ตอนที่ 8-59 พี่น้องพบกัน
หลายวันผ่านไปตั้งแต่บลูเมอร์ได้รับบรรดาศักดิ์มาร์ควิส
“ใต้เท้า” ยามที่หน้าประตูคฤหาสน์เคานท์แสดงความเคารพ
วอร์ตันดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตมองยามเฝ้าประตูแม้แต่น้อย ไม่แม้กระทั่งจะชำเลืองมอง เขาเดินตรงเข้าคฤหาสน์ ยามทั้งสองคนได้แต่มองหน้ากันเอง
“ท่านเคานท์ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่กี่วันนี้เขาดูเหมือนสูญเสียโลกของตัวเองไปอีกครั้ง”
“ใช่ ในอดีตเขามักจะยิ้มและทักทายเรา จากที่เห็น คำขอแต่งงานกับองค์หญิงของบลูเมอร์ในตำหนักคงสร้างความกระทบกระเทือนใจกับท่านเคานท์ใหญ่หลวง”
ข่าวการทูลขอแต่งงานของบลูเมอร์แพร่กระจายไปทั่วนครหลวง
หลายคนในเมืองหลวงรู้เรื่องราวความสัมพันธ์ของวอร์ตัน องค์หญิงเจ็ดและบลูเมอร์ในถนนใหญ่ ตรอกเล็กซอกซอย ในโรงแรมและร้านอาหารหัวข้อนี้มักจะได้ยินพูดคุยกันบ่อยๆ
“วอร์ตัน, เป็นอะไรไป?” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
วอร์ตันหันหน้ามองผู้พูด เป็นเนเดอร์บุตรของฮิลแมน วอร์ตันส่ายศีรษะถอนหายใจ เนเดอร์เข้าใจ “ไม่ได้พบองค์หญิงเจ็ดใช่ไหม?”
“ใช่” วอร์ตันพยักหน้า
วอร์ตันและองค์หญิงเจ็ดมักออกไปเที่ยวด้วยกันเสมอและวันเวลาเหล่านี้กลายเป็นเรื่องธรรมดา แต่นับแต่บลูเมอร์ทูลขอแต่งงานกับนีน่าที่ตำหนักผู้กล้า วอร์ตันได้พบนีน่าเพียงครั้งเดียว วันต่อมาหลังจากเหตุการณ์นั้นสามวันแล้วที่เขาไม่ได้พบนีน่า
เขาไม่ได้พบเห็นนาง เป็นธรรมดาที่วอร์ตันจะรู้สึกหดหู่ใจมาก
เนเดอร์รู้สึกเสียใจแทนวอร์ตันมากเช่นกัน เขาแค่นเสียงกล่าว “บลูเมอร์ต้องการก่อเรื่องน่าปวดหัว เขาทูลขอแต่งงานกับองค์หญิงเจ็ดโดยตรง เขานึกอะไรอยู่กันแน่”
“ไม่มีประโยชน์อะไรจะมาพูดกันตอนนี้แล้ว” วอร์ตันส่ายศีรษะ
ขณะนั้นเอง...
