Ep.486 - แคว้นเดียวดายได้เปลี่ยนไป
1/3
Ep.486 - แคว้นเดียวดายได้เปลี่ยนไป
สามขุนนางใหญ่ล่วงลับ
กองทัพพันธมิตรเสียเสาหลัก
กองทัพธารทะเลทรายอยู่ด้านหน้า กองทัพฟ้าเดียวดายอยู่ด้านหลัง ภายใต้การปิดล้อมโจมตีจากทั้งสองด้าน ไม่ช้าพวกมันก็พ่ายแพ้
ในที่สุดกองทัพพันธมิตรกว่าครึ่งถูกกำจัด ส่วนที่เหลือไม่มีทางเลือก เมื่อเห็นยอดฝีมือที่เป็นผู้นำคุกเข่าลง ทั้งหมดก็เลือกยอมจำนนเพื่อรักษาชีวิตตัวเอง
สงครามใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้น
กระบวนการจบลงเร็วมาก เร็วจนทุกคนไม่ทันตั้งตัว
“นี่พวกเราชนะงั้นหรือ?”
“ไม่อยากจะเชื่อเลย”
“เมืองฟ้าเดียวดายอยู่ข้างเรา? ใครก็ได้บอกฉันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น!”
ความแตกตื่นและงุนงง ติดอยู่ในใจของทุกคน
ฮังอวี่ขุนนางเมืองธารทะเลทรายและผู้นำสูงสุดของมังกรครามอัพเลเวล 16
ฉูเทียนหัว จ้าวหมิง และคนอื่นๆ ได้รับแต้มวิญญาณเพิ่มขึ้นมากในสงครามนี้ สามารถอัพเลเวล 15 ได้สำเร็จ
ทีมหลักของเผ่ามนุษย์ได้พัฒนาไปอีกขั้น!
นอกเหนือไปจากนี้ การต่อสู้ครั้งนี้สังหารขุนนางใหญ่สามตนไปพร้อมๆกัน และยังสังหารยอดฝีมืออีกนับสิบจากทั่วแคว้นเดียวดาย ไหนจะสมุนทหารอีกนับหมื่น ปริมาณสินสงครามที่ได้รับ เกรงว่าเป็นจำนวนที่เกินจินตนาการ
ระหว่างที่กำลังนับสินสงคราม
ฮังอวี่เปลี่ยนมาสวมเสื้อคลุมสีแดงเข้มที่ทอรัศมีพลังงานวิญญาณสีม่วง
แรงกดดันจากทั้งคนทั้งร่างเพิ่มขึ้นสามส่วน ทำให้ทุกคนที่อยู่ใกล้เขารู้สึกกดดันอย่างมาก
กระทั่งนาเซอร์ เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ยังรู้สึกใจสั่นเล็กน้อย
นาเซอร์รู้ได้ทันที ว่าตอนนี้ ต่อให้เป็นเขา ก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะฮังอวี่ได้
ในบรรดาผู้ครองแคว้นทั้งเก้า นาเซอร์คือหนึ่งในผู้แข็งแกร่งอันดับต้นๆแน่นอน หากทั้งสองงัดกัน กลัวว่าผลลัพธ์จะใกล้เคียง 50-50
พูดถึงเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้พลังรบของฮังอวี่และผู้ครองแคว้นยังมีช่องว่างความห่างชั้นอยู่บ้าง แต่พอเขาอัพเลเวล 16 ได้สวมเสื้อคลุมม่วงใหม่ ช่องว่างนั้นก็แคบลง
แต่ในส่วนของเรื่องนี้ นาเซอร์ไม่ได้เก็บมาคิดระแวง ตรงกันข้าม เขารู้สึกพอใจมาก
ยิ่งศักยภาพของเผ่าพันธุ์มนุษย์แข็งแกร่งขึ้น สงครามในครั้งต่อๆไปก็ยิ่งมีความหวัง
มนุษย์ยังเหลือพื้นที่ให้เติบโตอีกมาก พวกเขายังพัฒนาได้อีกเยอะในอนาคต
ฮังอวี่กล่าวว่า “ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ”
นาเซอร์เอ่ยอย่างสงบ “ช่วยเหลือพันธมิตร ก็เหมือนช่วยเหลือตนเอง ข้าหวังว่าเจ้าจะรักษาสัญญา หลังจบสงครามนี้ ความลับของแคว้นเดียวดาย ไม่อาจปิดซ่อนอีกต่อไป เจ้าคงพอเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
ฮังอวี่ยิ้ม
ทั้งคู่ไม่พูดอะไร
ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในวันนี้ไม่นับเป็นสิ่งใดเลย ภายใต้การร่วมมือกับของเมืองธารทะเลทรายและเมืองฟ้าเดียวดาย การคว้าชัยชนะแทบเป็นบทสรุปที่แน่นอน
แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากนี้ไปต่างหาก มันไม่อาจคาดเดาได้และเต็มไปด้วยตัวแปรมากมาย!
