ตอนที่ 23 : ทำพ่อค้าตะลึง
หลินมู่ควานหาในรอยแยกมิติหวังจะสัมผัสอะไรก็ตามที่อยู่ในนั้นให้ตนได้ยืนขึ้นมา เขาใช้เวลาเกิน 15 นาทีกว่าจะเจอของข้างใน เขาดึงมือออกและเรียกของในแหวนออกมา เมื่อได้เห็นเขาก็สับสนเล็กน้อย
“มันก็แค่ดินไม่ใช่เรอะ?”
หลินมู่พูดเมื่อเห็นก้อนดินในมือ
หลินมู่แตะและดมก้อนหินแต่ก็ไม่พบความพิเศษของมัน ถึงกระนั้นก็ยังคงเก็บมันไว้ในแหวนเช่นเคย เขาลุกขึ้นเดินกลับกระท่อมเพื่อหลับพัก หลินมู่ที่เหนื่อยอ่อนหลับสนิทในสองนาทีและเข้าสู่ที่มืด
หลินมู่ปรากฏตัวในที่มืดและมองรอบกาย เขารู้สึกแตกต่างกันเล็กน้อยในครั้งนี้ เพราะไม่รู้ว่าเหตุใดความมืดถึงลดลงไปเล็กน้อย ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่เห็นสิ่งใด แต่ ‘ความมืดมิด’ นั้นมิได้มืดสนิทอย่างเคยอีกแล้ว มันยากจะบรรยายแต่ก็เป็นความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้
‘ข้าโผล่มาที่นี่ทุกครั้งที่หลับ เห็นทีคงต้องตั้งชื่อให้ที่นี่แล้ว’
‘ฮื่ม ข้าตั้งชื่อที่นี่ว่าห้วงหลับใหลก็แล้วกัน’
หลินมู่คิดและรู้สึกภูมิใจในทักษะการตั้งชื่อของเขา
หลินมู่นั่งลงเรียกความจำและฝึกหมัดทลายศิลาต่อ เขาพบว่าเมื่อเขาได้จดจำวิชาทั้งหมดแล้ว เขาฝึกมันที่นี่ได้ แม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกถึงพลังชีวิตในร่างกาย เขาก็ยังคงพัฒนาความเข้ากันของวิชาปราณกับวิชาหมัดได้
‘ถ้าข้าฝึกที่นี่ ข้าก็จะไม่เสียเวลาเปล่า’
หลินมู่คิดจนตระหนักได้ถึงประโยชน์ของห้วงหลับใหล
หากเป็นคนอื่นคงทำได้เพียงแค่นอนหลับฝัน ขณะที่หลินมู่นั้นสามารถเข้าสู่ห้วงหลับใหลเพื่อฝึกและยังคงตื่นมาได้อย่างสดใส ดังนั้นหลินมู่จึงฝึกต่อไปจนกระทั่งตื่นนอน
ขณะที่เดิน หลินมู่เตรียมเนื้อพร้อมตั้งเตารอทำอาหารพร้อมกับฝึกวิชาต่อสู้ไปด้วย เขาได้เห็นพัฒนาการของตัวเองหลังจากฝึกในห้วงหลับใหลว่ามากเพียงใด เขาได้รู้สึกถึงการผสานกันของวิชาย่อยทั้งสองที่ดีขึ้น แต่เรื่องพลังชีวิตในกายเองก็ยังยากที่จะเส้นทางที่ถูกต้องในการไหลเวียน
ทันทีที่อาหารเช้าพร้อม หลินมู่หยุดฝึกและกินก่อนจะนั่งท่องบทสงบใจ หลินมู่สังเกตเห็นว่าอัตราการดูดซับพลังนั้นรวดเร็วขึ้น ก่อนหน้านี้ต้องใช้เวลาราว 30 นาทีในการซึมซับพลัง แต่ตอนนี้เขาใช้เวลาเพียงแค่ 25 นาทีเท่านั้น
‘ดูเหมือนว่าการดูดซับพลังจะเร็วขึ้นหลังจากที่ข้าทะลวงพลังขึ้นมา หรืออาจจะเป็นเพราะว่าข้าดูดซับพลังได้มากกว่าแต่ก่อน บางทีข้าอาจจะต้องทดสอบหลังจากกลับจากเมืองแล้ว’
หลินมู่คิด
หลินมู่เก็บเลื่อนที่สร้างไว้ในแหวน ขณะที่เดินเกือบถึงเมืองแล้ว และเมื่อใกล้พอ เขาจะใช้เลื่อนลากซากสัตว์ เขายังเรียกกระเป๋าออกมาแบกไว้ที่หลังและกระเป๋าเงินมาผูกเอวไว้อีกด้วย
เมื่อแน่ใจว่าทุกอย่างพร้อมดีแล้ว หลินมู่เดินทางไปยังเมือง ตอนนี้เป็นเวลา 8 โมงเช้าและพ่อค้าส่วนใหญ่น่าจะมาถึงเมืองในตอนบ่าย หลินมู่มีเวลาเหลือเฟือที่จะทำงานทั้งหมดในวันนี้ ถ้าเขาหาเงินได้มากพอ เขาน่าจะจองห้องพักในโรงเตี๊ยมได้อย่างน้อยหนึ่งเดือน
หลินมู่ห่างจากเมืองอีกหนึ่งส่วนสี่ของเส้นทางจากกระท่อมและเริ่มเห็นคนในเส้นทางแล้ว เขารอให้คนไปไกลพอจนมองไม่เห็น เมื่อไร้คนใกล้ ๆ หลินมู่ก็เรียกเลื่อนและวางซากสัตว์ลงไป
เขาเริ่มลากเลื่อนและจู่ ๆ ก็คิดว่าเขาควรไม่ให้คนอื่นเห็นว่าเขานำอะไรมาและควรปิดมันไว้ สิ่งเดียวที่เขามีตอนนี้ที่จะบังซากสัตว์ได้ก็คือถุงใหญ่ที่เขามี เขาปิดพวกมันไว้ในถุงใหญ่ เปิดซากสัตว์เพียงเล็กน้อยพอที่จะไม่เรียกร้องความสนใจ
ขณะที่เดินเขาได้เจอกับผู้คนบ้างแต่พวกเขาก็เพียงแค่เหลือบมองชั่วครู่ก่อนจะหันกลับไป หลินมู่มาถึงเมืองเหนือใน 30 นาที ระหว่างทางเขาได้เห็นรถม้าของพ่อค้าที่กำลังเข้าเมือง
ภาพของเมืองเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเพราะจำนวนของพ่อค้าที่เข้ามาตั้งร้านจนเต็มเมืองไปหมด มีผู้คนมหาศาลเดินหาและซื้อของที่พ่อค้านำมาขาย ขณะที่เหล่านายพรานก็ออกมาขายวัตถุดิบจากสัตว์ป่าให้กับพ่อค้า
แม้แต่คนงานในสวนแอปเปิ้ลก็ได้หยุดงานสองวัน เพราะนี่จะเป็นโอกาสเดียวที่พวกเขาจะได้ซื้อสินค้าที่จำเป็นจากพ่อค้าก่อนฤดูหน้าจะมาเยือน เมื่อฤดูหนาวเริ่มขึ้นเมื่อใด ครั้งต่อมาทที่พ่อค้าจะมาที่เมืองก็คือเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้า
เส้นทางการค้าของพ่อค้านั้นคือการเดือนทางมาในเมืองรอบนอกทั้งสี่ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่เมืองอู๋หลิมเพื่อที่เขาจะได้ของที่แพงที่สุดและซื้อแอปเปิ้ลจิตและสินค้าที่ดีอย่างอื่น
หลังจากที่ค้าขายในเมืองเสร็จแล้ว พวกเขาทั้งหมดจะออกไปทางเมืองใต้และมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ เมืองเล็ก และเมืองใหญ่ในตอนใต้ สิ่งที่ดึงดูดเหล่าพ่อค้ามากที่สุดก็คือแอปเปิ้ลจิตในเมืองอู๋หลิมและวัตถุดิบสัตว์อสูรหายาก
หลินมู่เดินตามถนนไปทางศูนย์กลางเมืองที่มีพ่อค้าตั้งร้านมากกว่า เขาอยากจะขายซากสัตว์กับพ่อค้าที่เชี่ยวชาญในด้านนี้ และเขาก็อยากจะขายกล่องไม้หอมด้วย เขาจะต้องหาพ่อค้าที่ข้องเกี่ยวกับของหรูหา
เขามาถึงกลางเมืองใน 20 นาทีต่อมา ที่นี่มีผู้คนและรถม้ามากมายตามถนนซึ่งวเขาต้องระมัดระวังในการเดิน หลินมู่มองไปรอบ ๆ และได้เห็นผู้คนมากมายกับเสียงบรรยากาศที่ดังจากผู้คน
เหล่าพ่อค้าและเจ้าของร้านค้าต่างตะโกนขายสินค้าของตัวเอง ผู้คนต่อรองราคาสินค้ากับพ่อค้า และบางคนก็กำลังเถียงกันว่าใครเป็นคนเจอของก่อนและใครจะได้ซื้อก่อน
การเดินในเมืองทำให้ได้เห็นผู้คนที่ใช้ชีวิตในกลางเมือง บ้างก็มีนายพรานที่รูปร่างหน้าตาน่ากลัว พ่อค้าที่มีดวงตาเจ้าเล่ห์ และคนธรรมดาที่ดูไร้เดียงสา
สายตาหลินมู่ไปหยุดอยู่ที่กลุ่มพ่อค้าที่ถูกคนมากมายรายล้อม รถม้าของพวกเขาจอดอยู่ด้านหลังที่ข้างถนน เห็นได้เลยว่ามีสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่ในกรงและซากสัตว์ที่กำลังถูกชำแหละโดยคนของเขา