“ท่านเคานท์ ท่านเคานท์” เสียงชัดใสดังขึ้นจากข้างนอก วอร์ตันหันหน้าไปมองและเห็นว่าผู้กล่าวคือหญิงรับใช้คนสนิทขององค์หญิงเจ็ดนามว่าลูซี่
“ให้นางเข้ามา” วอร์ตันกล่าวทันที
ยามปล่อยให้ลูซี่วิ่งเข้ามา ลูซี่วิ่งเข้ามาหาวอร์ตันและยืนหอบกล่าว “วอร์ตันองค์หญิงถูกฝ่าบาทสั่งให้อยู่แต่ในวังและไม่ให้ออกจากตำหนัก แม้แต่ข้าก็ต้องหาอุบายพิเศษกว่าจะออกมาได้ นี่คือจดหมายที่องค์หญิงขอให้ข้าส่งให้เจ้าให้ได้ นี่รับไปเถอะ ข้าไม่มีเวลาแล้ว ข้าต้องกลับไปเดี๋ยวนี้ ถ้าข้ากลับไปช้าอาจจะเกิดเรื่องร้ายแรง”
ลูซี่ส่งจดหมายให้วอร์ตัน วอร์ตันยืนตะลึงอยู่กับที่ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดลูซี่ก็วิ่งออกไปแล้ว
“ฝ่าบาทคิดยังไงกันแน่?” เนเดอร์ขมวดคิ้วรู้สึกโกรธแทน
วอร์ตันเปิดซองจดหมายและดึงจดหมายออกมาจากซอง เมื่อเห็นเนื้อความในจดหมายวอร์ตันรู้สึกเหมือนมีความร้อนพลุ่งผ่านหัวใจ ร้อนใจนัก
ปราณยุทธสีฟ้าระเบิดออกมาจากมือของวอร์ตันเผาจดหมายเป็นเถ้าถ่าน
“ทั้งสองฐานะคือหนึ่งศิษย์ส่วนตัวของเทพสงครามและเป็นน้องชายของโอลิวิเยร์ ดูเหมือนจักรพรรดิจะทรงโปรดบลูเมอร์”วอร์ตันมองเห็นอะไรได้ชัด
ถ้าฝ่าบาทไม่เข้มงวดไม่ให้นีน่าออกมา นีน่าจะไปพบวอร์ตันไม่ใช่บลูเมอร์
คำสั่งนี้ตีความได้ชัดว่าเขาช่วยบลูเมอร์
วอร์ตันแค่นเสียงเย็นชา เขารู้สึกจนใจ แม้แต่ในร่างมังกรเขาก็คงเป็นได้เพียงนักสู้ระดับเก้าชั้นสูง จะสร้างความยุ่งยากหรือก่อให้เกิดอำนาจแม้แต่น้อยได้ยังไง?
หลายวันต่อมาที่ชานเมืองหลวง
รถม้าคันหนึ่งและม้าอีกหลายตัวและเสือดำสนิทตัวหนึ่ง บนตัวเสือดำนั้นมีบุรุษหนุ่มชุดยาวเรียบง่ายขับขี่อยู่
“ลินลี่ย์ ดูสิ” ซาสเลอร์ขี่ม้าของตนเองชี้ภูเขาสูงที่อยู่ไกลๆ ภูเขานั่นมียอดมากมาย “นั่นคือภูเขาเทพสงครามที่มีชื่อก้องโลก วิทยาลัยเทพสงครามก็อยู่บนยอดเขานั่น”
“วิทยาลัยเทพสงคราม?” ลินลี่ย์นัยน์ตาเป็นประกาย
พลังที่กล้าแข็งที่สุดในตำนานและดึงดูดใจอยู่ในจักรวรรดิ วิทยาลัยที่เทพสงครามก่อตั้งขึ้นอยู่ในระดับสุดยอดของทั่วทวีปยูลาน ขณะจ้องมองดูภูเขาเทพสงครามไกลๆลินลี่ย์อดถอนหายใจชื่นชมไม่ได้
“เทพสงคราม...”
เทพสงครามโอเบรียนเป็นภาพที่แพรวพราวยิ่งนัก เขาไม่เพียงแต่ก่อตั้งจักรวรรดิโอเบรียนที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น เขายังต่อสู้กับสุดยอดมหานักพรตเหนือแม่น้ำยูลาน การสู้รบครั้งนั้นสร้างชื่อเสียงให้เขา ทำให้เขามีชื่อเสียงสถานะทัดเทียมสุดยอดนักพรต
หลังจากผ่านไปห้าพันปี ไม่มีใครรู้ว่าเทพสงครามมีพลังมากเท่าใดกันแน่ เดิมทีเขาอยู่ในระดับเดียวกับสุดยอดนักพรต แต่ตอนนี้เล่า แต่เทพเพียงองค์เดียวที่นับถือบูชากันภายในจักรวรรดิโอเบรียนก็คือเทพสงคราม จากจุดนี้ใครๆก็เห็นได้ว่าเทพสงครามนั้นน่าเลื่อมใสเพียงไหน
หัวใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยแรงกระตุ้นที่ห้าวหาญ “คงมีสักวันที่ข้าจะขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสุดยอดของทวีปยูลานด้วยเช่นกัน!”
