ตอนที่แล้วตอนที่ 8-49 นักรบเลือดมังกรระดับเซียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8-51 วอร์ตัน

ตอนที่ 8-50  นัดหมาย


มุมมองที่แม็คเคนซีมีต่อลินลี่ย์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

“ฮ่าฮ่า...” หลังจากเงียบไปชั่วครู่  แม็คเคนซีหัวเราะลั่น  เขาลอยลงมาจากท้องฟ้า ค่อยๆเดินเข้าหาลินลี่ย์ อารมณ์ของเขาดูเป็นกันเองและเป็นมิตร “ลินลี่ย์, จอมเวทอัจฉริยะในตำนานเป็นอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับสองของประวัติศาสตร์  แต่ในความเห็นของข้า พรสวรรค์ด้านนักรบของเจ้ายิ่งใหญ่มากกว่าในฐานะจอมเวทเสียอีก  ยังอายุน้อยแท้ๆ ก็มีพลังระดับเซียนเสียแล้ว..นักรบเลือดมังกรนับว่าเป็นสุดยอดนักรบอย่างแท้จริง”

ลินลี่ย์มักภาคภูมิใจกับมรดกของตระกูลของเขาเสมอมา แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาคิดถึงสภาพที่ตระกูลของเขาถูกทำลายเหลือแต่ตัวเขากับน้องชายเขาอดรู้สึกเป็นทุกข์เศร้าใจมิได้

“ท่านแม็คเคนซี่ยังมีธุระอะไรอื่นอีกไหม?  ถ้าไม่มีข้าจะขอลากลับเดี๋ยวนี้”  ลินลี่ย์กล่าว

แม็คเคนซีรีบกล่าว  “สหายลินลี่ย์ นี่คือการพบกันครั้งแรกของเรา ทำไมเราไม่มาด้วยกันเล่า? ข้ายังสงสัยเรื่องราวของนักรบเลือดมังกรของเจ้าเหมือนกัน ถ้ามีเวลาพอข้าอยากจะซ้อมมือทดสอบฝีมือของเจ้าจริงๆ  ลินลี่ย์, ที่สำคัญการได้ซ้อมมือกับยอดฝีมือระดับเดียวกันเป็นวิธีดีที่สุดที่นักสู้ระดับเซียนคนหนึ่งจะสามารถก้าวหน้าได้”  ขณะที่พูดจบ แม็คเคนซี่มองลินลี่ย์อย่างมุ่งหวังจริงจัง

ซ้อมมือ?

แม็คเคนซีเป็นเจ้าถิ่นของมณฑลพายัพสามารถทำความเข้าใจกับแม็คเคนซีนับเป็นประโยชน์สำหรับเขา  นอกจากนี้คีนก็เป็นคนของมณฑลพายัพเช่นกัน  นี่ถือว่าเป็นการช่วยคีนอีกทางหนึ่ง

หลังจากคิดสักครู่ลินลี่ย์พยักหน้า  “แต่ข้ายังคงบาดเจ็บอยู่  ต่อให้ข้าไปยังที่พักของท่านข้าก็คงไม่สามารถซ้อมมือกับท่านได้ เอาอย่างนี้เป็นไง? ข้าจะขอกลับบ้านก่อน แต่หลังจากใช้เวลาระยะหนึ่ง ข้าจะกลับมาเยี่ยมท่าน  ใช้เวลาไม่นานนักหรอก ราวๆเดือนหนึ่งไม่เกินนั้น”

แม็คเคนซีผงกศีรษะดีใจ  “ดีมากอย่างนั้นข้าจะรอการมาถึงของเจ้าอยู่ที่ปราสาทตระกูลชาร์ค”

“ข้าจะไปแน่นอน”

ลินลี่ย์ยิ้มและพยักหน้า

หิมะเริ่มตกแล้วและเกล็ดหิมะปลิวไปทั่วบริเวณ แม็คเคนซีและลินลี่ย์นักสู้ระดับเซียนทั้งสองคนต่างคนต่างเหาะไปในทิศทางของตน

ในพื้นที่กว้างใหญ่เหลืออยู่แต่เพียงบีบีกับลินลี่ย์เท่านั้น

“หิมะในฤดูหนาว”  เมื่อเห็นหิมะตกจนสุดสายตา ทันใดนั้นลินลี่ย์หวนนึกถึงพายุหิมะครั้งใหญ่ในฤดูหนาวที่เขายังอายุน้อยและหลงรักอลิซ

ปีต่อมายังคงเป็นวันที่มีพายุหิมะลินลี่ย์กับอลิซเลิกคบกัน

และจากนั้นภายในเทือกเขาอสูรวิเศษในวันที่หิมะตกอีกวันหนึ่ง ลินลี่ย์สามารถเข้าถึงระดับ ‘กำหนด’ ได้

ตอนนี้พายุหิมะครั้งที่สี่แล้ว คืนนี้ลินลี่ย์บรรลุเป็นนักรบระดับเก้า ด้วยพลังแท้ๆของเขาตอนนี้อยู่ในขอบเขตชั้นเซียนแล้ว

“หิมะ...”

ลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้นมาก  แต่เมื่อเขาก้มหน้ามองดูสารรูปตัวเองรอยยิ้มของเขาหายไปทันที เขารำพึงอย่างประหลาดใจ“ข้าสนทนากับนักสู้ระดับเซียนอยู่นานด้วยสารรูปอย่างนี้หรือนี่?”

เพราะเขาแปลงร่างและสู้กับพวกเทวทูต  เสื้อผ้าของลินลี่ย์และกางเกงจึงขาดรุ่งริ่ง

สารรูปของเขาในตอนนี้  แม้แต่ขอทานก็คงรู้สึกสมเพชเขาเช่นกัน

อย่างไรก็ตามแม็คเคนซีไม่ได้สนใจเกี่ยวกับชุดของเขาเลยความจริงเมื่อนักสู้ระดับเซียนหลายคนกระตือรือร้นฝึกฝน  บางครั้งพวกเขาก็ฝึกครั้งละเป็นเดือนๆจึงเป็นธรรมดาที่ร่างของพวกเขาจะสกปรกอย่างมิน่าเชื่อ  ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนใจกับลักษณะภายนอกผิวเผินมากนัก  สิ่งที่พวกเขาสนใจก็คือสิ่งที่อยู่ในตัวพวกเขา

ตัวอย่างเช่นแม้ว่าเสื้อผ้าของลินลี่ย์จะมีสภาพรุ่งริ่งดูไม่ได้ ก็ไม่มีใครกล้ามองดูถูกเขาขณะที่เขายืนอยู่ตรงนั้น

นี่คือสง่าและราศีของคนผู้หนึ่ง

“พี่ใหญ่,ท่านบอกว่าท่านถึงระดับเซียนแล้วหรือ? แปลงร่างและให้ข้าชื่นชมความสง่างามของพี่ใหญ่ด้วย”  ตาน้อยๆของบีบีจ้องมองลินลี่ย์ขณะที่มันพูดประจบในใจ

ความรู้สึกตื่นเต้นท่วมท้นใจลินลี่ย์

ถือว่าเป็นความคิดที่ไม่เลวเลย

“ก็ได้” ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ บีบีกระโจนขึ้นไปอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์อีกครั้งหนึ่ง  เกล็ดดำเริ่มปกคลุมผิวลินลี่ย์อีกครั้งหนามแหลมงอกออกมาจากหน้าผาก เข่าและศอกขณะที่ตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีทองเข้ม

เขามองดูเหมือนกับแต่ก่อน

แต่ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ถึงความแตกต่าง

“วืดดด” ลินลี่ย์รู้สึกถึงพลังงานพิเศษที่แฝงของเลือดมังกรที่สูงส่งแฝงอยู่ในสายเลือดเริ่มไหลเวียนเข้าไปในกระดูกกล้ามเนื้อและแม้แต่เกราะ หนามและหางมังกรของเขา

เกล็ดที่สีดำสนิทแต่เดิมเริ่มเรืองแสงสีน้ำเงิน

“รู้สึกถึงพลังได้เลย”

ลินลี่ย์สามารถรู้สึกว่าการมองเห็นและการได้ยินของเขาเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นเป็นสิบๆเท่าทันที  ไม่มีอะไรในระยะหลายกิโลเมตรที่หลบการสังเกตของเขาไปได้

“ช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน  พลังปราณยุทธก็แข็งแกร่งด้วย”

ลินลี่ย์กำหมัดและอากาศรอบหมัดสั่นสะเทือนทันที พลังกล้ามเนื้อของเขาในตอนนี้มีพลังมากกว่าแต่ก่อนอย่างห่างไกลและปริมาณปราณยุทธในร่างก็เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย

“ฮ่าฮ่า...” ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะอย่างตื่นเต้น

ในเวลาดึกลินลี่ย์กำลังบินผ่านพื้นที่รกร้างเขาอยู่ในร่างมังกรแปลงเต็มที่มองดูเหมือนสัตว์ประหลาดที่ลอยอยู่ในอากาศบางคราวก็ส่งเสียงหัวเราะดีใจอย่างบ้าคลั่งเป็นระยะๆ

เสียงหัวเราะของเขาก้องไปทั่วฟ้าและดิน

“มิน่าเล่าบาร์เกอร์ถึงได้ตื่นเต้นนักเมื่อเขาถึงระดับเซียน ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าพลังของข้าจะเพิ่มขึ้นมากจนถึงระดับนี้ได้”  ลินลี่ย์ยังคงตื่นเต้นมาก

นักรบเลือดมังกรมีพรสวรรค์ธรรมชาติหลายอย่างทันทีที่พลังของพวกเขาถึงระดับที่แน่นอน พวกเขาสามารถบินได้อย่างเป็นธรรมชาติ  นี่เหมือนกับการบินซึ่งอสูรเวทที่บินได้มีความสามารถเช่นนี้ตามธรรมชาติ มันเป็นความสามารถตามธรรมชาติที่ไม่ต้องการการเรียนรู้และเข้าใจ

“ในเรื่องของความลึกลับและสูงส่ง สายเลือดของมังกรเกราะหนามยังด้อยกว่าสายเลือดของนักรบเลือดมังกรเรามาก”  เมื่อบินสูงขึ้นไป ลินลี่ย์รู้สึกทึ่ง

แต่เดิมทีลินลี่ย์ดื่มเลือดมังกรไปเป็นปริมาณมากทั้งยังกินผลึกเวทมังกรเกราะหนามลงไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเลือดมังกร(ของตระกูล)ในสายเลือดของลินลี่ย์ก็ยังสามารถละลายและดูดซึมมันไว้ได้หมด

และตอนนี้เมื่อเข้าสู่ระดับเซียนแล้วลินลี่ย์รู้สึกได้ว่าพลังงานของเลือดมังกรที่เป็นมรดกตกทอดอยู่ในสายเลือดของเขายังคงเปลี่ยนแปลงและเสริมพลังการทำงานในร่างกายของเขาด้วย

“ความเร็วของข้าเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่า”  เพียงแค่คิดร่างลินลี่ย์ก็เปลี่ยนสภาพเป็นเลือนรางทันที ขณะที่พุ่งขวางข้ามท้องฟ้า

“สำหรับพลังป้องกัน...” ลินลี่ย์มองดูเกล็ดที่สมบูรณ์และไม่ได้รับความเสียหายอย่างสนใจเป็นพิเศษมีชั้นแสงสีฟ้าสลัวๆ “ถ้าข้ารับพลังการโจมตีจากเทวทูตสี่ปีกอีกครั้งอย่างมากก็คงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย”

ลินลี่ย์ยิ้มมุมปาก

ความมั่นใจ!

ความมั่นใจไม่มีใดเปรียบ!

ความจริงยอดฝีมือระดับเซียนชาวมนุษย์ส่วนใหญ่จะมีพลังป้องกันที่อ่อนแอมาก แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือระดับเซียนชั้นสูงก็ตาม ก็ยังมีพลังป้องกันที่ด้อยกว่าอสูรวิเศษชั้นเซียน

แต่สี่สุดยอดนักรบมีพรสวรรค์และอัจฉริยภาพที่ทรงพลังมากยิ่งกว่าอสูรเวทมากมายนัก

นี่คือหนึ่งในเหตุที่เมื่อนักรบเลือดมังกรบรรลุระดับเซียนในร่างมนุษย์  พวกเขาจะมีพลังระดับสูงสุดในร่างแปลงมังกรทันที  พวกเขาจะไร้เทียมทาน  ทั้งความเข้าใจและรู้แจ้งไม่ทำให้พวกเขาแตกต่างกัน

แม้แค่อาศัยพลังภายนอก  พวกเขาก็มีพลังไร้เทียมทานในหมู่ระดับเซียนแล้ว

นี่คือพรสวรรค์ธรรมชาติของพวกเขา

เหมือนกับที่แฮรุอิจฉาบีบีมากมายขนาดไหนสี่สุดยอดนักรบก็คู่ควรแก่การยกย่องและเป็นที่อิจฉาจากทุกเผ่าพันธุ์ทั่วทวีปยูลาน

“พี่ใหญ่” บีบีกระโจนขึ้นมาในอากาศ

ลินลี่ย์กางแขนรับบีบีในกลางอากาศจากนั้นบีบีกระโดดไปอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์  ลินลี่ย์ในตอนนี้มีเกล็ดดำคลุมไปทั้งตัวขณะที่บนไหล่ของเขามีหนูเงาสีดำตัวหนึ่ง

เป็นภาพที่เข้ากันได้ดีจริงๆ

“บีบีได้เวลาที่เจ้าจะได้พบกับประสบการณ์การบินของยอดฝีมือชั้นเซียนจริงๆ แล้วนะ”ลินลี่ย์หัวเราะลั่น จากนั้นทุ่มใช้พลังสูงสุดร่างเขาเปลี่ยนเป็นภาพเลือนรางขณะที่เขาพุ่งข้ามท้องฟ้าและหายลับเส้นขอบฟ้าไป

หิมะยังคงตกต่อเนื่องข้ามคืนไม่มีทีท่าว่าหยุด

มีแต่เพียงศพบนพื้นที่เป็นหลักฐานพิสูจน์ว่ามีการต่อสู้ที่นี่

ความเร็วในการบินเป็นแนวตรงของนักสู้ระดับเซียนนั้นรวดเร็วมากในเวลาชั่วโมงเดียวลินลี่ย์ก็สามารถบินข้ามเส้นทางเกินกว่าพันกิโลเมตร  ในช่วงเวลาสั้นๆลินลี่ย์มองเห็นหมู่บ้านยอดเมฆปรากฏอยู่ข้างหน้า

คืนนี้ หมู่บ้านยอดเมฆที่มีหิมะปกคลุมเงียบสงัด

ลินลี่ย์บินตรงไปทางทิศตะวันตกของหมู่บ้านและลงพื้นด้วยความเร็วสูงเหมือนดาวตกที่ลานกลางบ้าน

“ใครกัน!” เสียงคำรามต่ำดังขึ้นขณะที่เงาหลายร่างพุ่งออกมา

ลินลี่ย์บินเร็วมากจนเขาสร้างคลื่นระเบิดเสียงโดยไม่รู้ตัว เขาตกเป็นที่สนใจของยอดฝีมืออย่างพี่น้องบาร์เกอร์ทันที แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเขาคือลินลี่ย์ในร่างมังกรแปลง  ทุกคนลอบถอนใจ

“หืม.. ท่านเข้ามาโดยไม่เปิดประตูหรือนี่?”  น้องห้าเกทส์พูดด้วยความประหลาดใจ  จากนั้นจ้องมองลินลี่ย์  “ใต้เท้า, เป็นไปได้ยังไงนี่...?”

ลินลี่ย์หัวเราะชำเลืองมองเกทส์

เกทส์เป็นคนที่ฉลาดและความคิดว่องไวที่สุดในห้าพี่น้องและเป็นคนแรกที่เข้าใจขั้นตอนของระดับ “กวัดแกว่งของหนักเสมือนของเบา”ได้เป็นคนแรก

“อา! ระดับเซียน!”  ตอนนี้คนอื่นๆ ค่อยเข้าใจเช่นกัน และห้าพี่น้องจ้องมองลินลี่ย์อย่างประหลาดใจ

“พี่ลีย์กลับมาแล้วหรือ?”  เสียงของเจนน์ดังขึ้นขณะที่นางวิ่งออกมาเช่นกัน แต่พอนางเห็นร่างแปลงของลินลี่ย์เท่านั้น นางกลัวจนเผลอกรีดร้องทันที “ปีศาจ!”

รีเบ็คกาและลีนาซึ่งแบ่งห้องพักร่วมกับนางรีบปลอบนาง

“เจนน์ นั่นเป็นพี่ลินลี่ย์นั่นคือร่างแปลงนักรบเลือดมังกรของเขา” รีเบ็คกาหัวเราะ

ลินลี่ย์คืนกลับเป็นร่างมนุษย์ตามปกติ  เจนน์ที่เพิ่งตกใจกลัวจ้องมองการแปลงร่างอย่างโง่งมจากนั้นมองรีเบ็คกา  “นักรบเลือดมังกร?  นักรบเลือดมังกรคืออะไร?”

“ฮ่าฮ่า นักรบเลือดมังกรคือหนึ่งในสี่สุดยอดนักรบ  เราห้าพี่น้องก็เป็นสุดยอดนักรบเหมือนกัน  เราคือนักรบอมตะ!”  เกทส์พูดด้วยความภูมิใจ

เจนน์มองดูกลุ่มคนรอบๆ

เมื่อนางมาถึงที่นี่คืนนี้พร้อมกับแฮรุ นางถูกพาไปพักกับรีเบ็คกาและลีนาชั่วคราว  แต่เมื่อรีเบ็คกาและลีนากำลังแนะนำทุกคนให้นางรู้จัก  พวกนางได้แค่พาไปแนะนำซาสเลอร์เท่านั้น

เจนน์ยังไม่ทันตื่นตะลึงเสร็จเมื่อทราบว่าซาสเลอร์เป็นพ่อมดจอมเวทมาก่อน  ทันใดนั้น คำว่านักรบเลือดมังกรนี้และนักรบอมตะเหล่านี้กลับผุดขึ้นมาซ้ำซ้อนอีก

“นี่.. พวกท่านทุกคนคือ...”จิตใจของเจนน์สับสนไปหมด

“เจนน์ กลับไปพักเสียก่อนเถอะ” ลินลี่ย์หัวเราะขณะที่เขาพูด

บาร์เกอร์และน้องๆของเขาตะลึงกับการบรรลุระดับใหม่ของลินลี่ย์ อังเก้พี่คนรองอดหัวเราะไม่ได้  “ใต้เท้า  ท่านบรรลุระดับใหม่ด้วยความเร็วขนาดนี้,  พี่บาร์เกอร์ก็เพิ่งถึงระดับเซียนเช่นกัน  แต่ก็ยังไม่ใช่คู่มือของท่าน  ตอนนี้...ความแตกต่างระหว่างเรายิ่งห่างกันไกล”

“ถ้าเขาไม่แข็งแกร่งทรงพลังเขาจะเป็นใต้เท้าของเราและนำเราต่อต้านล้างแค้นกับศาสนจักรเจิดจรัสได้ยังไง?”  เกทส์พูดอย่างหยิ่งยโส

“พวกเจ้าทุกคนก็ใกล้จะถึงพลังระดับเซียนแล้ว”  หน้าของซาสเลอร์มีรอยยิ้ม  “โชคดีที่ตาแก่ผู้นี้ก็ได้เค้าข้อมูลเชิงลึกบางอย่างในที่สุด  ข้าเชื่อว่าภายในเวลาสิบปี  ข้าน่าจะบรรลุถึงระดับเซียนได้”

สิบปี?

ซาสเลอร์อายุเกินแปดร้อยปีแล้ว  สำหรับเขาสิบปีนับว่าเป็นเวลาที่สั้น

“ปรมาจารย์พ่อมดจอมเวท?  นั่นคือเป็นความคิดที่น่ากลัวเหลือเชื่อ”  ลินลี่ย์นัยน์ตาเป็นประกาย  “ถึงเวลานั้นท่านก็สามารถเรียกภูตผีระดับเซียนได้  และนำกองทัพภูตผีได้อีกเป็นล้าน!”

พ่อมดจอมเวทระดับเก้าก็นับว่าน่ากลัวมากพอแล้ว

แต่ปรมาจารย์พ่อมดจอมเวทยิ่งน่ากลัวพอๆกับจักรวรรดิหนึ่งเลยทีเดียว

“ฮ่าฮ่า ทุกคนต่างก็เพิ่มความแข็งแกร่งกันทั้งนั้นดูซิว่าศาสนจักรเจิดจรัสจะกล้าส่งคนมาอีกหรือไม่? ถ้าพวกมันบังอาจส่งมา เราจะฆ่ามัน ถ้าพวกมันส่งมาสิบ เราจะฆ่าทั้งสิบ จากนั้นเราจะให้ซาสเลอร์สร้างทาสภูตผีจากศพพวกมันและใช้พวกมันตอบโต้”  ขณะที่เกทส์พูด  เขาก็ยิ่งตื่นเต้นกับความคิดของเขา

ทุกคนมีความสุขมาก  ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นก็หมายความว่าพวกเขายิ่งมีคุณสมบัติพอจะต่อสู้ท้าทายกับศาสนจักรเจิดจรัสได้โดยตรง

ลินลี่ย์มีความสุขมากเช่นกัน

เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าเห็นหิมะโปรยลงมาจากนั้นลินลี่ย์หันไปมองทุกคน  “เอาล่ะ,คืนนี้จะมีพายุหิมะ ทุกคนควรจะเข้าไปในห้องโถงใหญ่กัน ถ้าหากเราต้องการจะคุยกัน”

“ได้เลย!  คืนนี้ไม่เมาไม่เลิกรา”แม้แต่บาร์เกอร์ที่หนักแน่นน่าเชื่อถือก็ยังคำรามลั่นอย่างมีความสุข

งานเลี้ยงดำเนินไปครึ่งคืน ความจริงไม่ว่าพวกเขาจะสามารถสู้กับศาสนจักรเจิดจรัสได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับพลังของพวกเขา เหตุผลที่ลินลี่ย์เป็นผู้นำของพวกเขาเป็นเพราะเขาแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มพวกเขานั่นเอง

เวลาผ่านไปในพริบตาเดียวผ่านไปสามวันแล้ว

เจนน์เข้าใจภูมิหลังของทุกคนเต็มที่และนางค่อยๆยอมรับทุกอย่าง ตอนนี้เจนน์เข้าใจจริงๆ ว่าคนเหล่านี้ เป็นผู้ปกครองเมืองไม่มีผลอะไร

ความจริง ไม่ใช่แค่เมืองปกครอง  แม้แต่ตระกูลชาร์คที่มีอำนาจ ปกครองมณฑลพายัพก็สร้างความลำบากให้กับกลุ่มของลินลี่ย์ไม่ได้ พวกเขาเพียงแต่มองตระกูลชาร์คในระดับเสมอกันและนั่นเป็นเพราะความคงอยู่ของแม็คเคนซี่

“บาร์เกอร์, น้องๆของเขาและพี่ลินลี่ย์ฝึกหนักกันทุกคน” รีเบ็คกา ลีนาและเจนน์สาวงามทั้งสามจับกลุ่มคุยกันเองขณะถือกระเช้าเข้าคฤหาสน์

แต่ขณะที่พวกนางเดินเข้ามาในลาน  ทันใดนั้นพวกนางเห็น...

หนูเงาบีบีลอยตัวอยู่ในกลางอากาศเมื่อเห็นเจนน์และคนอื่นๆ เขาหลิ่วตาให้ทั้งสามนางขณะลอยตัวเข้าไปหา   บีบีเอ่ยปากและพูดด้วยภาษามนุษย์ชัดเจน

“ว้าว.. สามสาวงาม  สวัสดี คุณสุภาพสตรีทั้งหลาย!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด