่อยให้บางคนล่วงเกินนาง
“ดูนั่น ฟู่หรง นางถูกเด็กบ้าคนนั้นบีบคอ!” สิ่งนี้นำไปสู่ความโกรธเคืองของผู้คน ในสายตาของพวกเขา ฟู่หรงกำลังขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าที่งดงามของนางเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน นี่ทำให้หัวใจของพวกเขาแหลกสลาย
“อาหนิง!” แม้ว่าเตียวเฟยจะถูกหลี่ฉิงซานปลุกให้ตื่นขึ้นแล้ว แต่เขายังหลงใหลไปกับรูปลักษณ์ของฟู่หรง เขาต้องกัดลิ้นเพื่อเรียกสติของตนกลับมาอีกครั้ง
เสียงร้องขอความช่วยเหลือของฟู่หรงทำให้หัวใจของบุรุษราวกัคบถูกบีบรัด กระทั่งชายที่อ่อนแอก็ยังสาปแช่งอย่างดุเดือด คลื่นแห่งความโกรธพุ่งเข้าหาหลี่ฉิงซาน “ปล่อยฟู่หรง มิฉะนั้นข้าจะฆ่าเจ้า!”
“ฮืม พวกโง่!” หลี่ฉิงซานหัวเราะเย้ยหยัน เขาไม่ได้พูดเสียงดังแต่มันยังสามารถกลบคำขู่ของทุกคน
เขามองไปที่จ้าวเหลียงฉิง “เจ้าจะปล่อยนางหรือไม่?” ตอนนี้เขาวางดาบไว้ที่ลำคอของแม่เล้าแล้ว
จ้าวเหลียงฉิงปล่อยชิงซิ่วด้วยมือที่สั่นเทา ชิงซิ่วถูไหล่ของนางและวิ่งไปซ่อนตัวด้านหลังหลี่ฉิงซาน เมื่อนางมองไปที่แม่เล้า นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารแม้หญิงผู้นี้จะกระทำการชั่วร้ายกับนางมากก็ตาม
อย่างไรก็ตามหลี่ฉิงซานไม่มีความรู้สึกนั้น ริมฝีปากของเขาโค้งเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย ตั้งแต่เขาต้องการเป็นวีรบุรุษ เขาก็ต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป เขาจะมีความสุขมากหากเขาสามารถกำจัดความชั่วร้ายให้หมดไปจากโลกนี้
“หลี่ฉิงซาน เจ้ากำลังทำสิ่งใด?” จ้าวจื่อป๋อมาถึงในที่สุด เขามาพร้อมกับเฉียนหรงจื่อและผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์อีกห้าหรือหกคน เมื่อพวกเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น มันก็ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะตกใจ
จ้าวจื่อป๋อเชื่อว่าส่วนที่สมบูรณ์ที่สุดของแผนการนี้คือแม้หลี่ฉิงซานจะรู้ทัน จ้าวจื่อป๋อก็ไม่มีความผิด เพราะมันถือเป็นความตั้งใจดีที่จะทำให้เด็กหนุ่มผ่อนคลาย แต่หากหลี่ฉิงซานตกลงสู่หลุมพราง เขาก็จะตาย
ในความเป็นจริงหากไม่ใช่เพราะข้อความขอความช่วยเหลือจากชิงซิ่ว ทางเลือกเดียวของหลี่ฉิงซานก็คือปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปและรอโอกาสแก้แค้นในอนาคต อย่างไรก็ตามเมื่อโอกาสมาถึงแล้ว เขาก็ต้องสร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่เพื่อแสดงให้จ้าวจื่อป๋อดูว่าหากเขากล้าพอที่จะวางกับดัก เขาก็ต้องรับผลของมัน
จ้าวเหลียงฉิงกล่าว “ผู้บัญชาการจ้าว นี่เป็นวิธีที่ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ของท่านปฏิบัติต่อผู้คนงั้นหรือ? ข้าสามารถยกโทษให้เขาที่ไม่จ่ายเงินหลังจากมาใช้บริการแต่เขายังสร้างปัญหา!”
“เขาทำมากเกินไปแล้ว!”
“หอเมฆาพิรุณทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว แต่เขากลับทำเช่นนี้!”
“ปล่อยฟู่หรง! หากเจ้ากล้าแตะต้องแม้แต่เส้นผมของนาง ข้าจะสับเจ้าเป็นชิ้นๆ!”
จ้าวจื่อป๋อกล่าวเสียงเข้ม “ฉิงซาน นั่นคือความจริงงั้นหรือ?” เขาทำตัวราวกับตนเองไม่ได้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
“มันไม่ใช่เช่นนั้น พวกเขาเป็นผู้ใด...” ชิงซิ่วโต้เถียงแต่เสียงของนางถูกกลบด้วยเสียงของผู้คน
หลี่ฉิงซานไม่แยแส ดาบของเขาแทงไปที่หัวใจของแม่เล้าก่อนจะดึงกลับมาโดยปราศจากร่องรอยของเลือด
หากเจ้าด่าข้า ข้าจะเฆี่ยนแม่เล้าของเจ้า หากเจ้าทุบตีข้า ข้าจะทุบตีนางโลมของเจ้า หากเจ้าใส่ร้ายข้า ข้าจะฆ่านางซะ!