ลินลี่ย์เบือนศีรษะไม่มองดูภูเขาเทพสงครามอีกต่อไป ไม่สำคัญว่าภูเขาเทพสงครามจะงดงามเพียงใด ยังไงก็ยังเป็นของเทพสงคราม
“นครหลวงแชนน์”เขาจ้องไปทางทิศตะวันออกเห็นเมืองขนาดใหญ่ร่ำลือกันว่าใหญ่ที่สุดในทวีปเลยทีเดียว แชนน์คือเมืองที่ใหญ่มากมีแต่นครหลวงของจักรวรรดิยูลานจึงจะเทียบกันได้
สถาปัตยกรรมของเมืองแชนน์เรียบง่ายปราศจากการตกแต่ง
“เมืองหลวงของจักรวรรดิที่ทรงอำนาจทางทหารมากที่สุดในทวีป แชนน์เป็นเมืองที่ยอดฝีมือมากมายพำนักอาศัยอยู่” ริมฝีปากของลินลี่ย์มีรอยยิ้ม ภายใต้แสงอาทิตย์แพรวพราวลินลี่ย์และคณะมุ่งหน้าเขาเมืองแชนน์
ไม่มีคนกลุ่มไหนที่ให้ความสนใจกับนักเดินทางกลุ่มนี้
แต่พวกเขาไม่รู้ว่าคนเหล่านี้ในไม่ช้าจะก่อกวนภายในจักรวรรดิโอเบรียนจนแผ่นดินสั่นสะเทือน
“ฮ่าฮ่า เมืองหลวงของจักรวรรดิโอเบรียนมีชีวิตชีวาสมชื่อจริงๆถนนเหล่านี้กว้างมากเลยทีเดียว” บาร์เกอร์หัวเราะลั่น ทำให้ลินลี่ย์พลอยหัวเราะไปด้วย
คณะของลินลี่ย์กำลังเดินอยู่กลางถนนสายหลักของเมืองหลวง
บาร์เกอร์และน้องๆ ของเขาลงจากม้า ขณะที่พวกเขาคอนอาวุธขึ้นหลัง ขวานยักษ์ด้ามยาวที่น่าประหลาดนั้นบนเส้นทางระยะยาวพวกเขาจะเก็บขวานยักษ์ด้ามยาวไว้ในแหวนมิติเก็บสมบัติของลินลี่ย์ ที่สำคัญคือขวานยักษ์มีน้ำหนักมากเกินไปม้าไม่สามารถรับน้ำหนักได้ไหว
“โอว..กล้ามเป็นมัดๆ เลย”
หลายคนในเมืองหลวงเปิดทางด้านหน้าให้กลุ่มคนพวกนี้ บาร์กอร์และน้องๆ มีรูปร่างใหญ่โตน่ากลัวทุกคนสูงราวๆ 2.2 เมตร เอวหนาเหมือนหมีและมีกล้ามเนื้อเป็นมัดผิดมนุษย์ธรรมดา นอกจากนี้บนหลังของพวกเขายังแบกขวานยักษ์ด้ามยาวที่เปล่งประกายโลหะเย็นคนละเล่ม
แม้ว่าขวานยักษ์ด้ามยาวเหล่านั้นจะสร้างขึ้นมาจากเหล็กกล้าอย่างดี จะมีน้ำหนักอย่างน้อยพันปอนด์ แต่ดูจากสีสันของขวานยักษ์เหล่านั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นอาวุธที่ไม่ธรรมดา คนอ่อนแอทั่วไปจะกล้ากวัดแกว่งอาวุธหนักแบบนั้นหรือ?
และเสือดำที่ขนเป็นมันวาวซึ่งไม่มีร่องรอยสีอื่นปนอยู่เลยเล่า?
