ตอนที่แล้วตอนที่ 8-52 ตระกูลเบรุต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8-54 ศิษย์ส่วนตัว

ตอนที่ 8-53 อาคันตุกะ


การอาศัยอยู่ในมณฑลพายัพอาจกล่าวได้ว่าลินลี่ย์ได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการในพริบตาเดียวเขา บีบีและพี่รองอังเก้ได้เข้าถึงพลังระดับเซียนกันหมด กลุ่มของพวกเขาในตอนนี้มียอดฝีมือระดับเซียนสี่คน แม้แต่สามสหภาพการค้าใหญ่หรือสี่สมาคมนักฆ่าก็ยังไม่สามารถอวดโอ่ถึงจำนวนดังกล่าวได้!

นี่คือกองกำลังลับที่ทรงพลังอำนาจมาก

โชคร้ายในนครหลวงเหตุการณ์กลับตรงกันข้ามสำหรับวอร์ตัน

ในพื้นที่ฝึกฝนกว้างขวางด้านหลังคฤหาสน์  วอร์ตันกำลังฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งด้วยมรดกของเขาดาบศึกประหารปรปักษ์ เหงื่อไหลพรั่งพรูจากทุกส่วนของร่างกาย แต่ดูเหมือนว่าวอร์ตันจะไม่รู้สึกเหนื่อยแม้แต่น้อย  ขณะที่เขายังคงฝึกต่อไป

พ่อบ้านแอชลี่ย์มองดูอย่างเงียบๆและลอบส่ายศีรษะ

“วอร์ตันก็เหมือนกับบิดาของเขา  เขาทุ่มใจให้กับความรักมากเกินไป” แอชลี่ย์มองดูฮ็อกเติบโตและรู้ว่าฮ็อกมีความรักที่ลึกซึ้งต่อลีนามารดาของลินลี่ย์มากเพียงไหน เมื่อลีนาถูกลักพาตัวฮ็อกลำบากมาเกินกว่าสิบปี เหตุผลเดียวที่เขาทนอยู่ได้เป็นเพราะเขาต้องการยกระดับลินลี่ย์และวอร์ตัน

ทันทีที่ฮ็อกรู้สึกว่าลินลี่ย์และวอร์ตันสามารถเติบโตพึ่งพาตนเองได้ เขาละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อไปตรวจสอบสถานที่เกี่ยวกับภรรยาของเขา  ในที่สุดเขาก็ต้องจ่ายออกไปด้วยชีวิตของเขา

“วอร์ตันก็เป็นเหมือนกัน ฝ่าบาทไม่ถึงกับตัดความหวังของเขาอย่างสิ้นเชิง  พระองค์เพียงขอให้วอร์ตันอย่าเพิ่งเร่งรัด  และว่ายังไม่มีความจำเป็นที่องค์หญิงเจ็ดต้องแต่งงานเร็ว  แต่วอร์ตันกลับกลายเป็นแบบนี้....”  แอชลี่ย์ถอนใจต่อ

พ่อบ้านแอชลี่ย์ไม่รู้ว่าไม่ใช่แค่ฮ็อกและวอร์ตันที่เป็นแบบนี้เท่านั้นแม้แต่ลินลี่ย์ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน

“โกรววว”

หลังจากคำรามอย่างดุดันนี้แล้ววอร์ตันค่อยๆหยุดกวัดแกว่งดาบศึกในมือของเขา หลังจากฝึกฝนอย่างระมัดระวังเป็นเวลาหลายปีวอร์ตันก็ถึงความเชี่ยวชาญในการใช้ดาบศึกระดับสูง เสียงคำรามดุดันที่เพิ่งออกมาเป็นหนึ่งในจุดเด่นของรูปแบบดาบศึกที่เขาพัฒนาขึ้น

“ปู่แอชลี่ย์” วอร์ตันมองดูพ่อบ้านแอชลี่ย์ พยายามทำหน้าฝืนยิ้ม

หลังจากเพิ่งจะระบายความหงุดหงิดทั้งหมดไปแล้ว  วอร์ตันรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นบ้าง

