ตอนที่ 8-54 ศิษย์ส่วนตัว
ปราสาทตระกูลชาร์คใหญ่โตกว้างขวาง แต่แทบทุกคนในปราสาทรู้ว่า ‘สวนเงียบ’ ซึ่งกินพื้นที่เกือบหนึ่งในสามของปราสาทเป็นเขตหวงห้าม
เพราะนั่นคือสถานที่พักของแม็คเคนซี นอกจากแม็คเคนซีและภรรยาแล้ว บ่าวสามคนและศิษย์ของแม็คเคนซีเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ โดยทั่วไปแม้แต่ประมุขตระกูลหรือบุตรของเขาจะต้องได้รับความยินยอมก่อนจึงเข้าไปได้
สวนเงียบเป็นสถานที่กว้างใหญ่และพื้นที่มากกว่าครึ่งเป็นต้นไม้และไม้ดอก อาคารภายในสวนเรียบง่ายปราศจากเครื่องตกแต่ง แต่อย่างไรก็ตามสามารถรองรับคนเป็นร้อยให้อยู่ภายในที่นี้ได้อย่างสบาย
กลุ่มของลินลี่ย์ได้รับเชิญให้เข้ามาในสวนเงียบ
สตรีผู้งดงามผมสีเขียวดุจหยกอยู่ในวัยราวสามสิบนำกลุ่มของลินลี่ย์เข้าไปในสวนช่วยจัดสถานที่ให้พวกเขาได้พักอยู่
“บิลีส, เตรียมจัดงานเลี้ยง จัดให้เหมือนเมื่อครั้งที่เฮนเซนมาเยือนข้า” แม็คเคนซีพูดกับบ่าวรับใช้รูปงาม
“เจ้าค่ะ, ใต้เท้า”
สตรีผมสีหยกตกใจมาก แม็คเคนซีเมื่อจะรับรองอาคันตุกะจะคุ้นเคยกับวิธีรับรองอาคันตุกะ กล่าวโดยทั่วไปก็คืองานเลี้ยงระดับสูงซึ่งแม็คเคนซีสั่งให้จัดการนี้โดยทั่วไปจะรับรองนักสู้ระดับเซียนเท่านั้น
“หรือว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะเป็นยอดฝีมือระดับเซียน?” บิลีสชำเลืองมองลินลี่ย์ คาดเดาอยู่ในใจ
แม็คเคนซีหัวเราะให้ลินลี่ย์ “ลินลี่ย์แม้ว่าเจ้ามาอยู่ในมณฑลพายัพถิ่นข้ามาได้พักหนึ่งแต่ข้าพนันได้เลยว่าเจ้ายังไม่เคยลองอาหารเลิศรสที่แท้จริงของมณฑลพายัพ”
“อาหารเลิศรสที่แท้จริง?” ลินลี่ย์เลิกคิ้ว
เมื่อพักอยู่ในโรงแรมอาหารที่ลินลี่ย์สั่งจะเป็นอาหารที่มีชื่อมากทุกอย่าง ที่สำคัญคือสำหรับคนระดับลินลี่ย์เงินไม่ใช่ปัญหาให้กังวล
“แน่นอนว่าเมืองเอกมณฑลจะมีร้านอาหารฝีมือดีมากมายหลากหลาย แต่จะมีอาหารพิเศษบางอย่างที่ดีที่สุดซึ่งจัดเตรียมไว้แต่ละที่ในแต่ละสัปดาห์ อาหารเลิศรสเหล่านั้นคือสิ่งที่ต่อให้เจ้ามีเงินก็หาซื้อไม่ได้ง่ายๆ” แม็คเคนซีพูดอย่างภูมิใจ
ตลอดชีวิตของเขาแม็คเคนซีมีงานอดิเรกสองอย่างคือ อย่างแรกคือฝึกฝน และสองก็คือหาอาหารเลิศรสต่างๆของโลก
เมื่อแม็คเคนซีกล่าวว่าถ้าคนไม่มีโอกาสกินอาหารที่หาได้ยากอย่างนั้นชีวิตของคนนั้นคงไร้รสชาติ
