ตอนที่ 227 ลุย!
คนกลุ่มหนึ่งซึ่งนัยน์ตาเป็นประกายร้อนแรงทำให้ทั่วท้องฟ้ามีฝุ่นปกคลุม
หลิงซิ่วนั่งอยู่บนฟลามิงโกซึ่งได้รับการซ่อมแซมเสร็จแล้วมันไวขึ้นและคล่องแคล่วยิ่งขึ้นทักษะวิศวะจักรกลในปัจจุบันของเซรีนเมื่อเทียบกับครั้งก่อนอาจกล่าวได้ว่านางเหมือนได้ร่างอมตะและผ่านการผลัดเปลี่ยนกระดูกของนาง อสูรจักรกลเหล่านี้อย่างเช่นนกฟลามิงโกเป็นงานง่ายสำหรับนางไปแล้ว
สายลมพัดโกรกใส่หน้าของเขาสร้างความรู้สึกสบายให้เขาขณะที่เขาสะพายหอกเงิน หลิงซิ่วพึงพอใจจนคนอื่นๆ รู้สึกอิจฉา เพราะในกลุ่มพวกเขามีแต่เขาคนเดียวที่มีพาหนะ
“วันนี้เป้าหมายของเราก็คือเฒ่าบอดซอกำศรวลและบ่าวใบ้ของเขามีฝีมือแข็งแกร่งมากดังนั้นเราจำเป็นต้องโค่นเขาให้ได้” ปิงพูดถึงแผนการอย่างซึมเซา ถังเทียนวางแผนธุรกิจแต่เพราะเกี่ยวข้องกับกลยุทธ พวกเขายังจำเป็นต้องได้มืออาชีพทางด้านนี้ ปิงยังไม่ทันฟื้นฟูดีจากพลังโจมตีของถังเทียนจากวันก่อนนั้น
“ความคิดของข้าน่าจะใช้สี่คนก็พอ คือเซี่ยชิงอาเฮ่อ อิ่นเทียนและหูซิ่ง พวกเจ้าทั้งสี่คนเชี่ยวชาญในเรื่องการป้องกัน งานของพวกเจ้าก็คือต้านรับทั้งสองคนให้ได้อย่างน้อยยี่สิบนาที”
วิญญาณของปิงพูดเจาะจงเป็นพิเศษเสียงของเขาอู้อี้เลือนราง อิ่นเทียนและหูซิ่งคือสองในสี่คนที่อู่กวงพามา
เซี่ยชิงพยักหน้า เขาเพิ่งได้รับวิชากระบี่หัวใจองครักษ์ร่ำร้องและถนัดตั้งรับมากกว่าบุกจู่โจม
อาเฮ่อพูดทันที“เซี่ยชิงกับข้าจะรับมือเฒ่าบอดซอกำศรวลเอง”
อิ่นเทียนและหูซิ่งถอนหายใจโล่งอก ชายชราบอดเป็นคนในทำเนียบนักสู้สวรรค์วิถี ชื่อของเขาทำให้ทั้งสองคนกลัวอยู่บ้างแต่เนื่องจากอาเฮ่ออาสารับต่อสู้กับเป้าหมายที่แข็งแกร่ง ทั้งสองคนจึงกล่าว“อย่างนั้นปล่อยคนใบ้ให้เราจัดการเอง”
เซี่ยชิงมองอาเฮ่ออย่างประหลาดใจ แต่อาเฮ่อก็ยังสงบอยู่มาก
ปิงมองดูอาเฮ่อเช่นกันแต่เขาไม่อาจมองเห็นความแข็งแกร่งของอาเฮ่อได้ เนื่องจากอาเฮ่อต้องการเอง อย่างนั้นเขาต้องมีความมั่นใจแน่นอน ดังนั้นเขาจึงถอนสายตาและพูดต่อ
“ส่วนพวกเราที่เหลือ ก็คือข้า หลิงซิ่ว ถังเทียนอู่กวง เชอเป่า, จินเซี่ยเราทั้งหกคนจะฆ่าจ้าวอสูรหินกรวดให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ หลิงซิ่ว, ถังเทียน,อู่กวงและข้าจะล้มให้ได้คนละตัว เชอเป่ากับจินเซี่ยจะต้องร่วมมือกัน ความสำคัญของเราก็คือความเร็ว! ยิ่งเราฆ่าจ้าวอสูรหินกรวดได้เร็วนั่นจะยิ่งดี”
อู่กวงตบอกของเขาและรับรองอย่างจริงจัง “วางใจได้ดาบของข้าจะต้องตัดสมองจ้าวอสูรหินกรวดหมีหมานั่นให้ขาดได้แน่”
