ตอนที่แล้วตอนที่ 8-54 ศิษย์ส่วนตัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8-56 แก่นเวทเซียนอสูร

ตอนที่ 8-55 สู้รบระดับเซียน


ขณะที่พลเมืองในนครหลวงกำลังเฉลิมฉลองศิษย์ส่วนตัวคนที่ 27ของเทพสงครามที่ได้เลือกมาแล้วถึงห้าพันปี  ในมณฑลพายัพห่างไกลออกไป ลินลี่ย์กับแม็คเคนซียอดฝีมือระดับเซียนกำลังดื่มกินสนทนากันอย่างมีความสุข คืนนี้พวกเขาเตรียมจะสู้กัน

ราตรีนี้ พระจันทร์โค้งลอยสูงอยู่ในท้องฟ้า รัศมีเงินเลือนรางสาดส่องครอบคลุมพื้นโลกทำให้โลกเหมือนกับคลุมไปด้วยผ้าโปร่ง

บนภูเขารกร้างเล็กๆ ด้านนอกเมืองเอกเบซิล ลินลี่ย์และแม็คเคนซีกำลังเดินเคียงไหล่โดยมีบีบีนั่งอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์  คนอื่นไม่ได้มาด้วย

พยานในการต่อสู้ครั้งนี้มีแต่บีบี

ภูเขาน้อยที่รกร้างและปราศจากผู้คน นอกจากต้นไม้ไม่กี่ต้น บนยอดเขาเป็นพื้นที่ว่างและกันดาร ลินลี่ย์กับแม็คเคนซียืนเคียงข้างกันอยู่บนยอดเขา ลมภูเขาพัดหวีดหวิวกระโชกใส่เสื้อผ้าพวกเขาจนโบกสะบัด

ลินลี่ย์กับแม็คเคนซีมองหน้ากันเองต่างฝ่ายต่างเข้าใจความหมายที่ซ่อนนัยยะอยู่ในดวงตา

บีบีกระโดดออกจากไหล่ของลินลี่ย์อย่างเชื่องเชื่อและลินลี่ย์เปลื้องชุดท่อนบนเก็บไว้ในแหวนมิติเก็บสมบัติ  เขาเริ่มแปลงร่าง  เกล็ดสีดำคลุมร่างอย่างรวดเร็ว  ขณะที่หน้าผาก หลังศอกและเข่าเริ่มมีหนามแหลมงอกขึ้น หางเหมือนแส้เหล็กสะบัดอยู่ด้านหลังและตาของเขาเปลี่ยนเป็นตาสีทองเย็นชาทันทีชั้นแสงสีฟ้าปรากฏเลือนรางอยู่บนเกล็ดของเขาเช่นกัน  ขณะที่พลังที่รุนแรงเริ่มแผ่ออกจากร่างของลินลี่ย์ฝุ่นและหินก้อนเล็กๆ เริ่มหมุนวนไปตามกระแสวังวนพลังงาน

“สมกับชื่อสุดยอดนักรบจริงๆ” แม็คเคนซีนัยน์ตาเป็นประกาย

“ควั่บ!”

พร้อมกันนั้นลินลี่ย์และแม็คเคนซีกลายเป็นรุ้งคู่หนึ่งบินขึ้นไปในอากาศเหนือภูเขาน้อย  พวกเขายืนอยู่ในกลางอากาศประจันหน้ากันในระยะร้อยเมตร

แม็คเคนซีพลิกมือและหอกสีฟ้าปรากฏอยู่ในมือ “เพื่อสร้างหอกเล่มนี้ขึ้น ข้าต้องใช้เงินถึงยี่สิบล้านเหรียญทองซื้อแร่ที่มีราคาสูงมากหลังจากสร้างเสร็จแล้วข้าให้ชื่อว่า อัคคีฟ้า