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ ข้าคงต้องลิ้มลองสิ่งที่ท่านนำเสนอเสียแล้ว” ลินลี่ย์หัวเราะเบาๆ
ตอนนี้มีเพียงลินลี่ย์และแม็คเคนซีอยู่ในห้องโถงใหญ่ มีแต่บีบียังเกาะอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์ ขณะที่บาร์เกอร์และน้องๆของเขาทุกคนออกไปดูห้องพักของพวกเขา
“หืม?” เมื่อเห็นหนูเงาบนไหล่ของลินลี่ย์ แม็คเคนซีดูเหมือนจะประหลาดใจเล็กน้อย “ลินลี่ย์,ข้ามีความรู้สึกว่าอสูรเวทของเจ้าตัวนี้ดูเหมือนจะค่อนข้างพิเศษมากแต่เขาดูคล้ายกับหนูเงา นี่มัน...” หนูเงาเป็นอสูรประเภทหนูที่อ่อนแอที่สุด แต่แม็คเคนซีแน่ใจว่าฐานะอย่างลินลี่ย์ ไม่มีทางที่จะใช้อสูรเวทที่อ่อนแออย่างนั้นเป็นสหาย
บีบีถึงระดับเซียนไปแล้ว
อย่างไรก็ตามตอนนี้บีบีงำประกายตนเองไว้ ถ้านักสู้ระดับเซียนเก็บงำประกายตนเองนอกจากคู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งกว่ามาก พวกเขาจะไม่สามารถรู้สึกถึงพลังได้แน่นอน
“บีบีเป็นอสูรระดับเก้าชั้นสูง” ลินลี่ย์หัวเราะ
บีบีอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์แยกเขี้ยวใส่แม็คเคนซีเนื่องจากเป็นแผนของลินลี่ย์ บีบีบรรลุถึงระดับเซียนก็ควรค่าแก่การเก็บไว้เป็นไม้ตายลับของลินลี่ย์
บีบีน่ากลัวมากอยู่ตั้งแต่ก่อนจะถึงระดับเซียนแล้ว ตอนนี้เขาบรรลุระดับเซียนแล้ว ถ้าลินลี่ย์ไม่ใช้วิชาสัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดิน เขาคงโดนบีบีเล่นงานถล่มทลายในการฝึกซ้อมฝีมือไปแล้ว
แต่ในบรรดายอดฝีมือทั้งหลาย จะมีสักกี่คนที่มีพลังโจมตีสัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดินที่แปลกประหลาดอย่างลินลี่ย์? ยอดฝีมือระดับเซียนโดยทั่วไปจะไม่ใช่คู่มือของบีบีเลยแม้แต่น้อย
“หนูเงาที่เป็นอสูรเวทระดับเก้าชั้นสูง?” แม็คเคนซีประหลาดใจมาก
“เรื่องนั้นช่างเถอะ ท่านแม็คเคนซี ในอีกสองสามวันนี้ข้าตั้งใจจะไปยังนครหลวง ท่านจะคิดหาเวลาซ้อมมือระหว่างเรายังไงกัน?” ลินลี่ย์ถาม
“ทำไมถึงรีบนักเล่า?” แม็คเคนซีผิดหวังเล็กน้อย “ข้าหวังจะได้ฉลองกับเจ้านานๆ หน่อยน้องลินลี่ย์ เมื่อเป็นอย่างนั้น พอเราซ้อมฝีมือด้วยกัน เราจะได้เรียนรู้มากขึ้นเช่นกัน แต่เนื่องจากเจ้ามีธุระต้องไปนครหลวง อย่างนั้น.. เอาอย่างนี้เป็นไง?ในช่วงสามวันนี้ เราจะไปซ้อมฝีมือกันที่ภูเขาน้อยรกร้างห่างออกไปนอกเมือง”