ไม่มีใครในเมืองหลวงเคยเห็นเสือดำอย่างนั้นมาก่อน นี่เป็นเพราะหลังจากเสือดำเมฆาบรรลุระดับเซียนแล้วมันมีความสามารถในการเปลี่ยนสีขนตนเองได้อย่างง่ายดาย
“ถนนโบลเดอร์” ลินลี่ย์รู้สถานที่ซึ่งวอร์ตันพักอยู่และทุกคนในตอนนี้มุ่งหน้าไปยังถนนโบลเดอร์ด้านทิศตะวันออกของเมืองแชนน์
“ข้าพนันได้เลยว่าท่านบลูเมอร์จะได้แต่งงานกับองค์หญิงนีน่าแน่นอน”
ลินลี่ย์ชะงักทันทีหันหน้าไปมองร้านอาหารใกล้ๆ และขมวดคิ้ว “นีน่า? นีน่าที่วอร์ตันชอบพออยู่น่ะหรือ? คนที่ชื่อเคย์ลันเป็นคู่แข่งของวอร์ตันไม่ใช่หรือ?บลูเมอร์ผู้นี้ทำแบบนี้ได้ยังไง?”
ลินลี่ย์รู้ว่าบลูเมอร์เป็นใคร
เมื่อวอร์ตันมีส่วนร่วมแข่งขันเพื่อเป็นศิษย์กิตติมศักดิ์ในที่สุดเป็นบลูเมอร์ที่คว้าชัยชนะไป
“เหลวไหล ข้ายินดีพนันได้ว่าท่านวอร์ตันจะต้องได้แต่งงานกับองค์หญิงนีน่า องค์หญิงนีน่ากับใต้เท้าวอร์ตันชอบพอกันมานานจนถึงเดี๋ยวนี้แล้ว”
“ยากจะบอกได้ ดูสถานะของท่านบลูเมอร์ในปัจจุบันสิ เขาเป็นศิษย์ส่วนตัวของเทพสงคราม”
“ใต้เท้า?” บาร์เกอร์พูดเบาๆ
ลินลี่ย์ยืนนิ่งอยู่กับที่ชั่วขณะหนึ่ง
บลูเมอร์คือน้องชายของโอลิวิเยร์ เขากลายเป็นศิษย์ส่วนตัวของเทพสงครามหรือ? และดูเหมือนว่าเขาจะทูลขอจักรพรรดิเพื่อแต่งงานกับนีน่า
บาร์เกอร์และคนอื่นๆ มองดูลินลี่ย์
“ไปกันเถอะ” ลินลี่ย์กล่าว
คณะของลินลี่ย์มาถึงถนนโบลเดอร์ คฤหาสน์ทุกหลังที่ตั้งอยู่ในถนนโบลเดอร์เป็นของตระกูลขุนนางทั้งนั้น ดังนั้นถนนโบลเดอร์จึงมีคนไม่พลุกพล่าน
ขณะเดินอยู่บนถนนโบลเดอร์ที่ว่างเปล่า ลินลี่ย์สำรวจสัญลักษณ์ไปตามคฤหาสน์ทุกหลัง
“ตรงไปข้างหน้า” ลินลี่ย์นัยน์ตาเป็นประกาย
ยามเฝ้าประตูสองคนกำลังสนทนากันเพลินจึงไม่ทันสังเกตในตอนแรกว่าลินลี่ย์และคณะกำลังเดินเข้ามาหา พวกเขาตื่นตัวทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นบาร์เกอร์และน้องๆร่างกายใหญ่โตแข็งแรง
“คนพวกนี้สูงใหญ่ล่ำสันพอๆ กับท่านเคานท์” ยามเฝ้าหน้าประตูต่างตกใจ
“พวกเจ้าเป็นใคร?” หนึ่งในยามเฝ้าประตูรวบรวมความกล้าร้องเรียกออกไป
เกทส์เป็นคนแรกที่ส่งเสียงตอบดังลั่น “นี่คือบ้านพักเคานท์วอร์ตันใช่หรือไม่?”
“ถูกแล้ว” ยามพยักหน้า
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ลินลี่ย์รู้สึกหัวใจสั่นเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น เป็นเวลากี่ปีกันแล้ว? วอร์ตันจากไปเมื่ออายุหกขวบ อีกไม่กี่ก็จะครบสิบเจ็ดปีที่แยกจากกัน
สิบเจ็ดปี!
ลินลี่ย์ยิ้มพลางกล่าว “ช่วยไปแจ้งข่าวด้วยว่าลินลี่ย์พี่ชายของเขามาถึงแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ยามสองคนประหลาดใจมาก พี่ชายของเคานท์วอร์ตัน? พวกเขาไม่เคยได้ยินว่ามีคนเช่นนั้นมาก่อน
แต่ยามทั้งสองคนตัดสินใจได้ดี พวกเขาสามารถบอกได้ทันทีว่าคนกลุ่มนี้น่ากลัวเพียงไหน ยามคนหนึ่งไม่กล้าพูดอะไรอื่น เขาคำนับ “โปรดรอสักครู่ ข้าจะเข้าไปรายงานก่อน”
ลินลี่ย์สูดหายใจลึก เพื่อสงบจิตใจ
“ลินลี่ย์ นี่คือบ้านพักของน้องชายเจ้าหรือ?” ซาสเลอร์เดินเข้ามาหาพลางหัวเราะ “ดูเหมือนน้องชายเจ้าก็ทำได้ดีนะ เพราะเขายังอยู่ในเมืองหลวงได้”
ลินลี่ย์อดภูมิใจไม่ได้
พ่อบ้านแอชลีย์กับฮิลแมนกำลังจิบไวน์และสนทนากัน แต่ทันใดนั้นยามคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ท่านฮิลแมนขอรับ มีคนกลุ่มหนึ่งเพิ่งมาถึง ผู้นำกลุ่มของพวกเขาอ้างว่าเขาเป็นเป็นพี่ชายของท่านวอร์ตันและเขาชื่อลินลี่ย์”
“เพล้ง!” แก้วเหล้าในมือพ่อบ้านแอชลีย์ร่วงลงกระแทกพื้นจนแตก
“ลินลี่ย์!”
พ่อบ้านแอชลี่ย์และฮิลแมนลุกขึ้นยืนทันที พวกเขามองหน้ากันเอง นัยน์ตาเบิกกว้างทั้งตกใจปนดีใจ
“ไป ไปเร็ว!ไปแจ้งให้ท่านเคานท์ทราบ!” แอชลี่ย์สั่งทันที
และจากนั้นแอชลี่ย์และฮิลแมนวิ่งออกไปหน้าคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าพ่อบ้านแอชลี่ย์สูญเสียความอดทนตามปกติ ยามผู้นั้นตระหนักได้ว่านี่เป็นเรื่องสำคัญขนาดไหน เขารีบวิ่งไปที่ลานฝึกฝีมือทันที
ในไม่ช้าแอชลีย์และฮิลแมนก็มาถึงลานหน้าคฤหาสน์ พอก่อนจะถึงประตูใหญ่ พวกเขาก็ค่อยชะลอความเร็วขณะที่มองดูข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
พวกเขาเห็นบุรุษร่างกายมีมัดกล้ามกำยำที่น่ากลัวห้าคน แค่เพียงขวานยักษ์ด้ามยาวที่พวกเขาคอนไว้ก็ทำให้พวกเขาสั่นได้แล้ว ด้านข้างบุรุษทั้งห้าคนเป็นชายชราร่างผอมแห้งนัยน์มีประกายสีเขียวเต็มไปด้วยกลิ่นอายน่ากลัว
นอกจากชายชราแล้วยังมีเด็กสาวสวยน่ารักน่าชมสามนาง
และข้างหน้าของทุกคน...
“ลินลี่ย์!” ฮิลแมนเป็นคนพูดก่อน พ่อบ้านแอชลีย์ยังคงตรวจสอบลินลี่ย์อย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาก็จดจำลินลี่ย์ได้ทันที เขาร้องออกมาอย่างประหลาดใจและดีใจ “คุณชายลินลี่ย์”
ลินลี่ย์อยู่ในระหว่างสนทนากับซาสเลอร์หันหน้ากลับมา
ปู่แอชลีย์ดูเหมือนยังอยู่ในความทรงจำของลินลี่ย์ จมูกเขาแดงเหมือนเหล้าไวน์แดงและลุงฮิลแมนก็ยังดูดีอยู่เช่นกัน ขณะมองดูพวกเขา ลินลี่ย์พบว่าเขาไม่สามารถข่มความตื่นเต้นดีใจไว้ได้
“ปู่แอชลีย์ ลุงฮิลแมน” ลินลี่ย์วิ่งเข้าไปในลาน นัยน์ตาของเขาเริ่มชื้น
พ่อบ้านแอชลีย์เดินเข้ามาอยู่ข้างๆ ลินลี่ย์ ตาเขาแดง “เจ้าโตขึ้น เจ้าโตแล้ว คุณชายลินลี่ย์เจ้าสูงกว่าเมื่อก่อนเสียอีก” เป็นเวลาสิบเจ็ดปีเต็มที่พ่อบ้านแอชลีย์ไม่ได้พบเห็นลินลี่ย์
เมื่อเขาออกไปพร้อมกับวอร์ตัน ลินลี่ย์อายุเพียงสิบปี
“ปู่แอชลีย์ ปู่ยังดูเหมือนเดิมเลยนะ” ความดีใจในใจลินลี่ย์ทำให้เขาไม่สามารถพูดได้ดังใจ
ขณะมองดูลินลี่ย์ ฮิลแมนพูดด้วยน้ำเสียงดีใจ “คุณชายลินลี่ย์ ท่านโตขึ้นมาก แต่ยังดูคล้ายกับเมื่อสิบปีก่อน”
สิบปีที่แล้ว ลินลี่ย์สูง 1.7 เมตร ลักษณะของเขาจึงไม่ถือว่าเปลี่ยนไปจากนั้นมาก
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าหนักๆ วิ่งเข้ามาได้ยินชัดเจน
เมื่อหันหน้าไปลินลี่ย์เห็นร่างสูงใหญ่แข็งแรงปรากฏอยู่ที่ทางเดินประตูเหมือนกับเป็นภาพฝัน บุรุษผู้นี้ดูคล้ายกับตัวลินลี่ย์ ลินลี่ย์รู้สึกได้ว่าคนผู้นี้มีแนวโน้มว่าจะเป็นวอร์ตันน้องชายเขา
ตอนที่วอร์ตันจากไปเขาอายุเพียงหกปี เขาเปลี่ยนไปอย่างมากมาย
แต่วอร์ตันจำเป็นต้องใช้เวลาครู่หนึ่งก่อนจะจำลินลี่ย์ได้ ลินลี่ย์ยังคงดูคล้ายกับที่เขาเป็นเหมือนในอดีต วอร์ตันอ้าปาก น้ำตาเขาเริ่มไหลนองหน้า “พี่....”
ลินลี่ย์ค่อยๆ เดินหาวอร์ตัน สายตาของเขามองอยู่ที่วอร์ตัน
“พี่ใหญ่...” วอร์ตันถลำเข้ามาสองก้าวเช่นกัน
“น้องวอร์ตัน เป็นเจ้าจริงๆ หรือนี่?” ลินลี่ย์จ้องมองวอร์ตัน ใบหน้าเด็กกลมป้อมเปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่สูง 2.2 เมตร
“พี่ใหญ่ ข้าเอง ข้าเอง” ขณะนี้วอร์ตันลืมปัญหานีน่าไปชั่วคราว หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเขาไม่สามารถข่มความตื่นเต้นลงได้
ลินลี่ย์ยื่นมือที่สั่นสะท้านและจับไหล่วอร์ตันไว้ เขามองดูวอร์ตันอย่างระมัดระวัง หน้าของเขายิ้มกว้าง ขณะที่น้ำตายังคลอเบ้าเป็นประกายวูบวาบลินลี่ย์พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่น “น้องวอร์ตัน เจ้าโตแล้ว”
ใบหน้ากลมป้อมในความทรงจำของเด็กน้อยที่มักจะเรียกเขาว่า ‘พี่ใหญ่’‘พี่ใหญ่’ อยู่เสมอด้วยน้ำเสียงเด็กน้อยน่ารัก ตอนนี้เติบโตแล้ว
“พี่ใหญ่! วอร์ตันกอดลินลี่ย์แน่นเมื่อได้เห็นวอร์ตัน ลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้นอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไปต่างคนต่างซบหน้า