ลินลี่ย์พลิกมือของตนและกระบี่อ่อนเลือดม่วงปรากฏอยู่ในมือ

“ข้าได้รับกระบี่เล่มนี้มาจากสถานที่อันตรายมากในเทือกเขาอสูรวิเศษ  มันมีนามว่า ‘เลือดม่วง’”

เกี่ยวความสามารถในการใช้กระบี่เลือดม่วงของเขาอยู่ในระดับสี่ ‘สัจธรรมแห่งธาตุลม’ อย่างไรก็ตามลินลี่ย์เพียงถึงระดับแรกในขั้นที่ง่ายที่สุดของสัจธรรมแห่งธาตุลม’ ซึ่งมีนามว่า ‘ระลอกสายลม’

(ต่อไปนี้คำว่า ‘สัจจะลึกซึ้ง....’ ขอแก้เป็น ‘สัจธรรม....’ ไม่เกี่ยวอะไรกับศัพท์ศาสนาแค่รู้สึกว่าเวลาพิมพ์และอ่านมันคล่องมือคล่องปากมากกว่าครับ)

แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อผสานกับกระบี่เลือดม่วงที่มีความพิเศษเฉพาะลินลี่ย์ก็ยังรู้สึกมั่นใจว่าความสามารถของเขาสามารถรับมือแม็คเคนซีได้

“การเป็นเซียนทำให้ข้ารู้สึกเหมือนกับมีพลังที่ไร้ขอบเขต”  ลินลี่ย์กวัดแกว่งเทพกระบี่เลือดม่วงในมือเขารู้สึกมั่นใจมาก “ในอดีตนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าจะใช้กระบี่เลือดม่วงทำร้ายนักสู้ระดับเซียน  ไม่ใช่ว่ากระบี่เลือดม่วงคมไม่เพียงพอ  แต่กลับเป็นว่าปราณยุทธของข้าเองและความแข็งแกร่งของข้ายังไม่เพียงพอ”

เป็นไปได้ยังไงที่อาวุธที่ยอดฝีมือทุกคนใช้ว่ากันในเรื่องความคมจะเอามาเปรียบเทียบกับเทพศัสตราอย่างเทพกระบี่เลือดม่วงได้?

กระบี่เลือดม่วงคมกล้ามากจนผู้ใช้ยังไม่ต้องใช้ปราณยุทธเลย ใช้แต่ความคมของมันอย่างเดียวก็สามารถทะลวงการป้องกันของอสูรเวทระดับเจ็ดได้ จะมีอาวุธสักเท่าไหร่ที่มีความคมกล้าที่น่ากลัวเทียบกับมันได้?

เมื่อเข้าคู่กับปราณยุทธปริมาณมหาศาลระดับเซียน ความคมและพลังของมันจะเพิ่มขึ้นถึงในระดับที่ทึ่ง

“อย่างนั้นเรามาเริ่มกัน!

ร่างของแม็คเคนซีเริ่มเปล่งประกายความปรารถนาจะรบอันไร้ขอบเขตเขายืนอยู่ในกลางอากาศที่สูงขณะที่สายลมพัดชุดยาวโบกสะบัด ร่างของแม็คเคนซีเริ่มปกคลุมไปด้วยชั้นของเปลวเพลิงและหอกเพลิงฟ้าในมือของเขาเริ่มปล่อยเพลิงออกมาเช่นกัน

ตลอดทั้งร่างของเขาดูเหมือนมีเปลวเพลิงลุกท่วม

แม็คเคนซีในชุดเพลิงและถือหอกกำลังมองดูลินลี่ย์เหมือนเทพออกศึก

“ปราณยุทธของเขาถึงระดับนั้นจริงๆ หรือนี่” ตาของลินลี่ย์เป็นประกาย

“บึ้ม!” ปราณยุทธลินลี่ย์เองก็ระเบิดออกมาเช่นกัน ขณะที่ปราณยุทธสีดำสลับฟ้าครอบคลุมตัวลินลี่ย์เขากระตุ้นการทำงานของกระบี่เลือดม่วงเกล็ดสีดำเคลือบฟ้าปกคลุมไปด้วยปราณยุทธดำ-ฟ้าเหมือนกับปีศาจที่ขึ้นมาจากนรกที่ระอุ

มีรอยยิ้มปรากฏที่ริมฝีมากของแม็คเคนซี

ทันใดนั้น...

