ตอนที่ 9-1 ผู้สนับสนุนที่ทรงพลัง
ลินลี่ย์กับวอร์ตันพรากจากกันเกือบสิบเจ็ดปีแล้ว
สิบเจ็ดมาแล้วหลังจากเทศกาลยูลานปีนั้นวอร์ตันออกจากเมืองอู่ซันพร้อมกับพ่อบ้านแอชลี่ย์มุ่งหน้าสู่จักรวรรดิโอเบรียนที่ห่างไกล เวลานั้นลินลี่ย์อายุเพียงสิบปี ขณะที่วอร์ตันอายุหกปี สองพี่น้องยังไร้เดียงสาอยู่มากและรู้เรื่องราวโลกภายนอกน้อยนิด และตอนนั้นพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากฮ็อกซึ่งปกป้องพวกเขาเหมือนเหยี่ยวแก่ดูแลลูกน้อย
แต่ตอนนี้ฮ็อกตายไปนานแล้ว ในสองพี่น้องคนหนึ่งเป็นเคานท์แห่งจักรวรรดิโอเบรียน ขณะที่อีกคนหนึ่งมีพลังระดับเซียนที่น่ากลัว
ภายในคฤหาสน์ของเคานท์
ลินลี่ย์ วอร์ตันพ่อบ้านแอชลีย์ ฮิลแมน เนเดอร์ พี่น้องบาร์เกอร์ ซาสเลอร์ เจนน์ รีเบ็คกาและลีนาสมาคมกันพร้อมหน้า
โต๊ะอาหารทั้งสองตัวเต็มไปด้วยเหล้าและอาหาร
วอร์ตันและลินลี่ย์ร่วมสนทนากันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีนี้ แม้ว่าวอร์ตันจะได้รับข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับเรื่องของลินลี่ย์จากหอการค้าดอว์สันแต่เมื่อเขาได้สนทนาส่วนตัวกับลินลี่ย์เขาอดกระวนกระวายไม่ได้ขณะที่นั่งฟัง
เกือบไปแล้ว พี่ชายของเขาเกือบตายไปแล้ว
“ระหว่างการฝึกฝนสามปีในเทือกเขาอสูรวิเศษ ตามมาด้วยการฝึกฝนที่มณฑลพายัพอีกหกปี แม้ว่าข้าจะเผชิญการสู้รบที่อันตรายหลายครั้ง แต่ในที่สุดข้าก็มาถึงได้โดยไม่รับอันตรายอะไรมาก”ลินลี่ย์หัวเราะ “ในอดีต ข้ายังกังวลเรื่องศาสนจักรเจิดจรัส แต่ตอนนี้เล่า? แม้ว่าข้าจะไม่มีพลังพอบุกโจมตีสำนักงานใหญ่ แต่ข้ามีพลังพอจะปกป้องตัวเองได้แล้ว”
ศาสนจักรเจิดจรัสก่อตั้งอยู่ในทวีปยูลานเป็นเวลาหลายปีแล้ว
เพื่อให้ทัดเทียมกับจักรวรรดิโอเบรียนในฐานะหนึ่งในมหาอำนาจสำคัญของทวีปยูลาน มันมีพลังที่น่ากลัวมากมายซ่อนอยู่แน่ จากความจริงที่ว่าวิทยาลัยเทพสงครามสามารถส่งศิษย์ส่วนตัวสามคนซึ่งเป็นนักสู้ระดับเซียนทุกคนออกมาได้ นักสู้ระดับเซียนคนหนึ่งสามารถกำหนดได้ว่าศาสนจักรเจิดจรัสต้องมยอดฝีมือระดับเซียนเป็นของตนเองอยู่จำนวนหนึ่งแน่นอน
