ตอนที่ 8-44 เพื่อนบ้าน
เมืองเอกเบซิลคือฐานที่ตั้งของตระกูลชาร์คมาแต่โบราณกาลแล้ว ที่นี่อยู่ในมณฑลพายัพ,ในมณฑลพายัพนี้ตระกูลชาร์คถือได้ว่าเหมือนกับเป็นกษัตริย์ประจำท้องถิ่น ระหว่างที่มีการประชุมตระกูลประจำปีจะมีตระกูลสาขาต่างๆเข้ามายังเมืองเอกของมณฑล
ในเมืองเอกของมณฑลพายัพนี้มีปราสาทที่ใหญ่โตโอฬารและเก่าแก่มาก นี่คือที่ทำการของตระกูลชาร์ค
วันที่ 14 พฤศจิกายนปี 10008 ตามปฏิทินยูลาน นี่คือวันที่ปราสาทตระกูลชาร์คมักถูกตกแต่งอย่างงดงามประณีตและสว่างไสวอยู่ตลอด จำนวนของทหารยามเฝ้าประตูเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าเช่นกันเมื่อเทียบกับในอดีต นอกจากนี้สมาชิกตระกูลสาขาที่มาจากทั่วทุกมุมโลกจะต้องผ่านประตูนี้
“พี่เจนน์,ปราสาทของตระกูลใหญ่กว่าของเราอย่างน้อยก็สิบเท่าเลย” คีนมองผ่านม่านประตูรถม้าด้วยความรู้สึกอัศจรรย์ใจ
รถม้าคันนี้มีคนอยู่สามคนคือคีน ไอรีนและเจนน์
เจนน์จ้องมองประตูเช่นกันนางพยักหน้ากล่าว “ตระกูลมียอดฝีมือมากกว่าของเราเยอะ ข้าสงสัยว่าท่านปู่ทวดคงจะอยู่ที่นั่นเช่นกัน”
ท่านปู่ทวดที่เจนน์พูดถึงก็คือแม็คเคนซี่
แต่ละปีที่จัดงานชุมนุมของตระกูลบางครั้งแม็คเคนซี่ก็เข้าร่วม แต่บางครั้งก็ไม่ร่วม อย่างไรก็ตามเมื่อสองปีที่แล้ว แม็คเคนซี่ได้ปรากฏตัวอีกครั้งหนึ่ง ภาพดังกล่าวสร้างความพอใจให้เจนน์และคีนซึ่งมีความปรารถนาจะได้พบเห็นวีรบุรุษที่ทุกคนในตระกูลเทิดทูนบูชา
“เป็นไปได้มาก ไอรีนยังไม่เคยเห็นท่านปู่ทวดเลย” คีนจับมือภรรยา
ขบวนมาถึงปราสาทอย่างรวดเร็วและหยุดชะงัก เจนน์ คีนและไอรีนรู้กฎกันทุกคน พวกเขาลงจากรถม้า
“เจนน์!” เสียงดีใจกระตือรือร้นดังขึ้น
ทันทีที่ได้ยินเสียงนี้เจนน์ขมวดคิ้ว แต่จากนั้นนางก็ฉีกยิ้ม นางหันหน้าไปมองบุรุษหนุ่มผู้ที่ผมเป็นประกาย “พี่อัลเบิร์ต”
“พี่อัลเบิร์ต!” คีนและไอรีนทักทายอย่างสุภาพ
อัลเบิร์ตดูเหมือนเป็นคนที่มั่นใจในตนเอง การได้รับการศึกษาตั้งแต่เขาอายุยังน้อยทำให้เขามีกลิ่นอายของตระกูลขุนนางหัวโบราณ แต่เมื่อดูจากหน้าตาของเขา ใครๆก็สามารถบอกได้ว่าคนผู้นี้เป็นเสือผู้หญิงสมองกลวง
แต่อัลเบิร์ตเป็นบุตรคนโตที่สุดของประมุขตระกูลชาร์คและจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งคนต่อไป
ประมุขตระกูลในอนาคตของตระกูลชาร์คใครจะกล้าดูถูกอัลเบิร์ตและไม่ให้เกียรติเขาเล่า?
“เจนน์, เจ้ายิ่งโตก็ยิ่งสวยขึ้นทุกปีเลยนะ คีน ไอรีนอย่าเอาแต่ยืนบื้ออยู่ตรงนี้เลย เข้ามาเถอะ” อัลเบิร์ตพาเจนน์และคนอื่นเข้าปราสาทอย่างเป็นกันเอง
เพราะการชุมนุมของตระกูลจัดขึ้นในวันที่15 พฤศจิกายน คนจึงมาถึงในวันที่ 14 น้อยมาก คืนวันที่ 14 ปราสาทชาร์คมีชีวิตชีวามากขึ้น
“พี่เจนน์ รู้สึกระอาอัลเบิร์ตอีกแล้วเหรอ?”
คีนเดินมาที่ห้องเจนน์ เมื่อเห็นเจนน์ยืนอยู่ที่หน้าต่างและถอนหายใจ เขาเดาได้ทันทีว่าเจนน์คิดเรื่องอะไรอยู่
เจนน์หันหน้ามามองน้องชายนาง นางกล่าวอย่างหงุดหงิด “อัลเบิร์ตนั้นไม่มีเจตนาที่ดี แต่ละครั้งที่เราประชุมตระกูล เขาจะมาคอยเกาะแกะกวนใจข้าหลายวันนี้คงไม่มีทางผ่านไปอย่างราบรื่น”
“พี่” คีนคว้ามือพี่สาวไว้ และพูดในเชิงขอโทษ “ข้ารู้ว่าเหตุผลเดียวที่พี่ยังไม่ไปพร้อมกับพี่ลีย์เป็นเพราะพี่ต้องการใช้เวลาอยู่กับข้าต่ออีกหลายวัน”
“คีน” เจนน์ลูบศีรษะน้องชายด้วยความรัก “คีน, เดี๋ยวนี้เจ้าสูงกว่าข้าแล้ว”
คีนก้มหน้าเงียบ
เจนน์ดูแลคีนตั้งแต่พวกเขายังอายุน้อย ตั้งแต่ตอนที่พวกเขามาถึงในสหภาพศักดิ์สิทธิ์ มารดาของพวกเขาก็ป่วยอยู่หลายครั้งครา ดังนั้นเจนน์จึงต้องดูแลคีนเหมือนที่มารดาทำ
ความรักความผูกพันระหว่างสองพี่น้องนี้ลึกซึ้งมาก
“เจนน์, น้องเจนน์” เสียงอัลเบิร์ตดังขึ้นอีกครั้ง
เจนน์กับคีนขมวดคิ้วทั้งคู่ ไม่มีร่องรอยความยินดีอยู่ในใบหน้าพวกเขาในตอนนี้เลย อัลเบิร์ตผู้นี้มักน่ารำคาญและอึดอัดตามพัวพันเหมือนกับงูเหลือม
ในพริบตาอัลเบิร์ตก็มาถึงที่ทางเข้าประตู
“เจนน์, โอวคีน, เจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วย” อัลเบิร์ตยิ้มกว้าง “เจนน์,เรากำลังจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ที่โถงใหญ่ เจนน์, ไปด้วยกันเถอะ ข้าให้คนจัดเตรียมชุดราตรีที่งดงามไว้ให้เจ้าหลายๆชุดแล้ว”
เจนน์ส่ายศีรษะ “ไม่จำเป็น, ข้าไม่สบายและรู้สึกเวียนหัว”
“ทำไมเจ้าถึงรู้สึกไม่สบายล่ะ? ขอข้าดูซิ” อัลเบิร์ตก้าวเข้ามาตั้งใจจะแตะหน้าผากเจนน์ เจนน์ถอยออกไปสองก้าวทันที
คีนหัวเราะคิกคักอยู่ด้านข้าง “พี่อัลเบิร์ต, พี่สาวข้ารู้สึกไม่สบาย ปล่อยให้นางพักก่อนเถอะ”
อัลเบิร์ตยืนอึ้งอยู่กับที่ครู่หนึ่งจากนั้นหัวเราะและพยักหน้า “ก็ได้” จากนั้นเขาจ้องมองคีน “คีนเจ้ามากับข้าสักเดี๋ยว น้องเจนน์ พักผ่อนให้ดีล่ะ, ถ้ามีอะไรที่เจ้าต้องการก็บอกให้พวกบ่าวทราบด้วย” เขาทำท่ากับคีน
คีนพยักหน้าจากนั้นเดินตามอัลเบิร์ตออกไป
ภายในสวนดอกไม้
อัลเบิร์ตกับคีนกำลังเดินด้วยกัน อัลเบิร์ตยังเงียบ และคีนก็ไม่พูดอะไร
หลังจากนั้นเป็นเวลานาน...
“คีน, รู้สึกยังไงบ้างที่ได้เป็นเจ้าเมือง?” อัลเบิร์ตถามทันที
คีนสะดุ้ง เขาตอบช้าๆ“ก็ดีนะ”
อัลเบิร์ตหัวเราะและพยักหน้า “แน่นอนว่าดี เจ้าปกครองคนเป็นล้านๆนะคีน เจ้าต้องเข้าใจว่าทั่วทั้งมณฑลพายัพมีเมืองปกครองหลักอยู่เพียงสิบเมือง ตำแหน่งอย่างเจ้าเมืองเป็นที่ต้องการอย่างมาก คนหลายคนจับตามองตำแหน่งเหล่านั้นตาเป็นมัน ที่สำคัญคือตระกูลชาร์คเราเป็นตระกูลใหญ่”
ราวกับจะเข้าใจอะไรบางอย่างคีนพยักหน้า
ตระกูลชาร์คเริ่มมีสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง ตามปกติแต่ละรุ่นจะมีจำนวนมากกว่าที่ผ่านมา ในอดีตเหตุผลที่บิดาของคีนเคานท์เว็ดถือว่ามีความโชคดีพอจึงได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองเพราะเขาสนิทมากกับประมุขตระกูลคนก่อน
ความจริงเจ้าเมืองในเมืองต่างๆถูกควบคุมและตัดสินโดยประมุขตระกูลชาร์ค
ที่สำคัญตระกูลชาร์คมีอำนาจบริหารจัดการมณฑลพายัพแต่เพียงตระกูลเดียว
“คีน,เจ้าควรรู้ว่าญาติผู้น้องข้าหลายคนก็โตกันแล้ว อย่างเช่นน้องสามของข้า ตอนนี้เขาเป็นคนสำคัญในกองทัพ คนมากมายเหล่านี้อยากจะเป็นเจ้าเมืองกันทั้งนั้น” อัลเบิร์ตมองดูคีนด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มและไม่ยิ้ม
คีนรู้ว่าอัลเบิร์ตจะพูดอะไร
“และไม่ใช่แค่พี่น้องของข้า ลุงๆของข้าก็เช่นกัน ในอดีตพวกเขาไม่สามารถเอาชนะพ่อเจ้าได้ แต่พวกเขาไม่เคยยอมแพ้”
อัลเบิร์ตมองดูคีน “คีน, ข้าประทับใจในตัวเจ้ามากแต่เจ้าก็ต้องเข้าใจนะว่า การจะได้บางสิ่งมาก็ต้องมอบบางอย่างออกไป”
คีนยังคงเงียบ
“คีน, เจ้าได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองไปแล้ว ใช่,แต่ข้า, คือประมุขตระกูลในอนาคต สามารถทำให้เจ้าสูญเสียมันไปได้เช่นกัน”
“พี่อัลเบิร์ต พูดความต้องการของท่านออกมาตามตรงดีกว่า” คีนฝืนยิ้มเต็มหน้า
อัลเบิร์ตหัวเราะ “ฮ่าฮ่า, เจ้าคือญาติผู้น้องของข้าจริงๆ แน่นอน ข้าไม่บังคับเจ้าให้ทำอะไรแน่ ข้าแค่หวังว่าในอนาคตเราจะมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่นเจ้าสามารถยกพี่สาวเจ้าให้แต่งงานกับข้า เจ้าคิดว่ายังไงบ้าง?”
คีนรู้สึกโกรธ
เขารู้ความตั้งใจของอัลเบิร์ตมานานแล้ว สุภาพสตรีที่อ่อนโยนงดงามมีคุณธรรมอย่างเจนน์โดยเฉพาะหลังจากเริ่มฝึกเวทธาตุน้ำแล้วกลับขัดเกลาจนนางมีเสน่ห์มากขึ้น
อัลเบิร์ตลุ่มหลงนางมาตลอดเวลาช่วงนี้
แต่อัลเบิร์ตอายุสามสิบปีแล้วและมีภรรยาสามคน ถ้าพี่สาวของคีนแต่งงานกับเขา นางก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าภรรยาน้อยคนหนึ่งเท่านั้น
นอกจากนี้พี่สาวของเขากำลังติดตามลินลี่ย์
“พี่อัลเบิร์ต ข้าบอกท่านไปแล้วว่าในอดีตพี่สาวข้ามีคนที่นางชอบอยู่แล้ว” คีนตอบอย่างจนปัญญา
“ตลกน่ะ” อัลเบิร์ตแค่นเสียง “คีนถ้าพี่สาวเจ้ามีคนที่นางชอบ ทำไมนางถึงยังไม่แต่งงาน? และถ้านางชอบใครคนหนึ่ง เราก็แค่ส่งคนไปฆ่าเขาก็สิ้นเรื่อง”
อัลเบิร์ตต้องการเจนน์มานานแล้ว ไม่เพียงแต่นางงดงามเท่านั้น นางยังเป็นจอมเวทคนหนึ่ง หลังจากที่คนๆ หนึ่งฝึกเวทอายุของพวกเขาจะยืนยาวขึ้น มีแนวโน้มว่าแม้เมื่อนางจะอายุถึงหกสิบหรือเจ็ดสิบปี เจนน์ก็ยังคงดูเหมือนสุภาพสตรีอายุสามสิบ อัลเบิร์ตย่อมต้องการได้ภรรยาอย่างนี้เป็นธรรมดา
“ท่านไม่สามารถฆ่าเขาได้ คนที่พี่สาวข้าชอบเป็นยอดฝีมือระดับเก้า” คีนปั้นเรื่องในใจ
“นักสู้ระดับเก้า?” อัลเบิร์ตไม่พอใจ
นี่เป็นเรื่องลำบาก ถ้าปัจจุบันเขาเป็นประมุขตระกูล เขาสามารถใช้ทหารที่แข็งแกร่งของตระกูลออกไปฆ่ายอดฝีมือระดับเก้าก็ย่อมได้ แต่เขาเป็นเพียงผู้สืบทอด คนที่อยู่ในมือของเขามีค่อนข้างจำกัด ทั้งพวกเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งมาก
“คีน, จะให้ดีที่สุด เจ้าอย่าโกหกข้าก็แล้วกัน” อัลเบิร์ตจ้องคีนอย่างเย็นชา
คีนคำนับเล็กน้อย “พี่อัลเบิร์ต ข้าย่อมไม่โกหกแน่นอน พี่สาวข้าชอบเขา เรื่องนั้นข้าทำอะไรไม่ได้ พี่อัลเบิร์ต ข้าไม่รบกวนท่านอีกต่อไปแล้ว ขออำลา”
อัลเบิร์ตแค่นเสียงเย็นชาจ้องมองดูคีนเดินจากไป
“ห้าปี” อัลเบิร์ตจ้องมองตำแหน่งห้องของเจนน์ “ครั้งนี้ ข้าจะไม่ปล่อยให้เจนน์หลุดมือไปอีกอย่างแน่นอน ดังนั้นต่อให้เขาเป็นยอดฝีมือระดับเก้าแล้วไงเล่า? เขากล้ารุกรานตระกูลชาร์คหรือ?” นัยน์ตาของอัลเบิร์ตดุร้ายเหมือนหมาป่า
วันที่ 15ลินลี่ย์ไปที่ทำการหอการค้าดอว์สันแต่เช้าตรู่ เขาใช้ป้ายตราแสดงสถานะผู้อาวุโสส่งคนไปที่หมู่บ้านยอดเมฆเพื่อแจ้งซาสเลอร์และคนอื่นว่าเขาจะไปถึงล่าช้าหน่อย
และจากนั้นลินลี่ย์พักอยู่เงียบๆในโรงแรมไนล์
มีเรือนเกินกว่าสิบหลังอยู่ที่โรงแรมไนล์ทั้งหมดมีขนาดสูงและสร้างปล่องไฟไว้ ลินลี่ย์พักอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง
ภายในลานบ้านของเขาลินลี่ย์เพิ่งเสร็จงานแกะสลักและจากนั้นเขาเริ่มควงดาบหนักอดาแมนเทียมด้วยความพอใจ
บีบีและแฮรุทั้งสองพักอยู่บนพื้นอย่างเกียจคร้าน
หลังจากฝึกด้วยดาบหนักมาสักพักลินลี่ย์ก็หยุด ทันใดนั้นเขาเกิดความคิดในใจ “เป็นเวลาหนึ่งปีแล้วตั้งข้าถึงระดับแปดชั้นสูง ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ข้ามักจะมีความรู้สึกว่าข้าสามารถบรรลุระดับใหม่ได้ แต่เพราะเหตุผลบางประการ ยังมีส่วนพลาดเล็กๆน้อยๆ บางอย่าง”
สำหรับคนธรรมดาการจะบรรลุจากระดับแปดชั้นสูงเป็นระดับเก้าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แต่สำหรับสุดยอดนักรบ ความแตกต่างระหว่างระดับทั้งสองนั้นยิ่งใหญ่มาก เมื่อเข้าสู่ระดับเก้า ลินลี่ย์ในร่างมังกรแปลงจะเป็นนักสู้ระดับเซียน
“ข้าไม่อาจเร่งเกินไปได้ ความเร็วในการฝึกฝนของข้าก็นับว่าเร็วมากอยู่แล้ว” ลินลี่ย์ยังคงสงบเมื่อจ้องไปทางทิศใต้ลินลี่ย์เริ่มคิดถึงเรื่องราวของวอร์ตันน้องชายของเขาอีกครั้ง “เมื่อข้าบรรลุระดับเก้า ข้าจะไปยังเมืองหลวงเพื่อพบกับน้องชาย ข้าไม่ได้พบวอร์ตันมาเป็นเวลานานแล้ว”
ตั้งแต่วอร์ตันจากบ้านไปเมื่อเขาอายุหกปีมุ่งสู่จักรวรรดิโอเบรียนพร้อมกับพ่อบ้านแอชลี่ย์สองพี่น้องก็ไม่เคยพบกันอีกเลย
ตอนนี้วอร์ตันอายุยี่สิบสองปีแล้ว อีกเดือนหนึ่งเขาจะอายุยี่สิบสามปี
“หืม?” ทันใดนั้นลินลี่ย์หันไปมองที่ลานกำแพง
บ้านเดี่ยวดำเนินกิจการโดยโรงแรมอยู่ใกล้กันทั้งหมดและจะมีที่ดินกั้นแบ่งไว้ เวลานี้ในบ้านหลังที่ติดกับลินลี่ย์ มีคนเช่าพักอยู่และคนผู้นั้นปีนกำแพงและแอบมองมาทางตำแหน่งนี้
แขกที่เข้าพักนี้เป็นสุภาพสตรีที่น่ารักมาก ดวงตาที่กระจ่างของนางจ้องมาทางลินลี่ย์ แต่สายตานางจับจ้องอยู่ที่เสือดำเมฆาที่อยู่บนพื้น
“โหว, เสือดำอะไร ตัวใหญ่จัง” สุภาพสตรีผู้นั้นกระโดดข้ามกำแพงมาอย่างคล่องแคล่วและวิ่งตรงมาที่แฮรุ
“อย่าแตะต้องเขา” ลินลี่ย์ตะโกนทันที
หญิงสาวนั้นชะงักทันทีนางยิ้มและหัวเราะให้ลินลี่ย์ “พี่ชายข้าไม่เคยเห็นเสือดำที่ตัวใหญ่และน่ารักอย่างนั้นมาก่อน ขอแตะหน่อยได้ไหม?”
สุภาพสตรีผู้นี้มีผมสีเงินและดวงตาของนางทอประกายปัญญา นางยิ้มเต็มหน้า แต่นางชุดที่นางสวมเป็นชุดนักรบหญิง
ลินลี่ย์ประเมินเด็กสาวผมเงินผู้นี้
พลังของนักรบยากจะประเมินได้แค่การมอง แต่ลินลี่ย์สามารถบอกได้จากราศีของเด็กสาวนี่ว่านางอย่างน้อยเป็นนักรบระดับเจ็ดหรืออาจสูงมากกว่านั้น
“แฮรุไม่ชอบให้คนอื่นแตะต้อง” ลินลีย์พูดอย่างใจเย็น
เด็กสาวผมเงินอดทำกระเง้ากระงอดมิได้นางเชิดจมูกใส่ขณะทำท่าไม่พอใจ “ฮึ, ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก,อสูรเวทของอาจารย์ข้ายังยอมให้ข้าแตะต้องได้บ่อยๆ เลย” สตรีผมเงินวิ่งเข้าไปหาแฮรุ
“โฮกกกก”แฮรุยืนขึ้นทันทีขณะที่มันแยกเขี้ยวใส่เด็กสาวผมเงินอย่างเย็นชา
เด็กสาวผมเงินสะดุ้งทันที นางถอยออกไปสองก้าว
“ข้าบอกเจ้าแล้ว แฮรุไม่ชอบให้ใครแตะต้อง พอเถอะ เจ้ากลับไปที่ของเจ้าได้แล้ว” ลินลี่ย์ขอให้นางจากไป
หญิงสาวผมเงินยิ้มยั่วยวนให้ลินลี่ย์ “อาจารย์ของข้าบอกข้าว่าอสูรเวทประเภทเสือดำน่ากลัวมาก อย่างนั้นพี่ชาย ท่านก็ต้องแข็งแกร่งมากเช่นกัน ข้าขอซ้อมมือกับท่านได้ไหม?”
“ซ้อมมือ?” ลินลี่ย์ไม่ชอบให้ชีวิตของเขาต้องถูกคนอื่นรบกวน
“ข้าขอแนะนำตัวเองก่อน ข้าชื่อดันลิน” หญิงสาวผมเงินพูดพร้อมกับยิ้มน่ารัก
“เจ้าเรียกข้าว่าลีย์ก็ได้ แต่ข้าไม่มีเวลาให้เจ้า ตอนนี้เจ้ากลับไปได้แล้ว” ลินลี่ย์ยังคงพูดอย่างเยือกเย็น สำหรับเด็กสาวที่อย่างน้อยเป็นนักสู้ระดับเจ็ด นางไม่โผล่ออกมาง่ายๆ เป็นแน่
เด็กสาวผมเงินทำท่างอนอย่างช่วยไม่ได้ “โอว เข้าใจแล้ว”และจากนั้นนางหันหลังจากไป แม้ว่าใจนางจะเต็มไปด้วยความหงุดหงิด “ลินลี่ย์ผู้นี้เย็นชาจริงๆ จะเข้าใกล้เขาเป็นเรื่องยาก แต่ข้าไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แน่ ถ้าข้าสามารถฆ่าเขาได้ง่ายๆ ข้าก็จะทำ”
เด็กสาวผมเงินผู้นี้ก็คือลินดอน
แต่ว่ากันในเรื่องของอารมณ์ลินดอนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ในอดีตนางเป็นเทวทูตที่เย็นชา แต่ตอนนี้นางกลับกลายเป็นน่ารักกระตือรือร้น ต้องยอมรับว่าฝีมือในการแสดงของนางนั้นเข้าขั้นน่ากลัวจริงๆ
“โอว, พี่ลีย์ ท่านเป็นประติมากรหรอกหรือ?” ลินดอนมองดูรูปสลักที่ลินลี่ย์เพิ่งสลักเสร็จและวิ่งมาดูด้วยความตื่นเต้น นางจ้องมองดูอย่างมีความสุข “อาจารย์ของข้าชอบรูปแกะสลักแต่เขาไม่รู้วิธีแกะสลักด้วยตนเอง” ขณะที่นางกล่าว ลินดอนตรวจดูรูปแกะสลักด้วยความอยากรู้เป็นอย่างมาก
ลินลี่ย์ขมวดคิ้วไม่พอใจ
เด็กสาวผมเงินผู้นี้น่ารำคาญจริงๆ!