“เจ้า!” จ้าวเหลียงฉิงโกรธมากแต่หลี่ฉิงซานยังวางดาบไว้บนลำคอของฟู่หรงและพึมพำอย่างไม่แยแส “หนึ่งตาย แต่อีกหนึ่งยังอยู่!” จากนั้นเขาก็เตะร่างที่อวบอ้วนออกไป
ทุกคนในหอเมฆาพิรุณรู้จักแม่เล้า พวกเขารู้จักความร้ายกาจของนางเป็นอย่างดี นางดูแลหอเมฆาพิรุณในเมืองเจียเผิงมานานหลายปี นางมีหน้าที่ต้อนรับและดูแลแขกทุกคน แต่ตอนนี้นางกลับถูกฆ่าตายด้วยการแทงเพียงครั้งเดียวและเหลือเพียงซากศพ
เงียบกริบ...
จ้าวจื่อป๋อไม่เคยคิดว่าหลี่ฉิงซานจะกล้าลงมือสังหารผู้คนต่อหน้าเขา นั่นทำให้เขาโกรธมาก สำหรับเฉียนหรงจื่อ นางรู้สึกหวาดกลัวมาก เด็กหนุ่มที่สามารถฆ่าคนขณะพูดคุยอย่างเป็นมิตรไม่เหมือนเด็กหนุ่มที่เขาเคยเห็นมาก่อน เขาไม่ใช่คนที่จะรับมือได้โดยง่าย
เมื่อหลี่ฉิงซานยกร่างของฟู่หรงขึ้น จ้าวเหลียงฉิงก็หมดความอดทน “กล้าดีอย่างไร!?” หญิงผู้นี้คือต้นเงินต้นทองของเขาและเป็นรากฐานของหอเมฆาพิรุณแห่งเมืองเจียเผิง หากแม่เล้าเสียชีวิต เขายังสามารถหาคนมาแทน แต่หากฟู่หรงเสียชีวิต หอเมฆาพิรุณจะพังทลาย
หลี่ฉิงซานกล่าวกับจ้าวจื่อป๋อ “ผู้บัญชาการจ้าว หอเมฆาพิรุณทำบาปมามาก พวกเขาบังคับให้ผู้หญิงค้าประเวณี หญิงสาวที่อยู่ข้างๆข้าสามารถเป็นพยานในเรื่องนี้ โปรดตัดสินพวกเขาอย่างเป็นกลางด้วย!”
จ้าวเหลียงฉิงมองจ้าวจื่อป๋อราวกับต้องการบอกว่า “ข้ามอบเม็ดยาจำนวนมากให้เจ้าทุกปี!”
จ้าวจื่อป๋อรู้สึกหมดหนทาง ท้ายที่สุดเขาเป็นคนที่กลัวผลลัพธ์ที่จะตามมากที่สุด เขายังต้องการใช้อำนาจที่มีและใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างสุขสบาย เขาไม่สามารถเสี่ยงฆ่าหลี่ฉิงซานและทำให้ชีวิตของตนเองพังพินาศ อย่างไรก็ตามหากเขาคล้อยตามหลี่ฉิงซาน มันก็เหมือนการตบหน้าตัวเองและตัดแหล่งที่มาของความมั่งคั่งของเขา
หลี่ฉิงซานโจมตีไปที่จุดสำคัญนี้อย่างโหดเหี้ยม
แม้เขาจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ที่ทรงพลังถึงสองคน แต่เขาก็ยังสามารถหลบหนีหากเกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดขึ้น อย่างไรก็ตามดูเหมือนเขาจะคิดมากเกินไปอย่างเห็นได้ชัด
จ้าวจื่อป๋อกล่าวอย่างจริงจัง “ฉิงซาน เจ้าใจร้อนเกินไป การตัดสินคนคืองานของผู้พิพากษา มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้า!”
จ้าวเหลียงฉิงมองจ้าวจื่อป๋อด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เขาต้องการกล่าวว่า “เพราะเจ้า คนของข้าจึงต้องตกตาย แต่เจ้ากลับพูดเพียงว่าเขาใจร้อนเกินไปงั้นหรือ?”
“ผู้พิพากษาอยู่ที่นี่ คดีใด? โปรดบอกข้า!”
ในจังหวะนี้โจวเหวินปิงก็ก้าวเข้ามาในหอเมฆาพิรุณด้วยชุดขุนนางสีแดงสด
“ท่านโจว!”
“ท่านโจวอยู่ที่นี่!”
