ตอนที่ 219 ความเข้าใจของหนุ่มชาวฟ้า
ถังเทียนมองดูเห็นอสูรหินกรวดเต็มไปทั้งพื้นที่ภูเขาและพื้นที่ราบ เขาอดประหลาดใจไม่ได้ “เจ้านี่บ้าไปแล้ว!”
มีแต่ถังเทียนที่มีท่าทางปกติ แต่คนที่เหลือสีหน้าดูไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นหลิงซิ่วหรืออาเฮ่อพอเห็นอสูรหินกรวดจำนวนมหาศาล ล้วนแต่ทำหน้าแปลกประหลาด
ภาพของอสูรหินกรวดที่บุกจู่โจมหมู่บ้านครั้งล่าสุด เทียบกับฉากที่ปรากฏอยู่ข้างหน้าเขาในปัจจุบันกลายเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ
อสูรหินกรวดที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา มองไม่เห็นท้ายแถวพวกมันเลย ความหนาแน่นของพวกมันแต่ละตัวดูเหมือนกับทะเลหิน ความเร็วของอสูรหินกรวดนั้นนับว่าไม่เร็ว แต่จำนวนของพวกมันช่างน่าทึ่ง ขณะที่พวกมันเข้ามากันช้าๆ ดูน่ากลัว
หน้าของเซี่ยชิงยิ่งกว่าตื่นตกใจ เสียงของเขาสั่น“เจ้าพวกนี้ต้องมีอย่างน้อยแสนตัวเป็นแน่”
แสนตัว....
หน้าของทุกคนขาวซีดยิ่งขึ้น
พลังความแข็งแกร่งของอสูรหินกรวดตัวเดียวยังถือว่าไม่มากตัวเดียวยังไม่นับว่าน่ากลัว แม้ว่าจ้าวอสูรหินกรวดอยู่ที่นี่ด้วย ทุกคนก็ยังไม่กลัว
แต่ หนึ่งแสนตัว
จำนวนที่น่ากลัวขนาดนี้ทำให้ทุกคนสะดุ้งด้วยความสิ้นหวังทันที อสูรหินกรวดแสนตัว เพียงพอจะกวาดล้างดาวทั้งดวงได้ เป็นไปไม่ได้ที่หมู่บ้านกระบี่จะหยุดกระแสนี้เอาไว้ได้
แต่ว่าปิงผู้เคยผ่านยุคกองทัพที่ยิ่งใหญ่มาแล้ว ยังเงียบ ไม่มีใครเห็นได้ชัดเหมือนเขาจำนวนมหาศาลอย่างนี้พอจะบดขยี้ทุกอย่างที่ขวางมันได้
เทียบกับโกเล็มแล้วพลังของพวกมันยังอ่อนกว่ามาก
เรื่องเดียวที่น่ายินดีก็คือเซี่ยชิงและพวกที่เหลือพบสถานการณ์ได้เร็ว ด้วยความเร็วของอสูรหินกรวดที่เคลื่อนไหวช้าน่าจะใช้เวลาสิบวันกว่าจะมาถึงหมู่บ้านกระบี่ตระกูลเซี่ย
“คิดหาทางถอยเถอะ” ทันใดนั้นปิงกล่าว“เรายังมีเวลาปรับตัวและออกไปจากที่นี่”
เซี่ยชิงขบริมฝีปากแน่น ความเศร้าปรากฏอยู่ในดวงตาเขา “เราคือมือกระบี่องครักษ์ เราไม่อาจจากไปได้”
“ถ้าเจ้าไม่จากไป พวกเจ้าจะตายกันหมด” ปิงพูดตามตรง
“ขลุ่ยวิเศษกำลังมา!” ถังเทียนดีใจและสีหน้าทุกคนมีประกายความหวัง เป็นเพราะเสียงเพลงของขลุ่ยวิเศษที่ทำให้เฒ่าบอดซอกำศรวลยอมถอย
และถ้าเฒ่าบอดซอกำศรวลสามารถควบคุมฝูงอสูรหินกรวด อย่างนั้นขลุ่ยวิเศษก็น่าจะควบคุมพวกมันได้เช่นกัน
ขลุ่ยวิเศษพอกลับมาถึงเมื่อเห็นฝูงอสูรเห็นกรวด สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
※※※
สตรีชุดดำมองดูเฒ่าบอดด้วยความเคารพ นางทั้งกลัวทั้งนับถือชายชราตาบอดผู้นี้
เมื่อนางประสบความพ่ายแพ้ครั้งสุดท้าย นางสูญเสียความมั่นใจในการต่อสู้ทั้งหมด เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือ อสูรหินกรวดเหล่านั้นเป็นเหมือนกระดาษ พวกมันไม่มีผลต่อนาง
แต่นางไม่เคยคิดว่าเฒ่าบอดผู้นี้จะใช้กลยุทธเดียวกัน แต่ในครั้งนี้เขาพบอสูรหินกรวดมากยิ่งกว่าเดิม โชคอยู่ข้างเขา มีอสูรหินกรวดมากมายในพื้นที่นี้ภายใต้การนำของจ้าวอสูรหินกรวด พวกมันรวบรวมอสูรหินกรวดทั้งหมดภายในรัศมีหนึ่งพันกิโลเมตร
แต่....