“วอร์ตัน อย่าเศร้าใจจนเกินไปนักเจ้ากับองค์หญิงเจ็ดยังคงมีโอกาสอยู่” แอชลี่ย์หัวเราะ “ข้าคิดถึงเหตุผลที่ฝ่าบาททอดเวลาออกไปเป็นเพราะพระองค์ลำบากใจที่จะเลือกระหว่างเจ้ากับเคย์ลัน”

วอร์ตันพยักหน้า

วอร์ตันเข้าใจเรื่องใหญ่ที่จักรพรรดิจะต้องรับมือ

พระองค์เป็นจักรพรรดิที่ให้ความสำคัญสูงมากกับมนุษย์ที่มีพรสวรรค์  และพระองค์ก็ค่อนข้างเด็ดขาด  แต่พระองค์มีข้อบกพร่องประการหนึ่ง  ข้อบกพร่องนั้นก็คือ อคติ  อคติที่รุนแรง

ทุกคนในนครหลวงทราบเรื่องนี้ดี

ตัวอย่างเช่นยี่สิบปีที่แล้ว ตระกูลที่ควบคุมมณฑลอาคเนย์ทำเรื่องผิดพลาดบางอย่าง  เนื่องจากพวกเขาไม่มียอดฝีมือระดับเซียนหนุนหลัง ในที่สุดตระกูลของพวกเขาก็ถูกจักรพรรดิตรวจสอบรื้อค้น  เวลานั้นมีหลายตระกูลต้องการจะได้รับมณฑลอาคเนย์มาดูแล แต่ในที่สุดแล้วจักรพรรดิได้มอบให้พระอนุชาคนเดียวของพระองค์ก็คือดยุคจูลินได้ปกครองมณฑลอาคเนย์

คนที่ใกล้ชิดจักรพรรดิ  เขามักจะลำเอียงไปทางคนผู้นั้น

บิดาของเคย์ลันเป็นมหาเสนาบดีซ้ายของจักรวรรดิจัดด์ ดาร์ริล ผู้เติบโตมาพร้อมกับจักรพรรดิ พวกเขามีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก หลังจากจักรพรรดิปัจจุบันขึ้นครองราชย์  พระองค์พระราชทานตำแหน่งสูงให้กับจัดด์ ดาร์ริล ทรงแต่งตั้งให้เป็นมหาเสนาบดีซ้ายของจักรวรรดิ เขามีอำนาจมากมายและอาจกล่าวได้ว่าเป็นรองเพียงองค์จักรพรรดิเท่านั้น

จักรพรรดิทรงสนิทกับมหาเสนาบดีซ้ายมากขนาดนั้นจึงเป็นธรรมดาที่จะเอนเอียงและปกป้องเคย์ลันด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้เคย์ลันยังมีพรสวรรค์มากเป็นคนที่คู่ควร  จึงเป็นเรื่องธรรมดามากที่จักรพรรดิจะทรงเห็นด้วยที่เคย์ลันพยายามสู่ขอนีน่า  อย่างไรก็ตาม วอร์ตันก็สู่ขอนีน่าเช่นกันและนีน่าเองก็ชอบพอกับวอร์ตัน นี่เองทำให้จักรพรรดิทรงลังเลพระทัย

เคย์ลันและวอร์ตันมีพรสวรรค์มากทั้งคู่

เขารักเคย์ลัน  แต่เขาก็ยังรักนีน่าด้วย

บิดาของเคย์ลันเป็นสหายรักของเขาและเป็นหนึ่งในเสาหลักของจักรวรรดิ  แต่วอร์ตันคือนักรบเลือดมังกร

เรื่องนี้ทำให้ยากจะตัดสินใจ!

“ข้าเข้าใจสิ่งที่ฝ่าบาทกำลังคิด สำหรับพระองค์การปฏิเสธคำขอแต่งงานกับนีน่าโดยตรงหมายความว่าจะไม่ง่ายนักที่สองเราจะอยู่ด้วยกันได้”  วอร์ตันถอนหายใจ

