ตอนที่ 217 ข้าจะไม่เศร้า
“ซิ่วซิ่วน้อย, เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง?” ถังเทียนนัยน์ตาโตขณะที่เขาถามทันที
“ข้าไม่เป็นไร” หลิงซิ่วมองสีหน้ากังวลของถังเทียน ก็รู้สึกอบอุ่นใจเสียงของเขาแหบแห้งฟังดูเหมือนคนเหนื่อยหนัก
“ขอแสดงความยินดีด้วย” เสียงอ่อนโยนของขลุ่ยวิเศษดังขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ทุกครั้งที่ประสบความสำเร็จเอาชนะความทรงจำเลวร้ายได้ก็ถือได้ว่าเป็นสภาวะนิพพานในใจ สภาวะจิตของเจ้าจะบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนวิทยายุทธของเจ้าหรือจิตวิญญาณพลังยุทธของเจ้า ล้วนแต่เป็นประโยชน์กับเจ้าทั้งนั้น”
“ฟังดูเหมือนทรงพลังดี” ถังเทียนมีนัยน์ตาเป็นประกายและกระตือรือร้นจะลองดูบ้าง “ข้าก็อยากเอาชนะความทรงจำเลวร้ายด้วยเหมือนกัน! หวา หวา หวา กำจัดความทรงจำเลวร้ายได้ ข้าจะได้ทรงพลังมากยิ่งขึ้น”
ขลุ่ยวิเศษมองดูท่าทางเตรียมพร้อมของถังเทียนและคิดถึงภาพความทรงจำเลวร้ายที่ประหลาดของเขา สำหรับคนที่มีความรู้ประสบการณ์กว้างขวางอย่างขลุ่ยวิเศษก็ยังไม่สามารถหาคำพูดที่เหมาะสมได้
หลิงซิ่วดิ้นรนลุกขึ้นนั่งสายตาของเขามองดูฟลามิงโกที่ยืนเงียบอยู่ด้านหนึ่ง
ตามตัวของฟลามิงโกเต็มไปด้วยร่องรอยเสียหาย แม้ว่าพลังขาของมันจะแข็งแรงอย่างน่าทึ่ง แต่มันไม่มีพลังต่อสู้แต่อย่างใด ตลอดเส้นทางที่มันพาหลิงซิ่วหลบหนีทำให้มันได้รับร่องรอยความเสียหายนับไม่ถ้วน
“ขอบคุณ” หลิงซิ่วพูดกับฟลามิงโก เห็นได้ชัดว่าอสูรจักรกลนี้ไม่มีชีวิต แต่ในหัวใจเขามันกลายเป็นคู่หูของเขาไปแล้ว
“เฮ้, หนุ่มถัง, มีวิธีซ่อมอาหั่วบ้างไหม?”
“อาหั่ว?” ถังเทียนตะลึงไปชั่วขณะ แต่รีบตอบทันที “โอว เจ้าหมายถึงนกฟลามิงโกนั่นเองเจ้าคงต้องไปหาเซรีน เอ่.. เอามันมาให้ข้าก่อน สำหรับหนุ่มน้อยชาวฟ้าเรื่องแค่นี้เล็กน้อย”
“ขอบคุณ”
ถังเทียนคิดว่าเขาฟังผิด หลิงซิ่วพูดขอบคุณเขาจริงๆนี่พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือเปล่านี่? หรือว่าเจ้าเด็กนี่บาดเจ็บได้รับการกระเทือนทางสมอง
“บอกข้าด้วยล่ะ ถ้าเจ้าบังอาจทำให้ขนหน้าแข้งอาหั่วร่วงแม้แต่เส้นเดียว เจ้าตาย!”
หลิงซิ่วสำทับต่ออย่างดุดัน จากนั้นถังเทียนค่อยถอนหายใจโล่งอก ดูเหมือนสมองของซิ่วซิ่วน้อยกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อย
“สบายใจได้, เซรีนเก่งจริงๆ” ถังเทียนมั่นใจในวิชาวิศวะจักรกลของเซรีนเต็มเปี่ยม
หลิงซิ่วแค่นเสียง สายตาของเขามองดูอาเฮ่อและอดตะลึงไม่ได้
“หมอนี่เป็นใคร?”
“โอว, เขาชื่อเฮ่อ” ถังเทียนแนะนำ “ไม่ต้องห่วง เขาไม่ใช่พี่ชายเจ้า ข้าสัมภาษณ์เขาเรียบร้อยแล้ว เขาเพิ่งเข้าร่วมกับเรา เก่งทีเดียวนะ ไม่ด้อยกว่าเจ้าเลย”
“ไม่ด้อยกว่าข้าเหรอ? เจ้าหมายความว่ายังไง? มาเลย! มาสู้กัน, เจ้าบ้า!”
“เจ้ายังยืนได้ไม่ล้มใช่ไหม...”
อาเฮ่อศึกษานิสัยคนในกลุ่มนี้เงียบๆ ในใจเขามีบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ แต่ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าเส้นทางชีวิตในสามปีนี้คงจะไม่ธรรมดาเป็นแน่
เซี่ยชิงวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา มองดูหลิงซิ่วแล้ว เขาถึงกับมีสีหน้าดีใจ “จอมยุทธหลิงฟื้นแล้ว!นั่นเยี่ยมจริงๆ!”
ขณะที่สู้กับจ้าวอสูรหินกรวด หลังจากชายชราตาบอดจากไปแล้ว จ้าวอสูรหินกรวดยังคงวิ่งหนีไป แน่นอนเซี่ยชิงยังไล่ตามเหมือนกัน แต่จ้าวอสูรหินกรวดก็ยังคงหนีไปได้ในที่สุด
เขามองดูหลิงซิ่วด้วยความเคารพสุดซึ้ง หลิงซิ่วบุกเดี่ยวทำลายฝูงอสูรหินกรวดภาพลักษณ์ของเขาจึงเป็นวีรบุรุษ แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้ในมือของบุรุษชราตาบอด แต่สำหรับเขาแล้วก็ยังชนะอยู่ดี
“ท่านตรวจสอบได้ไหมกัวตงและพวกที่เหลือหลบหนีไปหรือยัง?” ถังเทียนถามทันที ตาของเขาเป็นประกายแฝงแววอำมหิต
เขาจะยอมให้เรื่องนี้จบแบบนี้ได้ยังไง?
“ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้” เซี่ยชิงเห็นด้วยกับเขาอย่างตรงไปตรงมา กัวตงและกัวอวี่บาดเจ็บหลบหนีไปสำหรับหมู่บ้านกระบี่ตระกูลเซี่ย แม้ว่าจะเสี่ยงแต่ทันทีที่สองคนหายบาดเจ็บพวกเขาจะต้องตามตอบโต้ และหมู่บ้านกระบี่ตระกูลเซี่ยทั้งหมดจะถูกกำจัด
แม้ว่าเซี่ยชิงจะสำเร็จเคล็ดวิชากระบี่หัวใจองครักษ์ร่ำร้อง แต่เขาก็ยังไม่ค่อยมั่นใจว่าเขาจะสามารถรับมือกัวตงได้หรือไม่ ยิ่งกว่านั้นยังมีกัวอวี่ผู้ทรงพลังเช่นกัน
※※※
ผลกระทบของการต่อสู้กว้างไกลเกินกว่าที่ทุกคนจะสามารถนึกภาพออก
กัวตงไม่เคยหายไปจากทำเนียบรายชื่อนักสู้สวรรค์วิถีมาเกินกว่าสิบปี ทุกคนที่มีความรู้เรื่องทำเนียบรายชื่อนักสู้สวรรค์วิถีจะคุ้นเคยกับชื่อของเพชฌฆาตกาเพลิง ดังนั้นเมื่อชื่อของกัวตงถูกลบไปจากทำเนียบรายชื่อนักสู้สวรรค์วิถีและถูกแทนด้วยรายชื่อที่ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อน ทุกคนตกตะลึง
ถังเทียนคือใคร?
มีหลายคนพยายามขุดคุ้ยข้อมูลสวรรค์วิถีย้อนหลังหลายวันหลายสัปดาห์เพื่อหาดูชื่อของถังเทียน แต่ชื่อของเขาไม่เคยปรากฏอยู่ในนั้น
นอกจากนี้เหล่านักสู้อมตะยังได้เผยถึงวิธีที่ถังเทียนเอาชนะกัวตง กิลโยตินกาเพลิงที่สร้างชื่อเสียงให้กับกัวตงพ่ายแพ้ ดังนั้นไม่มีใครสงสัยข้องใจชื่อที่เข้ามาแทนที่เขา
แต่ถังเทียนเป็นใคร?
ไม่มีใครรู้
ถังเทียนอวดข่าวจากหนังสือนักสู้อมตะให้หลิงซิ่วดู
“ซิ่วซิ่วน้อย, เจ้าต้องเร่งมือแล้ว! แต่แม้แต่ระดับฝีมือของเจ้าก็ยังไม่ง่ายที่จะเป็นส่วนหนึ่งของรายชื่อที่รออยู่”
หลิงซิ่วทำสายตาหงุดหงิด
“อย่าห่วง ข้าไม่รังเกียจเจ้าหรอกน่า” ถังเทียนยกแขนทั้งสองข้างเบ่งกล้ามอวด “เจ้าถูกกำหนดให้อยู่ในร่มเงาของหนุ่มชาวฟ้าแล้ว”
หลิงซิ่วยังคงหนังตากระตุกอย่างหงุดหงิดต่อ เขาไม่อาจทนได้อีกต่อไป จึงตะโกนออกมา“ไสหัวไป”
ถังเทียนหัวเราะกิ๊กกั๊กเขาถามด้วยความสงสัย “ซิ่วซิ่วน้อยทำไมตอนนี้เจ้าถึงกลายเป็นหนอนหนังสือไปซะเล่า? พูดตามตรงนะ ด้วยระดับปัญญาของเจ้า นี่อาจจะยากสำหรับเจ้าไปบ้างนะ”
ตั้งแต่หลิงซิ่วฟื้นขึ้นมา เขามักจะกอดหนังสือหลังจากฝึกฝนเสมอ
นับเป็นความทรมานอย่างหนึ่งที่ต้องมาฟังเจ้าเด็กนี่พล่าม
หลิงซิ่วคราง “เจ้ามันจะรู้อะไร? ข้ากำลังค้นหาความสงบภายใน”
“อย่าบอกนะว่าเจ้าผิดหวัง?” ถังเทียนไม่เข้าใจ
ขณะที่หลิงซิ่วต้องการจะพูด สายตาของเขาชะงักค้าง ถังเทียนเห็นเช่นนั้นก็รีบหันหน้าไปมองท่าทางเขาดูตะลึงเช่นกัน
อาเฮ่อสวมชุดดำและปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าพวกเขา
“อาเฮ่อ..เจ้า เจ้า เจ้า...” ถังเทียนชี้ชุดดำของอาเฮ่อและพูดติดอ่าง
อาเฮ่ออธิบายอย่างสุภาพ “ข้าทำเช่นนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการแต่งชุดเหมือนกัน ข้าก็เลยคิดว่าข้าใส่ชุดสีดำจะดีกว่า”
“ใส่ชุดสีเดียวกัน...”
หลิงซิ่วและถังเทียนตกใจทั้งคู่
“ข้าต้องขออภัย ตอนนี้ข้ากำลังฝึกอยู่ไม่อาจจะคลุกคลีกับพวกเจ้าทั้งสองได้ โปรดเข้าใจข้าด้วย” เขาคำนับให้คนทั้งสองพร้อมกับถือกระบี่สูง อาเฮ่อตัวสูงและตรงอยู่แล้ว การเดินก็คล่องแคล่วเขามักดูตัวตรงแบบผู้ดีอยู่เสมอ
“เขาช่างตุ้งติ้งดีแท้” หลิงซิ่วพึมพำไม่พอใจ เขาไม่ค่อยชอบพฤติกรรมของอาเฮ่อ
ไม่เคยมีเศษฝุ่นปรากฏอยู่บนตัวอาเฮ่อเลย เขาเดินไม่เร็วเกินไป ไม่ช้าเกินไป เมื่อเขานั่ง เขามักอยู่ในท่านั่งตัวตรงเชิดหน้า และเขามักยิ้มอย่างสุภาพเสมอ ก่อนที่เขาจะออกไป เขามักจะแสดงกิริยานอบน้อมเสมอ สิ่งที่สร้างความรำคาญให้หลิงซิ่วมากที่สุดก็คือ เมื่อเวลาเจ้าผู้นี้กิน ดูเป็นผู้ดีเรียบร้อยเกินไป
นับเป็นครั้งแรกที่หลิงซิ่วได้เห็นผู้ชายที่ใช้มีดเล็กหั่นเนื้อเลาะกระดูกขณะที่พวกเขากินเนื้อย่าง หลังจากหั่นเนื้อเป็นชิ้นบางแล้วเขายังต้องเรียงเนื้อเป็นสามแถวก่อนที่จะใช้ตะเกียบคีบมาจิ้มซ้อสแล้วกิน
อย่างไรก็ตามตราบใดที่เขาอยู่กับอาเฮ่อ หลิงซิ่วกับถังเทียนดูคล้ายกับเป็นพวกบ้านนอกเข้ากรุง
แต่ไม่ว่าหลิงซิ่วจะเสียดสียังไง เขาต้องยอมรับว่าอาเฮ่อมีความพากเพียรมาก
เมื่อเขาเห็นอาเฮ่อกำลังฝึก หลิงซิ่วค่อนข้างกดดัน เขาจะแพ้เจ้าผู้ชายตุ้งติ้งนี่ได้ยังไง?โดยไม่ต้องพูดคำที่สองอีก เขาทิ้งหนังแล้วแยกตัวออกไป
เขาออกไปฝึกวิชาต่อ!
ถังเทียนแค่มาหาเรื่องคุยฆ่าเวลาจึงถูกปล่อยให้อยู่คนเดียวทันที
ถังเทียนต้องไปบางสถานที่
เขาเข้าไปในประตูแสงมันว่างเปล่า
ปิงกับขลุ่ยวิเศษเอานกฟลามิงโกและทองอีกาไปหาเซรีน ข่าวลือว่าเซรีนมีเกราะจักรกลชุดใหม่และการให้ปิงทดลองใช้
รอบๆบริเวณว่างเปล่าและเงียบ ทันใดนั้นถังเทียนรู้สึกลำบากที่จะใช้มัน
หลังจากเงียบอยู่ชั่วครู่เขาก็เริ่มฝึก
นัยน์ตาจับจ้องประกายไฟแปลบปลาบและการเสียดสีระหว่างทั่งอีกครั้ง
เขาเข้าใจวิชาถุงมือกรงเล็บเพลิงแล้วปราณเที่ยงแท้ที่เผาไหม้แข็งแกร่งกว่าแรงเสียดทานของอากาศเป็นคือการฝึกฝนรูปแบบหนึ่งไม่มีผลอะไรมากต่อเขา
แต่ถังเทียนยืนยันฝนทั่งต่อไปเหมือนในอดีต เขาไม่ถามอาเฮ่อถึงวิธีใช้ลูกปัดแสงกระเรียนฟ้าไม่ถามถึงวิธีเลื่อนระดับวิชาถุงมือกรงเล็บเพลิง
เขายังคงฝึกฝนบทฝึกที่คั่งค้างให้สำเร็จนั่นคือบดฝนทั่งต่อไป
ถังเทียนง่วนอยู่การฝึกเต็มที่
ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดในที่สุดถังเทียนก็พัก ดูสภาพเหมือนกับว่าเขาเพิ่งขึ้นมาจากสระน้ำ หอบหายใจหนัก เขามองดูทั่งรอบๆ ที่ลดลงไป เกินคาดไปมากถังเทียนสำลัก
กรงเล็บภูตพราย...
หัวใจถังเทียนหม่นหมองลง เขาสูดหายใจลึก มองดูทั่งรอบๆ และทำเหมือนกับว่าอยู่ต่อหน้าผู้เฒ่ากรงเล็บภูตพราย เขากำหมัดแน่นและฝืนยิ้มตะโกนลั่น
“ผู้เฒ่ากรงเล็บภูตพราย,ข้าจะฝนทั่งหมื่นแท่งให้หมด”
“นั่นจะทำให้ทรงพลังไม่ใช่เหรอ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า, หนุ่มชาวฟ้าผู้นี้....แข็งแกร่งมาก!”
“ขอให้ท่านพักอย่างสงบเถอะ!กรงเล็บภูตพรายในมือข้า วิชากรงเล็บเพลิงภูตพรายจะต้องมีชื่อเสียงอย่างแน่นอน”
“หนุ่มชาวฟ้าผู้นี้จะต้องกลายเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งแน่นอน”
ถังเทียนจ้องมองทั่งที่เหลือชั่วขณะ เขาปาดเหงื่อจากนั้นตั้งหน้าตั้งฝึกฝนตนเองต่อ
ข้าจะไม่เศร้า, ข้าจะไม่เศร้าจริงๆใบหน้าของข้ามีแต่ความสดใส หัวใจข้ามีแต่เพียงความหวัง ข้ายังจะร้องเพลงได้ ต่อให้พายุโหมฝนฟ้ากระหน่ำอย่างหนักก็ตามข้าจะพูดด้วยหมัดและประกายของมันจะเบ่งบาน
ข้าจะไม่โศกเศร้าไม่เศร้าจริงๆท่านแค่ยืนอยู่ตรงนั้นและดูข้าด้วยสายตาที่อบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิ เพลิงแห่งกรงเล็บเพลิงภูตพรายจากการเผาไหม้ในมือของท่านสู่มือของข้า นี่คือความภูมิใจของท่านและพลังของท่าน
ข้าจะไม่เศร้า,ข้าจะไม่โศกเศร้าจริงๆ ข้าจะไม่เอาความเศร้ามาใส่ไว้ในใบหน้าของข้า
เมื่อทั่งแท่งสุดท้ายถูกบดหมดแล้ว ถังเทียนนอนแผ่หรากับพื้นกางแขนออกขณะที่ตาของเขาจ้องมองเพดาน
“กรงเล็บภูตพราย ข้าทำสำเร็จแล้ว”
ถังเทียนพึมพำกับตนเองเมื่อเขาพูดจบประโยค ถังเทียนที่แทบจะทนไม่ไหวรู้สึกหนังตาหนักและหลับไปทันที
เมื่อร่างของปิงปรากฎออกมาจากห้องจิตวิญญาณพลังยุทธแล้วเห็นสภาพถังเทียนที่กำลังหลับลึก เขามองดูพื้นเต็มไปด้วยเศษเหล็ก พื้นที่แต่เดิมเต็มไปด้วยทั่งเหล็ก แต่ตอนนี้ว่างเปล่า
ปิงพูดไม่ออก
“กรงเล็บภูตพราย โชคของเราดีมากจริงๆ” ปิงพึมพำกับตัวเองทันที
เขาเริ่มทำความสะอาดค่ายทหาร เห็นได้ชัดว่าทั่งหนึ่งหมื่นแท่งมากมายเพียงไหน
เมื่อสายตาของเขาเหลือบมองไปที่ประตูแสง เขารู้สึกเหมือนกับว่าถูกฟ้าผ่า เขายืนงงอยู่ตรงนั้น ประตูแสงที่เคยเต็มไปด้วยการ์ดทั้งหมดหายไปและสิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงการ์ดใบเดียวที่ยังเรืองแสงต่อเนื่อง
กรงเล็บภูตพราย....
***********************************