ตอนที่ 8-42 มาตามนัด
ข้อตกลงห้าปี ลินลี่ย์ยังคงจำสัญญาของเขาได้
“หวังว่าเจนน์คงไม่มุ่งมั่นจนเกินไป” ลินลี่ย์รู้ว่าแม้ว่าในที่สุด เจนน์จะเลือกติดตามเขาอย่างมากลินลี่ย์ก็คงได้แต่เพียงปฏิบัติกับนางเหมือนกับที่ทำกับรีเบ็คกาและลีนา
ลินลี่ย์ไม่สามารถตอบสนองความรักของนางได้
หลังจากมีประสบการณ์มากมายและผ่านปัญหาความยากลำบากมาครั้งแล้วครั้งเล่า หัวใจส่วนลึกของลินลี่ย์ถูกแช่แข็งและปิดตาย ชั้นน้ำแข็งครอบคลุมจนหนาและเย็นมาก จะละลายชั้นน้ำแข็งหนารอบหัวใจลินลี่ย์เป็นเรื่องยาก และยากมาก
แต่เมื่อเขาคิดเรื่องของหัวใจ ลินลี่ย์เริ่มคิดถึงเรื่องวอร์ตัน
“ตามข่าวสารที่เยลแจ้งมา รอบปีที่ผ่านมานี้ วอร์ตันและองค์หญิงเจ็ดของจักรวรรดิต่างก็มีใจต่อกัน อย่างไรก็ตามตามเนื้อความที่ระบุในจดหมายกล่าวว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่วอร์ตันจะรับองค์หญิงเจ็ดเป็นคู่ครองได้”
พื้นหลังขององค์หญิงเจ็ดนั้นยอดเยี่ยมมาก นางนุ่มนวล ใจดีงดงามมากและได้รับการทนุถนอมจากพระบิดาเป็นอย่างดี มีคนที่ติดใจสู่ขออยู่มากมาย
สิ่งเดียวที่ลินลี่ย์สามารถทำได้คืออวยพรน้องชายของเขาอย่างเงียบๆและหวังว่าเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยม
อย่างน้อย น้องชายของเขาอาจไม่จบลงแบบเขาก็ได้
ครึ่งเดือนต่อมา
“ท่านลินลี่ย์”เกทส์น้องคนที่ห้าวิ่งแตกตื่นเข้ามาหาลินลี่ย์ที่เพิ่งจะแกะสลักเสร็จ เขากล่าวอย่างตื่นเต้น “พี่ใหญ่ข้าเข้าใจหลักการกวัดแกว่งของหนักเสมือนเป็นของเบาได้แล้ว”
“งั้นเหรอ?”
แค่เพียงพลิกมือ ลินลี่ย์ก็เก็บสิ่วสกัดตรงของเขา และกล่าวด้วยความประหลาดใจ “บาร์เกอร์เข้าถึงเคล็ดระดับกวัดแกว่งของหนักได้เสมือนของเบาแล้วหรือ?”
“ขอรับ ท่านลินลี่ย์ ทำไมท่านไม่ไปดูเองเล่า?” เกทส์แนะนำ
ลินลี่ย์หัวเราะ “เอาอย่างนี้เป็นไงเกทส์ ให้ทุกคนมารวมกันที่ห้องโถงใหญ่ มีบางอย่างที่ข้าต้องบอกพวกเจ้าทุกคน”
“โอว” เมื่อเห็นลินลี่ย์มีเรื่องสำคัญที่เขาต้องการคุยด้วย เกทส์พยักหน้า
หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็เข้ามาในห้องโถงใหญ่ หลายๆ คนกำลังคุยเรื่องที่บาร์เกอร์บรรลุถึงระดับกวัดแกว่งของหนักเสมือนของเบากันอย่างสนุกคล่องปาก
“ทุกท่าน”
ลินลี่ย์ยิ้มขณะเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ “ข้ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องไปจัดการ การเดินทางครั้งนี้ข้าจะไปกับบีบีและแฮรุ สำหรับพวกเจ้าทุกคนที่เหลือขอให้ฝึกที่นี่กันต่อไป ถ้าทุกอย่างเสร็จเร็ว ข้าจะกลับมาภายในสองสามวันถ้าข้าต้องใช้เวลามากกว่านั้นเล็กน้อย ข้าจะให้คนส่งข้อความให้”
“ท่านลินลี่ย์จะไม่พาเราไปด้วยหรือ?” เกทส์ถามเสียงดัง
“เจ้ายังคงฝึกต่อไปเถอะ” ลินลี่ย์หัวเราะขณะมองดูเกทส์ “เกทส์ ถ้าเจ้าถึงระดับ ‘กำหนด’หรือเป็นนักสู้ระดับเก้า ข้าจะพาเจ้าไปด้วย”
เกทส์เงียบทันที เขาไม่ใช่ลินลี่ย์ถึงระดับกวัดแกว่งของหนักเสมือนของเบาได้ก็ว่ายากสำหรับเขาแล้ว ในระดับนี้เขายังเข้าใจแค่พื้นฐานอยู่และยังต้องทำให้เชี่ยวชาญยิ่งขึ้น
“พอเถอะ พรุ่งนี้เช้าข้าจะไปแต่เช้ามืด” ลินลี่ย์ประกาศตามตรง
เช้ามืดวันต่อมา พี่น้องบาร์เกอร์ รีเบ็คกาลีนาและซาสเลอร์ยืนส่งลินลี่ย์ เขาอยู่ในชุดนักรบสีดำยาวขี่อยู่บนหลังของเสือดำเมฆาแฮรุมีบีบีนั่งอยู่ข้างตัวเขา หนึ่งมนุษย์สองอสูรเวทเดินทางออกจากหมู่บ้านยอดเมฆ
ชุดยาวของเขาสะบัดตามลม อาวุธของลินลี่ย์ทั้งหมดถูกเก็บเอาไว้ในแหวนมิติเก็บสมบัติ
“การใช้ดาบหนักอดาแมนเทียมตามเคล็ดสัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดินนั้นทรงพลังมาก เมื่อเคล็ดวิชานี้ถูกนำมาใช้มีแนวโน้มว่าเป้าหมายจะพินาศ ปกติคงจะดีกว่าถ้าเราเอาเทพกระบี่เลือดม่วงมาใช้ต่อ”
ลินลี่ย์บรรลุความเข้าใจการใช้เคล็ดสัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดินอย่างสูงแล้ว
แต่ขณะที่สัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุลมในการใช้เทพกระบี่เลือดม่วงระดับความเชี่ยวชาญของลินลี่ย์ยังต่ำมาก
ลินลี่ย์ไม่เชื่อว่าการใช้กระบี่เลือดม่วงจำเป็นต้องอ่อนกว่าการใช้ดาบหนักอดาแมนเทียมที่สำคัญคือเวทธาตุลมซึ่งเป็นเวทต้องห้ามก็คือคมมีดมิติซึ่งเป็นเวทเป้าหมายเดียว ถ้าวิชาที่มหัศจรรย์นี้สามารถสร้างผลเช่นเดียวกับคาถานี้ตามเหตุผลวิชากระบี่ก็ควรทำได้เช่นกัน
“บีบี, ข้าพบว่าในหลายปีมานี้ เจ้ายังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เจ้าเป็นอสูรเวทแบบไหนกันแน่?” ลินลี่ย์นั่งคร่อมแฮรุหัวเราะให้บีบี
แฮรุคำรามเบาๆ “นายท่านบีบีเป็นตัวประหลาดจริงๆ ข้าไม่เคยเห็นอสูรเวทที่มีพลังประหลาดอย่างนั้น ห้าปีที่แล้วเขายังมีพลังพอๆ กับข้า แต่ตอนนี้เขามีพลังสูงส่งกว่าข้าไปมากแต่เขาก็ยังไม่ถึงระดับเซียน”
ถ้าแฮรุพบกับลูกทั้งสามของไดลินราชันย์แห่งเทือกเขาอสูรวิเศษ เขาจะรู้ว่ายังมีอสูรอื่นๆในโลกที่มีพลังประหลาดยิ่งกว่าบีบีทั้งสามนั้นเป็นอสูรเวทชั้นเซียนที่น่ากลัวสามารถกลืนกินฝูงมังกรเป็นร้อยลงท้องพวกมันได้
“บีบียิ่งเติบโตก็ยิ่งแข็งแกร่ง” ลินลี่ย์หัวเราะ “แต่ดูเหมือนบีบียังคงเติบโตอยู่”
ลินลี่ย์สงสัยว่าบีบียังไม่เติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่
“หึหึ นั่นเป็นไปได้ทั้งนั้น” บีบีเชิดหัวน้อยๆ ของมันขึ้น “เมื่อข้า บีบีเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ข้าคงเป็นอสูรเวทระดับเซียนไปแล้วก็ได้”
อสูรเวทระดับเซียนอย่างเช่น ราชสีห์ตาโลหิต, พญาหมีอำมหิต,พญาวานรขนทองตาม่วง.. อสูรเวทเหล่านี้ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของวงจรการเติบโตของพวกมันเข้าสู่ระดับเซียนแทบจะทันทีที่พวกมันโตเต็มวัย
นี่คือพรสวรรค์ธรรมชาติของอสูรเวทระดับเซียนพวกนี้
“ข้าได้ยินเรื่องอสูรวิเศษระดับเซียนมาแล้ว แต่จะมีเรื่องราวอสูรวิเศษที่เติบโตตามธรรมชาติจนถึงเป็นระดับเทพจะมีบ้างไหม?” ลินลี่ย์ถอนหายใจให้ตัวเอง “ต่อให้มีข้าพนันได้เลยว่าพวกมันจะไม่ปรากฏในดินแดนอย่างทวีปยูลาน
พวกเขายังคงเดินทางต่อไป ตกกลางคืนลินลี่ย์ก็ไปถึงเมืองเซียร์
ตามถนนเมืองเซียร์ มีอยู่หลายคนที่ใช้อสูรเวทเป็นพาหนะขับขี่ อย่างไรก็ตามเกือบทั้งหมดของคนเหล่านั้นขับขี่อสูรเวทระดับต่ำหรือไม่ก็ระดับกลางอย่างเช่นหมาป่าวายุหรือหมาป่าเขี้ยวดาบ
เมื่อลินลี่ย์ขี่เสือดำเมฆาไปตามถนน อสูรเวทอื่นถอยหนีเปิดพื้นที่ให้ด้วยความหวาดกลัว
แม้แต่มนุษย์เมื่อเผชิญหน้ากับอสูรเวทประหลาดอาจจะไม่สามารถประเมินพลังของอสูรได้ แต่เมื่ออสูรเวทระดับต่ำเผชิญกับอสูรเวทระดับสูงพวกมันสามารถรู้สึกถึงความแตกต่างของพลังได้ง่าย
“หืม? เสือดำหรือนี่?”
คนธรรมดาคนหนึ่งอยู่บนถนนในเมืองเซียร์พอเห็นลินลี่ย์ขี่เสือดำตาของเขาเป็นประกายทันที “เขามีเสือดำและเขายังดูเหมือนกับในภาพด้วย ต้องเป็นเขาแน่นอน”
บุรุษผู้นั้นตื่นเต้นมากขึ้น เขาวิ่งออกไปจากถนนทันทีมุ่งหน้าไปตามตรอกเล็ก
ที่ปราสาทที่ว่าการของเมืองเซียร์ ในไม่ช้าลินลี่ย์ก็มองเห็นประตู เขาพบว่าคนจำนวนมากมายกำลังรอต้อนรับอยู่ที่ประตู รอการมาถึงของเขา
“พี่ลีย์”
ชายหนุ่มและหญิงสาวร้องเรียกพร้อมกัน
ลินลี่ย์จำพวกเขาได้ทันที เด็กสาวผู้เติบโตเป็นสาวงามเต็มวัยก็คือเจนน์ ขณะที่บุรุษหนุ่มรูปงามสูงกว่าเจนน์ครึ่งศีรษะมีแนวโน้มว่าจะเป็นคีนที่เติบโตแล้ว
คีนและเจนน์วิ่งเข้ามาหาอย่างตื่นเต้น
คีนหนุ่มน้อยอายุสิบเก้าปีพูดเสียงดัง “พี่ลีย์ ข้าได้ยินจากทหารนานแล้วว่ามีบุรุษคนหนึ่งขี่เสือดำมาถึง ข้าทายได้เลยว่าเป็นท่าน”
ที่สำคัญเสือดำหาได้ยากมาก มีอยู่เพียงสองชนิดคือเสือริ้วดำ, เสือดำเมฆา
“พี่ลีย์” หน้าของเจนน์แดงเล็กน้อยและนางมองลินลี่ย์อย่างคาดหวัง
“ไปคุยกันข้างในเถอะ” ลินลี่ย์พูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
ทุกคนเข้าไปในปราสาท ตั้งแต่พออายุได้สิบหกปี คีนก็รับตำแหน่งหน้าที่เจ้าเมืองอย่างเป็นทางการตอนนี้เขาเป็นเจ้าเมืองที่มีคุณสมบัติครบแล้ว
ปีที่แล้ว คีนมีรับภรรยาสาวงาม ตอนนั้นคีนต้องการเชิญลินลี่ย์มาด้วย แต่โชคไม่ดี เขาไม่รู้ว่าลินลี่ย์อยู่ที่ใด
“เจนน์, เจ้าเป็นนักเวทด้วยหรือ?” เมื่อเดินมาตามทางลินลี่ย์หัวเราะขณะที่เขาถามนางด้วยความสงสัย
เพราะพลังจิตของลินลี่ย์ เขาจึงรู้สึกได้ถึงราศีนักเวทที่เปล่งออกมาจากร่างเจนน์ ราศียังไม่แข็งแกร่งนัก
“ค่ะ นักเวทสายธาตุน้ำค่ะ” ตาของเจนน์เป็นประกายด้วยความตื่นเต้น “พี่ลีย์ หลังจากท่านจากไปแล้วข้าไม่มีอะไรทำตั้งแต่นั้นมาข้ารู้ว่ากับท่านที่ทรงพลังแข็งแกร่งมากถ้าข้าไม่ทำอะไรสักอย่างก็คงเป็นภาระสำหรับท่าน นั่นคงไม่ใช่เรื่องที่ดี ดังนั้นข้าจึงไปทดสอบค่าความสัมพันธ์ธาตุและค่าพลังจิต คาดไม่ถึงเลยว่าข้าจะเหมาะกับการฝึกเวทธาตุน้ำ”
เมื่อนางยังอายุน้อย เจนน์ถูกป้ากดขี่ข่มเหงอย่างต่อเนื่องดังนั้นจึงไม่มีโอกาสฝึกฝนเวทเลย
ไม่มีใครรู้ว่าเจนน์มีความสามารถพอเป็นนักเวทคนหนึ่งได้
“แต่พรสวรรค์ของข้าไม่มากนัก หลังจากผ่านไปห้าปี ข้ายังคงเป็นจอมเวทระดับสาม” เจนน์พูดเบาๆ
โดยทั่วไปแล้วตั้งแต่เด็กยันเป็นผู้ใหญ่พลังจิตของคนจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับอัจฉริยะอย่างลินลี่ย์และเรย์โนลด์ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ฝึกเวทเมื่อพวกเขายังเด็ก เพียงแต่เริ่มฝึกเมื่อถึงวัยสิบแปดปี บางทีพวกเขาอาจเริ่มได้ทันทีด้วยพลังจิตของนักเวทระดับสาม
สิบแปดปีของการเจริญเติบโตบวกกับห้าปีของการฝึกฝน และนางก็ยังเป็นเพียงจอมเวทระดับสาม
พรสวรรค์ของนางนับว่าอยู่ในระดับทั่วไป อาจสูงกว่านักเวทธรรมดาเล็กน้อย
“พี่ลีย์ เชิญนั่ง” คีนกระตือรือร้นเชิญลินลี่ย์ให้นั่งที่นั่งทรงเกียรติ “ข้าขอแนะนำก่อน นี่คือไอรีนภรรยาของข้า”
ที่นั่งอยู่ข้างคีนก็คือสุภาพสตรีงดงามมีดวงตาสีฟ้าน่ารัก ตอนนี้สุภาพสตรีน้อยผู้นี้มองดูลินลี่ย์ด้วยความสงสัย เมื่อนางและคีนเริ่มคบหากันตอนแรก คีนมักจะคุยเรื่องลินลี่ย์ให้นางฟัง
“พี่ลีย์” ไอรีนทักทายอย่างสุภาพ
“คีน, ทุกคน นั่งตามสบายเถอะ อย่ามัวแต่ยืนเป็นพิธีรีตองมากนักเลย” ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะอย่างใจเย็น
ทุกคนนั่งลง แต่คีนยังคงจ้องลินลี่ย์ คีนรู้ดีว่าวัตถุประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ต้องเกี่ยวกับสัญญาห้าปีที่เขาได้ทำไว้
ห้าปีผ่านไปแล้ว ตอนนี้เจนน์อายุยี่สิบสามแล้ว เพราะการฝึกเวทธาตุน้ำผิวพรรณของเจนน์ในตอนนี้จึงเปล่งปลั่งงดงามมากขึ้น และตอนนี้เจนน์อายุยี่สิบสามปีแล้วมีราศีของสตรีเต็มวัยมากขึ้น
ระหว่างห้าปีมานี้ เจนน์มีคนมาสู่ขอหลายคน
และไม่ใช่แค่จากเมืองเซียร์เท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่เจนน์และคีนไปร่วมกิจกรรมประจำปีของตระกูลที่หัวเมืองเบซิล จะมีคนมากมายพยายามเกี้ยวหรือติดต่อกับเจนน์
แต่เจนน์ยังคงปฏิเสธไม่สนองตอบต่อผู้ใดเลย
“เจนน์” ลินลี่ย์มองดูเจนน์และพูดตรงเข้าเรื่องสำคัญทันที “ข้านึกว่าเจ้ายังคงจำได้ถึงข้อตกลงห้าปีของเรา เจนน์ ข้าจะบอกเจ้าเสียแต่ตอนนี้เลยในใจข้า ข้ารู้สึกต่อเจ้าเหมือนกับน้องสาวที่ต้องการมีคนคอยปกป้อง”
เจนน์สั่นไปทั้งตัว แต่ครู่ต่อมานางก็เริ่มหัวเราะ
ที่อยู่ข้างนางก็คือคีนและแลมเบิร์ตพ่อบ้านของเขาลอบถอนหายใจเบาๆ
“พี่ลีย์” เจนน์กล่าว “ข้ารู้สึกโชคดีมากที่มีพี่ชายอย่างท่านไม่ยังไง ไม่ว่าที่ไหน ข้าจะติดตามท่านข้าแค่หวังว่าท่านจะไม่ทอดทิ้งข้าก่อนที่ข้าจะแต่งงานออกไป”
ลินลี่ย์ตัวสั่นเล็กน้อย
แต่เขาเข้าใจทันทีว่าเจนน์คงต้องการทำใจจริงๆ ขณะติดตามเขา แต่เมื่อตัดสินจากสิ่งที่นางกล่าว แน่นอนห้าปีมานี้เจนน์เตรียมใจเรียบร้อยถึงสิ่งที่เขาจะพูดในวันนี้
“อย่างนั้นเจ้าตัดสินใจติดตามข้าไปจากที่นี่สินะ?” ลินลี่ย์ถาม
เจนน์ชะงักเล็กน้อย ที่สำคัญนางสนิทกับคนน้องชายนาง ในใจนางมิอาจทนแยกจากเขาได้ แต่หลังจากมองดูคีนและเห็นว่าเขามีความสุขและความรักกับไอรีนมากเพียงไหน ความกังวลของเจนน์ก็ละลายหายไป
“ข้าสามารถติดตามท่านได้ทุกเมื่อ พี่ลีย์ พี่ลีย์, เราจะไปไหนก่อน?” เจนน์ถาม
“เราจะไปเยี่ยมเมืองเล็กๆ ใกล้กับเมืองเบซิลก่อน” ลินลี่ย์ตอบ
“เมืองเอกเบซิลน่ะหรือ?” คีนสะดุ้งจากนั้นกล่าวทันที “พี่ลีย์ ตระกูลชาร์คของเราจะมีประชุมประจำปีที่เมืองเอกเบซิล ทุกวันที่ 15 พฤศจิกายนของปีก็เหลืออีกสามวัน พี่ลีย์ ท่านจะขยายเวลาและพาพี่สาวข้าไปพร้อมกับข้าได้ไหม? ยังไงก็ไปทางเดียวกันอยู่แล้ว”
คีนมองลินลี่ย์อย่างคาดหวัง
คีนไม่อาจทนแยกจากพี่สาวของเขาได้จริงๆ เขารู้ว่าลินลี่ย์เดินทางไปรอบโลก เมื่อพี่สาวจากไปพร้อมกับลินลี่ย์ ใครจะรู้ว่าอีกนานเท่าใดสองพี่น้องจะได้พบเจอกันอีก?
เขาเติบโตมาพร้อมกับพี่สาว ผลกระทบย่อมลึกล้ำเป็นธรรมดา
ลินลี่ย์มองดูคีนจากนั้นมองดูเจนน์ ในที่สุดเขาพยักหน้า “ก็ได้เราจะไปเมืองเอกเบซิลพร้อมกัน หลังจากเสร็จงานประชุมตระกูลของเจ้าแล้วเจนน์ค่อยไปพร้อมกับข้า”
“ขอบคุณ” คีนกล่าวอย่างซาบซึ้ง
ขณะที่ลินลี่ย์พักอาศัยอยู่ในปราสาทเมืองสองสามวัน กองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสที่ซ่อนอยู่ภายในเมืองเซียร์ตื่นเต้นกันมาก
“เจ้าลินลี่ย์นั่นมาถึงเมืองเซียร์ นี่ช่างยอดเยี่ยม” บุรุษผมขาวคนหนึ่งมีใบหน้าตื่นเต้น “ห้าปีเต็มๆ ในที่สุดเราก็พบลินลี่ย์”
ศาสนจักรเจิดจรัสค้นหาลินลี่ย์อย่างท้อแท้เป็นเวลาห้าปี น่าเสียดาย เนื่องจากพวกเขามีกำลังคนน้อยอยู่ในจักรวรรดิโอเบรียน กองกำลังของพวกเขากระจุกตัวอยู่ในที่ต่างๆเช่นเมืองหลัก เป็นธรรมดาที่พวกเขาไม่สามารถค้นพบลินลี่ย์ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านชนบท
อย่างไรก็ตาม ในเมืองเซียร์นี้ สถานที่ซึ่งลินลี่ย์พลักอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง ศาสนจักรเจิดจรัสมีคนอยู่เป็นจำนวนมาก
“รีบไปส่งข่าวให้ท่านหญิงลินดอนในเมืองชนบท แจ้งนางว่าลินลี่ย์มาถึงเมืองเซียร์แล้ว” บุรุษชุดขาวสั่งบริวารทันที
ลินดอนและเทวทูตอีกห้าคนเมื่อมาถึงจักรวรรดิโอเบรียนก็ค้นหาลินลี่ย์ทั่วทุกแห่งเป็นเวลาสองปีเต็ม แต่ไม่พบอะไร ในที่สุดไม่มีทางเลือกอื่น พวกเขาไปค้นหาตามเมืองน้อยใกล้เคียงเมืองเซียร์พร้อมที่จะดำเนินการเมื่อมีข้อสังเกตได้ทันที
ในไม่ช้าพวกเขาก็ได้รับข่าว พวกเขามุ่งหน้ามาทันที
พวกเขาจะต้องฆ่าลินลี่ย์ให้ได้ ไม่ว่าต้องทุ่มเทแค่ไหนก็ตาม แม้ว่าจะต้องตายพร้อมกับเขา นี่คือชะตากรรมของเทวทูต