เชอเป่าและจินเซี่ยไม่ได้พูดอะไร ปิงให้พวกเขาร่วมมือกัน เห็นได้ชัดว่าเขาคิดว่าพวกเขาแข็งแกร่งไม่พอ ทั้งสองคนนั้นอยู่ในโลกนักสู้มาเป็นเวลานานและพวกเขาไม่ได้คัดค้านวุ่นวาย แต่อดสะอึกในใจไม่ได้
พวกเขายึดถือคำพูดของอู่กวง ดีแค่ไหนแล้วที่มีคนจ้างพวกเขาและจากวันนี้ก็เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าเป็นความจริง ยังไม่ทันได้สู้พวกเขาก็ได้รับเงินติดกระเป๋าก่อนแล้วสองล้านห้าแสนเหรียญดาว
เมื่อมีผู้สนับสนุนการเงินอย่างนั้นทุกคนมีความคิดเหมือนกัน นั่นคือทำงานให้ดี
จากนั้นเสียงสั่นสะเทือนก็ได้ยินมาแต่ไกล
ฝุ่นคลีฟุ้งเต็มท้องฟ้าและเสียงที่ดังออกมาก็น่ากลัว หน้าของนักสู้สวรรค์วิถีสองสามคนเคร่งเครียดทันที แม้ว่าพวกเขาได้ยินเรื่องนี้จากปิงมาก่อนแต่เมื่อเห็นกับตาตนเอง กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่าง แม้แต่อู่กวงผู้มีทัศนคติไม่ใส่ใจต่อสิ่งใดและมักมีรอยยิ้มอยู่เสมอก็ยังกลายเป็นเคร่งเครียดแววโกรธปรากฏอยู่ในดวงตาและหันหน้าไปทางอสูรดวงดาวรอโอกาสโจมตี
ถังเทียนและคนที่เหลือเคยเห็นฝูงอสูรพวกนี้มาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงสงบใจอยู่ได้
“ทุกคนเตรียมพร้อม!”ปิงออกคำสั่ง
ต้องบอกไว้ก่อน ความเป็นมืออาชีพของปิงและทัศนคติของเขายิ่งใหญ่น่าเชื่อถือ
อิ่นเทียน,หูซิ่งและคนอื่นๆ ได้สังเกตเห็นปิงแล้ว เพราะเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเช่นกันสำหรับนักสู้เดิมๆ คนหนึ่ง พวกเขามีแนวโน้มที่จะต่อสู้แบบลุยเดี่ยว แม้กับทหารรับจ้างที่ถูกจ้างมาส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับการต่อสู้ขนาดเล็ก แต่จากคำพูดของปิง พวกเขาสามารถรู้สึกได้เลือนรางว่าเป็นธรรมเนียมของกองทัพใหญ่ที่เห็นได้ยากและนั่นทำให้พวกเขาคลางแคลงใจเขา
เสนาธิการหลักมักจะมีอยู่แต่เพียงในกองทัพ แต่กลุ่มสบายๆ ที่มีอิสระอย่างพวกทหารรับจ้าง พวกเขาเกือบทั้งหมดจะเชี่ยวชาญกลยุทธในการต่อสู้ที่มีขนาดเล็ก
นักสู้จักรกลลึกลับผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญมากอย่างแท้จริง แน่นอนนี่จึงเป็นที่ดึงดูดความสนใจพวกเขาเป็นธรรมดา
ไม่มีใครสามารถคาดเดาภูมิหลังของปิงออก แต่ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญแน่นอนและนั่นทำให้พวกเขาเชื่อใจ
สำหรับแผนการต่อสู้ปิงได้วางแผนไว้ชัดเจนแล้ว เขายังคงเงียบและมองดูถังเทียน ทันใดนั้นเขามีความรู้สึกเหมือนกับอยู่ในอดีต เขามองดูแม่ทัพและรอคำสั่งโจมตีจากแม่ทัพ
ดูเหมือนว่าข้ายังเหน็ดเหนื่อยจากเมื่อวานนี้....