“ข้าเห็นด้วย” ลินลี่ย์พยักหน้าเห็นด้วย
“มาเถอะ มาเถอะ มาดูลานฝึกฝนของข้า” แม็คเคนซีพูดอย่างเป็นกันเองและลินลี่ย์เดินตามแม็คเคนซีเข้าไปดู
ขณะที่ลินลี่ย์เพลิดเพลินกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของแม็คเคนซี วอร์ตันและนีน่าก็ออกจากเมืองหลวงมุ่งหน้าไปยังวิทยาลัยเทพสงคราม
วิทยาลัยเทพสงครามก่อสร้างอยู่บนยอดเขาสูง ภูเขานั้นมีชื่อว่า ภูเขาเทพสงคราม
“เป็นเวลาสองร้อยปีมาแล้วตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เทพสงครามรับศิษย์ส่วนตัว เมื่อสองสามปีที่แล้วเซียนกระบี่อัจฉริยะโอลิวิเยร์ปฏิเสธคำเชิญของเทพสงคราม ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ เขาจะประกาศว่าเขาจะรับศิษย์ส่วนตัวอีกคนหนึ่ง”
“ถ้าสักวันหนึ่งข้าสามารถกลายเป็นศิษย์ส่วนตัวของเขา ต่อให้เป็นแค่วันเดียวข้าคงตายอย่างเป็นสุขแน่”
บนถนนนอกเมืองหลวงเต็มไปด้วยผู้คน ทุกคนสนทนาและร้องเรียกกัน วิทยาลัยเทพสงครามเพิ่งรับศิษย์กิตติมศักดิ์ไม่นานไม่เป็นเรื่องสำคัญอีกต่อไป เพราะมีการรับศิษย์ส่วนตัวใหม่ซึ่งเป็นเหตุการณ์สั่นสะเทือนโลกเหตุการณ์สำคัญอย่างนั้นมีความสำคัญไม่น้อยกว่าการขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดิ
ที่สำคัญในอดีตห้าพันปีที่แล้ว เทพสงครามโอเบรียนได้รับศิษย์ส่วนตัวราวๆ 20 คนหลายคนตายไปแล้ว
สำหรับจักรพรรดิเล่า?
ในอดีตห้าพันปีมีเกินกว่าร้อยคนแล้ว
แม้แต่ในหัวใจของประชาชนทั่วไปนี่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ วิทยาลัยเทพสงครามมีวิธีคัดเลือกศิษย์ส่วนตัวง่ายมาก เมื่อเวลามาถึงพวกเขาจะป่าวประกาศให้สาธารณชนทราบว่าใครจะเป็นศิษย์ส่วนตัว
เวลาที่กำหนดไว้คือตอนเที่ยงวันนี้
ดังนั้นในเช้านี้ผู้คนมากมายมาแสดงความยินดีอยู่ด้านนอกภูเขาเทพสงคราม วอร์ตันและนีน่าก็ตามไปดูเหตุการณ์ที่สำคัญเช่นนี้
ภายในรถม้าของพวกเขา
“คนตัวโต,เจ้าคิดว่าใครจะได้เป็นศิษย์ส่วนตัวคนต่อไปของเทพสงคราม?” นีน่าถาม แม้แต่ในดวงตาขององค์หญิง เทพสงครามก็ยังอยู่ในระดับสูงส่งกว่าพวกเขามากนัก สำหรับคนที่ไม่เคยข้าถึงตั้งแต่เกิดมานีน่าไม่เคยพบเห็นเทพสงครามเลยสักครั้งเดียว
ความจริงแม้แต่จักรพรรดิคนปัจจุบันโจฮันน์ก็ยังไม่เคยพบกับเทพสงคราม
แต่ศิษย์ที่เทพสงครามสอนเป็นการส่วนตัวมีคุณสมบัติจะได้พบเขา จากตรงนี้ทุกคนสามารถเห็นได้ว่าศิษย์ที่เทพสงครามสอนเป็นการส่วนตัวมีสถานะที่สูงส่ง ในอดีต เมื่อโอลิวิเยร์เซียนกระบี่อัจฉริยะปฏิเสธข้อเสนอเป็นศิษย์ที่เทพสงครามสอนด้วยตัวเอง ทุกคนตกใจและก็ยังสรรเสริญชื่นชม
“ศิษย์ที่เทพสงครามสอนเป็นการส่วนตัวจะต้องมีพรสวรรค์ส่วนบุคคล อย่างน้อยที่สุดเขาจะต้องเป็นนักรบระดับเก้า และมีโอกาสที่จะไปถึงระดับเซียนได้” คำพูดของวอร์ตันอิงตามประวัติศาสตร์
“อย่างไรก็ตามมียอดฝีมือระดับเก้าในจักรวรรดิอยู่มากมาย และพรสวรรค์ก็ยากจะกำหนดได้เช่นกัน เป็นเรื่องยากมากที่จะบอกว่าเทพสงครามจะรับใครเป็นศิษย์ส่วนตัว”
ทันใดนั้นรถม้าหยุดชะงัก
“องค์หญิง เรามาถึงภูเขาเทพสงครามแล้ว มีคนมากมายอยู่ข้างหน้า รถม้าไม่สามารถผ่านไปได้อีก” สารถีร้องบอก
วอร์ตันช่วยให้นีน่าลงจากรถม้าทันที
“ที่นี่มีคนมากมาย” เมื่อเห็นคลื่นมหาชนข้างหน้านีน่าอดหวั่นใจไม่ได้
ที่เชิงเขาเทพสงครามซึ่งสูงทะลุเมฆมีผู้คนมากมายทุกที่ ก่อนหน้านี้รถม้าอาจจะไปข้างหน้าได้ แต่ตอนนี้ไม่มีรถคนใดไปได้ ถนนมุ่งขึ้นภูเขาเต็มไปด้วยผู้คน
“นีน่า” วอร์ตันยิ้มให้นีน่า
“โกรววว”เสือเขี้ยวดาบที่ตามรถม้ามาตลอดเวลากระโจนเข้ามา วอร์ตันอุ้มนีน่าขึ้นนั่ง “นั่งให้ดีๆจับให้แน่น เราจะไปทางลัดกัน”
นีน่าเป็นทั้งนักรบและจอมเวท แม้ว่านางจะไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่นางสามารถเกาะคอของเสือเขี้ยวดาบได้เหนียวแน่น
“ไปกันเถอะ” นีน่าตื่นเต้นมาก
เสือเขี้ยวดาบกระโจนขึ้นไปในอากาศทันทีพร้อมกับวอร์ตันเดินทางเคียงข้างด้วยความเร็วสูง วอร์ตันและนีน่าไม่ใช้ถนนใหญ่ พวกเขาเลือกเส้นทางที่ยากลำบากที่ด้านหลังเขาแทน
แม้เส้นทางที่ยากที่สุดลาดชันที่สุดเสือเขี้ยวดาบก็ยังผ่านไปได้ง่ายเหมือนกับเดินทางบนพื้นที่ราบ วอร์ตันก็คล่องแคล่วว่องไว
ทั้งสองไต่ระดับสูงขึ้นไปด้วยความเร็วในระหว่างทางพวกเขาพบกับยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งสองสามคนที่ใช้วิธีเดียวกับพวกเขา ที่สำคัญ ถ้าพวกเขาต้องเบียดเสียดไปตามถนนใหญ่ใครจะรู้ว่าต้องใช้เวลานานเพียงไหน?
“ถึงแล้ว” ด้วยพลังกระโจนสุดท้ายวอร์ตันและเสือเขี้ยวดาบก็มาถึงที่ลานกว้างใหญ่
“โหว, ข้ากลัวมากจนหลั่งเหงื่อไปทั้งตัวแล้ว”หน้าน้อยๆ ของนีน่าแดงซ่าน นางกระโดดลงจากหลังของเสือเขี้ยวดาบ
ลานหินพื้นเรียบข้างหน้าพวกเขามีขนาดใหญ่มากมีคนเป็นหมื่นอยู่ที่นั่นแล้วและไม่ได้ดูแออัดแต่อย่างใดกลับดูเหมือนว่างเปล่าด้วยซ้ำ
“คนตัวโต เจ้ารู้ไหมว่าสถาบันฝึกสอนขนาดใหญ่แห่งนี้แต่เดิมเทพสงครามลงมือสร้างด้วยตนเอง? ปีนั้น เขาใช้กระบี่ฟันยอดเขาเทพสงครามทีเดียวแล้วจากนั้นวิทยาลัยเทพสงครามก็สร้างอยู่แนวราบสูงแห่งนี้”
วอร์ตันรู้สึกทึ่งกับพลังของเทพสงคราม
ความจริงภูเขาเทพสงครามมียอดเขาอยู่หลายลูกมียอดเขาหลักเพียงยอดเขาเดียว แต่เทพสงครามไม่ได้ใช้ความพยายามมากใช้ดาบในมือฟันเพียงทีเดียวก็สร้างพื้นผิวราบได้ อาคารต่างๆของวิทยาลัยเทพสงครามเหล่านี้กลายเป็นสถานที่ให้ศิษย์กิตติมศักดิ์ของวิทยาลัยเทพสงครามได้พักอยู่
ตามตำนานศิษย์ที่เทพสงครามสอนเป็นการส่วนตัวจะอยู่ที่ยอดเขาอื่น
“ยังไม่ได้เวลา เราพักกันก่อนเถอะ” วอร์ตันจูงมือนีน่าไปหาม้านั่งหินใกล้ๆแล้วนั่งลง
ลานหินเริ่มมีผู้คนมากขึ้น ในที่สุดก็ถึงเวลานัดหมาย
บนเวทีสูงด้านหน้าของลานหิน มีผู้ชุมนุมเป็นกลุ่มใหญ่พวกเขาคือศิษย์กิตติมศักดิ์ของวิทยาลัยเทพสงคราม ลามอนต์คู่แข่งของวอร์ตันก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน
“ดูสิ, ยอดฝีมือระดับเซียน”
“มีคนกำลังบินมาทางนี้”
วอร์ตันและนีน่ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกเขาเห็นคนสามคนแต่งเครื่องแบบชุดยาวสีฟ้าบินเคียงไหล่ไปที่เวทีแล้วลงยืนบนเวที
“ยอดฝีมือระดับเซียนสามคน” ทุกคนรู้สึกสะท้านใจ ปกติจะเห็นเซียนได้สักคนเป็นเรื่องยาก แต่ตอนนี้ปรากฏถึงสามคน
หลังจากลงมาอยู่บนพื้นแล้วหนึ่งในยอดฝีมือระดับเซียนสามคนที่ปรากฏตัวในฐานะหัวหน้าพูดเสียงดัง “ทุกท่าน,ในวันนี้เราสามคนผู้เป็นศิษย์ได้รับคำสั่งอาจารย์ของเราให้มาประกาศชื่อคนที่จะเป็นศิษย์ส่วนบุคคลลำดับที่27”
ทุกคนเงียบ
“ทั้งสามคนเป็นศิษย์ของเทพสงคราม” วอร์ตันรู้สึกได้ทันทีเหมือนกับว่าเขาไม่อาจหายใจได้ วิทยาลัยเทพสงครามทรงพลังมากเกินไป ศิษย์ส่วนตัวทั้งสามคนนั้นเป็นยอดฝีมือระดับเซียน มิน่าเล่าจักรวรรดิโอเบรียนถึงขึ้นชื่อว่าเป็นจักรวรรดิมหาอำนาจทางทหารแข็งแกร่งที่สุดในโลก
บุรุษวัยกลางคนนั้นยังคงกล่าวต่อ “ครั้งสุดท้ายศิษย์ส่วนบุคคลที่ได้รับคัดเลือกก็คือในปี9723 ตามปฏิทินยูลาน ตอนนี้เป็นปี 10008ของปฏิทินยูลาน ผ่านมาถึง 285 ปีแล้ว”
ทุกคนที่อยู่ข้างล่างเริ่มบ่นพึมพำ เวลารับศิษย์ขาดช่วงไปนานขนาดนั้น 285 ปี หลายๆคนอายุไม่ยืนยาวขนาดนั้น
“ข้าขอประกาศว่าศิษย์ส่วนตัวคนที่ 27ของอาจารย์ข้าก็คือ.... บลูเมอร์ อาเคอร์ลุนด์”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ทุกคนในลานส่งเสียงฮือฮาดีใจทันที ในเวลาเดียวกันบลูเมอร์เดินออกมาอย่างเงียบๆจากกลุ่มของศิษย์กิตติมศักดิ์และมายืนบนเวที
บลูเมอร์ค่อนข้างผอมและตาของเขาลึกเล็กน้อย เขาเป็นคนที่มีลักษณะเด็ดขาดเยือกเย็น
“ขอคารวะศิษย์พี่”บลูเมอร์คำนับขณะที่เขาเดินมาอยู่ข้างหน้าของบุรุษทั้งสาม
ศิษย์ส่วนตัวของเทพสงครามสามคนพยักหน้าเล็กน้อย บุรุษวัยกลางคนผู้นำของพวกเขาดึงแหวนมิติเก็บสมบัติออกมาจากในชุดของเขา
บลูเมอร์รู้ว่าสัญลักษณ์แสดงสถานะของศิษย์ส่วนตัวของเทพสงครามมักจะเป็นแหวนมิติเก็บสมบัติและมีสีแดงเข้มอยู่บนนั้น
“เป็นเขานั่นเอง”
เมื่อมองจากด้านล่างวอร์ตันส่ายศีรษะเล็กน้อย ครั้งสุดท้ายเมื่อเขาพยายามร่วมแข่งขันเพื่อเป็นศิษย์กิตติมศักดิ์คนที่ชนะในรอบสุดท้ายก็คือบลูเมอร์ผู้นี้
คาดไม่ถึงเลยว่าหลังจากผ่านไปปีเดียวบลูเมอร์จะกลายเป็นศิษย์ส่วนตัวของเทพสงคราม
นีน่าพยักหน้าขณะที่กล่าว“ดูเหมือนว่าตระกูลอาเคอร์ลุนด์ที่สามัญและธรรมดาจะสร้างอัจฉริยะขึ้นมาเป็นแถว เซียนกระบี่อัจฉริยะโอลิวิเยร์ก็เป็นอัจฉริยะที่แม้แต่เทพสงครามก็ปรารถนาจะรับเขาเป็นศิษย์ และตอนนี้น้องชายของโอลิวิเยร์ บลูเมอร์ก็กลายมาเป็นศิษย์ของเทพสงครามเอง”
อย่างไรก็ตามหัวใจของวอร์ตันเต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเอง แม้จะเห็นความสำเร็จของบลูเมอร์
แล้วไงเล่าถ้าบลูเมอร์เข้าวิทยาลัยเทพสงครามได้? จุดสำคัญคือบรรลุระดับเซียนไม่ใช่หรือ? วอร์ตันเมื่อถึงระดับเซียนในฐานะนักรบเลือดมังกรก็จะเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังในหมู่ยอดฝีมือระดับเซียน