“วอร์ตัน, เจ้าจำเป็นต้องมีความมั่นใจในตัวเองบ้าง” พ่อบ้านแอชลี่ย์ให้กำลังใจ

วอร์ตันฝืนยิ้ม  “ปู่แอชลี่ย์ ข้ารู้ว่าสถานการณ์เป็นยังไง ในจักรวรรดิ คำตัดสินของฝ่าบาทคือกฎหมายเด็ดขาด  คนเดียวที่พระองค์กลัวก็คือเทพสงคราม นั่นคือเหตุผลที่ข้าพยายามร่วมแข่งขันเพื่อเป็นศิษย์กิตติมศักดิ์  ข้าต้องการสร้างความสัมพันธ์กับเทพสงคราม  ตราบใดที่เทพสงครามยินดีช่วยข้า  ทุกอย่างก็ลงตัว”

เทพสงครามคือรากฐานและเสาหลักของจักรวรรดิโอเบรียนแท้ๆ

คำเดียวจากเทพสงครามอาจทำให้จักรพรรดิสละราชสมบัติโดยไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ได้แม้แต่คำเดียว  ที่สำคัญเทพสงครามคือรากฐานของจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโอเบรียน และเขายังเป็นยอดฝีมือระดับเทพผู้ยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของทั่วทั้งทวีปยูลาน

“เย็นไว้ เย็นไว้  ยังไม่ต้องเร่งร้อน”  พ่อบ้านแอชลี่ย์ปลอบใจ

“ท่านเคานท์ องค์หญิงเจ็ดมาเยือน” บ่าวรับใช้เดินเข้ามาในลานฝึกฝีมือและเรียนด้วยความเคารพ

“นีน่ามาเหรอ?” วอร์ตันประหลาดใจ

แม้ว่าทั้งสองจะสนิทกันมาก  แต่นีน่าไม่ค่อยมาเยี่ยมเขาถึงคฤหาสน์  วอร์ตันรีบอาบน้ำและเปลี่ยนชุดใหม่จากนั้นออกไปที่ห้องโถงใหญ่เพื่อพบกับนีน่า

ภายในห้องโถงใหญ่

ใบหน้าของนีน่ามีร่องรอยว่ามีความสุข บ่าวรับใช้หญิงอยู่ที่ด้านหลังนางแอบหัวเราะ  “องค์หญิง! ท่านคิดว่าท่านเคานท์จะทำสีหน้ายังไงเมื่อเขาได้ยินข่าวนี้?”

“คนตัวโตจะทำสีหน้ากระไรได้?” นีน่าไตร่ตรองเสียงหัวเราะของนางยิ่งแสดงอารมณ์ที่ดีขึ้น

ขณะที่นางคิดจะคุยทันใดนั้นนีน่าได้ยินเสียงฝีเท้า  นางหันไปมองร่างที่ใหญ่โตแข็งแรงกำลังเดินเข้ามาเหมือนกับเทพสงครามผู้สูงส่งและแข็งแกร่ง นีน่าจ้องมองดูร่างที่คุ้นเคยนี้แล้วรู้สึกวาบหวามในหัวใจ  ในใจของนางเห็นว่าวอร์ตันกลายเป็นเสาค้ำหัวใจของนาง

“นีน่า ทำไมเจ้ามาหาข้าถึงบ้านได้เล่า?  เจ้าไม่กลัวพระชนกดุด่าว่ากล่าวหรือ?”  วอร์ตันหัวเราะขณะเดินเข้าหา

นีน่าเชิดหน้าใส่  “เขาดุข้าได้ถ้าเขาต้องการ  แต่ข้าต้องการมาอยู่ดี”

เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูน่ารักของนีน่าวอร์ตันรู้สึกถึงว่าอ่อนโยนและอบอุ่นในหัวใจ เขานั่งข้างๆ นางแล้วคว้ามือนางไว้ “นีน่า, ดูจากสีหน้าท่าทางเจ้าแล้ว ข้าคิดว่าเจ้ากำลังปกปิดอะไรบางอย่างจากข้า”

นีน่าย่นจมูกพูดอย่างดีใจ  “ข้าไม่สามารถปกปิดอะไรจากเจ้าได้  ข้าอยากจะบอกข่าวดีเจ้า”

“ข่าวดี? ข่าวดีอะไร?  พระบิดาของเจ้าเปลี่ยนใจยอมให้ข้าแต่งงานกับเจ้าใช่ไหม?”  วอร์ตันพูดอย่างไม่จริงจัง

คำตรัสของจักรพรรดิล้ำค่าประดุจทองพระองค์จะกลับคำที่ได้ตรัสไปแล้วได้ยังไง?

