ตอนที่ 8-53 อาคันตุกะ
การอาศัยอยู่ในมณฑลพายัพอาจกล่าวได้ว่าลินลี่ย์ได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการในพริบตาเดียวเขา บีบีและพี่รองอังเก้ได้เข้าถึงพลังระดับเซียนกันหมด กลุ่มของพวกเขาในตอนนี้มียอดฝีมือระดับเซียนสี่คน แม้แต่สามสหภาพการค้าใหญ่หรือสี่สมาคมนักฆ่าก็ยังไม่สามารถอวดโอ่ถึงจำนวนดังกล่าวได้!
นี่คือกองกำลังลับที่ทรงพลังอำนาจมาก
โชคร้ายในนครหลวงเหตุการณ์กลับตรงกันข้ามสำหรับวอร์ตัน
ในพื้นที่ฝึกฝนกว้างขวางด้านหลังคฤหาสน์ วอร์ตันกำลังฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งด้วยมรดกของเขาดาบศึกประหารปรปักษ์ เหงื่อไหลพรั่งพรูจากทุกส่วนของร่างกาย แต่ดูเหมือนว่าวอร์ตันจะไม่รู้สึกเหนื่อยแม้แต่น้อย ขณะที่เขายังคงฝึกต่อไป
พ่อบ้านแอชลี่ย์มองดูอย่างเงียบๆและลอบส่ายศีรษะ
“วอร์ตันก็เหมือนกับบิดาของเขา เขาทุ่มใจให้กับความรักมากเกินไป” แอชลี่ย์มองดูฮ็อกเติบโตและรู้ว่าฮ็อกมีความรักที่ลึกซึ้งต่อลีนามารดาของลินลี่ย์มากเพียงไหน เมื่อลีนาถูกลักพาตัวฮ็อกลำบากมาเกินกว่าสิบปี เหตุผลเดียวที่เขาทนอยู่ได้เป็นเพราะเขาต้องการยกระดับลินลี่ย์และวอร์ตัน
ทันทีที่ฮ็อกรู้สึกว่าลินลี่ย์และวอร์ตันสามารถเติบโตพึ่งพาตนเองได้ เขาละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อไปตรวจสอบสถานที่เกี่ยวกับภรรยาของเขา ในที่สุดเขาก็ต้องจ่ายออกไปด้วยชีวิตของเขา
“วอร์ตันก็เป็นเหมือนกัน ฝ่าบาทไม่ถึงกับตัดความหวังของเขาอย่างสิ้นเชิง พระองค์เพียงขอให้วอร์ตันอย่าเพิ่งเร่งรัด และว่ายังไม่มีความจำเป็นที่องค์หญิงเจ็ดต้องแต่งงานเร็ว แต่วอร์ตันกลับกลายเป็นแบบนี้....” แอชลี่ย์ถอนใจต่อ
พ่อบ้านแอชลี่ย์ไม่รู้ว่าไม่ใช่แค่ฮ็อกและวอร์ตันที่เป็นแบบนี้เท่านั้นแม้แต่ลินลี่ย์ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
“โกรววว”
หลังจากคำรามอย่างดุดันนี้แล้ววอร์ตันค่อยๆหยุดกวัดแกว่งดาบศึกในมือของเขา หลังจากฝึกฝนอย่างระมัดระวังเป็นเวลาหลายปีวอร์ตันก็ถึงความเชี่ยวชาญในการใช้ดาบศึกระดับสูง เสียงคำรามดุดันที่เพิ่งออกมาเป็นหนึ่งในจุดเด่นของรูปแบบดาบศึกที่เขาพัฒนาขึ้น
“ปู่แอชลี่ย์” วอร์ตันมองดูพ่อบ้านแอชลี่ย์ พยายามทำหน้าฝืนยิ้ม