สตรีชุดดำคิดถึงเสียงเพลงที่ไพเราะก่อนนั้นทำให้นางอดพูดไม่ได้“อาจารย์, ถ้านักสู้สายสำเนียงเพลงมาอีกครั้ง....”
เหตุผลที่เฒ่าบอดซอกำศรวลสามารถควบคุมอสูรหินกรวดได้เพราะเคล็ดสำเนียงเพลงของเขา ฝ่ายตรงข้ามของเขาเป็นนักสู้สายสำเนียงเพลงที่โดดเด่นเช่นกัน จากการปะทะกันครั้งล่าสุด ผู้เฒ่าบอดไม่ได้เป็นฝ่ายมีเปรียบ
การกระทำที่วู่วามและดูเหมือนบ้าส่งผลให้นางเคารพผู้เฒ่าบอด แต่นางยังไม่เข้าใจ
ผู้เฒ่าบอดนั่งอยู่บนรถเข็นดึงหนวดโค้งของเขาเป็นครั้งคราว การควบคุมอสูรหินกรวด เขาจะอ้าปากช้าๆ และปล่อยเสียงแหบแห้งก้องผ่านอากาศ
“ข้ารู้ว่าเจ้าหมายความว่ายังไง แต่เจ้าไม่ต้องกังวล” ผู้เฒ่าบอดจู่ๆ ก็ยิ้มอย่างน่าขนลุก “ยอดฝีมือสายสำเนียงเพลงของฝ่ายตรงข้ามอาจจะทรงพลังมากกว่าข้าในแง่ของพลัง ข้ากลัวเขาแน่นอน แต่เจ้ายังจำสิ่งที่ข้าได้พูดไปในวันนี้หรือไม่?
สตรีชุดดำตอบอย่างระมัดระวัง “ท่านบอกว่าสำเนียงนั้นทำให้ท่านขยับอาวุธอะไรไม่ได้เลยในวันนี้”
“ฮ่าฮ่า, นั่นก็ถูกแล้ว! เจ้าจำได้แม่นยำดี” ชายชราตาบอดหัวเราะ “อาวุธก็คือการรบ ในการรบตามปกติเจ้าต้องมองหาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ของเจ้า พลังในการใช้วิชาสำเนียงเพลงของข้าอาจจะไม่เทียบเท่ากับเขา แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีข้องบกพร่อง เมื่อข้าฟังสำเนียงเพลงของเขาอย่างระมัดระวัง เคล็ดวิชาเพลงของฝ่ายตรงข้ามสมบูรณ์แบบ แต่เขาไม่มีพลังปราณอย่างเพียงพอ นั่นเห็นได้ชัดว่าปราณแท้ของเขาอ่อนแอมาก”
“ปราณแท้อ่อนแอมาก?” สตรีชุดดำตกใจ นางไม่เคยได้ยินมาก่อน
“สำเนียงเพลงไพเราะสมบูรณ์แบบ แต่ไม่สามารถปิดบังความจริงว่าปราณของเขามีไม่เพียงพอ ถ้าข้าเดาได้ไม่ผิด ฝ่ายตรงข้ามคงได้รับบาดเจ็บหนักมาก่อนและเขายังไม่ฟื้นฟูหายดี” เฒ่าชราตาบอดมีความฉลาดอยู่เต็มเปี่ยมและเขายิ้ม “ไม่มีปราณแท้ วิทยายุทธของพวกเจ้าทุกคนจะมีค่าอะไรเมื่อเอามาใช้กับสำเนียงเสียงต่อสู้ ข้าอาจสู้เขาไม่ได้ในเรื่องของเคล็ดวิชา แต่ถ้าเทียบปราณเที่ยงแท้ของข้ากับเขาแล้ว และด้วยอสูรหินกรวดมากมาย เขาจะต่อสู้กับข้าได้ยังไง?”