“แน่นอนว่าไม่” นีน่ายิ้มกว้าง

“อย่างนั้นอะไร?”

สีหน้าของนีน่าเคร่งขรึมมากขึ้น  “สองวันที่แล้ว เจ้าทูลขอพระชนกของข้า  แต่พระองค์ไม่เห็นด้วย ข้ารู้สึกไม่สบายใจดังนั้นข้าจึงคิดอะไรบางอย่าง ข้าไปหาพี่เคย์ลันโดยตรงเลย”

“เจ้าไปพบกับเคย์ลัน?”  คิ้วของวอร์ตันชี้ชัน  เคย์ลันก็คือศัตรูความรักของเขา  “เจ้าไปหาเขาเพื่ออะไร?”

นีน่าหัวเราะคิกคัก  “ก็ได้ เลิกเดาได้แล้ว  ข้าแค่ไปคุยดีๆ กับพี่เคย์ลัน ข้าบอกเขาถึงความรู้สึกข้าที่มีต่อเขา  ข้ารู้สึกกับเขาเหมือนเป็นพี่ชาย เราโตมาด้วยกันและเขาก็เป็นเหมือนพี่ชายของข้า  ข้าขอให้พี่เคย์ลันช่วยเราทั้งสองคนข้าบอกพี่เคย์ลันว่าถ้าข้าต้องพรากจากเจ้า วอร์ตัน ข้าคงมีชีวิตต่อไปไม่ได้”

วอร์ตันรู้สึกตื้นตันลึกๆ

“พี่เคย์ลันเงียบอยู่นาน  แต่ในที่สุดเขาเห็นด้วยว่าเขารับปากจะคุยกับฝ่าบาทให้ และว่าเขาจะเลิกตามพัวพันข้าและปล่อยให้เราได้อยู่ด้วยกัน”  รอยยิ้มของนีน่าเป็นประกาย

“เคย์ลันยอมแพ้แล้วหรือ?”  วอร์ตันตกใจ

วอร์ตันคลุกคลีอยู่เมืองหลวงมาเป็นเวลานานแล้วและและมีปฏิสัมพันธ์ต่อเคย์ลันอยู่หลายครั้ง  วอร์ตันรู้สึกได้ว่าเคย์ลันรักนีน่า  เขารักนีน่าแน่นอนแล้วเคย์ลันตัดสินใจยอมแพ้ วอร์ตันรู้สึกตื่นเต้นมาก ขณะเดียวกันเขาเริ่มชื่นชมเคย์ลัน

“พี่เคย์ลันยอมยกธงขณะที่คนอื่นไม่ค่อยคุกคามอะไรมากนัก สำหรับลามอนต์นั้นในใจของพระบิดาข้า  เขาไม่อาจเทียบได้กับเจ้า”  ท่าทีมีความสุขปรากฏอยู่บนใบหน้านีน่า  “คนตัวโต  ไม่มีใครห้ามไม่ให้เราอยู่ด้วยกันอีกแล้วนะ”

น่าตื่นเต้น!

ไม่มีทางที่เขาจะหยุดความรู้สึกตื่นเต้นและดีใจจากอาการหัวใจพองโตของเขา  คู่แข่งที่น่าลำบากใจที่สุด ปวดหัวที่สุดที่เขาเผชิญหน้าตัดใจยอมถอย  เรื่องน่าดีใจกะทันหัน คาดไม่ถึงนี้ทำให้วอร์ตันรู้สึกมึนงง

วอร์ตันจ้องมองรอยยิ้มที่สดใสของนีน่า  เขารู้สึกตื่นเต้นมากกว่าครั้งใดๆ

“ตอนนี้ไม่มีใครขัดขวางเราไม่ให้อยู่ด้วยกันแล้ว”  วอร์ตันกอดนีน่าแน่นไว้ในวงแขน

ลินลี่ย์ บีบี แฮรุรีเบ็คกา, ลีนา, เจนน์, ซาสเลอร์และบาร์เกอร์กับน้องๆออกจากหมู่บ้านยอดเมฆมุ่งหน้าสู่เมืองเอกเบซิล