“ฟิ้ววว”

ลินลี่ย์เพียงแต่เห็นร่างเลือนรางขณะที่แม็คเคนซีแหวกอากาศมาที่เขา  หอกในมือของแม็คเคนซีมีเปลวเพลิงลุกไหม้  ดูเหมือนจะกักพื้นที่รอบๆทั้งหมดขณะมันทะลวงตรงมาที่ลินลี่ย์ด้วยพลังมหาศาลไม่มีที่สิ้นสุด

ขณะนั้นเอง ดูเหมือนสิ่งเดียวที่คงอยู่ในโลกนี้ก็คือหอก

“แคล้ง!”

แสงสีม่วงที่แปลกประหลาดและร้ายกาจตวัดฟันเปิดพื้นที่ซึ่งถูกกักเอาไว้  ปลายกระบี่ปะทะกับปลายหอก  ขณะที่ปลายอาวุธกระทบกันนั้นปราณยุทธของลินลี่ย์และแม็คเคนซีระเบิดผ่านอาวุธของกันและกัน

“บึ้มมมม!”

เสียงระเบิดที่น่ากลัวระเบิดออกมาจากทั้งสองคนเนื่องจากพลังที่ปลดปล่อยออกจากแรงปะทะของยอดฝีมือระดับเซียนทั้งสองนี้ระเบิดกระจายออกไปทุกตำแหน่ง  แม้แต่หินศิลาที่โผล่พ้นเขาซึ่งอยู่ใต้พวกเขาก็เริ่มแตกกระจายจากการปล่อยพลังปราณยุทธ

ทั้งสองคนแยกจากกันด้วยความเร็วสูงหลังจากปะทะกัน

“หืม?” ลินลี่ย์ชำเลืองมองแม็คเคนซีครั้งหนึ่ง  “ความจริงปราณยุทธของเขามีพลังมากกว่าเราเล็กน้อย”  นักรบเลือดมังกรมีพรสวรรค์ตามธรรมชาติมาก  แม้เป็นนักรบเลือดมังกรระดับเซียนชั้นต้นก็มีปราณยุทธเพียงเป็นรองนักสู้ระดับเซียนชั้นกลางเล็กน้อยเท่านั้น

ในสี่สุดยอดนักรบ นักรบอมตะมีพลังป้องกันดีที่สุดนักรบลายพยัคฆ์มีความเร็วสูงที่สุด นักรบเพลิงม่วงมีพลังรักษาตัวเร็วที่สุด แต่นักรบเลือดมังกรมีพลังรุกดีที่สุด

นักรบเลือดมังกรไม่มีอะไรจะมาล้อเล่นได้

“ฮ่าฮ่า ยอดเยี่ยมมาก รับพลังโจมตีข้าอีกครั้ง!” แม็คเคนซีหัวเราะลั่น ขณะเขาบุกจู่โจมลินลี่ย์ด้วยความเร็วสูงอีกครั้ง  ขณะโจมตีเขามีสภาพร่างเงาตามหลังอีกสามร่าง

“ท่านต้องการแข่งความเร็วหรือ?”

ลินลี่ย์ยิ้ม

ร่างของลินลี่ย์เลือนรางจากนั้นเปลี่ยนเป็นร่างแยกสามร่างบุกเข้าหาแม็คเคนซีเช่นกันและทิ้งร่องรอยในท้องฟ้าขณะที่เขาทำเช่นนั้น

“ฮาาาาก...!”