เผ่าพันธุ์มนุษย์, พันธมิตรหนามทมิฬ, แคว้นเดียวดาย และเหล่าผู้แข็งแกร่งจะเปิดศึกครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเป็นร้อยปี สงครามนี้จะส่งผลต่ออนาคตของอาณาจักรมังกรโลกา
หนทางข้างหน้าช่างยากเย็น
แต่ไม่มีทางเลือก
ฉูเทียนหัว จ้าวหมิง เจียงหนาน และสมาชิกอาวุโสคนอื่นๆของมังกรคราม ขณะนี้ทุกคนได้กระจายข่าวให้แก่คนอื่นๆแล้ว
ถึงจุดนี้ทุกคนค่อยกระจ่าง ปรากฏว่าผู้ครองแคว้นที่ประกาศปิดล้อมเมืองธารทะเลทราย ที่แท้ยืนอยู่ข้างพวกเขามาตั้งแต่แรก
นาเซอร์ไม่ได้คิดทำลายเมืองธารทะเลทราย ที่เขาเรียกขุนนางใหญ่ทั้งสามมา ก็เพื่อล่อพวกมันเข้าสู่กับดัก และทำการกวาดล้างในคราเดียว นี่คือเหตุผลที่นาเซอร์นำทัพด้วยตัวเอง
หลังการต่อสู้ครั้งนี้ แดนตะวันออก ตะวันตก และใต้ เมืองหลักทั้งสามแห่งในแคว้นเดียวดายถือว่าพร้อมถูกยึดทุกเมื่อ
และยังจำได้ไหมว่าก่อนยกทัพมาตีเมืองธารทะเลทราย รองขุนนางดาบพิษได้เดินทางไปยังเมืองขุนเขาไฟ เข้าร่วมกับกองทหารของเพลิงสีชาด เพื่อโจมตีเมืองพายุระห่ำและเมืองเพลิงทมิฬซึ่งอยู่ไม่ไกล
เวลาเป็นสิ่งมีค่า
ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกล่าวประกาศชัยชนะ
ทุกคนยุ่งจนเท้าแทบไม่ติดพื้น
ต่อไปคือการต่อสู้เพื่อช่วงขยายผลประโยชน์
นาเซอร์เรียกระดมพลอย่างเร่งด่วน ไม่ยอมหยุดพักผ่อน มุ่งหน้าโจมตีแดนตะวันออก ปราบเมืองพันหนองน้ำ
สงครามขยายผลกินเวลาสามสี่วัน
และภายในสี่วันสั้นๆ แคว้นเดียวดายก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
ไม่ว่าจะเป็นชัยชนะจากการปิดล้อมในสมรภูมิทะเลทรายมรณะ หรือชัยชนะของเพลิงสีชาด ดาบพิษ และนาเซอร์ที่ยึดสามเมืองหลักได้ติดต่อกัน นำมาซึ่งการปล้นสะดมและสินสงครามจำนวนมหาศาล
และผลประโยชน์นับไม่ถ้วนในครั้งนี้ เมืองธารทะเลทรายกับเมืองฟ้าเดียวดายแบ่งกันคนละครึ่ง
แม้เมืองฟ้าเดียวดายคือขุมกำลังที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นเดียวดาย และกองทัพของพวกเขาคือกุญแจที่ขาดไม่ได้ในการชนะสงครามครั้งนี้ แต่นาเซอร์ก็ยังให้ความเคารพต่อฮังอวี่ ยินดีแบ่งสินสงครามครึ่งหนึ่งแก่เมืองธารทะเลทราย
ด้านฮังอวี่ สมบัตครึ่งหนึ่งที่ได้ เขาเอาไปแจกจ่ายให้กับทีมอื่นที่ไม่ใช่มังกรคราม
มอบผลประโยชน์อันน่าอัศจรรย์ให้แก่ทุกคนที่เข้าร่วมสงคราม
จ้าวหมิงกับหวังเอ๋อรายงานแก่ฮังอวี่เรื่องสถานการณ์สินค้าคงคลังของเมืองธารทะเลทราย “ไม่นับวัตถุดิบสำหรับการผลิต ครั้งนี้มีไอเท็มสีม่วง 2 ชิ้น สีฟ้า 507 ชิ้น ไอเท็มสีเขียว 4812 ชิ้น .... และหินคริสตัลที่ได้ ตีเป็นมูลค่ารวมประมาณ 110000 หินคริสตัลฟ้า”
หักความเสียหายที่เกิดจากสงคราม ค่าใช้จ่าย และกระจายรางวัล
ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นที่สินค้าที่เก็บเข้าคลัง เป็นทรัพย์สินขององค์กรมังกรคราม
ฮังอวี่ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับหนึ่ง และผู้นำองค์กรมังกรคราม เขามีสิทธิโดยสมบูรณ์ในการใช้งานสิ่งของเหล่านี้
ผลกำไรมหาศาลเช่นนี้ แม้แต่ฮังอวี่ก็ยังประหลาดใจ
นอกจากนี้หากนำวัสดุมากมายเหล่านี้เข้ามาอัดฉีด การฝึกฝนกองทัพทหารเมืองธารทะเลทรายคงรุดหน้าไปมาก
ฮังอวี่ตรวจสอบสินสงครามเพื่อดูว่ามีอะไรที่เขาพอนำออกมาใช้งานได้
สิ่งแรกที่เขาตรวจสอบคือไอเท็มสีม่วงทั้งสองชิ้น
[หนังสือแสงศักดิ์สิทธิ์] ไอเท็มเฉพาะเลเวล 15 , สีม่วงคุณภาพต่ำ , ศักดิ์สิทธิ์ +40 , เจตจำนง +20 , อัตราการสิ้นเปลืองของสกิลนักบวชลดลง -20% , คูลดาวน์ของสกิลนักบวชลดลง -20%
[โล่ยักษ์โบราณสภาพเสียหาย] อุปกรณ์เลเวล 15 , สีม่วงคุณภาพต่ำ , เนื่องจากได้รับความเสียหาย ข้อมูลโบนัสคุณสมบัติจึงถูกซ่อนไว้
อย่างแรกเป็นไอเท็มเฉพาะ สามารถพกไว้กับตัวยามออกศึก มันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้มาก และมันไม่ใช่อุปกรณ์สวมใส่
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นของนักบวช ดังนั้นฮังอวี่มอบมันแก่เจียงหนาน
เจียงหนานมีความสุขมาก เธอไม่เคยนึกฝันเลย ว่าจะได้มีไอเท็มสีม่วงใช้เป็นของตัวเอง
และเมื่อเห็นโบนัสคุณสมบัติของเจ้าสิ่งนี้ เธอก็กอดมันทันทีเหมือนสมบัติล้ำค่า
ชิ้นต่อมาคือโล่ยักษ์สภาพเสียหาย มันน่าจะเก็บไว้นานหลายปีแล้ว แต่หาช่างซ่อมไม่ได้ ดังนั้นเลยไม่เคยได้ถูกใช้งาน
ฮังอวี่ตั้งใจจะนำไปมอบให้ทาเซียและขอเธอซ่อมแซมมันโดยเร็วที่สุด
แต่สำหรับฮังอวี่ โล่ยักษ์ไม่ค่อยมีประโยชน์กับเขานัก
ฉะนั้นพวกคุณไม่ต้องเดา โล่นี่ย่อมมอบแก่จ้าวหมิงแน่นอน
เหล่าจ้าวคือมหาเทพผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกัน หากเขามีโล่ยักษ์สีม่วง อาจกลายเป็นคนเหล็กไปเลยก็ได้
ถึงตอนนั้น ต่อให้ฮังอวี่คิดทำลายการป้องกันของจ้าวหมิง เกรงว่าคงต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
นอกจากสองชิ้นนี้แล้ว
ฮังอวี่ยังพบของดีมากมายที่ไว้ใช้สำหรับตัวเอง ตัวอย่างเช่นหินสกิลก้อนหนึ่ง
[หินสกิลนักรบ : เสียงคำรามของปีศาจคลั่ง] ชิ้นส่วนมรดกของปีศาจคลั่งอาบโลหิต สีฟ้าคุณภาพสูง
ถูกต้อง!
นี่คือสกิลมรดกขั้นสี่ของปีศาจคลั่งอาบโลหิตอันสุดท้ายที่เขายังไม่ได้มาครอบครอง!
หากเรียนรู้มัน เท่ากับว่าฮังอวี่สามารถสืบทอดมรดกขั้น 4 อาชีพที่สองได้แล้ว!
ส่วนเอฟเฟกต์ของสกิลนี้ มันคือเทคนิคควบคุมของนักรบ ปลดปล่อยจิตคำราม โจมตีเป้าหมายโดยรอบ แม้ดาเมจอาจไม่รุนแรงนัก แต่สามารถสร้างอาการมึนงงหรือหมดสติได้
ฮังอวี่ไม่ขาดแคลนสกิลโจมตี ทว่าหากเป็นสกิลประเภทนี้ เขาต้องการอย่างมาก!