หลังจากเพิ่งจะระบายความหงุดหงิดทั้งหมดไปแล้ว วอร์ตันรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นบ้าง
“วอร์ตัน อย่าเศร้าใจจนเกินไปนักเจ้ากับองค์หญิงเจ็ดยังคงมีโอกาสอยู่” แอชลี่ย์หัวเราะ “ข้าคิดถึงเหตุผลที่ฝ่าบาททอดเวลาออกไปเป็นเพราะพระองค์ลำบากใจที่จะเลือกระหว่างเจ้ากับเคย์ลัน”
วอร์ตันพยักหน้า
วอร์ตันเข้าใจเรื่องใหญ่ที่จักรพรรดิจะต้องรับมือ
พระองค์เป็นจักรพรรดิที่ให้ความสำคัญสูงมากกับมนุษย์ที่มีพรสวรรค์ และพระองค์ก็ค่อนข้างเด็ดขาด แต่พระองค์มีข้อบกพร่องประการหนึ่ง ข้อบกพร่องนั้นก็คือ อคติ อคติที่รุนแรง
ทุกคนในนครหลวงทราบเรื่องนี้ดี
ตัวอย่างเช่นยี่สิบปีที่แล้ว ตระกูลที่ควบคุมมณฑลอาคเนย์ทำเรื่องผิดพลาดบางอย่าง เนื่องจากพวกเขาไม่มียอดฝีมือระดับเซียนหนุนหลัง ในที่สุดตระกูลของพวกเขาก็ถูกจักรพรรดิตรวจสอบรื้อค้น เวลานั้นมีหลายตระกูลต้องการจะได้รับมณฑลอาคเนย์มาดูแล แต่ในที่สุดแล้วจักรพรรดิได้มอบให้พระอนุชาคนเดียวของพระองค์ก็คือดยุคจูลินได้ปกครองมณฑลอาคเนย์
คนที่ใกล้ชิดจักรพรรดิ เขามักจะลำเอียงไปทางคนผู้นั้น
บิดาของเคย์ลันเป็นมหาเสนาบดีซ้ายของจักรวรรดิจัดด์ ดาร์ริล ผู้เติบโตมาพร้อมกับจักรพรรดิ พวกเขามีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก หลังจากจักรพรรดิปัจจุบันขึ้นครองราชย์ พระองค์พระราชทานตำแหน่งสูงให้กับจัดด์ ดาร์ริล ทรงแต่งตั้งให้เป็นมหาเสนาบดีซ้ายของจักรวรรดิ เขามีอำนาจมากมายและอาจกล่าวได้ว่าเป็นรองเพียงองค์จักรพรรดิเท่านั้น
จักรพรรดิทรงสนิทกับมหาเสนาบดีซ้ายมากขนาดนั้นจึงเป็นธรรมดาที่จะเอนเอียงและปกป้องเคย์ลันด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้เคย์ลันยังมีพรสวรรค์มากเป็นคนที่คู่ควร จึงเป็นเรื่องธรรมดามากที่จักรพรรดิจะทรงเห็นด้วยที่เคย์ลันพยายามสู่ขอนีน่า อย่างไรก็ตาม วอร์ตันก็สู่ขอนีน่าเช่นกันและนีน่าเองก็ชอบพอกับวอร์ตัน นี่เองทำให้จักรพรรดิทรงลังเลพระทัย
เคย์ลันและวอร์ตันมีพรสวรรค์มากทั้งคู่
เขารักเคย์ลัน แต่เขาก็ยังรักนีน่าด้วย
บิดาของเคย์ลันเป็นสหายรักของเขาและเป็นหนึ่งในเสาหลักของจักรวรรดิ แต่วอร์ตันคือนักรบเลือดมังกร
เรื่องนี้ทำให้ยากจะตัดสินใจ!