ปิงส่ายหัวและหัวเราะกับตัวเองในใจภาพลวงตางี่เง่าอย่างนั้น พวกเขาจะเทียบได้ยังไง ท่านแม่ทัพคือวีรบุรุษ!
สายตาของทุกคนจับจ้องอยู่ที่ถังเทียน
ถังเทียนสวมเกราะและกรงเล็บแมวโลหิตแล้วและในมือซ้ายของเขาถือโล่ตะลุยเลือด ภายใต้แสงสีเงินของเกราะประกายระยิบระยับสีแดงเข้มของใบมีดกรงเล็บแมวโลหิตเยือกเย็นน่ากลัว โล่ตะลุยเลือดอยู่ในมือซ้ายเป็นประกายสีแดงเลือนราง
ถังเทียนไม่รู้ความคิดของปิง เขามองเห็นฝูงอสูรหินกรวดที่หนาแน่นเหมือนกับกำลังเห็นทะเลเหรียญดาว
มากจริงๆ เงินทั้งนั้น
ตาของถังเทียนกลายเป็นสีแดงเขาชูโล่ตะลุยเลือดและคำรามลั่น “ลุย!”
ความต้องการต่อสู้ของหลิงซิ่วลุกโชนอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาสีส้มของเขาราวกับมีไฟพวยพุ่งเมื่อได้ยินเสียงคำรามของถังเทียน เขาทะยานออกไปพร้อมความรู้สึกเลือดลมพลุกพล่านควงหอกเงินและตะโกนลั่น “ลุย!”
ทุกคนตะโกนพร้อมกัน“ลุย!”
ราวกับเสียงฟ้าผ่าเสียงกึกก้องของพวกเขาดังไปทั่วบริเวณ!
แม้ว่าเสียงของอสูรหินกรวดจะมีกันเป็นแสน ในช่วงขณะนั้นกลับถูกเสียงคำรามโห่ร้องกลบทับ
***************************************
“ลุย!”
ความเดือดดาลระเบิดออกเสียงสะท้อนดังกึกก้อง
สีหน้าของผู้เฒ่าบอดซอกำศรวลเคร่งเครียด“ไม่ดีแน่! หนึ่ง สอง สาม...”
ใบหน้าของชายชราที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตั้งแต่แรกแสดงอารมณ์กลัวในที่สุด “ทำไมถึงมียอดฝีมือมากมายนัก?”
สตรีชุดดำก็พลอยตะลึงไปด้วยเช่นกัน นางเป็นเหมือนรูปสลักน้ำแข็งมือเท้าของนางเย็นเฉียบ แม้ว่าพวกเขายังอยู่ห่างไกล แต่พวกเขาก็สามารถมองเห็นร่างที่พุ่งมาทางพวกเขาได้ฝีมือของทุกคนไม่ใช่ธรรมดาเลย
นักสู้ระดับสวรรค์วิถี!
ความจริงพวกเขาเป็นนักสู้ระดับสวรรค์วิถีทั้งนั้น
นั่นเป็นไปได้ยังไง...เป็นไปได้ยังไง...
ทุกคนเป็นเหมือนกับมีดที่แหลมคมพุ่งตรงตะลุยเข้าไปในฝูงอสูรหินกรวด
โชคดีที่ยังมีอสูรหินกรวดมากมาย
สตรีชุดดำปลอบใจตนเอง อสูรหินกรวดจำนวนมหาศาลในฝูงทำให้นางเบาใจได้บ้าง อสูรหินกรวดจำนวนแสนต่อให้คู่ต่อสู้เป็นนักสู้สวรรค์วิถี การจะฆ่าพวกมันให้หมดเป็นงานยาก
นางไม่ทันได้มองเห็นนิ้วมือของเฒ่าบอดนักเล่นซอซึ่งสัมผัสซอเอ้อหูสั่นไม่หยุด
**********************
สีหน้าของเซี่ยอวี่เปลี่ยนแปลงไปมา แต่ในช่วงต่อมาก็กลับคืนสู่ความสงบและเขากล่าว“พี่กัว! ฝ่ายตรงข้ามมีพลังแข็งแกร่งมากเกินไป เราไม่อาจเอาชนะพวกเขาได้!”
