ตอนที่ 218 กระบี่ผนึกปีศาจแห่งหมู่ดาวถ้วย
“เชิญเข้ามา,นายท่านรอเวลานี้มานานมากแล้ว!” ยามเฝ้าประตูผลักประตูบรอนซ์หนักและหนาออก เสียงดังสะเทือนสะท้อนก้องไกล
กัวตงที่หน้าซีดแบกกัวอวี่ที่หมดสติเข้ามา
กัวตงในตอนนี้ไม่มีเค้าของเพชฌฆาตกาเพลิงในตำนานเหลืออยู่เลย หน้าของเขาซีดเซียว เครายุ่งเหยิง ดวงตามีประกายหมอง หลังจากผ่านไปคืนเดียว เขาเหมือนแก่ขึ้นสิบปี
เขาค่อยๆเข้าไปในห้องโถงใหญ่
มีร่างหนึ่งปรากฏอยู่ในท่ามกลางห้องโถงใหญ่ เงาหลังสูงตระหง่านทำให้กัวตงใจสั่นสะท้าน ร่างที่อยู่ต่อหน้าเขามีขนนกดำนับไม่ถ้วนลอยอยู่ในอากาศโดยรอบ
คนผู้นั้นหันหน้ากลับมาและเมื่อเห็นสภาพของกัวตง เขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้น, พี่กัว?”
เขามีคิ้วที่ดกหนาและหน้าเหลี่ยม แม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้พบเซี่ยอวี่ แต่หัวใจของกัวตงอดเต้นแรงไม่ได้ ขนนกที่ดกหนาคลุมเต็มอกของเขาทำให้เขาดูเหมือนกับมนุษย์วิหค ขนนกทั้งหมดจับแน่นเป็นกลุ่มอยู่ที่หน้าอกเขาและที่ลอยอยู่ในอากาศก็มี
เซี่ยอวี่เป็นสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีลำดับที่9915 เขายังสูงกว่ากัวตงสิบสามอันดับ
กัวตงเข้าใจพลังของเซี่ยอวี่เป็นอย่างดีและพลังของเขาแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาด เซี่ยอวี่มักปิดประตูฝึกฝนและโลกภายนอกมีคนรู้จักพลังเขาเล็กหน้อย
“ครั้งนี้เราพบกับคนที่สร้างความลำบากให้เราคนหนึ่ง” เสียงของกัวตงดังเหมือนกับเสียงแห้ง และเขาฝืนยิ้มกล่าว
“ฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร?” เซี่ยอวี่หน้าแข็งสามารถทำให้กัวตงตกอยู่ในสภาพอย่างนั้น คงต้องเป็นนักสู้ที่มีระดับฝีมือเหนือกว่ากัวตงแน่นอน
นักสู้ผู้แกร่งกล้าคนไหนมาเยือนหมู่ดาวกากันแน่?
“พี่เซี่ยไม่ได้ดูข่าวนักสู้อมตะฉบับสัปดาห์นี้หรือ?” กัวตงมีใบหน้าขมขื่น
เซี่ยอวี่ส่ายหน้า“ข้าไม่ได้ติดตามข่าวมานานมากแล้ว อย่าบอกข้านะว่ามีคนใหม่ที่แข็งแกร่งเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้”
“ถังเทียน” กัวตงหัวเราะเยาะตนเอง “เป็นคนที่ใหม่มากไม่มีใหม่กว่านี้แล้ว เขาไม่มีชื่ออยู่ในทำเนียบนักสู้ด้วยซ้ำ ข้าไม่รู้ว่าเขาโผล่ออกมาจากไหน”
“เขามาจากไหนกัน?” เซี่ยอวี่ไม่กล้าดูแคลนคนที่เขาไม่รู้จัก
“ข้าไม่รู้ วิทยายุทธของเขาดูเหมือนจะเป็นกรงเล็บเพลิงภูตพรายจากสมาพันธ์ชาวยุทธ แต่พลังที่ปลดปล่อยออกมาแข็งแกร่งกว่ามาก เขาคงมาจากตระกูลร่ำรวย นอกจากนี้เขายังมีอาวุธสมบัติดวงดาวแล้วยังมีเกราะสมบัติอีกด้วย” กัวตงถอนหายใจ
“พี่กัวชะล่าใจเกินไปแล้ว” เซี่ยอวี่พูดเบาๆ
สมาพันธ์ชาวยุทธ,อาวุธสมบัติ, เกราะ สามจุดนี้กล่าวได้ว่าคนใหม่ที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมานี้ไม่ธรรมดาเลยสามจุดเชื่อมโยงอยู่ในบุคคลเดียวกัน เขาย่อมเป็นตัวปัญหาใหญ่แน่นอนโดยไม่ต้องคิดอะไรเลย
“มนุษย์จะทำทุกอย่างเพื่อความร่ำรวยก็เหมือนกับนกหาอาหารนั่นแหละ” กัวตงหัวเราะอย่างขมขื่น “ข้าไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ปรากฏตัว แม้แต่เฒ่าบอดซอกำศรวลก็ยังปรากฏตัวออกมาด้วย”
“เฒ่าบอดซอกำศรวล!” ม่านตาของเซี่ยอวี่หรี่แคบ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยอวี่รู้ว่าเรื่องราวไม่ง่ายแล้ว
“ข้ามาหาครั้งนี้มีเรื่องขอร้องพี่เซี่ยเพื่อขอเลือดขนนกดำของท่านสักหยด” กัวตงพูดจริงจัง
เซี่ยอวี่อึ้ง “ข้ายินดีจะให้เลือดขนนกดำนี้แก่ท่านและข้ารู้ว่าพี่กัวตั้งใจจะให้เด็กหนุ่มคนนี้ใช้ แต่ท่านต้องคิดให้ดีก่อน ถ้าไม่อย่างนั้น เขาจะหมือนกับข้า และยากจะออกไปต่อได้ในอนาคต
เซี่ยอวี่ชี้ที่ขนนกดำหนาที่หน้าอกเขาและมองดูกัวตงเงียบๆ
กัวตงขบริมฝีปากแววเจ็บปวดปรากฏอยู่ในดวงตาเขา “ข้าทนเห็นเขาตายไม่ได้”
“ดี!” เซี่ยอวี่เห็นด้วยอย่างจริงใจ เขาตรงไปที่กัวอวี่ เลือดหยดหนึ่งออกมาจากปลายนิ้วเขาทันทีภายในหยดเลือดมีขนนกบางๆ ลอยอยู่ในนั้น
เลือดหยดลงไปในปากของกัวอวี่และทันใดนั้นมีชั้นหมอกสีดำบางๆปรากฏออกมาครอบคลุมตัวของกัวอวี่
“เขาคงจะต้องใช้เวลายี่สิบวันก่อนจะฟื้นจากอาการบาดเจ็บหนัก” เซี่ยอวี่กล่าว
“ขอบคุณพี่เซี่ย!” กัวตงประสานมือขอบคุณ
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่, อย่าใส่ใจไปเลย” เซี่ยอวี่โบกมือแล้วขยับตัว
“ข้าไม่มีของอะไรตอบแทนในตอนนี้ พี่เซี่ยโปรดรับทราบความลับกระบี่ผนึกปีศาจก็แล้วกัน” กัวตงกล่าว
“กระบี่ผนึกปีศาจ!” ดวงตาที่สงบและสงวนท่าทีของเซี่ยอวี่เบิกกว้าง“ท่านหมายถึงกระบี่ผนึกปีศาจแห่งหมู่ดาวถ้วยน่ะหรือ?”
“แน่นอน พี่เซี่ยช่างมีความรู้จริงๆ” กัวตงพยักหน้า “หมู่ดาวถ้วยเป็นหมู่ดาวที่มืดทึมที่สุด ไม่มีคนรู้จักมันมากทั้งไม่รู้ว่มันคือสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุด กระบี่ผนึกปีศาจเป็นสมบัติระดับทองและเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของหมู่ดาวถ้วย
เซี่ยอวี่กลับคืนสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว “พี่กัวเข้าไปคลุกคลีเรื่องนี้ก็เพราะกระบี่นี้?”
