ตอนที่ 8-49 นักรบเลือดมังกรระดับเซียน
ลมเย็นยะเยือกยังคงพัดโชย
ในที่สุดพื้นที่กว้างรกร้างกลับคืนสู่ความสงบเหมือนดั่งที่เคยเป็น แต่เทียบกับเมื่อก่อนบนพื้นที่ราบกลับมีศพจำนวนหนึ่งพร้อมกับกองโลหิตอีกมากมาย ผลที่ตามมาของการสู้รบมองเห็นชัดง่ายดาย พื้นดินแตกแยกอยู่หลายแห่งและมีปล่องหลุมที่ตรงกลางยุบลึกลงไป ทันใดนั้นหนูเงาสีดำค่อยคลานออกมาจากหลุมลึก
“พี่ใหญ่” ร่างของบีบีแดงไปทั้งตัว ขนของมันเปื้อนเลือด
บีบีเริ่มมองหาด้วยความกังวล เขาเห็นว่าลินลี่ย์นอนอยู่กับที่ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเครูบจะได้รับอิทธิพลของรังสีน่ากลัวของกระบี่เลือดม่วงแต่ได้เห็นพลังหมัดโจมตีที่อ่อนกำลังลงไปแล้ว แต่พลังของหมัดนั้นก็ยังแกร่งกร้าวมากกว่าเทวทูตสองปีกอยู่หลายเท่า
บีบีวิ่งไปอยู่ข้างตัวลินลี่ย์
“พี่ใหญ่, ปลอดภัยหรือเปล่า?” บีบีส่งเสียงทางใจ บีบีกังวลห่วงใยมาก ตอนนี้อกของลินลี่ย์เป็นรอยบุบแตก เกล็ดที่อกครึ่งหนึ่งแตกร่วงกระจาย โลหิตย้อมอกจนเป็นสีแดงฉาน หน้าของลินลี่ย์ซีดขาว เขาหลับตา
ลินลี่ย์ค่อยๆลืมตามองดูบีบี
“ข้าไม่เป็นไรแล้วบีบี อย่าเพิ่งขยับร่างข้า” เสียงของลินลี่ย์ดังขึ้นในใจบีบี
บีบีพยักหน้าอย่างว่าง่าย มันขดตัวอยู่ใกล้ร่างลินลี่ย์
“ครั้งนี้ ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสเอาการ” ลินลี่ย์รู้สึกว่าอกของเขาบาดเจ็บหนักและเจ็บปวดทรมานในการหายใจแต่ละครั้ง ลินลี่ย์มีทางเลือกเพียงอย่างเดียวคือกระตุ้นปราณยุทธเลือดมังกรในร่างของเขาเพื่อช่วยรักษาอาการบาดเจ็บเสียหายที่เขาได้รับตามวิธีการที่ระบุไว้ในคัมภีร์ลับเลือดมังกร ในฐานะสุดยอดนักรบคนหนึ่งความสามารถในการฟื้นตัวของเขาน่ากลัวมาก
แต่ครั้งนี้อาการบาดเจ็บนั้นหนักหนาสาหัสไม่น้อย
ปราณยุทธเลือดมังกรค่อยๆโคจรไปตามร่างกายเขาในแต่ละส่วน พลังงานที่ไม่เหมือนใครของเลือดมังกรในตัวเขาค่อยซึมซับเข้าไปในเส้นเลือดและหัวใจของเขาสำหรับหน้าอกเขาที่ได้รับบาดเจ็บหนักในครั้งนี้หลังจากที่ดึงพลังงานพิเศษบางส่วนมาจากเลือดมังกรของเขา ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ว่าเริ่มฟื้นตัวช้าๆ ในการหายใจแต่ละครั้งลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ว่าอกของเขาเปลี่ยนแปลงช้าๆ
“ในแง่ความเร็วของการฟื้นฟูรักษาบรรดาสี่สุดยอดนักรบนักรบเลือดมังกรน่าจะด้อยกว่านักรบเพลิงม่วงและนักรบอมตะ” ในเวลาอย่างนี้ความคิดนี้ผ่านเข้ามาในใจของลินลี่ย์ทันที
นักรบเพลิงม่วงมีพลังความสามารถในการฟื้นฟูที่แข็งแกร่งเหลือเชื่อและยังมีพลังเพลิงอมฤตหวนกำเนิดที่ทรงพลังอย่างประหลาด
เว้นแต่ร่างของพวกเขาถูกทำลายจนหมดสิ้น ถ้ามีเวลาพอนักรบเพลิงม่วงจะสามารถฟื้นฟูตนเองจนอยู่ในสภาพสุดยอดได้
“แฮก” “แฮก”
เสียงหายใจของลินลี่ย์ดังขึ้นเป็นลำดับขณะที่หน้าอกที่ได้รับความเสียหายของเขายังคงฟื้นฟูต่อไป ขณะเดียวกันเกล็ดสีดำที่ปกคลุมรอบตัวลินลี่ย์กลับมาครอบคลุมอีกครั้งรวมทั้งหนามแหลมและหางของเขา ในพริบตาลินลี่ย์กลับคืนสู่สภาพร่างมนุษย์ แต่แม้จะอยู่ในร่างมนุษย์ในตอนนี้ ร่างของลินลี่ย์ก็ยังเต็มไปด้วยเลือดและอาการบาดเจ็บที่อกเขาก็ยังรุนแรงเหมือนเคย
เวลาผ่านไปเริ่มดึกขึ้น
สายลมหนาวพัดกระโชกแรงขึ้นแสงจันทราถูกหมู่เมฆบดบัง แต่ลินลี่ย์กับบีบีไม่สนใจกับสภาพอากาศเลยแม้แต่น้อย
“พี่ใหญ่, ดีขึ้นหรือยัง?” ตาที่เหมือนลูกปัดของบีบีจ้องมองลินลี่ย์เขม็ง
“อาการบาดเจ็บภายในของข้าไม่หนักหนาและก็ไม่เบาเหมือนกันซี่โครงหักไปสามซี่ โชคดีที่ไม่แทงจนทำร้ายอวัยวะภายในอื่น” ลินลี่ย์ยิ้มให้บีบี “อย่างไรก็ตามคงต้องใช้เวลาอย่างสิบวันหรือครึ่งเดือนซี่ที่หักก็จะรักษาหายได้” คนธรรมดาต้องใช้เวลาหลายเดือนในการรักษาซี่โครงหัก แต่ลินลี่ย์อ้างเช่นนี้ได้เพราะความเชื่อมั่นในสายเลือดของนักรบเลือดมังกร
บีบีพยักหน้า
“แต่ถ้าข้าสามารถหาจอมเวทสายธาตุแสงหรือสายธาตุน้ำข้าน่าจะฟื้นฟูได้เร็วขึ้น” ลินลี่ย์รู้ว่าเวทสำหรับใช้รักษาจะต้องมีพลังมาก
เมื่อตอนที่ลินลี่ย์ถูกจองจำอยู่ในวิหารเจิดจรัสกระดูกในร่างกายของเขาหักทั่วตัว แต่เมื่อเขาได้อาบแสงศักดิ์สิทธิ์ของมหาเทพเจิดจรัส ร่างของเขาได้รับการรักษาในพริบตาและฟื้นฟูจนอยู่ในสภาพสุดยอด ความสามารถในการฟื้นฟูเช่นนี้นับว่าน่ากลัวมาก
ลินลี่ย์ยังคงโคจรปราณยุทธเลือดมังกรต่อไป
ปราณยุทธเลือดมังกรดูดซับแก่นธาตุจากธรรมชาติและยังดูดซับเลือดมังกรที่ไม่เหมือนใครซึ่งไหลเวียนอยู่ในตัวลินลี่ย์ ขณะที่มันค่อยๆ เสริมพลัง มันก็ยังหล่อเลี้ยงร่างกายของลินลี่ย์ทุกส่วนด้วย อาการบาดเจ็บภายในของลินลี่ย์ในตอนนี้แทบจะหายดีแล้วเหลือเพียงส่วนเดียวก็คือซี่โครงที่หักของเขา
“หืม?”
คิ้วของลินลี่ย์ชี้ชัน และเขารู้สึกความพอใจ
ปราณยุทธเลือดมังกรที่โคจรหมุนเวียนไปทั่วร่างจู่ๆก็เริ่มสั่นสะท้านและปราณยุทธเลือดมังกรที่มีสภาพเป็นของเหลวในสายเลือดของเขาเข้ามาอยู่ในตันเถียนล่าง ต่อจากนั้นความหนาแน่นของปราณยุทธเลือดมังกรในตันเถียนล่างเพิ่มขึ้นจนถึงระดับสูงสุด
“ครืนนน..”
รอยยิ้มสดใสปรากฏอยู่บนใบหน้าลินลี่ย์เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าปราณยุทธเลือดมังกรในตันเถียนของเขาเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง
ปราณยุทธทุกส่วนกำลังเปลี่ยนงแปลง เปลี่ยนไปทั้งคุณภาพและลักษณะธรรมชาติ
“ในที่สุดข้ากำลังจะเข้าสู่ระดับใหม่” ลินลี่ย์รออย่างสงบ ตอนแรกปราณยุทธเลือดมังกรปริมาณน้อยที่ถูกเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็มีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเรื่อยๆและในระดับที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดในห้วงเวลาที่คนหายใจเข้าออกสิบครั้ง ปราณยุทธครึ่งหนึ่งเปลี่ยนแปลงสำเร็จแล้ว
“ฮ่าฮ่า...”
ลินลี่ย์ลุกขึ้นยืนกระจายปราณยุทธเลือดมังกรที่เปลี่ยนแปลงสำเร็จแล้วไปทั่วร่างกายทุกส่วนบางส่วนก็ส่งไปที่ซี่โครงซึ่งหักของเขา ทำให้อาการบาดเจ็บฟื้นฟูในระดับที่เร็วขึ้น
“พี่ใหญ่?” บีบีมองดูลินลี่ย์ด้วยความสงสัย
ลินลี่ย์กอดบีบีและชูเขาขึ้นในอากาศ เขาหัวเราะพลางกล่าว “ข้าสบายดีแล้ว เตรียมกลับบ้านเถอะ”
ในเวลานั้นลินลี่ย์มีความสุขมาก ตั้งแต่เขาเข้าถึงระดับแปดชั้นสูง เขารอวันนี้แม้ในช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาลินลี่ย์มีความรู้สึกว่าเขาอาจบรรลุเมื่อใดก็ได้ทุกเมื่อซึ่งเวลาเช่นนั้นยังไม่มาถึง แต่ตอนนี้ขณะที่เขารักษาอาการบาดเจ็บเขาได้บรรลุอย่างทันทีทันใด
ระดับเก้า!
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปลินลี่ย์คือนักรบระดับเก้า.. แต่นั่นยังเป็นระดับที่ธรรมดา ในความเป็นจริงหลังจากลินลี่ย์แปลงร่างเป็นมังกรแล้ว เขาจะเป็นนักสู้ระดับเซียนชั้นต้น ไม่ว่าจะเป็นพลังป้องกัน, ความเร็วหรือพลังความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
“ถ้าข้าต้องเผชิญหน้ากับเทวทูตสี่ปีกอีกครั้งแค่ใช้ดาบหนักอดาแมนเทียม ข้าก็สามารถเอาชนะนางได้” ลินลี่ย์ดีใจมาก
ระดับเซียน!
นั่นคือระดับใหม่แม้แต่หอการค้าดอว์สันที่ยิ่งใหญ่ก็ยังต้องการได้นักรบระดับเซียนให้มีอยู่ในกลุ่มของพวกเขา ตระกูลชาร์คที่ยิ่งใหญ่ครองความยิ่งใหญ่อยู่ได้เพราะพวกเขามีนักสู้ระดับเซียนอยู่หนึ่งคน นี่คือแหล่งที่มาของความภูมิใจและความหยิ่งลำพองของพวกเขา นี่คือสาเหตุให้พวกเขาเชื่อมั่นและสามารถบริหารปกครองมณฑลพายัพมาได้ตลอด
ยอดฝีมือระดับเซียน
แต่ก่อนนี้นักสู้ระดับเซียน ถึงจะเป็นเจ้าปกครองแคว้นและกษัตริย์ผู้บริหารปกครองประชากรเป็นล้านหรือเป็นสิบล้านก็ไม่มีความหมายอะไรแม้แต่น้อย
ก่อนเป็นนักสู้ระดับเซียน แม้จะเป็นตระกูลเก่าแก่ซึ่งคงอยู่มาหลายพันปีก็ยังต้องก้มศีรษะนอบน้อมกับพวกเขา
แม้แต่ศาสนจักรเจิดจรัส,ลัทธิเงา และสี่จักรวรรดิใหญ่ก็มีความปรารถนาลึกๆ จะดึงนักสู้ระดับเซียนมาอยู่ในแวดวงของพวกเขา
ในทั่วทวีปยูลานนอกจากมนุษย์พิเศษทั้งสามผู้ยืนอยู่เหนือโลก (สุดยอดนักพรต,เทพสงครามและราชันย์มือสังหาร) หรือราชันย์อสูรวิเศษระดับเทพทั้งสองแล้วเหล่านักสู้ระดับเซียนนับว่าเป็นนักรบชนะศึก เมื่อเข้าสู่ระดับเซียนผู้นั้นจะครอบครองชีวิตไร้ขีดจำกัดอายุ ราชันย์มือสังหารซีซาร์อยู่มาได้ถึงห้าพันปีไม่ใช่หรือ?
“ระดับเซียน!”
ลินลี่ย์เงยหน้ามองฟ้า
ทันใดนั้นเกล็ดหิมะเริ่มร่วงลงมาจากท้องฟ้าและละลายเมื่อสัมผัสใบหน้าของลินลี่ย์
“ข้ายังคงจำได้เมื่อยอดฝีมือชั้นเซียนสู้รบกันที่เมืองน้อยอู่ซันตอนที่ข้ายังเด็ก เวลานั้นนักสู้ระดับเซียนเป็นระดับที่สูงส่งไร้เทียมทานไกลกว่าข้าไปมาก แม้แต่จอมเวทผู้นั้นคนที่ขี่มังกรลมกรดก็เป็นยอดฝีมือระดับแปดไม่ใช่หรือ แต่บัดนี้เล่า?” ความรู้สึกลำพองใจเกิดขึ้นในใจลินลี่ย์
ในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จบางอย่าง
มีแนวโน้มว่าถ้าปัจจุบันนี้ลินลี่ย์เผชิญหน้ากับเซียนดาบดาราดิลลอน เขาคงเอาชนะได้
“บรรพบุรุษตระกูลบาลุค จับตาดูข้าด้วยเถิดข้าจะฟื้นฟูชื่อเสียงและตำนานของนักรบเลือดมังกรและเผยแพร่ไปทั่วแผ่นดิน” ลินลี่ย์รู้สึกมั่นใจในตนเอง
ลินลี่ย์อายุเพียง 26ปีในปีนี้ แต่เมื่อเขาแปลงร่างเป็นมังกร เขาจะเป็นนักรบระดับเซียน
“จะต้องมีสักวันที่ข้าเข้าถึงพลังระดับสูง” รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของลินลี่ย์
ลินลี่ย์รู้แน่ว่าเขาทรงพลังขนาดไหน แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงเซียนชั้นต้นหลังจากแปลงร่างมังกรแล้วแต่ส่วนที่ยากที่สุดคือก้าวหน้าจากระดับชั้นต้นไปสู่เซียนระดับสูงซึ่งไม่ได้อยู่ที่ปราณยุทธ แต่ขึ้นอยู่กับระดับการเข้าใจและรู้แจ้งความจริงเกี่ยวกับโลกในระดับลึกขึ้น แต่ระดับความเข้าใจของลินลี่ย์เท่ากับเซียนระดับสูงแล้ว
ในความเป็นจริงบางครั้งคนสองคนที่มีปราณยุทธเท่ากันและระดับที่ลึกซึ้งของความเข้าใจก็ยังมีความแตกต่างในกันในเรื่องของพลังอย่างมาก
ทั้งนี้เป็นเพราะคนแตกต่างกันใช้แนวทางภูมิปัญญาที่แตกต่างกันต่อให้พวกเขาอยู่ในระดับเดียวกันก็ตาม
ตัวอย่างเช่นนักสู้อีกคนหนึ่งอาจกำลังฝึกเคล็ดกฎแห่งธาตุดิน แต่หลังจากระดับ ‘กำหนด’ แล้ว เขาอาจมีเส้นทางฝึกฝนแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญกฎแห่งธาตุดินไร้เขตแดนไร้ขีดจำกัดเหมือนกับมหาสมุทรและยังมีหลายแนวทางให้ผู้ฝึกฝนทำความเข้าใจ เส้นทางที่ต่างกันย่อมส่งผลลัพธ์ที่ต่างกัน เส้นทางของลินลี่ย์คล้ายกับจังหวะเต้นของชีพจรแผ่นดิน ใช้พลังโจมตีที่เป็นคลื่นสั่นสะเทือนแปลกประหลาด ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับพลังและอำนาจตามปกติที่ใช้ฝึกกันในทวีปยูลาน
ขณะที่ลินลี่ย์เตรียมมุ่งหน้ากลับไปหมู่บ้านยอดเมฆ ทันใดนั้นเอง...
“ลินลี่ย์ใช่ไหม?” เสียงดังมาจากด้านหลังของเขาไม่ไกลนัก
หัวใจลินลี่ย์สะดุ้งตกใจ เขาไม่ทันสังเกตว่ามีคนอยู่ใกล้ๆและรีบหันหน้าไปดูทันที เห็นแต่ชายชราร่างผอมสวมชุดยาวสีดำผมขาวแซมดำยืนอยู่ในกลางอากาศ บุรุษชราจ้องลินลี่ย์จากกลางอากาศ
ลินลี่ย์เข้าใจทันที “แม็คเคนซี?”
“ถูกแล้ว” บุรุษผู้นี้คือแม็คเคนซีแน่นอน
ลินลี่ย์เพิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสและตั้งใจจะรักษาตนเองเขาลืมไปเสียสนิทว่าศึกใหญ่ครั้งนี้เขาสู้กับหกเทวทูตย่อมไม่สามารถหลบพ้นการรับรู้ของนักสู้ระดับเซียนที่อยู่ใกล้ๆได้แน่นอน แม็คเคนซีพักอาศัยอยู่ในเมืองเอกมณฑลนี้
ลินลี่ย์มองดูแม็คเคนซีอย่างระมัดระวัง แม็คเคนซีมองดูเหมือนคนอายุห้าสิบปีต้นๆ แม้ว่าเขาจะมีผมหงอกประปรายแต่ไม่มีรอยย่นบนใบหน้าของเขาแม้แต่รอยเดียว เขายืนอยู่ในกลางอากาศหลังตรงดุจคันทวน ราศีที่เปล่งออกทำให้ลินลี่ย์ลอบทึ่ง แม็คเคนซีผู้นี้แข็งแกร่งมากกว่าเครูบ เทวทูตสี่ปีกแน่นอน
“ท่านอยู่ที่นี่นานเท่าใดแล้ว?” ลินลี่ย์ถาม
แม็คเคนซีหัวเราะ “ไม่นานนักหรอก เมื่อข้ามาถึงข้าทันได้เห็นเจ้ากับเทวทูตสี่ปีกจู่โจมทำร้ายกันและกันทั้งคู่”
ลินลี่ย์เลิกคิ้ว
แม็คเคนซีผู้นี้น่าจะได้เห็นตลอดเวลาที่ลินลี่ย์รักษาตัวเอง เนื่องจากเขาไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรกับลินลี่ย์เมื่อลินลี่ย์บาดเจ็บ เขาคงไม่มีเจตนาร้ายต่อลินลี่ย์เป็นแน่
“ข้าประหลาดใจมากที่เจ้าสามารถฆ่าเครูบได้จริงๆ” แม็คเคนซี่ถอนหายใจชื่นชม “แม้ว่าเทวทูตสี่ปีกจะเร่งพลังเต็มที่ได้ชั่วคราวแต่เจ้ายังสามารถฆ่าเทวทูตตายโดยเจ้ารอดนับว่าน่าทึ่งจริงๆ นักรบเลือดมังกร.. นักรบเลือดมังกรในตำนานจริงๆแข็งแกร่งทรงพลังมาก ลินลี่ย์หลังจากแปลงร่างเป็นมังกรเจ้าน่าจะเป็นนักสู้ระดับเซียนนะ ข้าเชื่อเช่นนั้น แต่เพราะว่ายากจะฆ่าเครูบได้เจ้าน่าจะเป็นเพียงนักรบระดับเซียนชั้นต้นใช่ไหม?”
ลินลี่ย์สะดุ้งไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“แม็คเคนซีผู้นี้...เฮ้อ...”ลินลี่ย์พูดไม่ออก เขาคิดในใจ “หลังจากข้าฆ่าเทวทูตสี่ปีกข้าถึงได้มีความสามารถบรรลุระดับเซียนในร่างมังกรแปลง แม็คเคนซีผู้นี้คิดว่าเราถึงระดับเซียนอยู่แล้วเมื่อตอนที่สู้กับเครูบ”
“อะไรนะ เจ้ายังไม่ถึงระดับเซียนหรอกหรือ?” แม็คเคนซีพูดด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
ลินลี่ย์ยิ้ม “ข้ายอมรับว่าหลังจากแปลงเป็นมังกรแล้ว ข้าเป็นนักรบระดับเซียนชั้นต้นจริงๆ”
แม็คเคนซีหัวเราะและพยักหน้าอย่างพอใจ “ฮ่าฮ่าเป็นเวลานานแล้วที่ข้าไม่ได้พบเห็นนักสู้ระดับเซียน ข้ามีความสุขมากที่ได้พบเจ้าในวันนี้ มาที่พักของข้าสักเดี๋ยวเถอะด้วยวิธีอย่างนั้นเราจะได้ซ้อมมือกันสักนิด ข้ามั่นใจว่านี่จะช่วยสองเรามีความสามารถที่ก้าวหน้าได้ ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะไม่ใช้พลังเต็มที่ นี่เป็นแค่การฝึกซ้อมมือกัน”
เมื่อเห็นว่าลินลี่ย์บาดเจ็บสาหัสขณะฆ่าเทวทูตสี่ปีก แม็คเคนซีเชื่อว่าลินลี่ย์ไม่ใช่คู่มือของเขาจริงๆ
“แม็คเคนซี, ร่างมังกรแปลงของข้าเป็นระดับเซียนก็จริง อย่างไรก็ตาม...”ลินลี่ย์มองดูแม็คเคนซีด้วยความมั่นใจ “ข้าเพิ่งจะผ่านระดับใหม่เมื่อสักครู่นี้เอง หลังจากต่อสู้ เมื่อข้ากำลังสู้กับเครูบ ข้ายังไม่บรรลุระดับพลังใหม่” ตอนนี้ เท่าที่ลินลี่ย์กังวลก็คือแม้ว่าเขาไม่มั่นใจในความสามารถของเขาว่าจะสามารถรับมือยอดฝีมือระดับเซียนชั้นสูง แต่เขายังมั่นใจว่ายังจะรับมือกับยอดฝีมืออย่างแม็คเคนซีได้แน่นอน
เพิ่งบรรลุระดับเซียน ไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องซ่อนตัวหรือปกปิดพลังไว้
“ว่าไงนะ? เจ้าเพิ่งบรรลุระดับใหม่เมื่อครู่นี้หรือ?” แม็คเคนซีตกใจที่ได้ยินคำพูดนี้