กัวตงสีหน้าซีดขาว ในช่วงสองสามวันนี้ฝ่ายตรงข้ามมีนักสู้สวรรค์วิถีมากถึงห้าคน ถึงพวกเขาจะไม่ใช่ยอดฝีมือที่ติดอยู่ในทำเนียบสวรรค์วิถี แต่ทั้งห้าคนก็มีพลังน่ากลัวอยู่แล้ว ด้วยพลังของเขาจะเอาชนะนักสู้ระดับสวรรค์วิถีสักคนยังนับว่าง่าย แต่ถ้ามีสองคนคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขา และถ้ามีสามคน เขาจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
และความจริงก็คือพวกเขามีกันมากกว่าห้าคน
เมื่อเพิ่มถังเทียน,หลิงซิ่ว นักสู้อาวุธจักรกลผู้ลึกลับ เซี่ยชิง และบุรุษชุดดำที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาในสนามรบ
กัวตงกัดริมฝีปากจนริมฝีปากแทบแตก โธ่เว้ย..
เขาได้ยินว่าเซี่ยอวี่เตรียมถอนตัว
กัวตงเข้าใจได้ถึงปฏิกิริยาของเซี่ยอวี่ เมื่อเผชิญหน้ากับนักสู้ระดับสวรรค์วิถีถึงห้าคนนั่นไม่ใช่ปัญหาของการเพิ่มคนห้าคนเท่านั้น แต่พิสูจน์ได้ชัดเจนว่า คู่ต่อสู้มีความสามารถและสามารถระดมกำลังขนาดใหญ่ได้
สามารถเรียกนักสู้สวรรค์วิถีมาได้ถึงห้าคน ด้วยจำนวนเงินขนาดนั้นก็ขู่ขวัญผู้คนได้แล้ว
ทันใดนั้นเสียงคำรามดังลั่นออกมาจากฝูงอสูรหินกรวด “ฆ่า!”
รังสีดาบขนาดใหญ่สายหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้าและกระทบใส่อสูรหินกรวด
แม้จะเห็นจากระยะไกลกัวตงรู้สึกได้ชัดเจนถึงพลังดาบที่น่ากลัว หัวใจของเขาตื่นตกใจ นั่นใครกัน?
“ฝนดาบสวรรค์ นั่นคือฝนดาบสวรรค์อู่กวง!” เซี่ยอวี่พึมพำกับตนเองรังสีดาบนับหมื่นคลุมเต็มพื้นที่
“ฝนดาบสวรรค์!” หน้าของกัวตงเปลี่ยนเมื่อได้ยินชื่อนั้น
สำหรับคนที่คุ้นเคยกับรายชื่อในทำเนียบสวรรค์วิถี พวกเขาจะรู้จักชื่อของฝนดาบสวรรค์อู่กวง ถ้านักสู้ระดับสวรรค์วิถีธรรมดาบางคนในรายชื่อสำรองเผชิญกับอู่กวง พวกเขาอาจต้องตายอย่างสยดสยอง ฝนดาบสวรรค์อู่กวงมีฉายาอีกอย่างหนึ่งว่าผู้ท้าชิงในรายชื่อสำรองอันดับหนึ่ง
ครั้งหนึ่งเขามีชื่ออยู่ในทำเนียบสวรรค์วิถีแต่เพราะไม่พอใจกับอันดับของเขาเขาโกรธไม่ยอมรับอันดับและด่ากราดใส่พันธมิตรนักสู้อมตะผู้จัดอันดับทำเนียบ
ตั้งแต่วันนั้นเขาไม่เคยเข้าสู่ทำเนียบรายชื่อนักสู้สวรรค์วิถีอีกเลย ขณะที่เขารู้สึกเสียหน้าพันธมิตรนักสู้อมตะสำรองชื่อของเขาไว้ เขาจึงเป็นนักสู้สวรรค์วิถีที่ไม่เหมือนใครขณะที่ยังมีชื่ออยู่ในรายชื่อนักสู้สำรองทำเนียบสวรรค์วิถี
พลังของเขาแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆในรายชื่อสำรองอย่างเห็นได้ชัด ด้วยเหตุนั้นเขาจึงได้ฉายาว่า ผู้ท้าชิงอันหนึ่งในรายชื่อสำรอง”