“พี่ใหญ่, ท่านเข้าถึงพลังระดับเซียนได้แล้วใช่ไหม?”วอร์ตันตกใจและตื่นเต้น วอร์ตันรู้ว่าการฝึกฝนยากลำบากเพียงไหน แม้ว่าเขาเองจะมีความเข้มข้นของเลือดมังสูงมากอยู่ในสายเลือด แต่เขาก็ยังเป็นเพียงระดับแปด และแม้แต่ในร่างมังกรแปลงเป็นเพียงนักรบระดับเก้าชั้นสูง
ความเข้มข้นของเลือดมังกรในสายเลือดของลินลี่ย์ยังต่ำกว่าของเขา
แต่เพราะลินลี่ย์สามารถกล่าวอ้างว่าเขามีพลังเพียงพอจะปกป้องตนเองได้แน่นอน ก็หมายความว่าลินลี่ย์เข้าถึงพลังระดับเซียนแล้ว
“หลังจากแปลงเป็นร่างมังกร ข้าจึงจะอยู่ในระดับเซียน” ลินลี่ย์พูดพลางยิ้ม
ฮิลแมนและพ่อบ้านแอชลีย์นั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกันชำเลืองมองกันเองนัยน์ตาพวกเขามีแววตื่นเต้น เสียงของพ่อบ้านแอชลีย์แหบด้วยความตื่นเต้น “ข้าดูแลสมาชิกตระกูลบาลุคมาสามรุ่นจนถึงเดี๋ยวนี้แล้ว ในที่สุดตระกูลบาลุคก็มีนักสู้ระดับเซียนจนได้”
ระดับเซียนคือระดับที่แตกต่างไปจากธรรมดาสิ้นเชิง
ถ้าตระกูลหนึ่งๆมีนักสู้ระดับเซียนอยู่ในตระกูล ตราบใดที่นักสู้ระดับเซียนยังไม่ตาย อย่างนั้นตระกูลจะไม่มีทางตกต่ำอ่อนแอ
“วอร์ตัน” ลินลี่ย์มองดูวอร์ตัน “เมื่อตอนที่ข้าอยู่ที่มณฑลพายัพ ข้ายังสนใจติดตามเรื่องราวของเจ้า ดูเหมือนว่าเจ้ากับองค์หญิงเจ็ด...”
วอร์ตันพยักหน้าตามตรง “เป็นความจริง, พี่ใหญ่,ข้าต้องการแต่งงานกับนีน่าจริง แต่ตอนนี้สถานการณ์ซับซ้อนมาก ตอนนี้หลังจากเคย์ลันเลิกไล่ตามพัวพันนาง แต่ก็มีบลูเมอร์ปรากฏออกมา”
ตลอดการเดินทางลินลี่ย์รับรู้เรื่องราวปัญหานี้แล้ว
ที่สำคัญในตอนนี้มีข่าวลือมากมายเรื่องวอร์ตัน นีน่าและบลูเมอร์
“บลูเมอร์ข้าได้ยินมาในระหว่างทางในเมืองหลวงมีการคุยถึงเรื่องของบลูเมอร์ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นศิษย์ส่วนตัวของเทพสงครามทั้งยังเป็นน้องชายของโอลิเวอร์”ลินลีย์หัวเราะอย่างใจเย็น
(โอลิวิเยร์เป็นชื่อไปทางสำเนียงฝรั่งเศส ต่อไปผมขอเรียกเป็น “โอลิเวอร์”ที่ค่อนข้างเป็นสำนวนอังกฤษ-อเมริกันเพื่อให้เข้ากันกับชื่อบลูเมอร์น้องชายของเขา”
วอร์ตันพยักหน้ามีแววกังวลปรากฏอยู่ที่คิ้วของเขาอีกครั้ง “พี่ใหญ่ ท่านไม่เข้าใจว่าในจักรวรรดิโอเบรียนโอลิเวอร์มีชื่อเสียงโด่งดังขนาดไหน โอลิเวอร์แข็งแกร่ง มีพลังน่ากลัวมากจริงๆ เก้าปีที่แล้วเขาก็มีพลังเซียนระดับสูงแล้วและตอนนี้ข้ายังไม่รู้ว่าเขาจะมีพลังแข็งแกร่งมากมายขนาดไหน?”
