ตอนที่ 8-47 ค่ายกลเทวทูตศึก
ล่วงเข้าฤดูใบไม้ร่วงมานานแล้ว ลมเย็นฤดูใบไม้ร่วงพัดหวีดหวิวผ่านพื้นเหมือนมีดยะเยือกกรีดใส่ขณะที่อัศวินฝีมือดีควบม้าไล่กวดตาม
“เร็วขึ้น, เร็วขึ้นอีก!”
อัลเบิร์ตสวมเกราะเรียบง่ายนำขบวนมาตามทาง กลุ่มของเขาควบม้าไปตามเส้นทางอันรกร้างอัศวินหลายสิบคนตามหลังอัลเบิร์ต ที่อยู่ข้างๆ อัลเบิร์ตเป็นอัศวินวัยกลางคนและเป็นยอดฝีมือระดับเก้าคนเดียวภายใต้บังคับบัญชาของอัลเบิร์ต
สำหรับลินดอนและพวกอีกห้าคน พวกเขาสวมชุดเกราะของอัศวินธรรมดาและสวมหมวกอัศวินสีเทาไว้ จากลักษณะที่เห็นไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าลินดอนกับพวกแตกต่างจากอัศวินที่เหลือ
“จำเอาไว้”ลินดอนลอบบอกบุรุษทั้งห้าที่มากับนาง “เมื่อเราไปทันลินลี่ย์ ทันทีที่อัลเบิร์ตสั่งให้โจมตี พวกเจ้าแต่ละคนจะต้องแยกกันและตามอัศวินเหล่านี้ไปล้อมลินลี่ย์ไว้ พอลินลี่ย์เผลอ เราจะตั้งค่ายกลเทวทูตศึก ไม่ว่ายังไงก็ตามอย่าเร่งร้อนโจมตี พวกเจ้าต้องรอคำสั่งจากข้า”
“ขอรับ, ท่านหญิง”
ทั้งห้าคนพยักหน้า
ลินดอนยิ้มมุมปากพลางกระตุ้นม้าไปข้างหน้า
เสียงของฝีเท้าม้ายังคงดังต่อไปและฝุ่นผงคลีฟุ้งขึ้นในพริบตาพวกเขาก็เดินทางออกมาไกล
ลินลี่ย์จงใจชะลอความเร็วของตนเพื่อให้คนกลุ่มนี้ตามมาทัน เป็นธรรมดาอยู่นั่นเองเมื่อเวลาผ่านไปช่วงเวลาไม่นานหลังจากควบม้าเต็มฝีเท้า กลุ่มของอัลเบิร์ตก็มองเห็นร่างของลินลี่ย์
“เขาอยู่ข้างหน้า” อัลเบิร์ตดีใจมาก และเริ่มตะโกนทันที “เร็วขึ้นอีก เร็วเข้า!”
อัศวินเหล่านั้นเริ่มส่งเสียงดังขึ้นและพวกเขาเริ่มเร่งควบม้าให้เร็วขึ้นในท่ามกลางเสียงฝีเท้าม้ากระทบพื้นที่ดังราวกับฟ้าร้องอัศวินกลุ่มนี้เข้ามาใกล้ลินลี่ย์อย่างรวดเร็ว
“จำไว้, เกาะคอแฮรุไว้ให้ดี แฮรุจะพาเจ้าไปยังสถานที่ของข้าก่อน” ลินลี่ย์แนะนำเบาๆ
เจนน์มองดูลินลี่ย์ด้วยความกังวล “พี่ลีย์, แล้วท่านเล่า?”
“อย่าห่วง ข้าจะกำจัดตัวยุ่งยากเหล่านี้สักหน่อย” ขณะเดียวกันลินลี่ย์จ้องดูเสือดำเมฆาแฮรุ และสั่งเขาทางใจ “แฮรุ เจ้าจงไปเดี๋ยวนี้ จำเอาไว้ จงปกป้องเจนน์”
“โกรววว”
แฮรุคำรามอย่างเย่อหยิ่งและจากนั้นมันค่อยๆเริ่มเร่งฝีเท้าก่อนที่กลายร่างเป็นเงาเลือนรางหายไปในที่ไกล ไม่เปิดโอกาสให้คนของอัลเบิร์ตขัดขวางมันได้
กลุ่มอัศวินขวางทางข้างหน้าของลินลี่ย์ไว้สิ้นเชิง พวกเขาไม่ได้ขัดขวางเสือดำเมฆามิให้หนีไป เพราะพวกเขาไม่สามารถทำได้ ขณะที่ลินดอนและพวกมีความสามารถขัดขวางเสือดำได้ แต่พวกเขามีความสุขที่เห็นมันจากไป
ที่สำคัญเป้าหมายของพวกเขาคือลินลี่ย์!