ภายในหอเมฆาพิรุณ ผู้คนทั้งหมดคุกเข่าให้ชายผู้นี้ พวกเขาไม่เพียงเกรงกลัวอำนาจแต่ยังเคารพยกย่องโจวเหวินปิงเป็นอย่างมากอีกด้วย
สิ่งนี้ทำให้หลี่ฉิงซานเข้าใจตัวตนของโจวเหวินปิงมากขึ้น เขารู้สึกว่าบางทีชิงซิ่วอาจต้องการให้เขาส่งมอบข้อความขอความช่วยเหลือไปยังโจวเหวินปิง
สำหรับหลี่ฉิงซาน โจวเหวินปิงดูน่าเคารพมากกว่าจ้าวจื่อป๋อและผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ของเมืองเจียเผิงทั้งหมด
โจวเหวินปิงกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ทุกท่าน โปรดยืนขึ้นเถอะ”
โจวเหวินปิงชำเลืองมองจ้าวจื่อป๋อก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่หลี่ฉิงซาน ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นที่หอเมฆาพิรุณ เขาก็รู้ทันที ไม่เพียงเขาจะรู้เรื่องนี้แต่เขายังรู้สาเหตุที่แท้จริงของเรื่องราวทั้งหมด เขาสามารถมองเห็นแผนการของจ้าวจื่อป๋อ ดังนั้นเขาจึงมองหลี่ฉิงซานและคิดว่าเด็กคนนี้เป็นอัจฉริยะในการสร้างปัญหาจริงๆ
จ้าวจื่อป๋อกล่าวอย่างเย็นชา “ท่านโจว ท่านมาได้จังหวะเหมาะจริงๆ”
โจวเหวินปิงยิ้ม “เรื่องเล็กน้อย” ด้วยการสะบัดแขนเสื้อ เขาลอยขึ้นไปอยู่ต่อหน้าหลี่ฉิงซานและถามคำถามทั้งที่เขารู้คำตอบอยู่แล้ว “ฉิงซาน เจ้ากำลังทำสิ่งใด?”
“นางมีความคับข้องใจ เดิมทีข้าอยากพานางไปพบท่าน แต่ข้าไม่คิดว่าจะมีคนชั่วพยายามหยุดข้า ข้าคิดว่าผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ที่แข็งแกร่งต้องมีคุณธรรมและกำจัดความชั่วร้ายแทนผู้คน แล้วข้าจะปล่อยคนเลวทรามเหล่านี้ไปได้อย่างไร? นี่เป็นสาเหตุที่ข้าต้องฆ่าพวกเขาสองสามคน โปรดตรวจสอบเรื่องทั้งหมดด้วย” หลี่ฉิงซานดึงชิงซิ่วออกมาจากด้านหลังและส่งเศษกระดาษขอความช่วยเหลือของนางให้โจวเหวินปิง
คำกล่าวของหลี่ฉิงซานทำให้จ้าวจื่อป๋อต้องยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งและสาปแช่งอยู่ภายใน
“ข้าชื่อชิงซิ่ว ข้ามาจากหมู่บ้านชาวประมง เมื่อเจ็ดปีก่อน ข้าเล่นน้ำอยู่ที่แม่น้ำและถูกจับตัวมาที่นี่...” ชิงซิ่วคุกเข่าและก้มศีรษะลงขณะกล่าวถ้อยคำเหล่านี้อย่างสุภาพ เห็นได้ชัดว่านางคิดเรื่องนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
จ้าวเหลียงฉิงกล่าว “ท่านโจว พวกเราถูกกล่าวหา! เดิมทีเราซื้อหญิงผู้นี้มาด้วยเงินยี่สิบตำลึง ข้ามีหลักฐาน นางเพียงอยากหลบหนีซึ่งเป็นเหตุผลที่นางโกหกและหลอกลวงท่าน!”
ชิงซิ่วพยายามแก้ตัว “ไม่ ข้าไม่ได้โกหก! เป็นเจ้าที่โกหก!”
โจวเหวินปิงยกมือขึ้นเพื่อหยุดการโต้เถียง “ข้าจะติดตามคดีนี้อย่างถึงที่สุด จะไม่มีผู้บริสุทธิ์แม้แต่คนเดียวที่ต้องรับโทษและจะไม่มีผู้ใดรอดพ้นจากความผิดแม้แต่คนเดียวเช่นกัน”
ด้วยคำสั่งของเขา ทหารมากกว่ายี่สิบคนก็เข้ามา พวกเขาไม่ใช่จอมยุทธ์พลังปราณแต่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ภายใต้คำแนะนำของชิงซิ่ว พวกเขาบุกเข้าไปช่วยผู้หญิงคนอื่นๆ อย่างไรก็ตามมันกลับมีเพียงความว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่าพวกนางถูกย้ายออกไปแล้ว
“โปรดตรวจสอบ!” จ้าวเหลียงฉิงส่งคนรับใช้ไปนำสัญญาซื้อขายที่ระบุว่าชิงซิ่วถูกซื้อมาด้วยเงินยี่สิบตำลึงออกมา
ชิงซิ่วน้ำตาไหลด้วยความกังวล “นายท่าน ข้าไม่ได้โกหก!”
โจวเหวินปิงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อย่ากังวล ข้าจะส่งคนไปที่หมู่บ้านชาวประมงเพื่อตรวจสอบความจริง”