ลินลี่ย์ตบไหล่วอร์ตัน “วอร์ตันอย่ายกความสามารถคนอื่นเกินไปและอย่าดูถูกความสามารถของตนเอง”
วอร์ตันพยักหน้า
พ่อบ้านแอชลีย์ถอนหายใจปลาบปลื้ม “คุณชายลินลี่ย์ ท่านไม่เคยอยู่ในเมืองหลวงบางทีท่านยังไม่เข้าใจเต็มที่ว่าวิทยาลัยเทพสงครามทรงอิทธิพลขนาดไหน แม้แต่ตัวองค์จักรพรรดิเองก็ยังต้องมีมารยาทต่อศิษย์ส่วนตัวของวิทยาลัยเทพสงคราม ศิษย์ส่วนตัวของเทพสงครามมีสถานะที่ได้รับการยกย่องมาก”
ฮิลแมนพูดอย่างจริงจัง “ที่สำคัญมีจักรพรรดิเกินกว่าร้อยพระองค์แล้วนับแต่เทพสงครามก่อตั้งจักรวรรดิ จักรพรรดิหลายพระองค์ในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิก็ยังไม่เคยได้พบกับเทพสงคราม แต่ศิษย์ส่วนตัวของเทพสงคราม? พวกเขามีคุณสมบัติได้พบกับเขา บอกข้าทีเทพสงครามให้ความสนใจผู้ใดมากกว่ากัน?”
ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจแล้ว
เป็นเรื่องที่ดี
ผ่านไปร้อยรุ่นคนแม้ว่าเทพสงครามจะเป็นบรรพบุรุษของโจฮันน์ แต่หลังจากห้าพันปีผ่านไป ใครจะรู้ว่าลูกหลานของเทพสงครามมีอยู่เท่าไร? ความรักที่เทพสงครามมีต่อลูกหลานที่ผ่านมาถึงชั่วร้อยรุ่นคนจะมีมากเพียงไหน
เพียงตัดสินจากความจริงว่าจักรพรรดิหลายพระองค์ไม่เคยได้พบเทพสงครามใครๆ ก็บอกได้ว่าคำตอบสำหรับคำถามนั้นจะเป็นยังไง
ในทางตรงกันข้ามศิษย์ส่วนตัวนั้นแตกต่างออกไป เทพสงครามสั่งพวกเขาได้โดยตรง
“ไม่ใช่ว่าข้ายกย่องอีกฝ่ายจนสูงเกิน เป็นแต่ว่าข้าไม่มั่นใจจริงๆ” วอร์ตันผิดหวัง “ข้าไม่รู้ว่าข้าจะทำยังไงหากนีน่าถูกยกให้บลูเมอร์”
วอร์ตันไม่สามารถยอมรับผลเช่นนี้จริงๆ
“แม่มันเอ๊ย, ถ้าจักรพรรดิกล้าทำเช่นนั้นอย่างนั้นเราพี่น้องก็แค่ฉุดองค์หญิงแล้วพามาเป็นสตรีของเจ้าก็สิ้นเรื่อง”เกทส์โพล่งออกมาทันที
ทั่วทั้งห้องโถงเงียบลงทันที
วอร์ตันตะลึงจ้องมองเกทส์ จากนั้นมองดูลินลี่ย์ “พี่ใหญ่, คนนี้เขาคือใคร?”
เพียงเท่านั้นลินลี่ย์ก็รู้สึกตัว เขาตื่นเต้นที่ได้กลับมาพบน้องชายจนมัวแต่สนทนากับเขาและลืมแนะนำซาสเลอร์และคนอื่นๆ สนิท
“ฮ่าฮ่า...”
ลินลี่ย์ลุกขึ้นยืน “วอร์ตัน ให้บ่าวรับใช้ออกไปก่อน พนักงานต้อนรับด้านนอกก็ออกไปด้วย” ลินลี่ย์เตรียมจะแนะนำตัวคนในกลุ่มให้วอร์ตันได้รู้จัก
ไม่มีอะไรจำเป็นต้องปกปิดจากคนของเขาเอง
“เข้าใจแล้ว” แม้ว่าวอร์ตันจะไม่รู้ว่าลินลี่ย์ต้องการพูดเรื่องอะไร แต่เขาก็ทำตามคำแนะนำของลินลี่ย์ทันทีและให้บ่าวรับใช้และคนต้อนรับออกไปก่อน
ลินลี่ย์เดินขึ้นมาข้างหน้าเจนน์รีเบ็คกาและลีนา เขาถอนหายใจอย่างมีอารมณ์และกล่าว “วอร์ตัน, ในอดีตท่านแม่ของเราถูกศาสนจักรเจิดจรัสลักพาตัวไปแน่นอน เพราะวิญญาณของท่านบริสุทธิ์ รีเบ็คกาและลีนาก็ถูกลักพาตัวไปด้วยเหตุผลเดียวกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้วอร์ตันรู้สึกสะท้อนอารมณ์อยู่ในใจ
“เมื่อตอนที่ข้าอยู่ในมณฑลพายัพข้าช่วยพวกนางไว้ ส่วนคนนี้คือเจนน์ เจ้าต้องปฏิบัติกับนางทั้งสามคนเหมือนเป็นพี่สาวและน้องสาว” ลินลี่ย์แนะนำ
วอร์ตันพยักหน้า
“สำหรับสุภาพบุรุษท่านนี้...” ลินลี่ย์เดินตรงมาที่ซาสเลอร์ ความจริงเมื่อใดก็ตามที่วอร์ตันและคนอื่นมองดูซาสเลอร์ พวกเขาจะรู้สึกว่าหัวใจสั่นไหว ร่างของเขาผอมแห้งและดวงตาเขียวเข้มทำให้ใครก็ตามที่เห็นเขานึกกลัวอยู่ในใจ
“นี่คือท่านซาสเลอร์ หัวหน้าพ่อมดจอมเวทระดับเก้า เขาเป็นสมาชิกอาวุโสที่สุดในคณะของข้าและอายุเกินแปดร้อยปีแล้ว”
คำพูดของลินลี่ย์ทำให้วอร์ตันพ่อบ้านแอชลี่ย์ ฮิลแมนและเนเดอร์ประหลาดใจกันทุกคน
พ่อมดจอมเวท? นี่คือจอมเวทในตำนาน และเป็นหัวหน้าพ่อมดจอมเวทระดับเก้าเชียวหรือ? เป็นเรื่องยากมากเพราะจอมเวทก้าวหน้าได้ยากกว่านักรบ เนื่องจากจำเป็นต้องมีพลังจิตสูง ตรงกันข้ามกับนักรบไม่จำเป็นต้องมีพลังจิตวิญญาณสูงมาก
พลังจิตของจอมเวทระดับแปดโดยทั่วไปก็ยังยิ่งใหญ่กว่านักรบระดับเซียนแล้ว
แม้ว่านักรบระดับเซียนจะมีพลังจิตวิญญาณที่กล้าแข็งอดทนมากแต่ในแง่ของระดับจอมเวทคนหนึ่งในระดับเท่ากันจะมีพลังจิตมากมายกว่าเป็นร้อยเท่า
“แปดร้อยปีเชียวหรือ? เท่าที่ข้าจำได้ อายุขัยของคนที่มากที่สุดก็คือ 500 ปีเว้นแต่เมื่อเขาเข้าถึงระดับเซียน” พ่อบ้านแอชลีย์พูดขึ้นทันที
ยอดฝีมือระดับเซียนมีอายุขัยไม่มีขีดจำกัด แต่มนุษย์ที่ยังไม่ถึงระดับเซียนไม่สามารถจะมีชีวิตได้มากกว่าห้าร้อยปี
“ฮ่าฮ่า...” เสียงชราภาพของซาสเลอร์ดังขึ้น “เจ้ากำลังพูดถึงคนทั่วไป ข้าจะบอกอะไรให้ นักเวทเหล่านั้นฝึกสุดยอดเวทสามชนิดคือเวทศักดิ์สิทธิ์ เวทแห่งชีวิตและเวทแห่งพ่อมดผู้วิเศษ จึงมีชีวิตยืนยาวได้ ในบรรดาเวททั้งสามนี้ เราพ่อมดจอมเวทจึงมีอายุขัยยืนยาวที่สุด”
ซาสเลอร์ใช้สายตาชั่วร้ายมองดูกลุ่ม “ถ้าหนึ่งในพวกเจ้ากำลังจะตายเพราะหมดอายุขัย เจ้ามาหาข้าได้เลยด้วยความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับลินลี่ย์ ข้าสามารถช่วยเปลี่ยนร่างของพวกเจ้าให้เป็นร่างซอมบี้ได้และทำให้เจ้าไม่เน่าไม่เปื่อย”
ไม่เน่าไม่เปื่อย?