ก่อนนั้นแม็คเคนซียั้งพลังไว้แต่ตอนนี้เขาใช้พลังไม่มียั้งร่างเงาสามร่างขยายออกเป็นเก้า  แต่อย่างไรก็ตามเงาของแม็คเคนซีควงหอกในมือได้ไม่แตกต่างกัน

“บึ้ม!”

เงาทั้งเก้าควงหอกในรูปแบบที่แตกต่างกัน จากนั้นแทงหอกใส่ลินลี่ย์

เดิมทีลินลี่ย์เห็นแต่เพียงหอกเก้าเล่ม แต่หลังจากหอกเหล่านั้นก็ปะทะกับพลังลึกลับทันที  ดูเหมือนทั่วทั้งโลกเต็มไปด้วยเงาหอกนับไม่ถ้วน

เงาหอกจำนวนนับไม่ถ้วน ทำให้ลินลี่ย์ไม่มีที่หนี

“ฮ่าฮ่า...” ลินลี่ย์หัวเราะดังลั่น ขณะเดียวกัน เขาเองเปลี่ยนสภาพเป็นเหมือนกับลมหมุน  ในชั่วกระพริบตาร่างของลินลี่ย์ทั้งหมดเปลี่ยนเป็นพายุหมุน และรอบๆ พายุหมุนมีประกายแสงสีม่วงที่ร้ายกาจนับไม่ถ้วน

เงาหอกนับไม่ถ้วนเหล่านั้นถูกประกายแสงสีม่วงเหล่านั้นป้องกันไว้ได้ทั้งหมด

แม็คเคนซีตะลึง

“วิชาสลาตัน – แหลกสลาย!”

ลินลี่ย์คำรามดังลั่นและจากนั้นเขากระแทกใส่แม็คเคนซีเหมือนกับตัวของเขาเป็นค้อนยักษ์  ในพริบตากระบี่เลือดม่วงในมือของเขาดูเหมือนมีการเปลี่ยนแปลงเป็นกระบี่นับหมื่นเล่ม

กระบี่เหล่านั้นโจมตีเหมือนกับว่าเบาและสง่างาม แต่เมื่อกระบี่เหล่านั้นปะทะกับหอกของแม็คเคนซี  แม็คเคนซีรู้สึกเหมือนกับว่าแต่ละกระบี่มีพลังดุจสายฟ้าฟาด

กวัดแกว่งของเบาราวกับเป็นของหนัก!

“บึ้ม  บึ้ม บึ้ม  บึ้ม!”

ตลอดทั้งร่างของลินลี่ย์เปลี่ยนเป็นพายุหมุน และแม็คเคนซีมีความรู้สึกเหมือนกับว่าสวรรค์กำลังช่วยเหลือลินลี่ย์  สิ่งที่แปลกที่สุดก็คือดูเหมือนว่ากระบี่ในมือของลินลี่ย์สามารถหายและปรากฏออกมาได้ดั่งใจ

ภายใต้การโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนี้ แม็คเคนซีถูกบังคับให้ลงจากอากาศมาอยู่บนพื้น

“บึ้ม!”

แม็คเคนซีลงพื้นอย่างหนัก  และพื้นรอบๆตัวเขามีรอยร้าวขณะที่ฝุ่นม้วนตัวขึ้นทุกหนแห่ง เปลวเพลิงบนร่างของแม็คเคนซีเริ่มเผาร้อนรุนแรงมากขึ้น  และท่าทีต้องการรบในดวงตาเริ่มรุนแรงขึ้น

ลินลี่ย์ลงพื้นเสียงหนักเช่นกัน ตัวของเขาคลุมไปด้วยปราณยุทธสีดำ-ฟ้า ทำให้ดูเป็นตรงกันข้ามเมื่อเทียบกับของแม็คเคนซี