พูดจบก็ปล่อยปราณรุนแรงออกมา
ตอนนั้นเองสตรีชุดดำก็เข้าใจได้ในที่สุด
นางรู้สึกเย็นถึงขั้วสันหลังแน่นอนว่าการมีชื่ออยู่ในทำเนียบสวรรค์วิถี นักสู้จะต้องไร้หัวใจ
แต่ถังเทียน....
ทันใดนั้น สตรีชุดดำจำได้ถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นที่ขุมสมบัติหมู่ดาวพิณหลุดมือไปทำให้นางโกรธมาก
ครั้งนี้ ข้าจะต้องทำให้เจ้าตายในเงื้อมมือของข้า!
※※※
ขณะที่ทุกคนมองดูอย่างคาดหวัง ขลุ่ยวิเศษส่ายหัว “ฝ่ายตรงข้ามเห็นว่าข้าเพิ่งจะฟื้นฟูพลังและมีพลังปราณแท้ไม่เพียงพอ เขากำลังมาหาข้า”
การคาดการณ์ของขลุ่ยวิเศษทำให้ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ
“นอกจากย้ายออกไป ข้าเกรงว่าคงไม่มีทางอื่น” ปิงพูดอย่างสงบ เขาไม่ได้กังวล จากมุมมองของเขา ไม่ว่าเซี่ยชิงและคนอื่นๆจะย้ายไปหรือไม่ก็เป็นเรื่องของตระกูลเซี่ย เขาแค่กังวลความปลอดภัยของถังเทียนเท่านั้น
พวกเขามียานอาชาฟ้า คงจะเป็นเรื่องง่ายถ้าพวกเขาต้องการจะจากไป แม้ว่าอสูรหินกรวดเหล่านี้จะดูน่ากลัวแต่พวกมันไวไม่พอ ถ้าพวกเขาต้องการจะหลบหนี อสูรหินกรวดพวกนี้จะไม่สามารถไล่ตามได้
เซี่ยชิงเงียบ
ถังเทียนกล่าวทันที “ลุงขลุ่ย, พวกเขาควบคุมอสูรหินกรวดมากมายขนาดนี้ได้ยังไง?”
ขลุ่ยวิเศษผงะเล็กน้อย แต่เนื่องจากถังเทียนถาม เขาจึงอธิบายอย่างดี“ตามปกติถ้าควบคุมพวกมันที่มีจำนวนน้อย พวกเขาสามารถใช้วิชาเสียงสำเนียงเพื่อควบคุมก็ได้ แต่ถ้าพวกมันมีมากมาย อย่างนั้นก็ต้องเลือกผู้นำของพวกมันสองสามตัวแล้วให้พวกมันนำเจ้าพวกที่เหลืออีกที ยิ่งมีอสูรดวงดาวที่เราต้องควบคุมมากเท่าใด ก็ยิ่งจำเป็นต้องใช้ปราณแท้มากขึ้นเท่านั้น
ถังเทียนตั้งข้อสังเกต“ข้าเข้าใจแล้ว เป็นจ้าวอสูรหินกรวดนั่นเอง”
“อืม....” ขลุ่ยวิเศษพยักหน้า “สังเกตดูอสูรหินกรวดพวกนี้อย่างระมัดระวังแล้วเจ้าจะรู้ว่าพวกมันแฝงอยู่ในฝูง แต่ละฝูงจะมีจ้าวอสูรหินกรวดเป็นผู้นำ”
ถังเทียนเริ่มนับ “หนึ่ง.. สอง...สาม...”