หลินมู่ลากเลื่อนไปทางกลุ่มพ่อค้ากลุ่มนั้น เขาชนกับคนและต้องดันคนเข้าไปเพื่อที่เขาจะลากเลื่อนไปให้ถึงพ่อค้า
เมื่อถึงพ่อค้าแล้ว ชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังชำแหละสัตว์ก็เห็นเขาและทำมือให้เขาลากเลื่อนไปจอดไว้ ชายหนุ่มคนนี้อายุยี่สิบต้น ๆ และสวมชุดนักเดินทางที่ดูทนทาน
“เจ้ามาขายซากสัตว์งั้นหรือ? ข้าเดาเอาน่ะ”
ชายหนุ่มถามหลินมู่
“ใช่ ข้ามีสัตว์สองตัวที่กำลังจะขาย”
หลินมู่ตอบ
ชายหนุ่มหันไปมองเลื่อนและกล่าว
“ตอนนี้พวกข้ารับซื้อแค่สัตว์ใหญ่ ถ้าเจ้ามีสัตว์เล็กข้าเกรงว่าคงต้องไปขายที่อื่น”
หลินมู่พยักหน้ารับชายหนุ่มและหันทิศเลื่อนแสดงซากสัตว์ให้เขาดู แต่เมื่อเขายกถุงคลุมออกแสดงซากสัตว์นั้นเอง ดวงตาชายหนุ่มก็เบิกกว้างและอ้าปากค้าง
“นี่…นี่มันลิงเฮ่ยเหมา แล้วนั่นก็เสือดำปอยเหลือง”
ชายหนุ่มตะโกนด้วยความตกใจ
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของชายหนุ่ม พ่อค้าคนอื่นและคนโดยรอบก็หันมาสนใจเขาจากนั้นจึงหันไปมองซากสัตว์ เหล่าผู้คนที่รู้จักว่ามันคือสัตว์ชนิดใดต่างตกใจ ส่วนคนที่ไม่รู้ก็ได้แต่ทำตาสับสน
พ่อค้าที่แก่กว่าที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มพ่อค้าเดินเข้ามาที่เลื่อนเพื่อดูสภาพสัตว์ของหลินมู่ ดวงตามากประสบการณ์นั้นมองไปยังซากสัตว์และหันมาหาหลินมู่
“ลิงเฮ่ยเหมาแขนยาวชั้นกลางขั้นสูงสุดกับเสือดำปอยเหลืองชั้นสูง โชคดีมากเลยนะเจ้าหนู”
พ่อค้ากล่าว
หลินมู่สับสนเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มตกใจ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของพ่อค้าที่เดินเข้ามาเขาก็ได้เข้าใจการตอบสนองของคนโดยรอบ ถ้าหากไม่ใช่เพราะสัตว์ทั้งสองบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กันเองอยู่แล้วก็ไม่มีทางเลยที่หลินมู่จะล่าพวกมันได้ แม้แต่การหนีก็ต้องพึ่งโชคชะตาด้วยซ้ำไป
คนอื่นที่มองดูหันไปกระซิบกระซาบกันเอง พ่อค้าเห็นท่าทางของแต่ละคนและทำมือไปทางชายกำยำที่กำลังชำแหละสัตว์ที่ด้านข้าง ชายกำยำคนัน้นเข้ามาใกล้และสลายคนเหล่านั้นไป บางคนก็ไม่คิดจะเดินออกไปแต่ก็แตกวงกันไปเพราะสายตาน่ากลัวของชายกำยำ
เมื่อคนส่วนมากกระจายออกไปแล้วและเหลือเพียงแค่คนที่ซื้อขายของกับพ่อค้าอยู่จริง ๆ พ่อค้าก็ได้พูดขึ้นมา
“ถึงแม้ว่าหนังของพวกมันจะเสียหาย ข้าก็ยังจ่ายค่าวัตถุดิบกับเนื้อให้เจ้าได้”
หลินมู่พยักหน้าเพราะรู้ดีกว่าหนังของพวกมันนั้นเกินกว่าจะใช้การได้ สิ่งเดียวที่มีค่าก็คือวัตถุดิบในร่างกายของมัน
“ย่อมได้ ข้าอยากจะขายพวกมัน ท่านจะจ่ายข้าเท่าใดหรือ?”
หลินมู่ถาม
“2 เหรียญทองสำหรับลิงเฮ่ยเหมาแขนยาว และ 4 เหรียญทองสำหรับเสือดำปอยเหลือง”
พ่อค้าเสนอราคา
และคราวนี้ก็เป็นหลินมู่เองที่ต้องตกตะลึง