คนหนึ่งมีพลังข่มขวัญและครอบงำได้ อีกฝ่ายหนึ่งมีพลังมืดดำและลึกลับ

แม็คเคนซีก้มมองดูอกของเขาเอง

เลือดฉีดพุ่งออกมาจากใต้เสื้อผ้าของเขา และจากนั้นระเหยออกไปภายใต้เพลิงความร้อนสูง  แต่คราบเลือดบนเสื้อผ้าของแม็คเคนซีแสดงให้เห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บอย่างชัดเจน

“ลินลี่ย์, ข้าเข้าใจท่วงท่าความเคลื่อนไหวของเจ้า  แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าไม่สามารถเข้าใจได้ เทพกระบี่เลือดม่วงของเจ้าสามารถผสานเข้ากับสายลมเป็นอย่างดีได้ยังไง?” แม็คเคนซีเป็นนักสู้ระดับเซียนที่มีประสบการณ์มาก

ระดับ ‘กำหนด’คือการใช้พลังกำหนดของฟ้าและดิน

แต่ปริมาณของพลังธรรมชาติซึ่งลินลี่ย์ใช้สนับสนุนพลังโจมตีของเขานั้นน่ากลัวอย่างแท้จริง

“แน่นอนว่ามีข้อจำกัดในปริมาณของพลังงานซึ่งฟ้าและดินที่ท่านยืมมาใช้ สำหรับเหตุผลที่ท่านมีปัญหากับการป้องกันอย่างนั้น...”ลินลี่ย์ยิ้มและชูกระบี่เลือดม่วงในอากาศและในทันใดนั้นกระบี่เริ่มโค้งทำมุมไปได้ทุกที่

ถ้าท่านต้องการให้กระบี่เล่มหนึ่งหนักและคมเพียงพอหนึ่งในพื้นฐานที่เจอก็คือกระบี่จะไม่มีความยืดหยุ่นเท่าใดนัก

“นี่...นี่คือกระบี่อ่อนหยุ่นหรือ?” แม็คเคนซีประหลาดใจมาก

จากนั้นเมื่อลินลี่ย์ปะทะฝีมือกับเขา  เขาใช้กระบี่เลือดม่วงโจมตีในวิถีโค้ง  อย่างไรก็ตาม เนื่องจากลินลี่ย์ใช้ประโยชน์จากเคล็ดกำหนด ความรู้สึกที่แม็คเคนซีได้รับก็คือเดี๋ยวกระบี่หาย เดี๋ยวกระบี่ก็ปรากฏ

นี่คือวิธีใช้เคล็ด ‘กำหนด’อีกรูปแบบหนึ่ง

“ถูกแล้ว นี่คือกระบี่อ่อนหยุ่น”  ลินลี่ย์ตอบ

“แต่กระบี่อ่อนหยุ่นปะทะกับหอกเพลิงฟ้าของข้าโดยตรงได้ยังไง?”  แม็คเคนซีตกใจมาก

เหตุผลที่กระบี่อ่อนหยุ่นสามารถเหยียดตรงได้และแข็งได้เป็นเพราะปราณยุทธ แต่เป็นไปได้อย่างไรที่อาวุธชิ้นหนึ่งซึ่งอาศัยปราณยุทธจะสามารถเหยียดตรงได้เทียบกับอาวุธตรงๆมาแต่แรกอยู่แล้ว?

หอกเพลิงฟ้าของแม็คเคนซีเป็นของมีราคามาก

“นี่คือเทพศัสตราเล่มหนึ่ง” ลินลี่ย์ไม่ปิดบังอีกต่อไป

“เทพศัสตรา” แม็คเคนซีพยักหน้าอย่างอัศจรรย์ จากนั้นหัวเราะลั่น  “เยี่ยมจริงๆ ลินลี่ย์,ต่อไปข้าจะโจมตีสุดกำลังแล้วนะ  ระวัง”

“ข้ามีพลังโจมตีพิเศษที่ข้าไม่ได้ใช้ออกเช่นกัน”  ลินลี่ย์มั่นใจเช่นกัน

ตอนนี้ บุรุษทั้งสองอยู่บนพื้น จ้องมองกันและกัน

“ฮ่าาาาห์!”