ปราสาทตระกูลชาร์คเมืองเอกเบซิล

กลุ่มของลินลี่ย์มาถึงที่หน้าประตูใหญ่

“ใครมาอยู่ต่อหน้าเรา?”  ทหารยามประจำปราสาทส่งเสียงตะโกนมาแต่ไกล  ตระกูลชาร์คคือเจ้าถิ่นปกครองดินแดนมณฑลพายัพ  ที่ทำการใหญ่ของพวกเขาไม่ใช่สถานที่ซึ่งใครๆก็เข้าไปได้

เกทส์น้องคนที่ห้าตะโกนดังลั่นทันที“ช่วยไปแจ้งแม็คเคนซีว่าใต้เท้าลินลี่ย์ของเรามาถึงแล้ว”

“ใครกันมาส่งเสียงดังอยู่ข้างนอก?”

เสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งตะโกนขึ้น  ลินลี่ย์จ้องไปทางตำแหน่งของเสียงนั้นอย่างระมัดระวังบุรุษหนุ่มที่แต่งตัวในชุดหรูหราคืออัลเบิร์ตกำลังเข้ามาพร้อมกับบ่าวรับใช้ห้อมล้อมตัว

เมื่อเห็นกลุ่มของลินลี่ย์  สีหน้าของอัลเบิร์ตเปลี่ยนไป

“เจ้าชื่อว่าลีย์ใช่ไหม?  กล้าดียังไงมาถึงบ้านข้า?”  ท่าทางน่าเกลียดน่ากลัวปรากฏอยู่บนใบหน้าของอัลเบิร์ต  “ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าคนทั้งหกนั้นซึ่งเป็นคนของศาสนจักรเจิดจรัสจะไม่สามารถฆ่าเจ้าได้  แต่ตระกูลชาร์คของข้า  ใช่ว่าจะข่มเหงกันได้ง่ายๆ ตามอำเภอใจเจ้า”

ขณะเดียวกันอัลเบิร์ตสังเกตว่าด้านหลังของลินลี่ย์ยังมีเจนน์ รีเบ็คกาและพี่สาวของนาง

ผิวของเจนน์ดูงดงามเหมือนกลีบดอกไม้ที่ลอยในสระน้ำขณะที่รีเบ็คกาและลีนามีราศีลึกลับบางอย่างที่น่าทึ่ง

“เจ้าผู้นี้มีสาวงามติดตามมากมายขนาดนี้ได้ยังไง?”  อัลเบิร์ตรู้สึกริษยามาก

“เจ้ากล้าดียังไงถึงมาหาเรื่องที่น่าประตูตระกูลชาร์ค?  ทหาร!  จับพวกมันไว้!”  อัลเบิร์ตสั่งเสียงดังทันที

ทหารยามรอบๆทุกคนบุกเข้าหา  แต่ก่อนที่ลินลี่ย์จะได้เคลื่อนไหวบาร์เกอร์และน้องๆ ก็พุ่งออกมาข้างหน้า

“ไว้ชีวิตพวกเขานะ”  ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็น

“ขอรับ” เกทส์พูดอย่างตื่นเต้น

“ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ตายใช่ไหม?”  ตาของบาร์เกอร์มีประกายความสุข พี่น้องทั้งห้านี้มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่สิบแปดแคว้นอิสระทางเหนือเป็นนักรบกระหายเลือด  เมื่อพวกเขานำทัพรบ ได้ฆ่าผู้คนไปนับไม่ถ้วน

ห้าพี่น้องตัวมหึมาเหล่านี้เหมือนกับเครื่องจักร  พวกเขาจับทหารยามคนแล้วคนเล่าได้อย่างง่ายดายเหมือนจับไก่จากนั้นก็โยนพวกเขาเข้าประตูปราสาทง่ายๆ เหมือนกับกระสอบ พลังเหวี่ยงของพี่น้องบาร์เกอร์สูงมากนักรบเหล่านี้แค่ระดับห้า ระดับหก กระดูกพวกเขาลั่นทันทีที่ร่วงกระทบพื้น

“เจ้า...” อัลเบิร์ตโกรธจนสั่นไปทั้งตัว  “พวกเจ้าผยองและป่าเถื่อนเกินไปแล้ว  พวกเจ้ากล้าทำอย่างนี้ต่อหน้าตระกูลชาร์คหรือ?”