เขาโหดเหี้ยมป่าเถื่อนและภูมิใจกับตนเอง แต่ความเป็นคนเจ้าอารมณ์ เขาจึงต้องลำบากอยู่หลายคราแม้จะเป็นกรรมการอยู่ภายในสมาพันธ์ชาวยุทธ แต่เขาก่อเรื่องกับนักสู้มานับไม่ถ้วน
แต่พลังของเขาแกร่งกร้าวพอๆกับอารมณ์ของเขา
เมื่อได้ยินชื่อเขาหัวใจของทั้งสองคนรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไป
“กับปีศาจตนนั้น เราไม่สามารถเข้าไปตอแยพวกเขาได้” เซี่ยอวี่ฝืนหัวเราะ
เขาไม่ได้ถ่อมตัวถ้าเป็นเรื่องของการต่อสู้ตัวต่อตัว ต่อให้คู่ต่อสู้คืออู่กวง เซี่ยอวี่ก็มั่นใจในฝีมือตนเอง แต่คู่ต่อสู้มีจำนวนสมาชิกที่แข็งแกร่งเพิ่มและพวกเขาได้เปรียบอย่างชัดเจน และที่สร้างความลำบากใจมากยิ่งกว่าก็คือ อู่กวงเป็นคนจากสมาพันธ์ชาวยุทธ
องค์กรที่ผลิตพวกบ้าระห่ำเช่นนั้นออกมาและพอจะสู้ได้สมน้ำสมเนื้อก็คือองค์การวิญญาณมืด
ถังเทียนเป็นคนในสมาพันธ์ชาวยุทธอย่างชัดเจน
ใบหน้าของกัวตงน่าเกลียดยิ่งขึ้น พลังของคู่ต่อสู้ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวัง
แต่..นั่นหมายความว่าเสี่ยวอวี่บาดเจ็บไปโดยไม่ได้รับอะไรหรือ? เมื่อคิดถึงว่านับแต่นี้ไปเสี่ยวอวี่จะต้องกลายเป็นเหมือนเซี่ยอวี่ ตลอดทั้งตัวจะมีขนนกปกคลุม เขารู้สึกเหมือนถูกมีดกรีดแทงหัวใจ
ทันใดนั้นเขาเชิดศีรษะขึ้น“พี่เซี่ย ท่านกลายเป็นคนขลาดกลัวเสียแล้วหรือ?”
เซี่ยอวี่ตกใจเนื่องจากกัวตงจู่ๆก็ทำตาแดง แต่เขาส่ายหน้า“พวกเขาแข็งแกร่งมากอย่างแท้จริง เจ้ากับข้าไม่มีโอกาสชนะแม้แต่น้อย ไม่ว่าเราจะแข็งแกร่งเพียงไหน ในหมู่ดาวกาไม่มีใครสามารถหยุดพวกเขาได้
กัวตงกำหมัดแน่นสั่นไปทั้งตัว
เซี่ยอวี่ขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่ากัวตงเอาแต่หมกมุ่นมากเกินไป คู่ต่อสู้แข็งแกร่งมาก แต่กัวตงก็ยังไม่ปล่อยวางความโกรธ
หมู่ดาวกาเป็นหมู่ดาวเล็กๆแม้ในแนวท้องฟ้าด้านใต้จะมีถึงสี่สิบสองหมู่ดาวแต่หมู่ดาวนี่ก็เป็นหมู่ดาวสุดท้ายที่เล็กที่สุด หมู่ดาวกามีนักสู้ที่แข็งแกร่งน้อยมาก เนื่องจากรกร้างและกันดารเกินไป
พวกเขาได้รับนับถือว่าเป็นสุดยอดนักสู้ผู้แข็งแกร่งจากหมู่ดาวกา แต่เมื่อเทียบกับนักสู้สวรรค์วิถีทั้งหมดแล้วก็เท่ากับไม่มีอะไร
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วเซี่ยอวี่ได้แต่ส่ายหน้า เขาคงไม่ร่วมมือกับกัวตงก่อเรื่องยุ่งยากอีกต่อไป
ถังเทียนผู้มีกระเป๋าหนักอย่างนั้นน่านับถืออย่างแท้จริง!