นี่คือเป้าหมายของคนนับไม่ถ้วน แต่ร่างซอมบี้? แค่จากที่ฟังดูแล้ว ใครก็คงจะพอเดาได้ว่าต้องเป็นหนึ่งในผีอมตะแน่
วอร์ตันพ่อบ้านแอชลีย์และฮิลแมนหรี่ตาและยิ้มกันทุกคน พวกเขาค่อนข้างกังวลใจกับการรับมือพ่อมดจอมเวทจริงๆ
“ซาสเลอร์” ลินลี่ย์มองดูซาสเลอร์อย่างไม่สบายใจ
ตาของซาสเลอร์เป็นประกายเขียวขณะหัวเราะ “ข้าแค่ล้อน้องชายเจ้าและสหายของเขาเล่นเท่านั้นเปลี่ยนร่างคนเป็นซอมบี้ไม่ใช่งานง่ายๆเลย”
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ จากนั้นเดินไปหาบาร์เกอร์และน้องๆ
“ในที่สุดก็ถึงตาพวกเรา” เกทส์จงใจยืดอก ตาของวอร์ตันเป็นประกายเช่นกัน พี่น้องทั้งห้าคนนี้สูงพอๆ กับวอร์ตันและพวกเขามีกล้ามเนื้อล่ำสันยิ่งกว่าเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งขวานยักษ์ด้ามยาวเป็นอาวุธหนักอย่างเห็นได้ชัด
“วอร์ตัน, เจ้าเคยได้ยินชื่อตระกูลอามันด์มาบ้างไหม?” ลินลี่ย์มองดูน้องชาย
“ตระกูลอามันด์? หรือว่าจะเป็น...ตระกูลนักรบอมตะ?” วอร์ตันนัยน์ตาเป็นประกาย
ลินลี่ย์พยักหน้าอย่างพอใจ “ถูกแล้ว, บาร์เกอร์ อังเก้, เฮเซอร์บูนและเกทส์ พี่น้องทั้งห้าคนนี้เป็นลูกหลานตระกูลอามันด์ ทั้งห้าคนคือนักรบอมตะ”
“ทั้งห้าคนคือนักรบอมตะ?” วอร์ตันตกใจ แอชลีย์และฮิลแมนที่อยู่ใกล้ๆ เขาก็ตกตะลึงเช่นกัน
เป็นลูกหลานทายาทตระกูลอามันด์และเป็นนักรบอมตะด้วยเป็นขั้นตอนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ตัวอย่างเช่นแม้ว่าฮ็อกจะเป็นลูกหลานของตระกูลนักรบเลือดมังกรแต่เขาไม่ใช่นักรบเลือดมังกร เป็นเรื่องที่ยากมากที่หนึ่งในสี่สุดยอดตระกูลนักรบจะสร้างอัจฉริยะที่สามารถแปลงร่างเป็นสุดยอดนักรบได้
“ถูกแล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้า
เมื่อเห็นท่าทางประหลาดใจบนใบหน้าวอร์ตัน ห้าพี่น้องรู้สึกภูมิใจมาก
“ตระกูลอามันด์ตกต่ำจนอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากมากแม้แต่คัมภีร์ลับอมตะก็ยังสูญหาย โชคดีที่ได้ท่านซีซาร์ช่วยไว้” ลินลี่ย์พูดด้วยความซาบซึ้ง “วอร์ตัน,ในห้าพี่น้องนี้ บาร์เกอร์ อังเก้ และเกทส์เป็นนักรบระดับเก้าแล้วอีกสองคนเป็นระดับแปดชั้นสูง”
“ระดับเก้า!”วอร์ตันตกใจเมื่อได้ยินเช่นนี้
“พี่ใหญ่ ท่านกำลังจะบอกว่า...?”
“ถูกแล้วหลังจากแปลงร่างแล้วทั้งสามคนจะมีพลังระดับเซียน” ลินลี่ย์ยิ้ม
วอร์ตัน ฮิลแมนพ่อบ้านแอชลีย์และเนเดอร์มีหัวใจร้องรุ่มด้วยความตื่นเต้นพวกเขาตื่นเต้นมากอยู่แล้วเมื่อรู้ว่าลินลี่ย์มีพลังระดับเซียน แต่ใครจะคาดกันว่ายังมีนักสู้ระดับเซียนอีกสามคนโผล่ขึ้นมา?
ยอดฝีมือระดับเซียนสี่คน!
ช่างเป็นขุมกำลังที่น่ากลัวนัก
มีพื้นฐานของความมั่นใจ!
พื้นฐานที่แข็งแกร่งย่อมเป็นที่มาแห่งความมั่นใจ ก่อนนี้วอร์ตันกังวลเรื่องว่าเขาจะสู้กับบลูเมอร์ได้ยังไง แต่ตอนนี้พี่ใหญ่ของเขามาพร้อมกับกลุ่มคนของเขา วอร์ตันรู้สึกเหมือนเป็นขอทานที่จู่ๆได้รับเงินล้าน
“ท่านฮ็อก ท่านเห็นหรือไม่? ท่านเห็นหรือไม่?” ฮิลแมนย้ำอย่างมีอารมณ์
ถ้าฮ็อกยังคงอยู่ในตอนนี้ เขาคงมีความสุขกับภาพที่เห็นนี้แน่นอน
“วอร์ตัน นี่คืออสูรเวทที่ข้าได้รับมาในเทือกเขาอสูรวิเศษ เขามีชื่อว่าแฮรุ แฮรุ, ทักทายทุกคนหน่อย” ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ
เสือดำเมฆาที่นอนอยู่บนพื้นพลันลุกขึ้นยืนเขากวาดตามองวอร์ตันและคนอื่นด้วยแววตาเข้มเย็นชา จากนั้นพูดเป็นภาษามนุษย์ “แฮรุขอคารวะทุกท่าน”
วอร์ตันจ้องมองลินลี่ย์อย่างประหลาดใจ “พี่ใหญ่, อสูรเวทนี่ อสูรเวทนี่เป็น...”
“ถูกต้อง, อสูรเวทระดับเซียน” ลินลี่ย์พยักหน้า
วอร์ตัน ฮิลแมนแอชลีย์และเนเดอร์รู้สึกเหนียวคอ สวรรค์โปรดอสูรเวทว่าโดยธรรมชาติของพวกมันแล้วจะแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ที่อยู่ในระดับเดียวกัน กล่าวโดยทั่วไป มีแต่มนุษย์ยอดฝีมือชั้นเซียนระดับสูงถึงจะเอาชนะอสูรเวทระดับเซียนได้
ลินลี่ย์เป็นยอดฝีมือระดับเซียนนับว่าดีแล้ว แต่อสูรเวทของเขาก็เป็นด้วยเหมือนกันหรือ?
“อะแฮ่ม...”
เสียงแค่นเย็นชาจนสามารถได้ยินได้วอร์ตันและคนอื่นหันทันทีเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากบีบีซึ่งนั่งอยู่ข้างลินลี่ย์ บีบีเชิดศีรษะขึ้นด้วยความหยิ่ง
“บีบี” เมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยของบีบี วอร์ตันรู้สึกสนิทกับเขา ที่สำคัญบีบีอยู่กับลินลี่ย์มาก่อนแล้ว เมื่อตอนที่พวกเขายังเด็ก วอร์ตันเล่นกับบีบีอยู่บ่อยๆ เช่นกัน “บีบี,รู้สึกเป็นไงบ้างได้เดินทางท่องเที่ยวกับอสูรเวทระดับเซียนเชียวนะ? เจ้าต้องเทิดทูนบูชาเขาแน่เลยใช่หรือเปล่า?”
บีบีจ้องมองวอร์ตันจากนั้นโวยวายลั่น “วอร์ตันเจ้าละอ่อนน้อย! เจ้าเอาข้าบีบีไปเทียบแบบนั้นได้ไง?เจ้าแฮรุนั่น ต่อให้เป็นอสูรเวทระดับเซียน แต่ก็ยังไม่ใช่คู่มือข้าบีบี!”
“เฮ้ยยย!”
วอร์ตันและคนอื่นๆตกใจมีสีหน้าตกตะลึงกันหมด ราวกับว่าพวกเขาเห็นผี พวกเขาสามารถยอมรับได้ว่าอสูรเวทประเภทเสือดำลึกลับนี้เป็นอสูรเวทระดับเซียน แต่บีบีเล่า? พวกเขาทุกคนเห็นบีบีติดตามลินลี่ย์แต่แรกตั้งแต่พวกเขาอายุยังน้อย
หนูเงาน้อยที่น่ารักตัวนั้นเข้าถึงพลังระดับเซียนแล้วหรือนี่
“บีบีแข็งแกร่งกว่าข้าแน่นอน” เสือดำเมฆาแฮรุคำรามเป็นภาษามนุษย์อีกครั้งหนึ่ง
บีบีเชิดหัวน้อยๆขึ้นสูง ตาของเขาเต็มไปด้วยความพอใจในตัวเอง