“ข้าเข้าใจสิ่งที่ฝ่าบาทกำลังคิด สำหรับพระองค์การปฏิเสธคำขอแต่งงานกับนีน่าโดยตรงหมายความว่าจะไม่ง่ายนักที่สองเราจะอยู่ด้วยกันได้” วอร์ตันถอนหายใจ
“วอร์ตัน, เจ้าจำเป็นต้องมีความมั่นใจในตัวเองบ้าง” พ่อบ้านแอชลี่ย์ให้กำลังใจ
วอร์ตันฝืนยิ้ม “ปู่แอชลี่ย์ ข้ารู้ว่าสถานการณ์เป็นยังไง ในจักรวรรดิ คำตัดสินของฝ่าบาทคือกฎหมายเด็ดขาด คนเดียวที่พระองค์กลัวก็คือเทพสงคราม นั่นคือเหตุผลที่ข้าพยายามร่วมแข่งขันเพื่อเป็นศิษย์กิตติมศักดิ์ ข้าต้องการสร้างความสัมพันธ์กับเทพสงคราม ตราบใดที่เทพสงครามยินดีช่วยข้า ทุกอย่างก็ลงตัว”
เทพสงครามคือรากฐานและเสาหลักของจักรวรรดิโอเบรียนแท้ๆ
คำเดียวจากเทพสงครามอาจทำให้จักรพรรดิสละราชสมบัติโดยไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ได้แม้แต่คำเดียว ที่สำคัญเทพสงครามคือรากฐานของจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโอเบรียน และเขายังเป็นยอดฝีมือระดับเทพผู้ยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของทั่วทั้งทวีปยูลาน
“เย็นไว้ เย็นไว้ ยังไม่ต้องเร่งร้อน” พ่อบ้านแอชลี่ย์ปลอบใจ
“ท่านเคานท์ องค์หญิงเจ็ดมาเยือน” บ่าวรับใช้เดินเข้ามาในลานฝึกฝีมือและเรียนด้วยความเคารพ
“นีน่ามาเหรอ?” วอร์ตันประหลาดใจ
แม้ว่าทั้งสองจะสนิทกันมาก แต่นีน่าไม่ค่อยมาเยี่ยมเขาถึงคฤหาสน์ วอร์ตันรีบอาบน้ำและเปลี่ยนชุดใหม่จากนั้นออกไปที่ห้องโถงใหญ่เพื่อพบกับนีน่า
ภายในห้องโถงใหญ่
ใบหน้าของนีน่ามีร่องรอยว่ามีความสุข บ่าวรับใช้หญิงอยู่ที่ด้านหลังนางแอบหัวเราะ “องค์หญิง! ท่านคิดว่าท่านเคานท์จะทำสีหน้ายังไงเมื่อเขาได้ยินข่าวนี้?”
“คนตัวโตจะทำสีหน้ากระไรได้?” นีน่าไตร่ตรองเสียงหัวเราะของนางยิ่งแสดงอารมณ์ที่ดีขึ้น
ขณะที่นางคิดจะคุยทันใดนั้นนีน่าได้ยินเสียงฝีเท้า นางหันไปมองร่างที่ใหญ่โตแข็งแรงกำลังเดินเข้ามาเหมือนกับเทพสงครามผู้สูงส่งและแข็งแกร่ง นีน่าจ้องมองดูร่างที่คุ้นเคยนี้แล้วรู้สึกวาบหวามในหัวใจ ในใจของนางเห็นว่าวอร์ตันกลายเป็นเสาค้ำหัวใจของนาง
“นีน่า ทำไมเจ้ามาหาข้าถึงบ้านได้เล่า? เจ้าไม่กลัวพระชนกดุด่าว่ากล่าวหรือ?” วอร์ตันหัวเราะขณะเดินเข้าหา
นีน่าเชิดหน้าใส่ “เขาดุข้าได้ถ้าเขาต้องการ แต่ข้าต้องการมาอยู่ดี”
เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูน่ารักของนีน่าวอร์ตันรู้สึกถึงว่าอ่อนโยนและอบอุ่นในหัวใจ เขานั่งข้างๆ นางแล้วคว้ามือนางไว้ “นีน่า, ดูจากสีหน้าท่าทางเจ้าแล้ว ข้าคิดว่าเจ้ากำลังปกปิดอะไรบางอย่างจากข้า”
นีน่าย่นจมูกพูดอย่างดีใจ “ข้าไม่สามารถปกปิดอะไรจากเจ้าได้ ข้าอยากจะบอกข่าวดีเจ้า”
“ข่าวดี? ข่าวดีอะไร? พระบิดาของเจ้าเปลี่ยนใจยอมให้ข้าแต่งงานกับเจ้าใช่ไหม?” วอร์ตันพูดอย่างไม่จริงจัง
คำตรัสของจักรพรรดิล้ำค่าประดุจทองพระองค์จะกลับคำที่ได้ตรัสไปแล้วได้ยังไง?
