Ep.487 - รวมแคว้นเดียวดายเป็นหนึ่ง
2/3
Ep.487 - รวมแคว้นเดียวดายเป็นหนึ่ง
ไม่ใช่แค่หินสกิลเท่านั้น
ฮังอวี่ยังเจออาวุธที่เหมาะกับตัวเอง
[ดาบปราณสงครามสลายมนตรา] อุปกรณ์เลเวล 16 , สีฟ้าคุณภาพสูง , การโจมตีทางกายภาพ +72 , ว่องไว +12 , พละกำลัง +10 , ทุกการโจมตีจะเพิ่มเอฟเฟกต์ปราณสงครามโดยอัตโนมัติ
[ดาบไอเยือกแข็ง] อุปกรณ์เลเวล 15 , สีฟ้าคุณภาพสูง , การโจมตีทางกายภาพ +61 , ว่องไว +10 , พละกำลัง +10 , เพิ่มการโจมตีธาตุน้ำแข็ง +10 , สกิลเสริม ‘ไอเยือกแข็ง’
ทั้งคู่เป็นอาวุธมือเดียว
อาวุธมือเดียวของฮังอวี่เดิมอยู่ในเลเวล 13 แม่ค่าคุณสมบัติจะไม่เลว แต่ก็ไม่เหมาะที่จะใช้ในตอนนี้ ดังนั้นถึงเวลาเปลี่ยนอาวุธแล้ว
อาวุธทั้งสองข้างต้น ล้วนเป็นรางวัลที่ได้จากสินสงคราม
ดาบปราณสงครามสามารถปลดปล่อยปราณสงครามได้อัตโนมัติ ไม่ว่าจะใช้ในการโจมตีหรือป้องกัน ล้วนให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม เป็นอาวุธหลักที่ทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย
ดาบไอเยือกแข็งอ่อนแอกว่าเล็กน้อย แต่ด้วยสกิลไอเยือกแข็ง ทำให้มีความสามารถในการตรึงเป้าหมายในพริบตาระหว่างการต่อสู้ระยะประชิด สร้างเอฟเฟกต์ก่อกวน สามารถใช้เป็นอาวุธรองไว้ใช้งานก็ไม่เลว
ฮังอวี่ชอบใช้นักฆ่าขุมนรกในการต่อสู้แบบกลุ่ม เพราะค่าคุณสมบัติของอาวุธสองมือชิ้นนี้สูงมาก ยิ่งในตอนซ้อนทับ พลังของอาวุธจะเพิ่มขึ้น 100%
สำหรับการต่อสู้เดี่ยว หรือในตอนที่ต้องต่อกรกับยอดฝีมือ หากเขาใช้อาวุธใหม่ทั้งสองชิ้นด้วยควงอาวุธคู่ จะสามารถเพิ่มความถี่ในการโจมตี และเพิ่มพลังโจมตีของอาวุธได้อีกด้วย ดังนั้นอาวุธมือเดียวอันยอดเยี่ยมทั้งสองชิ้นนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น
มีสินสงครามอีกมากมาย เพียงแต่ว่าส่วนใหญ่ไม่เหมาะกับเขา
แต่นั่นไม่สำคัญ
เพราะถึงฮังอวี่ไม่ได้ใช้เอง แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะใช้มันไม่ได้นี่?
ไอเท็มพวกนี้จะถูกเก็บไว้ในเมืองธารทะเลทราย กลายเป็นสมบัติในคลังของมังกรคราม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทีมให้ดียิ่งขึ้น
ฮังอวี่ทำการเรียนรู้หินสกิล ‘เสียงคำรามของปีศาจคลั่ง’ ทันที
ที่ต้องทำหลังจากนี้คือสะสมแต้มวิญญาณเพื่ออัพเกรดมัน น่าจะสะสมได้มากพอในช่วง 1 2 วัน
และระหว่างนี้
ข่าวชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของแคว้นเดียวดาย ก็ได้แพร่สะพัดไปในโลกจริง
ทุกคนนึกว่าสงครามครั้งนี้คงดุเดือดและโหดร้าย ส่วนใหญ่คิดว่าเมืองธารทะเลทรายอาจไม่รอด แม้แต่แฟนคลับบอสฮังเกือบทั้งหมดก็คิดเช่นนั้
ทว่าทั้งเมืองธารทะเลทรายและบอสฮังกลับสามารถฟันฝ่าและชนะสงครามได้อย่างปาฏิหาริย์
ไม่มีใครคาดคิดเลย ว่าผลลัพธุ์จะออกมาในรูปแบบนี้!
ผู้ครองแคว้นนาเซอร์กลายเป็นสมาชิกของมังกรคราม
เมืองฟ้าเดียวดายกลายเป็นพันธมิตรของเมืองธารทะเลทราย แล้วร่วมมือกันตีขนาบกองทัพชาวพื้นเมืองจนแตกพ่าย!
มันจะเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่บอสฮังติดต่อกับผู้ครองแคว้น?
อย่างไรก็ตาม แม้คนส่วนใหญ่จะยังไม่ทราบสถานการณ์ แต่ชัยชนะครั้งใหญ่ในแคว้นเดียวดายนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันช่วยเติมขวัญและกำลังใจแก่คนในอาณาจักรมังกรโลกา และมนุษยชาติ!
สื่อหลักทุกสำนักรีบติดตามเรื่องนี้
《ข่าวล่าสุด: เมืองธารทะเลทรายและเมืองฟ้าเดียวดายเป็นพันธมิตรกัน ผู้ครองแคว้นนาเซอร์ได้เข้าร่วมกับมังกรคราม แคว้นเดียวดายได้รวมเป็นหนึ่งกับมังกรคราม!》
《ดินแดนจากทิศอื่นๆในแคว้นเดียวดาย ไม่ว่าจะเป็นเมืองพายุระห่ำ , เมืองพันหนองน้ำ , เมืองเพลิงทมิฬ ทุกเมืองถูกมังกรครามเข้ายึดครอง มนุษย์ได้ก้าวไปอีกขั้นในการพิชิตโลกวิญญาณ!》
《ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของมังกรครามได้กลายเป็นแรงบันดาลใจ มนุษย์ในอีกแปดแคว้น กำลังมุ่งหน้ามายังแคว้นเดียวดาย คาดว่าอีกครึ่งเดือนข้างหน้า จำนวนประชากรแคว้นเดียวดายจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสามเท่า》
《นี่ไม่ใช่ช่วงเวลายินดี! ยังไม่ถึงเวลาที่อาณาจักรมังกรโลกาควรผ่อนคลาย บอสฮังจะรับมือกับการล้างแค้นของราชามังกรคลั่งอย่างไร? 》
......
หลายสื่อทำการวิเคราะห์อย่างละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นในแคว้นเดียวดาย แต่ที่แน่ๆคำอธิบายโดยรวมระบุว่าแคว้นเดียวดายได้กลายเป็นสถานที่แห่งความหวังของมนุษยชาติ
จากข่าวที่แพร่ออกไป ทำให้มีผู้คนมากมายเข้าสู่แคว้นเดียวดายเพื่อขอลี้ภัย
ห้าเมืองหลักตอนนี้ตกอยู่ในมือมังกรคราม และผลการแบ่งเมืองได้ข้อสรุปดังนี้
ฉูเทียนหัว จ้าวหมิงถูกส่งไปยังเมืองพายุระห่ำ ทั้งสองรับหน้าที่ชั่วคราวในฐานะขุนนางใหญ่และรองขุนนางใหญ่แห่งเมืองพายุระห่ำ ส่วนเพลิงสีชาดรับตำแหน่งขุนนางใหญ่เมืองเพลิงทมิฬ
ดาบพิษรับหน้าที่เป็นขุนนางใหญ่แห่งเมืองพันหนองน้ำ
ในบรรดาเมืองหลักทั้งสาม เมืองพายุระห่ำพิเศษที่สุด
เมืองนี้เดิมเป็นเมืองของปีศาจศิลา และมันตั้งอยู่ทางตะวันตกของแคว้นเดียวดาย นั่นหมายความว่าหากกองทัพราชามังกรบุกแคว้นเดียวดาย เมืองพายุระห่ำคือจุดแรกที่จะถูกโจมตี ความสำคัญของมันเทียบได้กับป้อมปราการของแคว้นเดียวดาย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ต้องรีบทำให้สงบโดยเร็วที่สุด
ด้วยเหตุนี้
ฮังอวี่จึงตัดสินใจส่งทั้งมือซ้ายและมือขวาของเขาไปพร้อมกัน ให้ฉูและจ้าวรับหน้าเป็นขุนนางใหญ่ ทางหนึ่งเพื่อควบคุมเมืองพายุระห่ำอย่างแน่นหนา และฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยโดยเร็ว จัดการไม่ให้พวกขุนนางเล็กอาละวาด
อีกทางหนึ่งมอบทรัพยากรจำนวนมากให้ เพื่อสร้างสมุนทหารและฝึกฝนพวกเขา
เตรียมพร้อมรบให้ดีที่สุด
เมืองพันหนองน้ำและเมืองเพลิงทมิฬย่อมไม่ถูกทำลายในช่วงสั้นๆ แต่ในดินแดนของเมืองหลักมีเมืองรองหลายสิบเมือง มีศักยภาพสูงในการทำสงคราม ดังนั้นสามารถเกณฑ์ทหารและเตรียมเสบียงไปช่วยแนวหน้าได้
และแน่นอน ว่าข่าวการแปรพักตร์ของนาเซอร์ หลังจากนี้แคว้นเดียวดายเท่ากับหลุดจากการควบคุมของราชามังกรอย่างสมบูรณ์
ราชามังกรคงโกรธแทบบ้า และต้องออกหน้าลงมือด้วยตัวเอง
และถ้าเป้นแบบนั้น ต่อให้ฮังอวี่ เพลิงสีชาด นาเซอร์จะร่วมมือกันก็ยังไม่แกร่งพอเท่ากับครึ่งหนึ่งของราชามังกร
อีกทั้งราชามังกรยังมียอดฝีมือมากมายใต้บังคับบัญชา และผู้ครองแคว้นอีก 8 แห่ง
เป็นกองทัพที่ทรงพลังมาก!
