ตอนที่ 8-51 วอร์ตัน
‘เรดเฟลม’เมืองหลวงของจักรวรรดิโอเบรียน ในทั่วทวีปยูลาน บางทีมีแต่เมืองหลวงของจักรวรรดิยูลานจึงจะพอมีขนาดเทียบกับนครเรดเฟลมได้
ชื่อเมือง ‘เรดเฟลม’ เป็นเทพสงครามโอเบรียนเป็นผู้เลือกชื่อนี้เอง
นครหลวงเรดเฟลมมีประชาชนหลายล้านอาศัยอยู่ที่นี่
เนื่องจากเป็นเมืองหลวงที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกินห้าพันปี เรดเฟลมมีตระกูลเก่าแก่หลายตระกูล ในสถานที่อย่างนครหลวงเรดเฟลมแม้แต่ยอดฝีมือระดับเก้าก็ยังถือว่ามีอยู่ทั่วไป ไม่มีใครกล้าทำอะไรบุ่มบ่ามในนครหลวง เพราะมีตระกูลที่แข็งแกร่งทรงอำนาจมากมายอยู่ที่นี่
แต่แน่นอนว่าผู้มีอำนาจอันดับหนึ่งของนครหลวงเรดเฟลมก็คือวิทยาลัยเทพสงครามอย่างมิต้องสงสัย
แม้แต่ศิษย์ที่ได้รับการสั่งสอนส่วนตัวของเทพสงครามก็แทบไม่ได้ปรากฏหน้า แม้แต่ศิษย์กิตติมศักดิ์ที่อ่อนแอที่สุดอย่างน้อยก็เป็นนักสู้ระดับแปด ขณะที่ส่วนใหญ่เป็นนักสู้ระดับเก้า จากจุดนี้ทุกคนสามารถบอกได้ว่าวิทยาลัยเทพสงครามทรงพลังอย่างน่าประหลาดขนาดไหน และแน่นอนยังมีปรมาจารย์ของวิทยาลัยสงครามอีกด้วย นั่นคือเทพสงครามเอง
ต้องเข้าใจก่อนว่าจักรวรรดิโอเบรียนศาสนาอื่นทั้งหมดผิดกฎหมาย แม้แต่สามัญชนทั่วไปก็ยังสวดภาวนาถึงเทพสงคราม เทพสงครามกลายเป็นเป้าหมายความเชื่อของพวกเขา
จากตรงนี้ ทุกคนบอกได้ถึงความสำคัญของเทพสงครามว่าอยู่ในใจประชาชนทั่วไป
ทางด้านตะวันออกของนครหลวงเรดเฟลมเต็มไปด้วยราชวังและที่อยู่อาศัยชนชั้นสูงวังหลวงตั้งอยู่ภายในเมืองด้านตะวันออกเช่นกัน ภายในเรดเฟลมตะวันออกนี้มีถนนสายหนึ่งชื่อถนนโบลเดอร์ในแต่ละด้านของถนนโบลเดอร์จะมีคฤหาสน์ที่ก่อสร้างไว้อย่างประณีต คฤหาสน์เหล่านี้สร้างตามราชโองการของจักรพรรดิและพระราชทานเป็นรางวัลให้กับเหล่าขุนนางหรือข้าราชการที่กระทำความดีความชอบยิ่งใหญ่แก่จักรวรรดิ
หนึ่งในคฤหาสน์บนถนนโบลเดอร์ก็คือที่พักของดาวรุ่งดวงใหม่ที่สุดของจักรวรรดิเคานท์วอร์ตัน ยามร่างสูงใหญ่สองคนยืนเฝ้าประตูบ้านพักของเขาคนละด้านเอวของพวกเขาแข็งแรง และในตอนนี้ภายในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์มีคนอยู่สี่คน
ทั้งสี่คนกำลังยืนแต่หนึ่งในนั้นกำลังเดินไปมา พลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
ดูเหมือนเขาอายุเพียง21-22 ปีเท่านั้น เขาสวมชุดนักรบเรียบง่ายไม่มีแขนเสื้อเผยให้เห็นมัดกล้าม จมูกของเขาโด่งเป็นสัน คิ้วดำหนาหน้าเหลี่ยมทำให้เขาดูห้าวหาญและดุร้าย
แต่สิ่งที่น่าประหลาดเกี่ยวกับเขามากที่สุดก็คือร่างกายของเขา
เขามีส่วนสูงถึง 2.2เมตรอย่างน่าประหลาด มีไหล่หนากว้าง เอวคอดและสองขาแน่นแข็งแรง
“แค่จากลักษณะวอร์ตันดูเหมือนจะประหลาดมากกว่าลินลี่ย์เสียอีก” ฮิลแมนพูดกับตนเอง
เทียบกับวอร์ตันลินลี่ย์ยังสงวนท่าทีและเข้าใจได้มากกว่า
“คุณชายวอร์ตัน ท่านยังกังวลเรื่ององค์หญิงเจ็ดอีกหรือ?” พ่อบ้านแอชลี่ย์ผู้มีจมูกแดงเพราะดื่มไวน์หัวเราะหึหึ วอร์ตันหันมามองเขาอย่างจนใจ “ปู่แอชลี่ย์ ปู่ก็รู้นี่คนพวกนั้นตามติดพันนีน่า”
บุรุษหนุ่มอีกคนในกลุ่มคนทั้งสี่หัวเราะ “คุณชายวอร์ตัน ทำไมคนที่กล้าหาญและตรงไปตรงมาอย่างตัวท่านถึงได้พิรี้พิไรและกระวนกระวายใจได้เล่าในเมื่อพูดถึงเรื่องความรัก? ทำไมท่านไม่ไปกับนาง ไปพบพระราชบิดาของนาง? นั่นง่ายไม่ใช่หรือ?”
“แค่ไปบอกตรงๆ น่ะหรือ?” วอร์ตันเลิกคิ้ว
ฮิลแมนสนับสนุนเช่นกัน “เนเดอร์พูดถูก เจ้าเป็นนักรบระดับแปดแล้วและเป็นเชื้อสายของตระกูลนักรบเลือดมังกร องค์จักรพรรดิรู้อย่างแน่นอนว่าสำหรับเชื้อสายของตระกูลนักรบเลือดมังกรเมื่อบรรลุระดับแปดก็หมายความว่าเขาสามารถฝึกปราณยุทธเลือดมังกรและมีความสามารถในการแปลงร่างได้”
เท่าที่ฮิลแมนเห็นสำหรับใครบางคนที่จะถึงระดับแปดโดยไม่ได้ฝึกปราณยุทธย่อมเป็นไปไม่ได้เลย
แต่ฮิลแมนไม่รู้ว่าตอนนี้ข้างตัวลินลี่ย์ยังมีห้าพี่น้องที่ถึงความเป็นนักรบระดับแปดได้โดยฝึกแต่พลังภายนอกล้วนๆ
“วอร์ตัน ในฐานะนักรบเลือดมังกรเจ้ามีคุณสมบัติเหมาะสมคู่ควรกับองค์หญิงเจ็ด ข้าเชื่อว่าองค์จักรพรรดิจะทรงเห็นด้วย” พ่อบ้านแอชลีย์หัวเราะขณะกล่าว “แต่ควรจะจูงมือนางไปด้วย ข้าคิดว่าอาจจะดีกว่าถ้าเจ้าให้องค์หญิงเจ็ดทูลบอกฝ่าบาทก่อน นั่นน่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่า”
พ่อบ้านแอชลีย์และฮิลแมนชำเลืองมองกันเองจากนั้นทั้งสองก็เริ่มหัวเราะ
ช่วงปีหรือสองปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างวอร์ตันและองค์หญิงเจ็ดแห่งจักรวรรดิค่อนข้างจะเป็นที่รู้กันทั่วนครหลวง ขุนนางหนุ่มอื่นๆ ที่อยู่ในนครหลวงก็ไม่ยอมแพ้ นอกจากนี้ยังมีอีกสองคนในนั้นที่แข่งขันกันมาก
“ตอนนี้พอแค่นั้นก่อน” วอร์ตันส่ายศีรษะ
เขาเชื่อใจองค์หญิงเจ็ด องค์หญิงเจ็ดบอกเขามานานแล้วว่านอกจากเขาแล้ว นางจะไม่แต่งงานกับใครอื่น แต่วอร์ตันรู้ว่าการแต่งงานขององค์หญิงของจักรวรรดิ์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเฉพาะตัวนางเอง นอกจากนี้ วอร์ตันไม่ต้องการให้องค์เจ็ดผิดหวังและไร้ความสุขเกินไป ถ้าสามารถแต่งงานกับนางได้อย่างเปิดเผย นั่นจะเป็นเรื่องดีที่สุด
“โอว จริงสิ ปู่แอชลี่ย์ มีข่าวคราวพี่ข้าบ้างไหม?” วอร์ตันถาม
พ่อบ้านแอชลี่ย์พยักหน้า “หอการค้าดอว์สันแจ้งมาว่าพี่ชายของเจ้ายังคงอยู่ในที่ลับและฝึกฝนอย่างต่อเนื่องไม่มีข่าวอะไรใหม่”
“พี่ใหญ่ฝึกหนักเหมือนเคย” ในใจของเขา วอร์ตันนับถือยกย่องลินลี่ย์มาก
แบกภาระรับผิดชอบตระกูลนักรบเลือดมังกรหลายอย่างเช่นการสืบทอดมรดกตระกูลบรรพบุรุษหรือล้างแค้นให้บิดามารดาที่ตายไปเป็นลินลี่ย์ที่แบกรับไว้เพียงลำพัง ขณะที่เขาได้แต่รั้งอยู่ที่นี่ในนครหลวงและฝึกฝนเงียบๆ
แม้จะอยู่ไกลลินลี่ย์ก็ยังคงปกป้องคุ้มลมคุ้มฝนให้เขา
“พี่ใหญ่...” วอร์ตันยังจำได้เมื่อคราวยังเป็นเด็กเมื่อนักสู้ชั้นเซียนสองคนกำลังสู้กันนอกเมืองอู่ซันก้อนหินลูกมหึมาร่วงลงมาจากท้องฟ้ามากมายพี่ชายของเขาไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเองเอาตัวเองปกป้องวอร์ตันไว้
วอร์ตันจำได้ชัดถึงห้วงเวลาอันตรายนั้น...
“หมอบลง!” ลินลี่ย์ตะโกนบอกวอร์ตันอย่างโกรธเกรี้ยวขณะที่พุ่งมาหาเขาโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเอง ลินลี่ย์ใช้ร่างที่อ่อนแอเปราะบางของตนเองบังตัววอร์ตันไว้
หลังจากออกจากบ้านตอนอายุหกปีวอร์ตันอายุยี่สิบสองปีแล้ว อีกหนึ่งเดือนเขาจะอายุยี่สิบสาม
เกือบสิบเจ็ดปีแล้ว
เขาไม่ได้พบเห็นพี่ชายของเขามาสิบเจ็ดปีแล้ว
“คุณชายวอร์ตันไม่ต้องห่วงมากเกินไป คุณชายลินลี่ย์จะมาพบท่านทันทีที่เขาฝึกฝนสำเร็จระดับหนึ่งเป็นแน่ ที่สำคัญคือเขารู้ว่าท่านอยู่ที่ไหนอยู่แล้ว” พ่อบ้านแอชลี่ย์พูดปลอบโยน
วอร์ตันพยักหน้าจากนั้นหัวเราะให้ตนเอง “เมื่อพี่ใหญ่พบข้า ข้าสงสัยจริงว่าเขายังจะจำข้าได้ไหม”
“เด็กหกขวบก็เปลี่ยนไปมากอยู่นะ ฮ่าฮ่า.. มันก็จริงนะที่พี่ชายท่านอาจจำท่านไม่ได้” ฮิลแมนเริ่มหัวเราะ
เนเดอร์พยักหน้าเช่นกัน“เมื่อตอนข้าออกจากสหภาพศักดิ์สิทธิ์มาพร้อมกับพ่อตอนแรกข้ายังจำท่านไม่ได้ด้วยซ้ำ คุณชายวอร์ตัน ต่อเมื่อหลังจากข้าได้เห็นพ่อบ้านแอชลี่ย์ข้าถึงได้รู้ว่าเด็กตัวโตที่สูงกว่าข้าความจริงก็คือเด็กน้อยที่ข้าเคยรู้จัก”
“เนเดอร์, แสบนักนะเจ้า” วอร์ตันจ้องมองเขา
เนเดอร์คือบุตรของฮิลแมนเนเดอร์ไม่ค่อยมีพรสวรรค์นักรบมากนัก แม้เขาจะอายุยี่สิบห้าปีแล้ว เนเดอร์ก็ยังเป็นนักรบระดับสี่ แต่เนเดอร์เป็นคนระมัดระวังรอบคอบมากและทำงานร่วมกับฮิลแมนบิดาของเขาเขาจะจัดการดูแลงานของยามทั้งหมดในคฤหาสน์
“โอว..สายแล้ว” วอร์ตันคว้านาฬิกาพกมาดู “ปู่แอชลี่ย์,ลุงฮิลแมน ข้าไปก่อนนะ”
“เขาต้องไปพบกับองค์หญิงเจ็ดอีกครั้ง” เนเดอร์หัวเราะคิกคักทำหน้าทะเล้นล้อเขา
วอร์ตันหัวเราะอย่างมั่นใจให้เนเดอร์ “เรื่องธรรมดา เจ้าจะอิจฉาทำไมกัน?”ขณะที่เขาพูดวอร์ตันหัวเราะแล้วเดินออกจากคฤหาสน์
พ่อบ้านแอชลี่ย์มองดูวอร์ตันเดินออกไปเขารู้สึกตื่นเต้นมาก
“ตอนที่เรามาถึงคุณชายวอร์ตันยังเป็นแค่เด็กตัวน้อยคนหนึ่ง แต่บัดนี้ เขาเติบโตแล้ว ข้าทำงานที่ใต้เท้าฮ็อกมอบหมายให้ข้าสำเร็จแล้ว” เมื่อเขาคิดถึงฮ็อก แอชลี่ย์อดถอนหายใจไม่ได้
“ตระกูลบาลุคซบเซามาหลายปีแล้วบัดนี้จะเริ่มฟื้นขึ้นได้ในที่สุด ในอีกสิบปีข้างหน้ามีแนวโน้มว่าทั่วทั้งทวีปยูลานจะเต็มไปด้วยผู้คนกล่าวขวัญถึงนักรบเลือดมังกรในตำนาน” ฮิลแมนพูดอย่างมั่นใจ
วอร์ตันสะพายดาบศึกประหารปรปักษ์ขี่เสือเขี้ยวดาบไปบนถนน เสือเขี้ยวดาบเป็นอสูรเวทระดับแปดดังนั้นราศีของพวกมันจึงทำให้อสูรเวทธรรมดาต้องหลีกห่างจากมัน นอกจากนี้วอร์ตันยังมีรูปร่างที่ใหญ่โตบึกบึนพวกเขาสร้างภาพที่น่าเกรงขามด้วยกันจึงทำให้ทุกคนที่เห็นเขารู้สึกกลัว
ดังนั้นคนเดินเท้าที่อยู่บนถนนจึงหลีกทางให้เขาทุกคน
“นั่นคือวอร์ตันนักเรียนอัจฉริยะของสถาบันโอเบรียน ดูสิ เขากำลังขับขี่อสูรเวทระดับแปด”
“เสือเขี้ยวดาบ ช่างดุร้ายจริง! ถ้าข้ามีอสูรเวทเป็นของตัวเองนั่นจะดูยิ่งใหญ่เพียงไหน”
หลายๆคนบนถนนคุยกันเรื่องวอร์ตัน ขณะที่เขาผ่านไปในอดีตเมื่อลินลี่ย์เห็นมังกรลมกรดเป็นครั้งแรก เขาก็ใฝ่ฝันเช่นกันว่าจะมีอสูรเวทที่แข็งแกร่งอย่างมังกรลมกรดเป็นเพื่อนสักตัว ในสายตาของเด็กๆ หลายคนวอร์ตันนับเป็นแบบอย่างของพวกเขา
เสือเขี้ยวดาบว่องไวมากแม้เวลาที่เดินทางไปบนถนน มันก็ยังเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างแคล่วคล่องว่องไว
“ถึงแล้ว” วอร์ตันเห็นโรงแรมที่โดดเด่นสง่างามอยู่ห่างออกไป นี่คือจุดนัดพบของเขากับองค์หญิงเจ็ด พนักงานต้อนรับของโรงแรมจำวอร์ตันได้เช่นกันและเปิดประตูต้อนรับให้วอร์ตันเข้าไปทันที
วอร์ตันมีเสือเขี้ยวดาบเดินตามอยู่ด้านหลังของเขาขณะที่เขาเข้าไปในโรงแรม
วอร์ตันมองไปรอบๆโรงแรม ในที่สุดก็เห็นคนที่เขาห่วงใยที่สุด เขาร้องเรียกด้วยความดีใจทันที “นีน่า” แต่ในทันใดนั้น วอร์ตันต้องขมวดคิ้วทันทีเพราะเขาพบกับคนที่ทำให้เขาหงุดหงิดอีกครั้ง
“วอร์ตัน”
นีน่ามีผมสีทองและใบหน้าที่ขาวซีดของนางยังคงมีเสน่ห์เหมือนเดิม นัยน์ตาเป็นประกายสุกใสไม่มีร่องรอยตำหนิแม้แต่น้อย
นีน่าวิ่งเข้ามาหาวอร์ตันอย่างดีใจขณะที่วอร์ตันสาวเท้ายาวและฉวยมือนีน่า
“คนผู้นั้นกวนใจข้าอีกแล้ว” นีน่ากระซิบบอกวอร์ตัน
วอร์ตันชำเลืองมองบุรุษที่อยู่ห่างออกไปและพูดเบาๆ “นีน่า อย่าไปสนใจเจ้านั่นเลย” แต่ในทันทีนั้น บุรุษหนุ่มรูปงามก็เดินเข้ามาหา เขาหัวเราะอย่างใจเย็นพลางกล่าว “วอร์ตัน,ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกับเจ้าที่นี่ ทำไมเจ้ามักจะปรากฏตัวในที่ๆ มีนีน่าอยู่เสมอได้นะ?”
“หุบปากเจ้าเลย ลามอนต์” วอร์ตันหงุดหงิด “จำเอาไว้ ชื่อของนีน่าไม่ใช่ให้เจ้าเรียกได้ตามชอบใจ คำถามที่เจ้าถามข้า ข้าจะย้อนถามเจ้าบ้างทำไมเจ้ามักจะโผล่อยู่ในที่ๆ มีนีน่าอยู่เรื่อย?”
ลามอนต์ชำเลืองมองวอร์ตัน หน้าของเขาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
แม้ว่าโดยผิวเผินเขาจะดูเหมือนไม่ใส่ใจมากนัก แต่ในใจแล้วลามอนต์ไม่ชอบวอร์ตันผู้นี้ ที่สำคัญคือเป็นวอร์ตันที่แย่งนีน่าไปจากเขา
“โอว, เสือเขี้ยวดาบ”ลามอนต์มองดูเสือเขี้ยวดาบของวอร์ตัน เขาหัวเราะและกล่าว “วอร์ตัน, สนใจจะให้พยัคฆ์มัสตีฟตาฟ้าสู้กับเสือเขี้ยวดาบของเจ้าบ้างไหม?ข้าพนันว่าพยัคฆ์มัสตีฟของข้าชนะได้แน่นอน”
พยัคฆ์มัสตีฟตาฟ้าและเสือเขี้ยวดาบเป็นอสูรเวทระดับแปดทั้งคู่
อย่างไรก็ตามมีความแตกต่างเรื่องพลังในบรรดาอสูรเวทระดับแปดเช่นกันตัวอย่างเช่น มัสตีฟขนทองและพยัคฆ์มัสตีฟตาฟ้านับได้ว่าเป็นหนึ่งในยอดอสูรเวทระดับแปด พยัคฆ์มัสตีฟตาฟ้าจะมีอิทธิพลต่ออสูรเวทประเภทเสือได้โดยเฉพาะ
“ไม่สนใจ” วอร์ตันบอกปัดข้อเสนออย่างไม่สนใจไยดี เขามองลามอนต์อย่างเย็นชา “ลามอนต์ ถ้าเจ้าต้องการแข่งขันจริงๆ ข้าจะไม่ปฏิเสธซ้อมมือกับเจ้า ในฐานะที่มีอสูรเวทด้วยกัน เอาไหมหือ?”
“แข่งกันระหว่างลูกผู้ชาย?”
ลามอนต์หัวเราะจากนั้นไม่พูดอะไรต่อไป
ลามอนต์เป็นศิษย์กิตติมศักดิ์ของวิทยาลัยเทพสงคราม และเขาเป็นนักรบระดับเก้าแล้วเขาย่อมมีดีพอให้หยิ่งแน่นอน แต่ตอนนี้เกือบทั้งหมดของตระกูลเก่าแก่ในเมืองหลวงรู้ว่าวอร์ตันมาจากตระกูลบาลุคซึ่งก็คือตระกูลนักรบเลือดมังกรและวอร์ตันสามารถใช้ปราณยุทธได้
เชื้อสายของตระกูลนักรบเลือดมังกรที่สามารถใช้ปราณยุทธได้ย่อมสามารถแปลงเป็นมังกรได้เช่นกัน
ลามอนต์รู้ดีว่าแม้ลักษณะของวอร์ตันที่ปรากฏจะเป็นเพียงนักรบระดับแปดคนหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อเขาใช้ดาบศึกประหารปรปักษ์ที่มีความพิเศษเฉพาะตัวโจมตีเขาสามารถสู้ได้เสมอกับนักรบระดับเก้า แต่ทันทีที่วอร์ตันแปลงกาย ลามอนต์ไม่ใช่คู่ต่อสู้แม้แต่น้อย
“ไปกันเถอะ”เขาลูบศีรษะของพยัคฆ์มัสตีฟตาฟ้าของเขาอย่างนุ่มนวล ลามอนต์หัวเราะเบาๆ
และจากนั้นลามอนต์จากไปพร้อมกับอสูรเวทของเขาในลักษณะนั้น
นีน่ากับวอร์ตันตรงไปที่ห้องส่วนตัวบนชั้นสองของโรงแรม ขณะที่บ่าวหญิงของนีน่ารออยู่นอกห้อง
“คนตัวโต บอกข้ามาเราควรจะทำยังไงกับลามอนต์ผู้นั้น? เขาน่ารำคาญมาก” นีน่าคลอเคลียอยู่ในอ้อมแขนวอร์ตันถามเสียงนุ่ม
“คนตัวโต” นี่คือคำที่นีน่าใช้เรียกวอร์ตันเมื่อพบกันครั้งแรก เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาพบกันเป็นส่วนตัว นีน่าจะใช้คำนี้เรียกเขา
“เป็นความผิดของเจ้าเองที่เสน่ห์แรงนะนีน่า” วอร์ตันยิ้มขณะแตะจมูกนีน่า “ความจริงข้าไม่ค่อยห่วงเรื่องลามอนต์เท่าใดนักคนที่ข้ากังวลก็คือเคย์ลัน”
“พี่เคย์ลัน?” นีน่าพูดอย่างจำนน “ข้าเพียงคิดกับเขาเหมือนกับเป็นพี่ชาย แต่เขา...เฮ้อ..”
เคย์ลันอายุ 23 ปีแต่เป็นจอมเวทระดับเจ็ดแล้ว
มีนักรบระดับเจ็ดที่มีอายุยี่สิบสามปีอยู่น้อยคนนัก แต่นักเวทระดับเจ็ดอายุยี่สิบสามปียิ่งมีน้อยกว่า นอกจากนี้ เคย์ลันยังบรรลุเป็นจอมเวทระดับเจ็ดเมื่ออายุยี่สิบเอ็ดปี
ถ้าลินลี่ย์ไม่สลักงานประติมากรรม‘ตื่นจากฝัน’ ก็มีแนวโน้มว่าอาจทำให้เขาต้องใช้เวลาจนอายุยี่สิบปีจึงจะถึงระดับเจ็ดได้
ในนครหลวงเคย์ลันนับได้ว่าเป็นจอมเวทอัจฉริยะ เขาเป็นสหายกับนีน่ามาตั้งแต่เด็ก และที่สำคัญคือบิดาของเคย์ลันเป็นมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของจักรวรรดิ เป็นผู้ทรงอำนาจมากเคย์ลันเองก็เป็นคนดีคนหนึ่งเช่นกัน อาจกล่าวได้ว่าเขาแทบเป็นลูกผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