แม็คเคนซีเริ่มบุกทันที เขายกหอกในมือชี้ขึ้นฟ้า ทันใดนั้นแค่เพียงแม็คเคนซีเพ่งเป็นจุดเดียวคลื่นเพลิงไร้ที่สิ้นสุดพุ่งออกมาทุกตำแหน่ง

ในพริบตา ภายในพื้นที่ร้อยเมตร ถูกเปลี่ยนเป็นโลกเพลิงหมด

ลินลี่ย์ถูกเพลิงกักล้อมไว้เช่นกัน ตาสีทองเข้มของเขามองดูอย่างเฉยเมย ภายในโลกแห่งเพลิงนี้ ภาพของแม็คเคนซีปรากฏไปทุกที่พร้อมกับหอกของเขาด้วย

กดดัน!

โลกแห่งเปลวเพลิงนี้ดูเหมือนกำลังกดทับใส่ลินลี่ย์ และไม่มีพลังกำหนดของลินลี่ย์ที่สามารถดึงออกมาใช้ได้

“ครืนนน...”  หอกที่เลือนแทงฝ่าอากาศใส่ลินลี่ย์ตามๆกันมาทันที  ทั้งหมดนั้นผสานเข้ากันเป็นร่างมังกรไฟซึ่งดูเหมือนจริงมากซึ่งหมอบและคำรามใส่ลินลี่ย์

และในขณะเดียวกัน...

ด้านหลังลินลี่ย์ แม็คเคนซีมาปรากฏทันทีอย่างไม่มีวี่แววขณะที่เขาแทงหอกในมือใส่ลินลี่ย์

หนึ่งหน้า หนึ่งหลัง ลินลี่ย์ไม่มีที่ให้หนี

“ระลอกสายลม!”

ลินลี่ย์เริ่มเคลื่อนไหว และกระบี่หยุ่นเลือดม่วงในมือของเขาเปลี่ยนอสรพิษร้ายนับไม่ถ้วนทั้งขดทั้งฉกใส่เงาหอกที่กำลังโจมตีมาจากรอบตัวเขาแต่ละครั้งที่กระบี่ของเขากระทบหอก จะมีเสียงระเบิดบึ้มดุจสายฟ้าฟาดมังกรไฟที่แข็งแกร่งทรงพลังอย่างน่าประหลาดนั้นดูเหมือนจะถูกล้อมและพัวพันโดยงูยักษ์จำนวนมากมาย พอมันรวบรัดได้ก็ระเบิดอย่างรุนแรง

“ฮ่าห์...!”  หอกของแม็คเคนซีแทงใส่ลินลี่ย์จากด้านหลัง

แต่กระบี่อ่อนเลือดม่วงคล่องแคล่วว่องไวตวัดโค้งมาด้านหลังป้องกันหอกเอาไว้ได้   ขณะที่กระบี่อ่อนสะท้อนหอกลินลี่ย์ก็บินถอยหลังทันทีเคลื่อนห่างจากแม็คเคนซี

“บึ้ม  บึ้ม  บึ้ม บึ้ม!”

แม็คเคนซีประหลาดใจที่พบว่าพื้นที่รอบตัวลินลี่ย์ดูเหมือนจะเกิดสายลมรุนแรงทันที ขณะที่กระบี่เลือดม่วงในมือของลินลี่ย์ดูเหมือนเปลี่ยนเป็นสายฟ้าสีม่วงโจมตีใส่ทุกทิศทาง  ในพริบตาเดียวโลกเพลิงของเขาก็ถูกทำลายจนเปิดทาง

ลินลี่ย์กำหนดตำแหน่งแม็คเคนซีได้แล้ว

“ควั่บ!”  “ควั่บ!”  “ควั่บ!”  กระบี่เลือดม่วงในมือของลินลี่ย์เดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวหายสลับกัน  ในสายตาของแม็คเคนซีทั้งหมดที่เขาเห็นมีแต่ปลายกระบี่นับไม่ถ้วนแทงใส่เขา