“ถูกแล้ว” กัวตงพยักหน้า “ใกล้กับหมู่บ้าน จะมีหมู่บ้านกระบี่เล็กๆ แห่งหนึ่งนามว่าหมู่บ้านกระบี่ตระกูลเซี่ย กระบี่นี้ถูกปกป้องไว้โดยตระกูลเซี่ย ข้าได้รู้เรื่องนี้มาโดยบังเอิญ กระบี่ผนึกปีศาจตั้งอยู่ที่ด้านหลังหมู่บ้านกระบี่ตระกูลเซี่ยที่ยอดเขากระบี่ศิลา ข้าไปที่นั่นมานับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือ ข้าไม่ต้องการจะเคลื่อนไหวอะไร แต่ข้าไม่รู้ว่าเฒ่าบอดซอกำศรวลไปได้ข่าวมาจากที่ใด เขาก็มาด้วยเช่นกันเป็นช่วงเวลาที่โง่เขลาที่ข้าแสดงตัวออกไป นึกไม่ถึงเลยว่าข้าได้พบกับถังเทียนและกลุ่มของเขาและทำให้เกิดปัญหาเช่นนี้”
เซี่ยอวี่สงบอารมณ์ได้แล้ว “ไม่มีใครที่ไม่ลุ่มหลงอยากได้สมบัติศักดิ์สิทธิ์ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่ข้ารับมือได้ ไม่ว่าหมู่ดาวถ้วยจะเล็กขนาดไหนก็ตาม แต่ก็ยังเป็นหมู่ดาวหมู่หนึ่ง มันอาจไม่ใช่เรื่องดีก็ได้ที่มีสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของหมู่ดาวไว้ครอบครอง”
เซี่ยอวี่พูดถูก สวรรค์วิถีมีดวงดาวมากมายนับไม่ถ้วน แต่มีเพียง 88ของดวงดาวเหล่านั้นที่ถูกเรียกว่าหมู่ดาว หมู่ดาวแต่ละแห่งจะมีสมบัติศักดิ์สิทธิ์ พลังของสมบัติศักดิ์สิทธิ์อาจจะมิได้แข็งแกร่งกว่าสมบัติของหมู่ดาวอื่น ตัวอย่างเช่นมงกุฏแห่งหมู่ดาวเพอร์ซูสที่เชียนฮุ่ยมีก็ยังเป็นแค่สมบัติชั้นเงิน
แต่ในชุดสมบัติหมู่ดาวเพอร์ซูสมันอาจจะแข็งแกร่งที่สุดสมบัติชิ้นนี้ลดระดับจากสมบัติชั้นทองเป็นสมบัติชั้นเงิน ความจริงสมบัติทั้งหมดของหมู่ดาวเพอร์ซูสล้วนมีระดับที่ตกลงไปทั้งนั้น
พลังของสมบัติศักดิ์สิทธิ์เป็นการบ่งชี้ว่าหมู่ดาวนั้นเข้มแข็งเพียงไหน
แต่ในฐานะที่เป็นสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุดของหมู่ดาว สมบัติศักดิ์สิทธิ์มักจะมีจุดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร ดังนั้น เมื่อสมบัติศักดิ์สิทธิ์ปรากฏ จะมีการนองเลือดตามมา
เพราะสมบัติศักดิ์สิทธิ์หาได้ยากมาก
ในบรรดาสมบัติศักดิ์สิทธิ์ทั้ง88 มีกี่ชิ้นที่ถูกฝังอยู่กันแน่ ไม่มีใครรู้ว่าสมบัติศักดิ์สิทธิ์เหลืออยู่เท่าใด
สำหรับเซี่ยอวี่ สมบัติศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เรื่องของโชคลาง มันเป็นความสุขความพอใจที่พวกเขาไม่กล้าคิดหวัง
“หมู่ดาวถ้วยในตอนนี้อิ่มตัวแล้วดูปราศจากชีวิตชีวา มันยากจะพูดได้ว่ามีพลังเหลืออยู่ในกระบี่ผนึกปีศาจนี้อยู่เท่าไหร่” กัวตงกล่าวต่อ “เนื่องจากพี่เซี่ยรู้บางอย่างเกี่ยวกับกระบี่ผนึกปีศาจ อย่างนั้นท่านควรจะรู้ว่ามีสมบัตินับไม่ถ้วนถูกผนึกไว้โดยกระบี่ผนึกปีศาจซึ่งสมบัติเหล่านี้ได้หายไปพร้อมกับกระบี่ผนึกปีศาจ พี่เซี่ยอาจจะรู้สึกว่ากระบี่ผนึกปีศาจยากจะได้รับจริงๆ แต่ท่านอาจจะได้ทองก็ได้ ถ้าท่านได้สมบัติเหล่านี้มาสักชิ้นสองชิ้น”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซี่ยอวี่ตื่นเต้น เขามองดูกัวตง “เพราะพี่กัวมาหาในเวลานี้ ดูเหมือนจะมีเหตุผลทางการเมืองแฝงมาด้วยสินะ”
“ข้ามาตามความต้องการของข้าเอง” กัวตงพูดอย่างสงบ “ถังเทียนเป็นคนน่ากลัว และด้วยความช่วยเหลือของตระกูลเซี่ยเขาย่อมหวังยิ่งใหญ่เป็นธรรมดา ส่วนเฒ่าบอดซอกำศรวลก็เตรียมการในครั้งนี้อย่างดี คนใช้ใบ้ของเขาก็ยังเป็นกำลังสำรองได้ ข้ากับเสี่ยวอวี่บาดเจ็บแล้ว ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือของพี่เซี่ย เราก็เหมือนนกไร้ปีกธรรมดา นั่นคือเรื่องจริง ความพ่ายแพ้ศัตรูครั้งนี้ ข้าไม่อาจยอมรับได้เลย และเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ข้ากล้ำกลืนฝืนทนความโกรธครั้งนี้อยู่ได้ ดังนั้นข้าจึงมาหาพี่เซี่ย เรื่องนี้จะเป็นประโยชน์กับที่เซี่ย ข้าคิดว่าหากพี่เซี่ยไม่ถือสาที่จะรับสมบัติดวงดาวชิ้นหรือสองชิ้น..”
เซี่ยอวี่ไตร่ตรองชั่วขณะ “การต่อสู้ของเจ้ากับพวกเขา ข้าขอมีอิสระว่าจะเลือกช่วยหรือยืนดูอยู่ข้างๆ”
“ไม่มีปัญหา” กัวตงมีความสุขมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น เมื่อคิดถึงถังเทียนทีไร รังสีฆ่าฟันจะต้องปรากฏอยู่ในดวงตาเขาทันที เขากล่าว “แค้นครั้งนี้ ข้าจะชำระมันด้วยตัวเอง”
เซี่ยอวี่ทำใจและยิ้มให้โดยตรง“อย่างนั้น ข้าจะรับคำแนะนำของพี่กัวเอาไว้”
กัวตงหัวเราะ “เรามาร่วมมือกันเล่นงานเฒ่าบอดซอกำสรวลกันเถอะ!”
ทั้งสองคนมองหน้ากันและยิ้มให้กัน
※※※
เช้าวันต่อมาถังเทียนออกมาตามหาอาเฮ่อและถามเขาเกี่ยวกับเรื่องลูกปัดแสงกระเรียนฟ้า
อาเฮ่อพึมพำ“ลูกปัดแสงจากหมู่ดาวกระเรียนฟ้า เป็นของมีประโยชน์ สามารถใช้เปิดพลังบางอย่างเช่นพลังจากตันเถียน เจ้าสามารถเรียกมันได้ว่าตันเถียนกระเรียน เจ้าน่าจะรู้สึกถึงความคงอยู่ของมันได้ แต่วิธีใช้มันแตกต่างจากตันเถียนธรรมดา
“แตกต่างยังไง?”
“มันก็เหมือนกับตันเถียน และประโยชน์ของมันไม่ต่างจากตันเถียนมาก แต่มันไม่สามารถขยายขนาดได้นอกจากนั้นหลังจากใช้ปราณเที่ยงแท้ในตันเถียนกระเรียนจนหมดไปมันจะฟื้นคืนพลังได้ช้ามาก ไม่สามารถเต็มได้โดยถ่ายพลังจากเส้นเดินปราณมันเพียงแต่เติมเต็มด้วยตัวเอง และกระบวนการนี้ต้องใช้เวลานาน” อาเฮ่ออธิบาย
“นานเท่าไหร่?” ถังเทียนถามทันที
“นานสิบห้าวัน”อาเฮ่อพยายามนึกอยางดีที่สุด “ถ้าข้าจำไม่ผิด เมื่อเป็นอย่างนี้ก็หมายความว่า เจ้าสามารถใช้ได้แค่สิบห้าวันต่อครั้ง แม้ว่ามันจะดูเหมือนตันเถียน แต่ความจริงมันคือสมบัติดวงดาว”
“ครั้งสิบห้าวัน?” ถังเทียนผิดหวังเล็กน้อย แต่เมื่อคิดดูแล้วเขาพอใจ
เนื่องจากเขามีตันเถียนมากกว่าหนึ่งและตันเถียนกระเรียนก็ใหญ่กว่าแอ่งตันเถียนระดับหกของเขามาก ประมาณสามเท่า
นี่หมายความว่าปราณเที่ยงแท้ของถังเทียนขยายมากถึงสี่เท่าจากปราณเที่ยงแท้เดิม
นี่เทียบได้กับนักสู้ระดับเจ็ดธรรมดาแล้ว
แม้ว่าจะฟื้นตัวช้ามากแต่เมื่อคิดถึงคลื่นพลังปราณเที่ยงแท้แล้ว ถังเทียนลอบตื่นเต้น
“เป็นอย่างนี้นี่เอง!” ถังเทียนมีท่าทางเข้าใจ และเขาถามทันที“อย่างนั้นไม่มีข้อห้ามอื่นหรือส่วนสำคัญอะไรๆ อื่นอีกไหม?”
อาเฮ่อคิดอย่างระมัดระวังและส่ายศีรษะ“ไม่มี”
“จริงเหรอ?” ถังเทียนอดกลั้นไว้
“ไม่มี!” อาเฮ่อผงกศีรษะ
“ก็ดี” ถังเทียนเงยหน้าด้วยความพึงพอใจ เขาหดมือ “เอาละ, เจ้าสามารถเริ่มงานของเจ้าได้แล้ว!”
อาเฮ่อไม่เคยคิดเลยว่าหน้าของถังเทียนจะสามารถเปลี่ยนไปได้เร็วนัก ขณะที่ยืนงง เขาถามต่อ “เริ่มงาน??”
“ใช่, เจ้าจะทำงานแลกวิชาไม่ใช่หรือ? จากวันนี้ไป เจ้าจะต้องรับผิดชอบเรื่องสุขอนามัย,สวัสดิภาพ อาหาร และยานที่เราจำเป็นต้องใช้ในการเดินทาง นอกจากนี้เจ้าจะต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยอีกด้วย” ถังเทียนพูดจริงจัง “จำไว้ว่า ยิ่งเจ้ามีพลังอำนาจมากเท่าไหร่ ความรับผิดชอบก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น! อย่าขี้เกียจเสียล่ะ!”
อาเฮ่อตะลึงงัน หลังจากนั้นชั่วขณะ เขากล่าวในที่สุด“ข้าไม่รู้วิธีขับยาน”
“อย่างนั้นก็ต้องเรียนรู้” ถังเทียนพูดต่อไม่หยุด “เรามีสารถี เจ้าจำเป็นต้องเรียนรู้จากเขา! พ่อหนุ่มข้าจะไม่มีการต่อรองราคาวิชาร่างกระเรียนที่จะสอนให้เจ้า ดังนั้นอย่าเกียจคร้านเมื่อเวลาเจ้าทำงาน”
อาเฮ่อผู้อ่อนโยนอยู่ในอาการมึนงง ในสำนักของเขา เขามักเป็นฝ่ายถูกปรนนิบัติและผู้อื่นจะเป็นผู้แต่งตัวให้เขา แต่วันนี้...
ทันใดนั้นเขารู้สึกได้ว่าชีวิตต่อไปอีกสามปีคงหม่นหมองเป็นแน่
ถังเทียนชูกำปั้นและให้กำลังใจเขา“พยายามเข้านะ หนุ่มน้อยอาเฮ่อ!
หลังจากนั้นเขาเดินจากไปก่อนที่เขาจะเดินออกไปที่ลานบ้าน เซี่ยชิงรีบเข้ามามองดูหวาดกลัว เมื่อเห็นถังเทียนแล้ว เขาตะโกน “จอมยุทธ! ข่าวร้าย, ข่าวร้าย!”