“เจนน์!” เมื่อเห็นเหตุที่เกิดขึ้นนี้ อัลเบิร์ตได้แต่โกรธอย่างช่วยไม่ได้
อัลเบิร์ตหันไปเผชิญหน้ากับลินลี่ย์อย่างโกรธเกรี้ยว “เด็กน้อย,เจ้าสั่งให้อสูรเวทพาเจนน์หนีไปหรือ? ฮึ่ม, ข้าจะบอกให้ก็ได้, เจนน์เป็นของข้า ส่วนเจ้า..ข้าจะส่งเจ้าไปนรกซะ ฮ่าฮ่า...ทุกคน.. โจมตี!” อัลเบิร์ตชี้ลินลี่ย์ด้วยความโกรธ
เสียงกีบเท้าม้ากระทบพื้นพร้อมกับที่อัศวินหลายสิบคนล้อมลินลี่ย์ไว้ทันที
ลินลี่ย์แค่ยืนอยู่กับที่ในท่ามกลางคนพวกนี้เขาไม่ให้ความสนใจเลยสักนิด บีบียืนอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์อย่างหยิ่งผยองใช้ตาของมันจ้องมองดูพวกอัศวินอย่างเหยียดหยาม
“เจนน์ญาติผู้น้องของข้าไม่อาจให้เจ้าแตะต้องได้ เจ้าควรคิดดูว่าตัวเจ้านั้นมีสถานะต่ำต้อยเพียงใด!” อัลเบิร์ตพูดอย่างหยิ่งยโส เขามีอิสระจะทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง ตอนนี้เขาควบคุมทุกอย่างไว้ได้แล้ว
ลินลี่ย์เพียงแต่จ้องมองอัศวินรอบๆอย่างใจเย็น
“เดิมทีข้าต้องการแค่กำจัดกองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัส นึกไม่ถึงเลยว่าจะดึงดูดพวกโง่เขลาไร้ประโยชน์มาด้วย” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะช้าๆ แต่ในทันใดนั้น...
“พี่ใหญ่” ทันใดนั้นบีบีจ้องมองกลุ่มอัศวิน “ดันลินอยู่ที่นั่น”
“ดันลิน?” เหมือนกับถูกน้ำเย็นราดใส่ศีรษะของลินลี่ย์ ลินลี่ย์สั่นทันที “กองกำลังศาสนจักรเจิดจรัสอยู่กับพวกเขางั้นหรือ?” ลินลี่ย์เริ่มระมัดระวัง
“ข้าได้กลิ่นนาง” บีบีพูดอย่างมั่นใจ “นางคิดว่าใส่หมวกและเกราะแล้วจะทำให้ข้าบีบีหาไม่พบงั้นหรือ?”
ลินลี่ย์ยังไม่เรียกอาวุธของเขาออกมา
ไม่มีความจำเป็นต้องรีบใช้อาวุธ
อาวุธจะปรากฏออกในทันทีจากแหวนมิติเก็บสมบัติในช่วงเวลาวิกฤติ นั่นจะเป็นช่วงเวลาที่ฝ่ายตรงข้ามประมาท ลินลี่ย์ไม่ให้ความสนใจอัลเบิร์ตที่เอาแต่พล่ามไร้สาระอย่างหยิ่งยโส แต่กลับระมัดระวังอัศวินโดยรอบแทน
“บุก! ฆ่ามัน!”
อัลเบิร์ตสั่งอย่างย่ามใจ
แต่ช่วงเวลาขณะที่เสียงอำมหิตก็ดังออกมาเช่นกัน “ฆ่า!!” ทันใดนั้นลำแสงขาวหกสายฉายออกมาเชื่อมถึงกันและกันทันที ลักษณะที่ปรากฏเป็นวิชาเดียวกับที่หกมือปราบพิเศษเคยใช้กักลินลี่ย์มาก่อน
ค่ายกลที่ผสานกันโจมตีนั้นความจริงก็คือค่ายกลเทวทูตศึก
แต่ในแง่ของพลังเมื่อเทวทูตเป็นผู้ใช้ค่ายกลนี้ ย่อมทรงพลังกว่ามากมายนัก
“ควั่บๆ” ลำแสงทั้งหกสาย เมื่อเชื่อมโยงถึงกันกลับทะลุผ่านร่างอัศวินหลายคนที่ขวางทางอยู่ สามคนในนั้นตายทันที ขณะที่อีกแปดคนบาดเจ็บสาหัส
“อ๊า!”
หนึ่งในอัศวินถูกแทงทะลุอกมีรูเล็กๆ ปรากฏให้เห็น อัศวินผู้นี้ร่วงจากม้าทันที เขาร้องโหยหวนสองครั้งก็เงียบไป
“ฮ่าฮ่า เกือบเก้าปีแล้วสินะ ศาสนจักรเจิดจรัสไม่รู้จักเรียนรู้กลยุทธ์ใหม่เสียเลย” ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะลั่น
“เกิดอะไรขึ้น?” อัลเบิร์ตหวาดกลัว
บุรุษวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆอัลเบิร์ตมีประสบการณ์มาก หน้าของเขาเปลี่ยนทันที เขาตะโกน “รีบหนี เร็ว,หกคนนั้นไม่ใช่ศิษย์ของแฮนด์เซน พวกมันมาจากศาสนจักรเจิดจรัสและพวกมันเป็นยอดฝีมือระดับเก้ากันทุกคน หนีไป! ถ้าพวกเจ้าชักช้า ก็จะสายเกินไป!”
อัลเบิร์ตเป็นคนไร้ประโยชน์ที่สุดในเวลานั้น แต่สัญชาตญาณเอาตัวรอดของเขานั้นสุดยอด
“ไฮ่ย่าห์, ไฮ่ย่าห์!” อัลเบิร์ตไม่สนใจเรื่องฆ่าลินลี่ย์ในตอนนี้อีกต่อไป เนื่องจากเขารีบควบม้าหนีไปพร้อมกับบุรุษวัยกลางคนผู้นั้น
อัศวินบางคนติดอยู่ในท่ามกลางค่ายกลเทวทูตศึก บางคนก็หวาดกลัวและพยายามหนีออกไป แต่ทันทีที่วิ่งเข้าไปในแสงร่างของพวกเขาก็เปลี่ยนสภาพเหลือแต่เถ้าถ่าน ราวกับว่าพวกเขาถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟที่อุณหภูมิสูงจัด
“หืม? ดูเหมือนจะทรงพลังยิ่งกว่ามือปราบพิเศษหกคนนะ” ลินลี่ย์ถอนหายใจชมเชย
“หนี”
อัศวินที่เหลืออยู่ทุกคนหนีไปด้วยความเร็วสูง ขณะที่พวกนั้นไม่ได้ถูกลินดอนฆ่าทุกคนในพื้นที่รกร้าง มีแต่เพียงลินลี่ย์บีบีและกลุ่มของลินดอนเหลืออยู่
“บึ้ม”
เกราะที่สวมอยู่บนร่างลินดอนและคนของนางแตกกระจัดกระจายออกไปพวกเขากลับสู่ลักษณะปกติ หนึ่งสตรีห้าบุรุษ กลุ่มของลินดอนจ้องมองลินลี่ย์อย่างมั่นใจ
“ลินลี่ย์ เจ้าไม่กลัวหรือ?” ลินดอนหัวเราะใส่ลินลี่ย์อย่างเย็นชา
ลินลี่ย์จ้องมองลินดอน “ข้าต้องยอมรับนะว่าความสามารถในการแสดงของเจ้าน่ากลัวมากจริงๆ เจ้าสามารถตีบทผู้หญิงหัวดื้อได้แตก อย่างไรก็ตามเจ้าไม่รู้สินะว่าเมื่อแปดปีที่แล้วในเมืองเฮส ข้าได้ฆ่าหกมือปราบพิเศษที่ใช้รูปแบบผสานพลังโจมตีแบบนี้มาแล้ว”
“แครก...”
ขณะที่ลินลี่ย์พูดเกล็ดมังกรสีดำทะลุผ่านชุดของเขา ขณะที่หนามแหลมเย็นโผล่ออกมาจากหลังของเขา หน้าผาก ศอกและเข่า หางมังกรยาวงอกออกมาจากด้านหลังเขาด้วยเช่นกัน
ตาของลินลี่ย์เปลี่ยนเป็นเย็นชาสีทองเข้มอำมหิต
“ลินลี่ย์ เราไม่เหมือนกับหกคนนั้น” ลินดอนพูดอย่างใจเย็น “วันนี้ เจ้าจะต้องตายแน่นอน”ขณะที่นางพูดความหนาแน่นของแสงเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เหมือนกับจะครอบคลุมท้องฟ้าเหนือพื้นที่
ตาสีทองเข้มของลินลี่ย์กวาดมองดูคนทั้งหก เขาพูดเสียงเย็นชา “ข้าก็ต้องบอกอะไรบางอย่างกับพวกเจ้า ข้า... เกลียดค่ายกลโจมตีนี้จริงๆ”
ลินลี่ย์ยังจำได้ถึงแสงสีขาวที่เหมือนฝันนั้น
“ปู่เดลิน” ลินลี่ย์จำได้ชัดถึงฉากภาพเมื่อแปดปีก่อนนั้น ปู่เดลินเสียสละตนเองฆ่ามือปราบพิเศษทั้งหกคนนั้น ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาปู่เดลินก็หายไปจากจักรวาลตลอดกาล
“ฆ่าเขา”
ลินดอนออกคำสั่งเย็นชา
“ควั่บ!” กลุ่มของลินดอนบุกเข้าหาลินลี่ย์และกรงแสงที่กักลินลี่ย์เริ่มหดตัวด้วยความเร็วสูง ทุกสิ่งทุกอย่างที่สัมผัสกับแสงนั้นสูญสลายเป็นผุยผง
ไม่สามารถป้องกันได้อย่างเต็มที่
“ศาสนจักรเจิดจรัส ฮะฮะ...” ลินลี่ย์หัวเราะเย็นชาใส่ทั้งหกคนที่โจมตีเข้ามา เขาเตะพื้นกระโจนเข้าหาผู้บุกโจมตีคนหนึ่ง
“น่าเศร้า” ลินดอนจ้องมองความพยายามต่อต้านของลินลี่ย์อย่างเย็นชา
เมื่อพลังบรรจบกัน พลังป้องกันของพวกเขาสูงส่งเหลือเชื่อ ไม่มีใครในระดับต่ำกว่าเซียนจะสามารถทำร้ายพวกเขาได้ พวกเขาไม่สนใจการโจมตีของลินลี่ย์แม้แต่น้อย
“คนที่หนึ่ง!”
เสียงของลินลี่ย์ดังขึ้นเหมือนฟ้าผ่าทันที ขณะมือของเขาปรากฏดาบหนักอดาแมนเทียมขึ้นมาฉับพลันเป็นรูปเงาเลือนราง ดาบหนักอดาแมนเทียมฟันใส่อากาศกระแทกใส่ร่างของเทวทูตคนหนึ่ง
“น่าขัน”
ทั้งหกคนไม่สนใจแม้แต่น้อย เทวทูตระดับเก้าผู้นั้นไม่ได้ตั้งใจหลบตั้งแต่แรก แต่เรื่องแปลกก็เกิดขึ้นแรงฟันของลินลี่ย์ไม่ได้ทำให้แสงสีขาวกระตุ้นการทำงานและป้องกันขัดขวางไว้
สัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดิน– พลังคลื่นร้อยชั้น!
ตาสีทองเข้มของลินลี่ย์จ้องมองบุรุษนั้นอย่างเย็นชา
เทวทูตระดับเก้าผู้นี้รู้สึกแต่เพียงว่ามีแรงสั่นสะเทือนราวกับค้อนยักษ์หวดใส่อวัยวะภายในครั้งแล้วครั้งเล่าทันที พลังธาตุแสงของเขาไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงกับการต่อต้านพลังโจมตีเช่นนี้
“บึ้ม บึ้ม บึ้ม!”
พลังโจมตีแปลกประหลาดยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเทวทูตและทั้งร่างกายด้วยเช่นกัน
“อ๊า!”
เทวทูตระดับเก้าร่วงลงกับพื้น ค่ายกลเทวทูตศึกในตอนนี้ขาดคนไปหนึ่งคนจึงถูกทำลายและแสงสีขาวหายไป ลินดอนกับเทวทูตอีกสี่คนจ้องมองฉากภาพประหลาดข้างหน้า พวกเขาไม่อาจทำใจเชื่อได้
ลินลี่ย์แสยะยิ้ม
แสงขาวนั้นคือพลังงานสายธาตุแสงในแก่นพลังงานมีสิ่งที่เหมือนกับปราณยุทธ แต่สัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดินซึ่งลินลี่ย์ใช้เป็นพลังโจมตีอีกรูปแบบหนึ่งที่แตกต่าง เมื่อใดก็ตามที่เผชิญหน้ากับสิ่งขัดขวางมันจะส่งผ่านไปเข้าไปได้โดยพลังโจมตีลดลงเล็กน้อย ไม่มีสิ่งใดที่ขัดขวางมันได้
นี่เรียกว่าผสานโจมตี แต่ก่อนนั้นสัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดินไม่มีอะไรนอกจากเป็นสิ่งที่น่าขัน
พลังโจมตีเต็มที่ของลินลี่ย์ทำลายอวัยวะภายในของเทวทูตระดับเก้าในการฟันครั้งเดียวเขาตายอย่างสมบูรณ์และวิญญาณของเขาสลายไปจากโลก
“เจ้า...เจ้าฆ่าเขาหรือ?” ลินดอนและเทวทูตอีกสี่ตะลึง
ค่ายกลเทวทูตศึกแตกสลายในลักษณะนั้น
“ค่ายกลโจมตีไม่มีประโยชน์กับข้า” ดวงตาอำมหิตของลินลี่ย์กวาดมองพวกเขา “นี่เพิ่งล้มพวกเจ้าไปคนเดียวเท่านั้น ตอนนี้เป็นพวกเจ้าที่เหลือบ้าง”
ในทวีปยูลาน ทุกคนรวมทั้งยอดฝีมือระดับเซียนจะตายต่อเมื่อร่างถูกทำลาย
เมื่อเทวทูตเหล่านี้ประทับร่างมนุษย์เพื่อต่อสู้แม้เมื่อพวกเขาทุ่มเทพลังต่อสู้ พวกเขาไม่ได้ทำลายร่างกายของพวกเขาจริงๆ พวกเขาแค่ละเลยความสามารถทางร่างกายของพวกเขาและบรรจุพลังของพวกเขาให้มากเกิน
วิธีเพิ่มพลังจนเกินพิกัดนี้จะทำให้ร่างแตกสลายลงช้าๆ
การพังทลายของร่างกายนี้กล่าวกันว่าเพียงสามสิบวินาที ร่างจะทรุดโทรมลงจนถึงจุดที่วิญญาณอยู่รอดในร่างนั้นไม่ได้อีกต่อไป
แต่เนื่องจากลินลี่ย์เล่นงานที่อวัยวะภายในของเทวทูตโดยการฟันเพียงครั้งเดียว ต่อให้เทวทูตต้องการทุ่มเทพลังจนถึงจุดนี้ก็ยังนับว่าสายเกินไป
“ท่านหญิง?” เทวทูตอีกสี่คนมองดูลินดอน
แสงศักดิ์สิทธิ์ฉายลงมาที่ใบหน้าลินดอนทันที “เนื่องจากมนุษย์ผู้นี้มีพลังโจมตีที่ไม่ธรรมดา เราไม่ต้องห่วงชีวิตของเราอีกต่อไป เตรียมคืนสู่อ้อมอกพระเจ้า”
“ขอรับ ท่านหญิง”
ดวงตาของพวกเขาเยือกเย็นและเย็นชา หน้าของพวกเขาเริ่มสว่างนวลด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
“พรึ่บ, พรึ่บ...” ปีกสีขาวคล้ายภาพลวงตาคู่หนึ่งงอกออกจากหลังของคนทั้งสี่ทันที ในพริบตา คนธรรมดาทั้งสี่นั้นตอนนี้มีปีกและบินขึ้นท้องฟ้ากันทุกคน
มนุษย์มีปีกทั้งสี่คนบินอยู่ในท้องฟ้าเห็นเช่นนี้ลินลี่ย์รู้สึกตกใจ
“เทวทูต! พวกเขาเป็นเทวทูต!”
หนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งทรงพลังในตำนานได้ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขา แม้แต่เทวทูตสองปีกที่อ่อนแอที่สุดก็ยังน่ากลัว มีพลังเท่ากับยอดฝีมือระดับเซียนชั้นต้น
“ฆ่า” ลินดอนออกคำสั่งโดยไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่น้อย
ทั้งนี้เพราะร่างของคนทั้งสี่นี้เริ่มมีโลหิตพุ่งออกมา และไหลหยดออกมาอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่าร่างของพวกเขาเริ่มเสื่อมโทรมแล้วและร่างประทับเลือดเนื้อเริ่มพังทลาย พลังงานระดับเซียนชั้นต้นยังมีความสามารถที่ห่างไกลจากร่างเหล่านี้
พวกเขามีเวลาไม่มาก
พวกเขาต้องฆ่าลินลี่ย์ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
“ควั่บ” เพียงกระพือปีกแสงครั้งเดียวเทวทูตทั้งสองก็กลายเป็นรูปเลือนรางสีขาวขณะที่พวกเขาพุ่งเข้าจู่โจมลินลี่ย์