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน?”

เสียงตวาดโกรธเกรี้ยวได้ยินชัดขณะที่มีกลุ่มคนปรากฏออกมาจากภายในปราสาท ผู้นำเป็นบุรุษวัยกลางคนใบหน้าเหลี่ยม อัลเบิร์ตคำนับทันที  “ท่านพ่อคนพวกนี้มาหาเรื่องถึงหน้าประตูปราสาทของเรา และยังทำร้ายคนของเราบาดเจ็บอีกด้วย”

“โอว?” บุรุษวัยกลางคนคือประมุขตระกูลชาร์ค โอดิน ชาร์ค

โอดินชาร์คจ้องมองกลุ่มลินลี่ย์อย่างเย็นชา

“ฮ่าฮ่า, น้องลินลี่ย์ เจ้ามาถึงแล้ว!”  เสียงหัวเราะได้ยินเลือนรางดังมาจากท้องฟ้าปรากฏอยู่หน้าปราสาททันที

ร่างที่หลังตรงดุจคันทวนมีผมแซมขาว

โอดินและอัลเบิร์ตพอเห็นบุรุษผู้นี้จึงลดความเย่อหยิ่งทันทีและคำนับแสดงความเคารพ

“โอดิน, เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”  แม็คเคนซีมองดูโอดินด้วยสายตาเย็นชา

โอดินสั่นไม่กล้าพูดอะไรออกมา  เมื่อเขาได้ยินแม็คเคนซีเอ่ยคำว่า ‘น้องลินลี่ย์’ เขาไม่กล้าพูดอะไรสักคำ

“นี่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับท่านโอดินก็แค่ความไม่พอใจกันเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างอัลเบิร์ตบุตรของเขาและข้าเอง  เขาแค่ต้องการใช้กองกำลังของตระกูลมาแก้ปัญหาส่วนตัวของเรา”  ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะอย่างใจเย็น

“ไม่พอใจหรือ?” แม็คเคนซีพยักหน้า

แม็คเคนซีชำเลืองมองอัลเบิร์ตอย่างเย็นชาแล้วหันไปมองโอดิน  “โอดิน,ให้อัลเบิร์ตไปช่วยงานลุงของเขาที่เมืองเดโก เมืองเบซิลไม่ใช่ที่เหมาะสมให้เขาอยู่ต่อไป”

หน้าของอัลเบิร์ตซีดขาวทันที

เมืองเอกเบซิลไม่ใช่ที่เหมาะสมให้เขาอยู่ต่อไป?นี่เป็นเรื่องดีที่จะบอกว่าเขาถูกถอดถอนออกจากผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขตระกูล  นอกจากนี้ เขายังถูกเนรเทศไปเมืองรองและเขาจะไม่ได้แม้แต่ตำแหน่งเจ้าเมือง เขาแค่ไปเป็นผู้ช่วยของลุงเขา ในอนาคตเขาจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับคีนด้วยซ้ำ

“ขอรับ ท่านปู่” โอดินไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย

ในมณฑลพายัพ สถานะของแม็คเคนซีเป็นเหมือนสถานะของเทพสงครามในจักรวรรดิโอเบรียนแม้ว่าเขาต้องการปลดโอดินออกจากประมุขตระกูล โอดินก็ไม่กล้าส่งเสียงบ่นแม้แต่คำเดียว

“น้องลินลี่ย์, ข้าต้องขอโทษจริงๆ  ข้าเพิ่งออกไปเดินเล่นเดี๋ยวเดียวดังนั้นก็เลยมาถึงสายไปเล็กน้อย”  แม็คเคนซีต้อนรับลินลี่ย์เข้าปราสาทอย่างเป็นกันเอง

ลินลี่ย์ยิ้มและเดินเข้าไปในปราสาทพร้อมกับแม็คเคนซี่โดยมีโอดินเดินตามพวกเขาอยู่ด้านหลัง ขณะที่อัลเบิร์ตหน้าซีด ไม่มีใครให้ความสนใจเขาอีกต่อไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด