ตอนที่ 230 – ตอนที่ 212 โลภจนบ้า ฆ่าทันที
เย่ว์หยางเกาหัวขณะฟังราชันย์ฟ้าบูรพายิงคำถาม “ข้าคิดว่าก็เคยเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดมาก่อน แต่พลังของข้าตกลงไปเยอะหลังจากสังหารถูเฉิงและขวงจั่น”
“เจ้าฆ่าถูเฉิงเรอะ? แม่เจ้าโว้ย!”
ราชันย์ฟ้าบูรพาสั่นด้วยความกลัว เขาปล่อยเย่ว์หยางลงทันทีและจัดปกคอเสื้อให้เขา และหัวเราะอย่างพอใจ “แม้ว่าข้าจะไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิด แต่มีลูกเขยเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดก็ยังดีเหมือนกัน ลูกเขยเจ้าจะแต่งกับลูกโล่วฮัวเมื่อไหร่?” ตอนแรก จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้กำลังจิบน้ำชาอย่างสบายใจ แต่แล้วก็ต้องพ่นน้ำชาพรวดออกมาทันทีที่ได้ยินคำพูดของราชันย์ฟ้าบูรพา ราชันย์ฟ้าบูรพาผู้นี้ใช้วิธีที่หน้าด้านยิ่งนัก เขาเรียกเย่ว์หยางเป็นบุตรเขยได้หน้าตาเฉยได้อย่างไร?
เฟิงเสี่ยวหวินและเสวี่ยเวิ่นเต้ามองหน้ากันและกันจากนั้นหันไปหาผู้เฒ่าเย่ว์ไห่พร้อมกัน พวกเขายืนขึ้นพร้อมกันประสานมือคารวะผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ขณะที่แสดงความยินดีกับเขา
ขณะที่เหยียนเชียนจ้งยังไม่สามารถหุบปากลงได้
ทูตจากนิกายเจดีย์ราชสีห์ตะวันตกและนิกายปราสาทแก้วตะวันตกก็ยืนขึ้นพร้อมกันทันทีและประสานมือคารวะแสดงความยินดีกับผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ ปกติพวกเขาเคยดูถูกตระกูลเย่ว์เมื่อไม่นานนี้ ตอนที่ตระกูลเย่ว์ยังไม่มีนักสู้ปราณก่อกำเนิด อย่างไรก็ตาม ตอนนี้แตกต่างออกไป ตระกูลเย่ว์ไม่เพียงแต่มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดเท่านั้น แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้นั้นยังมีอายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้น นี่เขาใช้แนวความคิดเช่นไรถึงฝึกคนได้อย่างนี้? จากนี้ไป พวกเขาต้องให้คุณค่าและความนับถือตระกูลเย่ว์ให้มากกว่าแต่ก่อน ไม่ว่านิกายของพวกเขาจะเคยปฏิบัติต่อตระกูลเย่ว์มาเช่นไรในอดีตที่ผ่านมา
แม้แต่ผู้เฒ่ากู่หมิงก็ยังรู้สึกตะลึงขณะมองดูเย่ว์หยาง เขารู้สึกประหลาดใจ แต่ก็รีบกลับคืนอยู่ในสภาพหน้าบึ้งตึงเหมือนเดิม
นักสู้ของตระกูลเย่ว์เป็นพวกที่มีความสุขมากที่สุด
เวลานั้น พวกเขาทุกคนมีความสุขและปลาบปลื้มมาก หลายๆ คนตื่นเต้นมากจนถึงกับร้องไห้ออกมา
ในที่สุดก็มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่งถือกำเนิดในตระกูลเย่ว์จนได้ นี่นับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนแรกในรอบหลายพันปี ความหวังของพวกเขาเป็นจริงได้ในที่สุดหลังจากที่พวกเขาหวังและรอมาหลายรุ่นอายุคน
ตระกูลเย่ว์ เป็นตระกูลที่เปราะบางที่สุดในสี่ตระกูลใหญ่ในที่สุดก็มีอำนาจเพิ่มขึ้นได้ บรรพบุรุษของตระกูลเย่ว์ ใช้ความพยายามอย่างมากมายก็เพื่อวันนี้ บางคนตายไปในระหว่างต่อสู้เพื่อตระกูลของเขา บางคนก็มีชีวิตทุกข์ทรมานอยู่ในความเงียบ บางคนก็เลิกฝึกฝนตนเอง แต่หันกลับไปศึกษาเอาดีวิชาอสูรหุ่นเพื่อฟื้นฟูตระกูลเย่ว์ บางคนก็มุ่งหน้าฝึกฝนและท่องจำสาธยายเวทเพื่อให้ความสำเร็จพุ่งออกมาจากตัวพวกเขา…. ในที่สุด ในที่สุดพวกเขาก็มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดหลังจากที่เสียสละกันมามากมายหลายรุ่นคน
แม้ว่าปราณก่อกำเนิดจะขึ้นอยู่กับความพยายามของคนๆ หนึ่ง แต่ตระกูลเย่ว์ก็ทุ่มเทจับจ่ายมูลค่าไปมากเพื่อดำรงสายเลือดของตระกูลและปกป้องคนรุ่นต่อไปของพวกเขา
พันปีที่เสียสละไป
ความพยายามของพวกเขา ได้รับผลตอบแทนในวันนี้แล้ว
ในเวลาหลายพันปีมานี้ เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเพิ่งได้รับผลตอบแทนคืนมา ขณะที่พวกเขาคิดว่าความพยายามทั้งหมดของพวกเขาสูญเปล่าไปแล้ว
นักรบหลายร้อยคน, นักสู้ผู้ปกป้องปราสาท ผู้รับใช้และผู้ติดตามตระกูลคุกเข่าลงขณะที่พวกเขาได้รับรู้ บางพวกก็ร้องไห้เป็นการระบายความอัดอั้นตันใจ แม้แต่ปู่ห้าที่ชอบขี่กวางก็ยังร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง แม้ว่าเย่ว์ชิวผู้มีพรสวรรค์มากที่สุดในตระกูลจะเสียชีวิตจากไปแล้ว แต่บุตรชายของเขาผู้เป็นเคยเป็นสวะและมักถูกคนอื่นรังแกอยู่เสมอ และถูกคนทั้งแผ่นดินมังกรทะยานหัวเราะเยาะเย้ย ได้เดินรอยตามรอยเท้าบิดาของเขามุ่งสู่หนทางความเป็นเลิศและกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด
จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้และผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ต่างกอดกันและมีน้ำตาคลอเบ้า
ราชสกุลต้าเซี่ยกับตระกูลเย่ว์เกี่ยวข้องผูกพันมากันเป็นเวลานาน ด้วยความสัมพันธ์ถึงขนาดที่ความดำรงคงอยู่ของอีกฝ่ายหนึ่งมีผลต่ออีกฝ่ายหนึ่งด้วยเช่นกัน ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรุ่งเรือง อีกฝ่ายหนึ่งก็เหมือนกับรุ่งเรืองและรู้สึกพลอยเป็นเกียรติไปด้วย แม้ว่าตระกูลเย่ว์จะตั้งอยู่ชายแดนของต้าเซี่ย พวกเขาตั้งอยู่ใกล้กับอาณาจักรสือจิน สำหรับตระกูลเสวี่ยพวกเขามีบุตรชายไว้สืบสายเลือดน้อยมาก ตระกูลเฟิงเป็นนักสู้ที่ดีในการประลอง แต่พวกเขาไม่มีผู้นำ มีเพียงตระกูลเย่ว์ที่คอยรับใช้กองทัพคอยปกป้องอาณาจักรต้าเซี่ยต่อเนื่องมาหลายพันปีแล้วรุ่นแล้วรุ่นเล่า
ถ้าไม่ใช่เพราะสามวีรบุรุษผู้ฟื้นฟูจากตระกูลเย่ว์แล้ว บางทีอาณาจักรต้าเซี่ยคงตกต่ำลดขนาดกลายเป็นอาณาจักรเล็กๆ ไปแล้ว
ตอนแรก จุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่หมดหวังไปแล้วหลังจากที่คนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในรอบหลายร้อยปีมานี้ เย่ว์ชิวเสียชีวิตในการศึก
พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าเย่ว์หยางที่ยังอายุเยาว์นักจะยอมอดทนฝึกตนเองอย่างเงียบงัน เป็นความลับ ขณะที่เขาต้องทนกับคำวิจารณ์ต่างๆ นานาเช่น คนไร้ประโยชน์บ้าง คนโง่บ้างมาตลอดสิบห้าปีและในที่สุดเขาก็บรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิดได้ จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้และผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และเฟิงขวงต่างก็สัมผัสได้ถึงความตื่นตะลึงที่คาดไม่ถึง แม้ว่าพวกเขาจะได้ดื่มจนเมามายแทบตายหลังจากในวันนั้น วันที่เย่ว์หยางเอาชนะถูเฉิงได้
เขาเป็นเด็กมีพรสวรรค์ที่ได้รับการประทานมาจากเทพเจ้า
แม้ว่าเย่ว์ชิวผู้มีพรสวรรค์จะตายจากไปแล้ว เทพเจ้าก็ยังไม่ถึงกับอยุติธรรมกับตระกูลเย่ว์ กลับชดเชยด้วยของขวัญที่มีอัจฉริยภาพยิ่งกว่า ก็คือเย่ว์หยางนั่นเอง
“เป็นความจริงเหรอ ที่เจ้าบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิด?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถามขณะคว้าคอเสื้อของเขายกขึ้นแทบจะต่อจากราชันย์ฟ้าบูรพา นางจ้องเย่ว์หยางด้วยนัยน์ตาแม่เสือสาว “เกิดขึ้นเมื่อไหร่กัน? เด็กน้อย! เจ้าหลอกข้ามาตลอดเวลาเลยใช่ไหม? เห็นว่าข้าไม่กล้าทุบเจ้าให้เละหรือ?
“ข้าจะกล้าหลอกเจ้าได้อย่างไร? เจ้าก็รู้ว่าข้ากลัวแม่เสือสาว!” เย่ว์หยางฉีกยิ้มเต็มใบหน้า องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเขินและรีบวางเย่ว์หยางทันที
“เด็กบ้า! ต้องการให้ข้าทุบตีเจ้าจริงๆ หรือ? ข้าจะคิดบัญชีเจ้าทีหลัง!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเกือบเผลอต่อยเย่ว์หยางแล้ว แต่นางรีบทำตัวเป็นเด็กมีความประพฤติดี ขณะที่นางมองไปทางผู้อาวุโสที่กำลังมองมาตรงนาง นางจัดคอเสื้อให้เย่ว์หยางเหมือนกับที่ราชันย์ฟ้าบูรพาทำ พลางบ่นกับเขา “เจ้าดูไม่เหมือนนักสู้ปราณก่อกำเนิดเลยแม้แต่น้อย จอมลามกอย่างเจ้าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้อย่างไร? เท่าที่ข้าเห็น ข้าว่าท่านผู้เฒ่าหนานกงคงจำคนผิดเสียมากกว่า”
“ไม่, ไม่ผิดแน่นอน พี่สามเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดแน่นอน” เย่ว์ปิงปฏิเสธทันควัน เกรงว่าคำพูดขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะถูกต้อง
“เสี่ยวซาน ทำไมเจ้าไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้? ฮือๆๆ… ข้าปลื้มใจจริงๆ” อารมณ์ของเย่ว์หวี่อ่อนไหวมากถึงขนาดที่นางปิดหน้าร้องไห้ออกมาดังๆ น้ำตานางไหลเป็นสายซึมผ่านร่องนิ้วของนาง
สำหรับเย่คงและเจ้าอ้วนไห่ ทั้งคู่กอดกันแน่นพลางกระโดดขึ้นลงเพื่อแสดงถึงอารมณ์ที่เป็นสุขของพวกเขา
พวกเขาไม่อาจเชื่อได้จริงๆ มันเป็นเหมือนความฝัน
อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะไม่มีทางตื่นขึ้นจากความฝันนี้ หวังว่าความฝันอันสวยงามนี้จะยังดำเนินตลอดไป
นักสู้จากตระกูลเซี่ยนั่งคอตก พวกเขาทุกคนรู้สึกเศร้าขณะที่ตระกูลเย่ว์มีความสุขและสนุกสนาน พวกเขาต้องการร้องไห้ แต่กลับไม่มีน้ำตาไหลออกมา
เซี่ยเทา, เซี่ยถูและเซี่ยนิ่วรู้สึกชีวิตมืดมนและหดหู่ มันสายเกินไปสำหรับพวกเขาที่จะเสียใจต่อการกระทำของพวกเขาเอง ถ้าเพียงพวกเขาอดทนและไม่ใช้กำลังบังคับตระกูลเย่ว์อย่างใจร้อน ถ้าเพียงแต่พวกเขาสอบสวนทวนความให้ชัดเจนก่อน ถ้าเพียงแต่พวกเขาไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากผู้เฒ่าซงและผู้เฒ่าเฮ่อจากจากนิกายดอยเขียว ถ้าพวกเขาไม่ได้เชื้อเชิญนักรบจากอาณาจักรสือจินมาปิดล้อมตระกูลเย่ว์ พวกเขาทำข้อผิดพลาดมากมายและหนึ่งในความผิดนั้นเพียงพอที่จะฆ่าเขาได้ ตอนนี้พวกเขาควรจะทำอย่างไร?
แม้ว่าเซี่ยถูจะเป็นผู้ที่ฉลาดที่สุดในตระกูลเซี่ย แม้แต่เขาก็คิดหาทางออกไม่เจอในตอนนี้
“เย่ว์หยาง, บุตรชายแห่งตระกูลเย่ว์ ข้าในฐานะประธานสภาพันธมิตรปราณก่อกำเนิด อยากจะขอเชิญเจ้าเข้าร่วมเป็นพันธมิตรปราณก่อกำเนิด โปรดไปที่พื้นที่ซวนหยวน ชั้นหกหอทงเทียน วันที่สิบแปดเดือนเก้า นี่คือตราเทพนักสู้ปราณก่อกำเนิดสำหรับเจ้าเพื่อเป็นเครื่องยืนยันสถานะนักสู้ปราณก่อกำเนิดของเจ้า” ป้ายตราถูกตกแต่งด้วยพระจันทร์ดวงหนึ่งและเพชรที่เป็นเหมือนดวงตาวสองดวง ความสว่างของดาวนั้นสว่างจนตาพร่าแทบมองไม่เห็น ทุกคนต่างมองดูป้ายนั้นด้วยความชื่นชมยินดี ป้ายสัญลักษณ์ระบุสถานะของนักสู้ปราณก่อกำเนิด ทุกคนมองดูป้ายนั้น แม้ว่าจะเป็นแค่เพียงนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1 เท่านั้น
มีนักสู้อยู่มากมายในโลกนี้
แต่มีนักสู้เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้รับป้ายตราเทพชนิดนี้
ตามปกติ จะต้องใช้เวลามากกว่าหลายทศวรรษหรือเป็นศตวรรษจึงจะมีนักสู้ปราณก่อกำเนิดเกิดขึ้นมา ยิ่งเป็นความคงอยู่ของนักสู้ปราณก่อกำเนิดอย่างเย่ว์หยางก็ยิ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์เลย
ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และคนที่เหลือล้อมวงดูป้ายตรา แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถไปถึงระดับปราณก่อกำเนิดได้ แต่ก็ยังนับว่าไม่เลวที่มีโอกาสได้ชมป้ายตราใกล้ๆ
ในขณะที่ทุกคนตื่นเต้นชมป้ายตราอยู่นั้น ชิงซงและเฮย์เฮ่อก็กระโจนเข้าใส่เย่ว์หยางด้วยท่าทีมุ่งร้าย ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการจะใช้กำลังชิงเอาป้ายตรามาครอบครอง จุนอู๋โหย่ว, ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่, อาจารย์จิ้งจอกเฒ่า, เฟิงขวงและอาจารย์ตาเหยี่ยวเซี่ยโหวเว่ยเลี่ยถึงกับโกรธใหญ่ ตาเฒ่าทั้งสองคนนี้เสียสติไปแล้วหรือ? พวกเขาจะใช้กำลังชิงเอาตราเทพปราณก่อกำเนิดเองได้อย่างไร? ทุกคนรวบรวมพลังต่อสู้ขั้นสูงสุดของตนเตรียมตัวโจมตีใส่ผู้เฒ่าทั้งสองคนนี้พร้อมกัน
เฟิงเสี่ยวหวิน, เสวี่ยเวิ่นเต้าและเหยียนเชียนจ้งก็ยังมารวมอยู่ข้างตัวเย่ว์หยาง
พวกเขาจะสู้ด้วยเช่นกัน ถ้าชิงซงและเฮย์เฮ่อต้องการจะใช้กำลังชิงเอาตราเทพไป
แม้แต่ทูตมังกรปีโป้จากนิกายปราสาทแก้วทะเลตะวันออก บุรุษผมแดงจากนิกายเจดีย์ราชสีห์ตะวันตกและผู้เฒ่ากู่หมิงแห่งนิกายภูเขาหมอกแดนใต้ก็ยังเรียกสัตว์อสูรของพวกเขาออกมาและเตรียมพร้อมสั่งให้พวกมันโจมตีเพื่อหยุดการกระทำที่เสียสตินี้
ถ้าป้ายตราเทพปราณก่อกำเนิดถูกคนอื่นชิงไปต่อหน้าต่อตาคนเหล่านี้ ก็จะเป็นเรื่องอับอายขายหน้าไปทั้งทวีปมังกรทะยาน ทันทีที่เรื่องเหล่านี้แพร่กระจายออกไป
“ผู้เฒ่าซง, ผู้เฒ่าเฮ่อ, พวกท่านทำอย่างนี้ไม่ได้นะ!” เซี่ยถู, เซี่ยนิ่ว นักสู้ระดับ 7 ทั้งสองคนวิ่งออกมากอดชิงซงและเฮย์เฮ่อไว้แน่น
“ตรานั่นเป็นของเรา! เจ้าเด็กนี่มีพลังแค่ระดับ 6 เป็นอย่างมาก เขาไม่มีคุณสมบัติได้รับตราเทพปราณก่อกำเนิด มันเป็นของเรา เราเป็นพวกที่เข้าใกล้ขอบเขตแดนปราณก่อกำเนิดมากที่สุดในบรรดาคนที่นี่ อย่าบอกนะว่าเราทั้งคู่ไม่มีความสามารถเทียบเท่าเด็กคนเดียว! ข้าขอคัดค้านการยอมรับแบบนี้ ตราเทพปราณก่อกำเนิดเป็นของข้า ข้าฝึกฝนตนเองมานาน 250 ปีแล้ว ด้วยเหตุผลเช่นใดที่เจ้าเด็กนี่จะมาชิงเอาตราเทพปราณก่อกำเนิดซึ่งจัดเตรียมไว้ให้ข้าเล่า? นัยน์ตาของชิงซงเปลี่ยนเป็นสีแดงขณะที่เขาคำรามอย่างบ้าคลั่ง
ขณะที่เขาขยับขาเท่านั้น คลื่นแรงระเบิดก็กระจายออกมาโดยรอบ
เซี่ยถูกระอักเลือดเนื่องจากคลื่นกระแทกนั้น แต่ก็ไม่ต้องการจะปล่อยขาชิงซง ชิงซงใช้แรงดึงมือของเซี่ยถูออกมาได้และเหวี่ยงเขาออกไปอย่างไม่ยากเย็นอะไร
อีกด้านหนึ่ง เซี่ยนิ่วรีบหลบทันทีก่อนที่เฮย์เฮ่อจะทันลงมือ
เขาตระหนักว่าผู้เฒ่าซงและผู้เฒ่าเฮ่อเสียสติไปแล้ว การพลาดหวังโอกาสที่จะได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดเป็นเรื่องน่าผิดหวังเกินกว่าที่ทั้งคู่จะยอมรับได้ ตอนแรกพวกเขาถูกหักหน้าและจากนั้นพวกเขาเกิดความริษยา ผู้อาวุโสทั้งสองคนนี้ได้รับการยอมรับนับถือจากนักสู้ ไม่สามารถควบคุมความโลภของตนเองได้อีกต่อไปและกลายเป็นคนบ้าที่กระทำการอย่างไร้ยางอาย
เย่ว์หยางดันทุกคนที่พยายามปกป้องเขาออกไปด้านข้างและเดินออกมาช้าๆ จากฝูงชน
เขายื่นมือออกไปที่ผู้เฒ่าชิงซงและผู้เฒ่าเฮย์เฮ่อที่ตายังแดงอยู่ เขาแบมือออกและอวดป้ายตราเทพปราณก่อกำเนิด “ป้ายตราอยู่นี่แล้ว ถ้าพวกท่านทำได้ ก็มาชิงเอาไป”
“เด็กน้อย! ไปลงนรกซะ!” ชิงซงและเฮย์เฮ่อเรียกอสูรของตนเองออกมาตามลำดับ ลักษณะมันแข็งกร้าวเป็นเหมือนพายุทอร์นาโด มันพัดเอานักสู้ระดับ 6 จนกระเด็นไปหมด เย่คง, เจ้าอ้วนไห่และพี่น้องตระกูลหลี่ยังแทบไม่สามารถทนได้ หลังจากพวกเขาโดนลมเป่าไปไกลถึงสิบเมตร เนื่องจากเย่ว์ปิงเตรียมตนเองให้พร้อมสู้ตลอดเวลาหลังจากได้รับชี้แนะจากเย่ว์หยาง นางเรียกคัมภีร์อัญเชิญออกมาได้เร็วพอๆ กับที่ผู้เฒ่าชิงซงและผู้เฒ่าเฮย์เฮ่อเริ่มโจมตี แม้แต่ผู้เฒ่าหนานกงก็ยังเหลือบตาเห็นนางโดยบังเอิญหรืออาจจงใจก็ได้ ขณะที่เขาประทับใจกับปฏิกิริยาของนาง
ชิงซงและเฮย์เฮ่อเริ่มบุกโจมตีอย่างรุนแรง ด้วยพลังที่แข็งแกร่งปานพายุทอร์นาโด
ทุกคนตระหนักว่า ผู้เฒ่าทั้งสองคนนี้เสียสติไปแล้ว
ทันใดนั้นแสงสีเงินสองสายบินข้ามฟ้าเหมือนกับดาวตกพุ่งเข้าที่ด้านหลังผู้เฒ่าชิงซงและเฮย์เฮ่อ ขณะที่ทุกคนที่ปกป้องเย่ว์หยางเริ่มจู่โจมใส่ผู้เฒ่าทั้งสอง
มือน้อยๆ ข้างหนึ่งปรากฏขึ้น ในมุมมองของจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้และคนที่เหลือ มือน้อยๆ นี้เหมือนกับกรงเล็บมังกรยักษ์ มันกดลงที่หลังศีรษะของผู้เฒ่าชิงซง ที่พุ่งเข้ามาเพื่อฆ่าเย่ว์หยางกดเขาให้ล้มลงกับพื้นอย่างง่ายดาย
อีกด้านหนึ่ง ความเคลื่อนไหวอย่างเดียวกันก็เกิดขึ้นกับผู้เฒ่าเฮย์เฮ่อ เขาถูกกดลงกับพื้นโดยมีมือน้อยๆ กดหลังศีรษะเขาลงกับพื้น
พื้นโลกสั่นสะเทือนไม่หยุด แต่ไม่มีเสียงระเบิด
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้คนยังคงได้ยินเสียงดังทึบๆ จากภายใต้ดินเป็นเวลานาน เป็นเสียงเหมือนกับสัตว์ยักษ์ดึกดำบรรพ์ขุดอยู่ใต้พื้นดินไม่หยุดหย่อน
เมื่อควันและฝุ่นเริ่มเบาบางลง ฝูงผู้คนก็สามารถมองเห็นผู้กล้าสตรีสองคน ก็คือสองสาวเกราะเงิน มีปีกสีเงิน แต่ละคนต่างก็เหยียบผู้เฒ่าชิงซงและผู้เฒ่าเฮย์เฮ่อนักสู้ระดับ 8 จนล้มลงกับพื้นตามลำดับ
ชิงซงและเฮย์เฮ่อเป็นนักสู้ระดับ 8 กลับกลายเป็นเหมือนหนอนเมื่ออยู่ต่อหน้านาง พวกเขาทั้งไม่สามารถหนี ทั้งไม่สามารถทนรับโจมตีของพวกนางได้
พวกเขาไม่สามารถรวบรวมเรี่ยวแรงขึ้นต่อกรได้เลย
“ผู้เฒ่าหนานกง, สองคนนี้บังอาจทำร้ายนักสู้ปราณก่อกำเนิด ขอถาม จะให้ฆ่าพวกเขาไหม?” องครักษ์ปีกเงินเกราะเงินที่อยู่ทางขวาโยนร่างผู้เฒ่าชิงซงที่กระดูกหักทั่วร่างลงกับพื้นได้อย่างง่ายดายเหมือนกับโยนเศษขยะลงบนพื้นก่อนที่นางจะได้รับการตอบรับและอนุญาตจากผู้เฒ่าหนานกง
“ค่อยลงโทษพวกเขาหลังจากนี้เถอะ” ผู้เฒ่าหนานกงมองมาทางเย่ว์หยางเหมือนกับว่าเขาไม่สนใจการแสดงออกของผู้เฒ่าชิงซงและผู้เฒ่าเฮย์เฮ่อเลย เขายิ้มพลางถามว่า “สหายน้อยเย่ว์หยาง! เจ้าจะเข้าร่วมกับพันธมิตรปราณก่อกำเนิดหรือจะพักอยู่ในทวีปมังกรทะยานสักระยะหนึ่งแล้วค่อยไปร่วมกับพวกเราในอีกเก้าเดือนถัดไป? เจ้าสามารถไปพร้อมกับข้าในตอนนี้ก็ได้ ถ้าเจ้าต้องการ เจ้าจะได้รับทุกอย่างที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดจะพึงมี ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าจะสามารถมาพร้อมกับข้าได้ในตอนนี้ เพราะเจ้าจำเป็นต้องเรียนรู้อะไรๆ อีกหลายอย่าง มันจะดีกว่าการมาร่วมกับเราในเก้าเดือนข้างหน้า แทนที่จะอยู่ที่นี่ หากว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่ สภาพแวดล้อมอาจจะไม่เหมาะสมที่จะให้เจ้าได้ฝึกและเพิ่มพลังตนเอง แน่นอนว่าข้าเคารพการตัดสินใจของเจ้า ดังนั้น บอกให้ข้ารู้ได้ไหมว่าเจ้าจะตัดสินใจเช่นไร?”
ทุกคนมองดูเย่ว์หยางและรอฟังคำตอบของเขา
ในความคิดเย่ว์ปิง นางเกลียดที่ต้องแยกจากพี่ชายของนาง อย่างไรก็ตาม นางไม่ต้องการขัดขวางอนาคตของพี่ชายนาง ดังนั้นนางมองพี่ชายนางเพื่อให้กำลังใจ
“ข้าจะต้องจ่ายค่าลงทะเบียนสมัครสมาชิกด้วยไหมนี่ ถ้าข้าร่วมกับพันธมิตรปราณก่อกำเนิด? ถ้าข้าต้องจ่าย ข้าจะไม่ร่วมแน่ เอาล่ะ เมื่อเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดแล้วจะได้สิทธิผลประโยชน์อันใดบ้าง? มีของขวัญต้อนรับอย่างพวกสมบัติล้ำค่าหรือสัตว์อสูรในตำนานบ้างไหม?” เย่ว์หยางถามหลังจากที่เขาเก็บป้ายตราเทพปราณก่อกำเนิดแล้ว
คำพูดของเย่ว์หยางเหมือนสายฟ้าผ่าลงกลางแสกๆ ต่อหน้าผู้คน
คนอื่นๆ ต่างก็ฝันว่าจะได้รับเชิญเข้าร่วมเป็นพันธมิตรปราณก่อกำเนิด แต่เขากลับตรงกันข้าม เขากลับยื่นเงื่อนไขออกมาแทน
***************