มันรวดเร็วมาก จนแม็คเคนซีไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด และทางเลือกอย่างเดียวของเขาก็คือเร่งปราณยุทธเพื่อป้องกัน

ปลายกระบี่นับไม่ถ้วนแทงใส่ชั้นพลังป้องกันของปราณยุทธแต่ละกระบี่แฝงพลังมากมายอย่างน่าประหลาด ทันใดนั้นชั้นปราณยุทธก็ระเบิดกระจายแรงระเบิดทำให้แผ่นดินถล่มเกิดเป็นช่องเขาลึกลงไปในพื้น  ฝุ่นฟุ้งไปทุกที่

หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน ฝุ่นก็จางลง

เสื้อผ้าของแม็คเคนซีเสียหาย เกินกว่าจะซ่อมแซม

แม็คเคนซีมองดูลินลี่ย์  เขาหัวเราะหึหึพยักหน้า  “ข้าแพ้”

แต่ลินลี่ย์จ้องแม็คเคนซีด้วยความสงสัย “ท่านแม็คเคนซี ทำไมเงาหอกทั้งหมดในโลกเพลิงของท่านจึงอ่อนแอและลวงตาเล่า?  กระบี่ข้าทำลายทุกหอกได้อย่างง่ายดาย  ถ้าเงาหอกทั้งหมดเป็นของจริง ข้าคงแพ้ไปแล้ว”

ลินลี่ย์เข้าถึงความเข้าใจระดับสูงไปแล้ว เขาสามารถบอกได้ว่าเงาหอกทั้งหมดนั้นสามารถกลายเป็นการโจมตีจริงๆ ได้  กล่าวอีกนัยหนึ่ง เงาหอกนับไม่ถ้วนเหล่านั้นถ้าสามารถเป็นพลังหอกจริงได้ทั้งหมดก็คงเป็นเรื่องยากที่เขาจะป้องกันได้ทั้งหมด ถ้าเป็นกรณีนั้น แต่กลับกลายว่าเขาสามารถทำลายเงาหอกได้อย่างง่ายดาย

“ฮ่าฮ่า, ถ้าทั้งหมดเป็นของจริง อย่างนั้นข้าคงกลายเป็นยอดฝีมือระดับเซียนชั้นสูงไปแล้ว”  แม็คเคนซีหัวเราะ  “โลกเพลิงปัจจุบันของข้ามาถึงได้ระดับปัจจุบันนี้เท่านั้น”

“วิชาระลอกลมของเจ้าทำให้ไวขนาดนั้นได้ยังไง? มันน่ากลัวมากกว่าวิชาที่เจ้าใช้เมื่อตอนแรกเริ่มเสียอีก” แม็คเคนซีถามอย่างงุนงง

ลินลี่ย์อธิบาย  “เมื่อเราเริ่มสู้กันข้าเพียงแต่ยืมเคล็ดพลังกำหนดของสายลม เพราะวิชาระลอกลม นั่นเป็นส่วนหนึ่งของการรู้แจ้งที่ข้าได้รับเกี่ยวกับวิชาสัจธรรมแห่งธาตุลม กระบี่สามารถเป็นดุจสายลม ไม่ว่าลมจะเป็นยังไง  กระบี่ก็ปรากฏขึ้นได้”

ระลอกลมมีลักษณะที่ไวจริงๆ เร็วจนน่ากลัว

ลินลี่ย์สามารถพัฒนาวิชาที่น่ากลัวนี้ต้องขอบคุณคุณลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนใครของกระบี่เลือดม่วง  ใช้กระบี่เลือดม่วงกับวิชานี้จึงไม่ยากที่ลินลี่ย์จะสร้างพลังกระบี่โจมตีได้นับล้านๆ ในพริบตาเดียว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด