ตอนที่ 216 คำแนะนำของปิง
“ด้วยความยินดี” ถังเทียนมีท่าทางไร้เดียงสา เขายิ้มสดใสเหมือนดวงอาทิตย์ “บอกข้ามาก่อน เจ้ามีสมบัติอะไรบ้างวิธีนี้จะทำให้ง่ายต่อเราในการปรึกษาปัญหาในการแลกเปลี่ยน”
ขลุ่ยวิเศษมองดูถังเทียนยิ้มสดใสด้วยความมึนงงหน้าตาที่สดใสนั้นเป็นเรื่องที่ผิดปกติ
ทันใดนั้น เรื่องที่เขาสงสัยก่อนหน้านั้นเกี่ยวกับถังเทียนก็ได้บทสรุป
ขลุ่ยวิเศษคิดอยู่เสมอว่าถังเทียนสามารถต่อต้านการหลอกล่อความทรงจำเลวร้ายได้เป็นเพราะหัวใจของเขาบริสุทธิ์เหมือนดวงอาทิตย์ แต่จากสิ่งที่เขาเห็น ใบหน้าที่สดใสของถังเทียนทำให้ขลุ่ยวิเศษสั่นสะท้านถึงไขสันหลัง
เว้นแต่เมื่อจะฉีกกระชากใครสักคน คนผู้นี้ความจริงมีความตั้งใจมากและจริงใจที่จะทำ
ขลุ่ยวิเศษที่ตกใจเงียบทันทีขณะที่เขาขยับออกห่างถังเทียนออกมาสองสามก้าว เขามองดูอาเฮ่อด้วยสายตาเห็นใจ เด็กหนุ่มเป็นคนดี น่าเสียดายที่ต้องตกไปอยู่ในเงื้อมมือมาร...
ขลุ่ยวิเศษชื่นชมอาเฮ่อมาก
จากที่เห็นเขาสามารถบอกได้ว่าอาเฮ่อมาจากตระกูลที่ดี และได้รับการอบรมอย่างพิถีพิถัน ทุกๆกิริยาท่าทางที่เขาแสดงออกดูเป็นผู้ดีมีสกุล และนั่นไม่ใช่กิริยาแสร้งกระทำ เขาสามารถคาดเดาได้ว่า อาเฮ่อมีมารดาที่ดีโดดเด่นมีพ่อแม่ของตระกูลระดับสูงจึงจะอบรมกุลบุตรที่โดดเด่นอาจกลายเป็นวีระบุรุษได้
เขามีอัธยาศัยที่คล้ายกัน ขลุ่ยวิเศษมาจากครอบครัวบัณฑิตที่คงแก่เรียน ดังนั้นจึงรู้สึกใกล้ชิดกับอาเฮ่อ
แต่...
เขาได้แต่ทำเป็นเงียบต่อไปและยอมแพ้ที่จะพยายามช่วยลูกแกะที่น่าสงสารตัวนี้ ถ้ามีแค่หนุ่มน้อยถังเทียนก็คงพอทำเนา แต่ยังมีเสือร้ายหน้าไพ่ตั้งใจมองอยู่ข้างๆ เขาหนุ่มน้อยหล่อเหลาผู้น่าสงสารนี้คงไม่สามารถหลบพ้นเงื้อมมือของสองมารร้ายนี้
การห้ามปรามพวกเขาก็เหมือนกับฆ่าครอบครัวตนเอง
ไม่จำเป็นต้องพูดถึงหนุ่มน้อยถังแต่ยังเพิ่มปิง จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ใบหน้าไพ่เข้าไปอีกคน พวกเขาคงไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ แน่
โปรดดูแลตัวเองก็แล้วกันหนุ่มรูปหล่อ
เมื่อเผชิญกับถังเทียนที่กระตือรือร้น อาเฮ่อไม่ได้เฉลียวใจ เขายอมเก็บอคติที่มีอยู่ก่อนหน้านั้น ภาพชายหนุ่มที่กำลังสะอื้นใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำมูกน้ำตา นี่เป็นหนุ่มน้อยที่ดีงามจริงๆ
การยินดีรับลูกถังเทียนทำให้อาเฮ่อเด็กใหม่ไร้ประสบการณ์แสดงนิสัยใจจริงตัวเองออกมา เขาฝืนยิ้ม“ข้าไม่รู้ว่าจะมีอะไรอื่นให้เจ้าเป็นการแลกเปลี่ยนได้”
นี่คือคำพูดจากใจจริงของเขา
กระบี่กระเรียนเป็นของศักดิ์สิทธิ์จากสำนักกระเรียน เขาต้องไม่ใช่มันในเงื่อนไขแลกเปลี่ยน อาวุธสมบัติทั้งสามของสำนักกระเรียนสูญหายทั้งหมด ปรากฏอยู่เพียงสิ่งเดียวก็คือลูกปัดแสงกระเรียนฟ้าและอยู่ในมือของฝ่ายตรงข้าม
ทันใดนั้นอาเฮ่อก็ตระหนักว่าเป็นการโง่จริงๆ ที่มองหาถังเทียนในลักษณะนี้ เขาพบกับบุรุษที่ไม่สามารถหาอะไรมาแลกเปลี่ยนลมปราณร่างกระเรียน
“อาวุธสมบัติเล่า? เจ้ามีบ้างไหม? สำนักกระเรียนเป็นสำนักใหญ่” ถังเทียนทำท่าทางหยิ่งขณะพิจารณาดูฝ่ายตรงข้าม “บางทีเจ้าน่าจะมีอาวุธสมบัติสักสองสามชิ้นบางนะ”
อาเฮ่อยิ้มและตอบอย่างจริงใจ“มีอาวุธสมบัติสามอย่างอยู่ในหมู่ดาวกระเรียน แต่มีเพียงหนึ่งในนั้นที่ปรากฏอยู่กับตัวเจ้านั่นคือลูกปัดแสงกระเรียนฟ้า”
ตอนนี้ถังเทียนตื่นเตน สิ่งที่เคยเป็นกระเรียนบรอนซ์ตอนนี้ก็คือลูกปัดแสงกระเรียนฟ้านั่นเอง ถังเทียนไม่รู้ประวัติหรือการใช้มัน เขาไม่เคยคาดว่าอาเฮ่อจะปรากฏตัวแบบนี้
แต่ถังเทียนไม่แสดงอารมณ์ที่แท้จริง แม้ว่าเขาจะตกวิชาเลขคณิตแต่นี่ก็ไม่อาจห้ามเขาจากการเป็นนักธุรกิจที่เจ้าเล่ห์ได้
ถังเทียนขมวดคิ้ว “ถ้าเจ้าไม่มีอาวุธสมบัติ อย่างนั้นก็คงลำบากเจ้ามีเหรียญดาวบ้างไหม? ข้าชอบอาวุธสมบัติมากกว่า ขณะที่เหรียญดาวไม่สามารถช่วยอะไรข้าได้มากนัก ว่าไงนะ? เจ้าไม่มีอาวุธสมบัติ? อืม..อย่างนั้นเหรียญดาวล่ะ”
ขณะที่อาเฮ่อถอนหายใจโล่งอก ถังเทียนเลิกคิ้ว “แต่อย่าพยายามติดสินบนข้าด้วยเหรียญดาวเพียงไม่กี่ล้านเชียว”
อาเฮ่อรู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่า
เป็นล้านเหรียญดาวเชียว...ล้อเล่นแน่ๆ
หน้าของเขาซีด
แม้ว่าสำนักกระเรียนจะมีหมู่ดาวกระเรียนเป็นของตนเอง หมู่ดาวกระเรียนเป็นเพียงหมู่ดาวขนาดเล็ก ฐานะการเงินของสำนักกระเรียนนับว่ายากจนเนื่องความจริงที่ว่าสำนักกระเรียนตกต่ำ สำนักกระเรียนแยกตัวออกมาจากโลกภายนอกสำนักกระเรียนใช้สกุลเงินของตนเอง ในทางปฏิบัติไม่มีใครใช้เหรียญดาวกันแล้ว แม้แต่การใช้เหรียญดาวเป็นแสน ผู้อาวุโสทุกคนจากสำนักจะทำตาแดงเหมือนสุนัขที่โกรธจัดขณะที่พวกเขาวิ่งเข้ามาเก็บไปทั้งหมด!
ไม่ผิดหรอกน่า จะเป็นความผิดข้าก็เพราะใช้วิธีป่าเถื่อนอธิบายให้ผู้อาวุโสสำนักทราบ..
แสนเหรียญดาวเป็นสิ่งที่สำนักไม่มีความสามารถมอบให้ได้
ความเป็นไปได้ที่สำนักจะสามารถมอบเงินให้เป็นจำนวนมหาศาลอย่างนั้นก็คือถ้าพวกเขาขอจากแม่และป้าของพวกเขา แต่..
ตอนนี้อาเฮ่อยิ้มขมขื่นกว่าเก่า เขาส่ายศีรษะขณะที่เขาทิ้งความคิดที่เป็นไปไม่ได้นี้ไว้ข้างหลัง
“ข้าไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น” อาเฮ่อพูดตามตรง
ตอนนี้ถังเทียนขมวดคิ้วอย่างหนัก เขาแค่แต่งเรื่องล้อเล่นจากเรื่องอาวุธสมบัติทั้งหมด เป้าของเขาคือเหรียญดาว หนุ่มชาวฟ้ายังขาดเงิน เงินของเขาทั้งหมดใช้ลงทุนไปกับเกราะจักรกลของเซรีนและตอนนี้เขาไม่เหลืออะไร
เมื่อเห็นว่าอาเฮ่อนี้แต่งตัวดี เขามั่นใจว่าอาเฮ่อร่ำรวย เขาอาจดูไม่มีอะไร แต่คงไม่น่าจะขาดเงินแน่นอน
“นั่นน่ะสิ เจ้าสามารถให้ครอบครัวส่งมาที่นี่ได้ เราจะรออีกสองสามวัน” ปิงเสริมต่อ
ถังเทียนเห็นแสงรำไรทันทีและมีพลังกระตือรือร้นอีกครั้ง ใช่แล้ว เจ้าผู้นี้อาจไม่พกเงินสดติดตัว, ฉลาดอย่างแท้จริง, ยังดีที่ได้ลุงปิงช่วย เขาอาจได้รับผลประโยชน์บางอย่างก็เป็นได้
อาเฮ่อถอนหายใจ “สำนักของข้าไม่อาจสร้างรายได้มากขนาดนั้น”
ถังเทียนหน้าบึ้งแผนการขุดทองของเขาล้มเหลว อารมณ์ของเขากลายเป็นผิดหวังทันที “อย่างนั้นเราควรทำยังไง? เรื่องนี้ต้องชัดเจน ข้าจะไม่บอกวิชาร่างกระเรียนให้เจ้าโดยไม่ได้รับอะไร ข้าสิ้นเปลืองพลังงานไปมากมายเพื่อเรียนรู้ แล้วจะให้ข้าบอกเจ้าอย่างนี้ได้ยังไง?”
อาเฮ่อฝืนหัวเราะขมขื่นใจ คำพูดของถังเทียนไม่สามารถจะพิสูจน์ได้แค่เพียงเหตุผล
ศิษย์จากสำนักกระเรียนหลายรุ่นต่อเนื่องไม่ได้เรียนรู้ลมปราณร่างกระเรียนอย่างแจ่มแจ้ง จากสิ่งที่เขากำลังคิด มันคงซับซ้อนมาก ถังเทียนต้องใช้ความพยายามทางใจและกายนับไม่ถ้วนจึงจะขัดเกลาออกมาได้
ได้รับตกทอดวิทยายุทธพิเศษ สำหรับคนบางคนที่ยินดีจะแลกเปลี่ยนเป็นเหมือนสวรรค์โปรดเลยทีเดียว
สำหรับใครบางคนจะให้เปล่าหรือแลกเปลี่ยนเฉยๆได้ยังไง? แม้อาเฮ่อก็ยังรู้สึกว่าเขาเองก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้
นัยน์ตาอาเฮ่อหม่นหมอง
ทันใดนั้นปิงเอ่ยปาก “ในเมื่อเจ้าไม่มีสมบัติ และไม่มีเงินดูเหมือนว่าเหลืออยู่เพียงทางเดียว”
เหมือนกับว่าปิงกำลังยื่นโอกาสที่เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายให้ อาเฮ่อคว้าไว้ทันทีเขากระตือรือร้นเงยหน้าถามทันที “วิธีอะไร?”
“ติดตามทำงานให้เราแทน” พยัคฆ์ฟ้าผายมือเนื่องจากเสียงของปิงดังออกมาจากภายใน “อืมมมม, นอกจากวิธีนี้ ยังจะมีทางอื่นอีกหรือ?”
ถังเทียนถาม “รับเด็กคนนี้ไปทำงานน่ะเหรอ?”
เขาประหลาดใจกับคำแนะนำของปิง “เฮ้, ลุงเด็กคนนี้ดูแล้วไม่มีประโยชน์เลย ความแข็งแรงของเขาดูแล้ว ก็งั้นๆ”
ทันใดนั้นสายตาของถังเทียนมองไปที่ขลุ่ยวิเศษผู้ยืนอยู่ไม่ไกลสำเนียงเขาเปลี่ยนไปทันที “แน่นอนลุงขลุ่ยมีพลังมากขนาดนั้น เป็นเรื่องหาได้ยากจริงๆ”
ขลุ่ยวิเศษยืนนิ่งขณะที่เขายิ้มและโบกมือแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ถือสา
“ข้ายินดีจะทำงานแลก” อาเฮ่อพูดขึ้นทันที
เพื่อกอบกู้สำนักกระเรียนเพื่อความปรารถนาสุดท้ายของบิดาเขา การทำงานสำหรับอาเฮ่อไม่มีอะไรมาก
“ข้าไม่ยินดีจะพาคนไร้ประโยชน์ไปด้วย” เห็นได้ชัดว่าถังเทียนมีท่าทีไม่สบายใจ “เฮ้, ลุง, นี่เป็นความคิดของลุงอย่างนั้นลุงต้องทดสอบเขาดูว่าเขามีพลังมากเพียงไหน มีคุณสมบัติพอจะทำงานแลกวิชาได้หรือไม่”
อาเฮ่อก้าวออกมาหนึ่งก้าวชักกระบี่ของเขาออก ชุดขาวหิมะของเขาพัดสะบัด สีหน้าของเขาจริงจัง เขาโค้งคำนับ “เชิญป้อนกระบวนท่า”
ปิงตื่นเต้นมากที่เผชิญกับคนผู้นี้ที่จู่ๆก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้า เมื่อเห็นว่าเขาเป็นคนตรงไปตรงมา เขากล่าว “ข้าเริ่มละนะ”
พูดจบ ร่างของพยัคฆ์ฟ้าก็หายวับไป
สีหน้าของอาเฮ่อยังสงบและมั่นคงกระบี่โบราณที่มิได้ชักออกจากฝักในมือเขา เขาบุกโจมตีไปทางขวาพร้อมกับฝักกระบี่
ชี่....
รังสีขาวของกระบี่ถูกยิงออกไป
เงาร่างเลือนรางของพยัคฆ์ฟ้าปรากฏอยู่ต่อหน้ารังสีกระบี่
เมื่อยอดฝีมือเห็นกระบวนท่าของเขา ก็สามารถบอกได้ทันทีว่าเขาใช่ยอดฝีมือหรือไม่
ท่าทางไม่พอใจบนใบหน้าของถังเทียนหายไป เขาแสดงอารมณ์ที่แท้จริงกระบี่ของอาเฮ่อละเอียดอ่อนมาก รังสีกระบี่ขาวจะปล่อยหมอกเลือนรางซึ่งเป็นเหมือนเมฆขาวลอยละล่องไปตามภูเขากลับให้ความรู้สึกว่าตัวของมันเองโดดเด่นเหนือกว่าคนทั่วไป
ถังเทียนสามารถบอกได้ว่ารังสีกระบี่จากสำนักกระเรียนมาจากกระเรียนที่ร่ายรำอยู่ภายใน
แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือเขาสามารถคำนวณท่าร่างของปิงได้ถูกต้อง
ความเร็วของพยัคฆ์ฟ้านับว่าเร็วผิดธรรมดาและปิงคือนักสู้สายจักรกลผู้สามารถใช้ข้อได้เปรียบที่พิเศษนี้ได้ และมีคนน้อยคนนักที่จะสามารถคำนวณความเคลื่อนไหวครั้งเดียวก็ตามเขาได้ทัน
เขาต้องมีไม้ตายบางอย่างในมือของเขาเป็นแน่
ไม่ว่าถังเทียนจะสามารถบอกได้ยังไง ขลุ่ยวิเศษก็สามารถบอกได้เช่นกัน
ปิงตกใจเล็กน้อย พยัคฆ์ฟ้ากางปีกและเร่งความเร็ว
อาเฮ่อสีหน้าจริงจัง กระบี่โบราณในมือของเขาดูเหมือนจะดูหนักอึ้งขึ้นและการสนองตอบของเขาช้าลง แต่เขาก็ยังไม่ชักกระบี่ออกจากฝัก
รังสีกระบี่วาดขวางอยู่ในท้องฟ้าและยิ่งสว่างขึ้นทุกที
รังสีกระบี่ขาวแสดงให้เห็นเงาร่างกระเรียนเล็กน้อย
เหงื่อเม็ดเท่าไข่มุกเริ่มผุดขึ้นที่หน้าผากของอาเฮ่อช้าๆปราณขาวที่ลอยออกมาไม่กระจายตัว สีหน้าของเขาซื่อตรงเหมือนกับว่าเขาโจมตีได้ช้าลง
เขาตื่นตระหนก
ทรงพลังเหลือเกิน!
เป็นไปได้ยังไงที่มีนักสู้สายจักรกลที่แข็งแกร่งขนาดนั้น
สำนักกระเรียนไม่มีศิษย์คนใดที่สามารถเอาชนะเขาได้ ต่อให้ผู้อาวุโสเหล่านั้นฝึกฝนหนักมาเป็นสิบๆปีก็ยังไม่อาจเอาชนะเขาได้
นอกจากสมบัติและการฝึกฝนที่โดดเด่นของเขาแล้วนี่ต้องเกี่ยวข้องกับของมรดกของเขาด้วย สมบัติของมารดาเขาเมื่อเทียบกับสำนักกระเรียนแล้วยังแข็งแกร่งกว่ามาก
ตั้งแต่ยังเด็กเขาได้รับการฝึกฝนทั้งวิทยายุทธของสำนักกระเรียนและวิชาที่ตกทอดมาจากมารดาของเขาและนี่เป็นครั้งแรกที่เขาตกอยู่ในสถานะที่ยากลำบาก
เป็นเพราะพลังปราณร่างกระเรียนนี้เขาจะไม่ยอมท้อถอย
ความเร็วของคู่ต่อสู้เร็วมากจนยากจะเข้าใจและมันก็หนีไปได้
แต่....เขาต้องไม่ยอมแพ้
นี่เป็นเพียงโอกาสเดียวของเขา!
เหงื่อผุดขึ้นจากหน้าของอาเฮ่อและหลั่งไหลเหมือนสายฝน ปราณของเขาพลุกพล่าน ขณะที่เขากัดฟันทน
ทันใดนั้นร่างของพยัคฆ์ฟ้าสงบลง มีเสียงดังออกมาจากในนั้นอย่างใจเย็น “ตกลง, เจ้าสอบผ่านเจ้าต้องรับใช้เขาสามปีเพื่อแลกกับวิชาปราณร่างกระเรือน”
อาเฮ่อเหนื่อยเล็กน้อยแต่เขายินดีมาก เขาสูดหายใจลึกขณะพยักหน้า“ตกลง”
ถังเทียนวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับก้มๆเงยๆ แล้วยื่นข้อเสนอไม้ตายสุดท้ายของเขา “สัญญาจิตวิญญาณพลังยุทธ”
เมื่อเห็นความสามารถของอาเฮ่อ ถังเทียนรู้ว่าเขาพบทองเข้าให้แล้ว
เขาเริ่มพิจารณาแล้วว่าเขาควรขยายบริการด้วยการจ้างนักสู้สวรรค์วิถีและเขาจำเป็นต้องใช้เงิน สามปีนี้เขาจะสามารถทำเงินได้เท่าไหร่
ถังเทียนรู้สึกหวั่นใจแต่นี่ย่อมจะดีกว่าแน่นอน
ทันใดนั้นมีเสียงสะอื้นดังขึ้น
ถังเทียนตกใจและดีใจเช่นกัน “ซิ่วซิ่วน้อย! เจ้าฟื้นแล้ว!”
ทันใดนั้นเขาผละจากอาเฮ่อไว้และเข้าไปหาหลิงซิ่ว
หลิงซิ่วค่อยๆลืมตา ความมุ่งมั่นในดวงตาสีส้มยังคงแผดเผาร้อนแรง