แต่ในไม่ช้าถังเทียนก็เริ่มมึน “เอ่..ข้านับถึงไหนแล้ว?”
อาเฮ่ออดไม่ได้จึงอ้อมแอ้มพูด “มีทั้งหมดยี่สิบหกตัว”
“ดีมาก หนุ่มน้อยอาเฮ่อ!” ถังเทียนตื่นเต้น “นั่นก็หมายความว่า มีเจ้าอสูรหินกรวดทั้งหมดยี่สิบหกตัว! ลุงขลุ่ย,ถ้าเรากำจัดจ้าวอสูรหินกรวดทั้งยี่สิบหกตัว เขาจะสามารถควบคุมอสูรหินกรวดได้เท่าไหร่?”
ทุกคนตะลึง ทุกคนถูกความคิดของถังเทียนตรึงไว้หมด
ขลุ่ยวิเศษตะลึงเช่นกันจากนั้นเขาตระหนักรู้ว่า “แทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับเขา”
“นั่นก็หมายความว่าแค่ต้องกำจัดจ้าวอสูรหินกรวดยี่สิบหกตัว!” ถังเทียนร่าเริง
ไม่มีใครขัดคอเขา
หลิงซิ่วตะโกนใส่เขา “เจ้าบ้าเอ๊ย!ทำไมเจ้าไม่หยุดหาวิธีการเสียที? เจ้าโง่! อสูรหินกรวดมีเป็นแสน เจ้าจะฆ่าจ้าวอสูรหินกรวดยี่สิบหกตัวน่ะหรือ, เจ้าเบื่อหน่ายชีวิตแล้วใช่ไหม?”
ไม่มีใครพูดสักคน แต่เห็นได้ชัดว่าทุกคนคิดว่าความคิดนี้เหลวไหล
“แต่, เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่ายี่สิบหกตัวเทียบกับอสูรหินกรวดเกินแสนนั้นนับว่าน้อยมาก?” ถังเทียนมองดูคนอื่นอย่างมึนงง
ยี่สิบหกเทียบกับจำนวนที่เกินแสน
ทุกคนพูดไม่ออกกับเหตุผลของถังเทียน
ขณะที่หลิงซิ่วเตรียมจะเยาะเย้ยล้อเลียนถังเทียนทันใดนั้นปิงสนับสนุนความคิดของเขา “เขาพูดถูก”
ถังเทียนเชิดหน้าใส่หลิงซิ่วทันที
ด้วยประสบการณ์ที่มากมาย ปิงเป็นคนแรกที่เห็นศักยภาพในแผนการของถังเทียน
ถูกแล้วว่าไม่ใช่เรื่องง่ายกับงานฆ่าจ้าวอสูรยี่สิบหกตัวในบรรดาอสูรหินกรวดเป็นแสน แต่ความยากลำบากจะหายไปทันที จากภารกิจที่เป็นไปไม่ได้เลยกลายเป็นภารกิจที่ยากมาก อาจดูเหมือนไม่แตกต่างกันมาก แต่ปิงรู้ว่ามีความแตกต่างกันของคำทั้งสองนี้อย่างเห็นได้ชัด
ปิงค่อนข้างเห็นด้วย ความเข้าใจของเจ้าเด็กนี่ยอดเยี่ยมมาก!
เมื่อมองดูหน้ากระหยิ่มของถังเทียนไม่มีมาดของยอดฝีมือเลยสักนิด แต่ปิงยังไม่รู้สึกถึงจุดอ่อนของเจ้าเด็กนี่แม้แต่น้อยนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
ถ้าเขาพูดถึงมันอีกก็อาจเป็นแค่ความโชคดี แต่สำหรับความเข้าใจของเขาที่ปรากฏออกมาไม่กี่ครั้งนี้ที่ตอนแรกนึกว่าเป็นเรื่องของโชคปิงคงไม่มีทางทำเรื่องโง่ๆ ผิดพลาดเช่นนั้น
เจ้าเด็กนี่....
“เราไม่มีกำลังคนมากนัก แต่นั่นก็ยังเป็นข้อได้เปรียบของเรา” ปิงสนับสนุนซึ่งเสริมถังเทียนมากยิ่งกว่าเดิม เขากระตือรือร้นพลางนับนิ้ว “เราคล่องแคล่วกว่า ลงมือได้มากกว่า ลุงปิง, หลิงซิ่ว, อาเฮ่อ,เซี่ยชิงและยังมีข้าอีกด้วย ทั้งหมดห้าคนโดยเฉลี่ยเราต้องฆ่าจ้าวอสูรหินกรวดคนละห้าตัว..”
“ไม่, เราไม่จำเป็นต้องใช้มากมายขนาดนั้น” ขลุ่ยวิเศษตัดบทคำพูดของถังเทียน “เจ้าเพียงแต่ต้องฆ่าจ้าวอสูรหินกรวดตัวหนึ่ง ถ้าคู่ต่อสู้ต้องการควบคุมฝูงหนึ่ง อย่างนั้นก็หมายความว่าเขาต้องควบคุมพวกมันราวๆสี่พันตัว แรงกดดันขนาดนี้ จะกินปราณแท้ของเขาอย่างรวดเร็ว ตราบใดที่พวกเจ้ากำจัดได้สักห้า ก็จะยิ่งเพิ่มจำนวนที่ต้องควบคุมนั่นจะทำให้เกิดความยุ่งเหยิงอย่างมาก ถ้าเจ้ากำจัดได้สักสิบตัว อย่างนั้นกองทัพจะสลายตัว และเริ่มฆ่ากันเอง”
ยิ้มของขลุ่ยวิเศษเย็นชาเล็กน้อย “เขาจะได้รู้ในเวลาไม่ช้าว่าเขากำลังเล่นกับไฟ”
ถังเทียนรำพึงกับตนเองลุงขลุ่ยโกรธแล้ว
เมื่อได้ยินแนวคิดคิดของขลุ่ยวิเศษทุกคนตกตะลึง
กำจัดจ้าวอสูรหินกรวดห้าตัวศัตรูจะตกอยู่ในความสับสนซึ่งก็หมายความว่าพวกเขาแต่ละคนต้องฆ่าจ้าวอสูรหินกรวดให้ได้คนละหนึ่งตัว ถ้าฆ่าได้สิบตัว กองทัพจะล่มสลายนั่นหมายความว่าทุกคนจะต้องฆ่าจ้าวอสูรหินกรวดคนละสองตัว
วัตถุประสงค์ของพวกเขาจากที่เป็นไปไม่ได้ กลายเป็นสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว
อาเฮ่อจ้องมองถังเทียนด้วยความรู้สึกทึ่ง ขณะที่ทุกคนเตรียมตัวยอมแพ้ ในช่วงเวลาที่ทุกคนหาทางออกไม่พบ แต่บุรุษผู้นี้ที่ดูท่าทางไม่ค่อยฉลาด สามารถหาโอกาสนั้นพบได้
บังเอิญเกินไปหรือเปล่า?
“ต้องชนะ!”
ความคิดคำนึงของอาเฮ่อถูกขัดจังหวะ เมื่อเขาเงยหน้า เขาเห็นถึงเทียนชูมือทั้งคู่ขึ้นอย่างร่าเริง
ทุกคนที่กำลังกดดันเมื่อเห็นใบหน้าท่าทางผู้ชนะของถังเทียน ประกอบกับความกระตือรือร้นร่าเริงของเขา ทำให้ทุกคนชูมือขึ้นส่งเสียงโห่ร้องพร้อมกัน
“ต้องชนะ!”
แสงอาทิตย์สาดส่องต้องแขนพวกเขาที่ดูเหมือนป่า