“แน่นอนว่าไม่” นีน่ายิ้มกว้าง
“อย่างนั้นอะไร?”
สีหน้าของนีน่าเคร่งขรึมมากขึ้น “สองวันที่แล้ว เจ้าทูลขอพระชนกของข้า แต่พระองค์ไม่เห็นด้วย ข้ารู้สึกไม่สบายใจดังนั้นข้าจึงคิดอะไรบางอย่าง ข้าไปหาพี่เคย์ลันโดยตรงเลย”
“เจ้าไปพบกับเคย์ลัน?” คิ้วของวอร์ตันชี้ชัน เคย์ลันก็คือศัตรูความรักของเขา “เจ้าไปหาเขาเพื่ออะไร?”
นีน่าหัวเราะคิกคัก “ก็ได้ เลิกเดาได้แล้ว ข้าแค่ไปคุยดีๆ กับพี่เคย์ลัน ข้าบอกเขาถึงความรู้สึกข้าที่มีต่อเขา ข้ารู้สึกกับเขาเหมือนเป็นพี่ชาย เราโตมาด้วยกันและเขาก็เป็นเหมือนพี่ชายของข้า ข้าขอให้พี่เคย์ลันช่วยเราทั้งสองคนข้าบอกพี่เคย์ลันว่าถ้าข้าต้องพรากจากเจ้า วอร์ตัน ข้าคงมีชีวิตต่อไปไม่ได้”
วอร์ตันรู้สึกตื้นตันลึกๆ
“พี่เคย์ลันเงียบอยู่นาน แต่ในที่สุดเขาเห็นด้วยว่าเขารับปากจะคุยกับฝ่าบาทให้ และว่าเขาจะเลิกตามพัวพันข้าและปล่อยให้เราได้อยู่ด้วยกัน” รอยยิ้มของนีน่าเป็นประกาย
“เคย์ลันยอมแพ้แล้วหรือ?” วอร์ตันตกใจ
วอร์ตันคลุกคลีอยู่เมืองหลวงมาเป็นเวลานานแล้วและและมีปฏิสัมพันธ์ต่อเคย์ลันอยู่หลายครั้ง วอร์ตันรู้สึกได้ว่าเคย์ลันรักนีน่า เขารักนีน่าแน่นอนแล้วเคย์ลันตัดสินใจยอมแพ้ วอร์ตันรู้สึกตื่นเต้นมาก ขณะเดียวกันเขาเริ่มชื่นชมเคย์ลัน
“พี่เคย์ลันยอมยกธงขณะที่คนอื่นไม่ค่อยคุกคามอะไรมากนัก สำหรับลามอนต์นั้นในใจของพระบิดาข้า เขาไม่อาจเทียบได้กับเจ้า” ท่าทีมีความสุขปรากฏอยู่บนใบหน้านีน่า “คนตัวโต ไม่มีใครห้ามไม่ให้เราอยู่ด้วยกันอีกแล้วนะ”
น่าตื่นเต้น!
ไม่มีทางที่เขาจะหยุดความรู้สึกตื่นเต้นและดีใจจากอาการหัวใจพองโตของเขา คู่แข่งที่น่าลำบากใจที่สุด ปวดหัวที่สุดที่เขาเผชิญหน้าตัดใจยอมถอย เรื่องน่าดีใจกะทันหัน คาดไม่ถึงนี้ทำให้วอร์ตันรู้สึกมึนงง
วอร์ตันจ้องมองรอยยิ้มที่สดใสของนีน่า เขารู้สึกตื่นเต้นมากกว่าครั้งใดๆ
“ตอนนี้ไม่มีใครขัดขวางเราไม่ให้อยู่ด้วยกันแล้ว” วอร์ตันกอดนีน่าแน่นไว้ในวงแขน
ลินลี่ย์ บีบี แฮรุรีเบ็คกา, ลีนา, เจนน์, ซาสเลอร์และบาร์เกอร์กับน้องๆออกจากหมู่บ้านยอดเมฆมุ่งหน้าสู่เมืองเอกเบซิล
ปราสาทตระกูลชาร์คเมืองเอกเบซิล
กลุ่มของลินลี่ย์มาถึงที่หน้าประตูใหญ่
“ใครมาอยู่ต่อหน้าเรา?” ทหารยามประจำปราสาทส่งเสียงตะโกนมาแต่ไกล ตระกูลชาร์คคือเจ้าถิ่นปกครองดินแดนมณฑลพายัพ ที่ทำการใหญ่ของพวกเขาไม่ใช่สถานที่ซึ่งใครๆก็เข้าไปได้
เกทส์น้องคนที่ห้าตะโกนดังลั่นทันที“ช่วยไปแจ้งแม็คเคนซีว่าใต้เท้าลินลี่ย์ของเรามาถึงแล้ว”
“ใครกันมาส่งเสียงดังอยู่ข้างนอก?”
เสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งตะโกนขึ้น ลินลี่ย์จ้องไปทางตำแหน่งของเสียงนั้นอย่างระมัดระวังบุรุษหนุ่มที่แต่งตัวในชุดหรูหราคืออัลเบิร์ตกำลังเข้ามาพร้อมกับบ่าวรับใช้ห้อมล้อมตัว
เมื่อเห็นกลุ่มของลินลี่ย์ สีหน้าของอัลเบิร์ตเปลี่ยนไป
“เจ้าชื่อว่าลีย์ใช่ไหม? กล้าดียังไงมาถึงบ้านข้า?” ท่าทางน่าเกลียดน่ากลัวปรากฏอยู่บนใบหน้าของอัลเบิร์ต “ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าคนทั้งหกนั้นซึ่งเป็นคนของศาสนจักรเจิดจรัสจะไม่สามารถฆ่าเจ้าได้ แต่ตระกูลชาร์คของข้า ใช่ว่าจะข่มเหงกันได้ง่ายๆ ตามอำเภอใจเจ้า”
ขณะเดียวกันอัลเบิร์ตสังเกตว่าด้านหลังของลินลี่ย์ยังมีเจนน์ รีเบ็คกาและพี่สาวของนาง
ผิวของเจนน์ดูงดงามเหมือนกลีบดอกไม้ที่ลอยในสระน้ำขณะที่รีเบ็คกาและลีนามีราศีลึกลับบางอย่างที่น่าทึ่ง
“เจ้าผู้นี้มีสาวงามติดตามมากมายขนาดนี้ได้ยังไง?” อัลเบิร์ตรู้สึกริษยามาก
“เจ้ากล้าดียังไงถึงมาหาเรื่องที่น่าประตูตระกูลชาร์ค? ทหาร! จับพวกมันไว้!” อัลเบิร์ตสั่งเสียงดังทันที
ทหารยามรอบๆทุกคนบุกเข้าหา แต่ก่อนที่ลินลี่ย์จะได้เคลื่อนไหวบาร์เกอร์และน้องๆ ก็พุ่งออกมาข้างหน้า
“ไว้ชีวิตพวกเขานะ” ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็น
“ขอรับ” เกทส์พูดอย่างตื่นเต้น
“ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ตายใช่ไหม?” ตาของบาร์เกอร์มีประกายความสุข พี่น้องทั้งห้านี้มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่สิบแปดแคว้นอิสระทางเหนือเป็นนักรบกระหายเลือด เมื่อพวกเขานำทัพรบ ได้ฆ่าผู้คนไปนับไม่ถ้วน
ห้าพี่น้องตัวมหึมาเหล่านี้เหมือนกับเครื่องจักร พวกเขาจับทหารยามคนแล้วคนเล่าได้อย่างง่ายดายเหมือนจับไก่จากนั้นก็โยนพวกเขาเข้าประตูปราสาทง่ายๆ เหมือนกับกระสอบ พลังเหวี่ยงของพี่น้องบาร์เกอร์สูงมากนักรบเหล่านี้แค่ระดับห้า ระดับหก กระดูกพวกเขาลั่นทันทีที่ร่วงกระทบพื้น
“เจ้า...” อัลเบิร์ตโกรธจนสั่นไปทั้งตัว “พวกเจ้าผยองและป่าเถื่อนเกินไปแล้ว พวกเจ้ากล้าทำอย่างนี้ต่อหน้าตระกูลชาร์คหรือ?”
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน?”
เสียงตวาดโกรธเกรี้ยวได้ยินชัดขณะที่มีกลุ่มคนปรากฏออกมาจากภายในปราสาท ผู้นำเป็นบุรุษวัยกลางคนใบหน้าเหลี่ยม อัลเบิร์ตคำนับทันที “ท่านพ่อคนพวกนี้มาหาเรื่องถึงหน้าประตูปราสาทของเรา และยังทำร้ายคนของเราบาดเจ็บอีกด้วย”
“โอว?” บุรุษวัยกลางคนคือประมุขตระกูลชาร์ค โอดิน ชาร์ค
โอดินชาร์คจ้องมองกลุ่มลินลี่ย์อย่างเย็นชา
“ฮ่าฮ่า, น้องลินลี่ย์ เจ้ามาถึงแล้ว!” เสียงหัวเราะได้ยินเลือนรางดังมาจากท้องฟ้าปรากฏอยู่หน้าปราสาททันที
ร่างที่หลังตรงดุจคันทวนมีผมแซมขาว
โอดินและอัลเบิร์ตพอเห็นบุรุษผู้นี้จึงลดความเย่อหยิ่งทันทีและคำนับแสดงความเคารพ
“โอดิน, เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” แม็คเคนซีมองดูโอดินด้วยสายตาเย็นชา
โอดินสั่นไม่กล้าพูดอะไรออกมา เมื่อเขาได้ยินแม็คเคนซีเอ่ยคำว่า ‘น้องลินลี่ย์’ เขาไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
“นี่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับท่านโอดินก็แค่ความไม่พอใจกันเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างอัลเบิร์ตบุตรของเขาและข้าเอง เขาแค่ต้องการใช้กองกำลังของตระกูลมาแก้ปัญหาส่วนตัวของเรา” ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะอย่างใจเย็น
“ไม่พอใจหรือ?” แม็คเคนซีพยักหน้า
แม็คเคนซีชำเลืองมองอัลเบิร์ตอย่างเย็นชาแล้วหันไปมองโอดิน “โอดิน,ให้อัลเบิร์ตไปช่วยงานลุงของเขาที่เมืองเดโก เมืองเบซิลไม่ใช่ที่เหมาะสมให้เขาอยู่ต่อไป”
หน้าของอัลเบิร์ตซีดขาวทันที
เมืองเอกเบซิลไม่ใช่ที่เหมาะสมให้เขาอยู่ต่อไป?นี่เป็นเรื่องดีที่จะบอกว่าเขาถูกถอดถอนออกจากผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขตระกูล นอกจากนี้ เขายังถูกเนรเทศไปเมืองรองและเขาจะไม่ได้แม้แต่ตำแหน่งเจ้าเมือง เขาแค่ไปเป็นผู้ช่วยของลุงเขา ในอนาคตเขาจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับคีนด้วยซ้ำ
“ขอรับ ท่านปู่” โอดินไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย
ในมณฑลพายัพ สถานะของแม็คเคนซีเป็นเหมือนสถานะของเทพสงครามในจักรวรรดิโอเบรียนแม้ว่าเขาต้องการปลดโอดินออกจากประมุขตระกูล โอดินก็ไม่กล้าส่งเสียงบ่นแม้แต่คำเดียว
“น้องลินลี่ย์, ข้าต้องขอโทษจริงๆ ข้าเพิ่งออกไปเดินเล่นเดี๋ยวเดียวดังนั้นก็เลยมาถึงสายไปเล็กน้อย” แม็คเคนซีต้อนรับลินลี่ย์เข้าปราสาทอย่างเป็นกันเอง
ลินลี่ย์ยิ้มและเดินเข้าไปในปราสาทพร้อมกับแม็คเคนซี่โดยมีโอดินเดินตามพวกเขาอยู่ด้านหลัง ขณะที่อัลเบิร์ตหน้าซีด ไม่มีใครให้ความสนใจเขาอีกต่อไป