ความขัดแย้งเพิ่งเริ่มต้นขึ้น!
ถึงตอนนี้ ฮังอวี่ได้อัพเลเวลสกิลของปีศาจคลั่งจนเต็มแล้ว ในที่สุดเขาสามารถสืบทอดมรดกขั้น 4 อาชีพที่สองได้ตามต้องการ
[ปีศาจคลั่งอาบโลหิต] มรดกขั้น 4 , พละกำลัง +30 , ว่องไว +15 , ร่างกาย +15 , ค่าพลังชีวิต +50 , ค่าพลังจิต +50 , พลังโจมตี +30 , ได้รับร่างใหม่ ‘แปลงโลหิต’
ค่าคุณสมบัติเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ฐานค่าคุณสมบัติของฮังอวี่ขี้โกงกว่าเดิม
ตอนนี้ต่อให้ไม่ใส่อุปกรณ์ ฐานพลังชีวิตของเขาก็เกิน 500 แล้ว เมื่อสวมอุปกรณ์อาจเกิน 800 และถ้าได้บัฟเสริมอาจพุ่งสูงถึง 1500 หน่วย!
น่าสะพรึงมาก!
ฐานค่าพลังจิตของฮังอวี่ก็ดีมากเช่นกัน หากไม่ใส่อุปกรณ์ ก็มากเกือบ 400 สำหรับอาชีพนักรบ เป็นตัวเลขที่น่าประทับใจมาก!
ส่วน ‘แปลงโลหิต’ พูดง่ายๆคือการเปลี่ยนร่างเนื้อให้กลายเป็นละอองเลือด สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีบางอย่างหรือกลบจุดอ่อนได้
นอกจากนี้ยังสามารถซ่อมแซมส่วนที่เสียหายของร่างกายได้อย่างรวดเร็ว มีประโยชน์ในการต่อสู้จริงมาก
“ฮ่ง เจ้านาย นาเซอร์มาหา!”
ฮังอวี่เดินไปที่ห้องนั่งเล่นพร้อมกับเจ้าหมา
นาเซอร์มองฮังอวี่ เพียงไม่กี่วันที่ไม่ได้เจอกัน กลิ่นอายของฮังอวี่แข็งแกร่งขึ้น
อีกทั้งยังมีละอองเลือดปกคลุมอยู่รอบตัวเขา ดูเหมือนสามารถสืบทอดมรดกขั้น 4 ใหม่ได้อีกแล้ว
ความเร็วในการพัฒนาของชายผู้นี้ ...
ฮังอวี่เอ่ยถาม “ไม่ทราบท่านผู้ครองแคว้นมีเรื่องอะไร?”
“แคว้นเดียวดายถูกรวมเป็นหนึ่งแล้ว ตอนนี้ภายในไม่น่าจะมีเรื่องเดือดร้อนใดๆ ดังนั้นควรเริ่มพิจารณาถึงภัยจากภายนอก” นาเซอร์กล่าว “ด้วยพลังรบของกองทัพเราในตอนนี้ ถ้าราชามังกรคลั่งโจมตีด้วยตัวเอง ยังไม่อาจต่อต้านได้”
ฮังอวี่ขมวดคิ้วและพูดว่า “แต่ในเมื่อคุณมาหาผมถึงที่ แสดงว่ามีวิธีรับมือเรื่องนี้แล้วถูกไหม?”
“ถูกต้อง!” นาเซอร์พยักหน้า “ข้ามีวิธี!”