ตอนที่ 212 ขลุ่ยวิเศษ
“ในที่สุดก็เสร็จจนได้” เซรีนมองดูอาวุธจักรกลชุดใหม่สีหน้าแสดงออกถึงความพึงพอใจ
ขลุ่ยวิเศษชมดูอยู่ชั่วขณะและตัดสิน“มันสวยดีนะ”
“สวยมากเหรอ?” เซรีนขมวดคิ้วทันที นางไม่ชอบการตัดสินประเมินในลักษณะนี้ จึงบ่นพึมพำ “ไม่สวย แต่ทรงพลัง ลุงขลุ่ยวิเศษ,ช่วยข้าทดสอบหน่อยเถอะ”
“ข้าน่ะเหรอ?” ขลุ่ยวิเศษชี้หน้าตนเอง เขายืนงงอยู่ตรงนั้น หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาหัวเราะอย่างเก้อเขิน “ข้าต้องขอโทษด้วย ข้าไม่เคยลองใช้อาวุธจักรกลมาก่อน”
“อย่างนั้นเราจะทำยังไงดี?” เซรีนทำหน้าผิดหวัง “ลุงหน้าไพ่ก็ไม่อยู่ที่นี่เสียด้วย...”
ลุงหน้าไพ่....
ขลุ่ยวิเศษยิ้มขณะที่เขาพูดอย่างใจดี “โปรดอย่ากังวลใจ ข้าจะไปบอกให้เขากลับมา ตอนนี้เขากลับมาที่ค่ายทหารแล้ว”
“เยี่ยมเลย!” เซรีนตื่นเต้นและกระโดดตัวลอย ผมที่รวบเป็นหางม้าของนางปัดไปมาดูน่ารัก “ลุงขลุ่ยยอดเยี่ยมที่สุด!”
ขลุ่ยวิเศษยิ้มขณะที่เขายืนเขามีร่างสูงโปร่งและมีรอยยิ้มที่อบอุ่นมีมารยาทดีเหลือเชื่อ เขาพยักหน้าให้เซรีนและหัวเราะ “ข้าจะไปแล้ว โปรดรักษาตัวให้ดี”
พูดจบเขาเดินจากออกไปช้าๆ
มารยาทที่สุภาพและดูมั่นใจทำให้เซรีนนัยน์ตาเป็นประกาย เซรีนกุมมือทั้งสองของนางไว้ที่ระดับอก“ว้าว ลุงนี่ หล่อมากจริงๆ”
แต่เมื่อขลุ่ยวิเศษกลับไปที่ค่ายทหารใหม่ เขาก็ต้องประหลาดใจ ความจริงไม่มีใครอยู่ที่นี่สักคน
มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?
รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้าของขลุ่ยวิเศษและเขาเดินออกไปนอกประตูแสง
เมื่อขลุ่ยวิเศษปรากฏตัวอยู่ข้างถังเทียนปฏิกิริยาแรกของเขาไม่ใช่กับแสงเงินที่ระเบิดออกมาจากกรงเล็บภูตพรายและกัวอวี่ และไม่ใช่การโจมตีตาข่ายเพลิงอย่างรุนแรงของถังเทียน แต่เป็นเพลงบรรเลงเอ้อหูที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ!
ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงสีเงิน ร่างสูงโปร่งของเขายืนอยู่เงียบๆ
เขาหันหน้าไปและสายตาของเขาจับอยู่ที่จุดดำเล็กจุดหนึ่ง เป็นบุรุษตาบอดนั่งอยู่บนรถเข็น
ทำนองเพลงเศร้าโศกอย่างนั้น แสดงว่าทั้งชีวิตของเขา ต้องพบมาแต่ความโชคร้าย
ขลุ่ยวิเศษยืนอยู่ตรงนั้นยืดตัวขึ้นท่าทางเศร้าปรากฏอยู่ในสายตาเขา เขาถอนหายใจ
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างกันมาก แต่ขลุ่ยวิเศษก็ยังสามารถเห็นได้ หลิงซิ่วที่กำลังเตรียมจะใช้หอกเงินของเขาแทงชายตาบอดเหมือนกับถูกหวดด้วยค้อนอย่างรุนแรงจนปลิวกระเด็นและกระอักเลือด
ในอากาศเลือดของเขาไหลลงบนพื้น ตาหลิงซิ่วยังคงปิด เขายังคงไม่ได้สติ
สายตาของขลุ่ยวิเศษเศร้าหมองลง ขณะที่เขาลอยตัวไปเหมือนกับสายลม
ภายใต้แสงเงินทั่วทั้งท้องฟ้า เขาลดศีรษะเล็กน้อยขลุ่ยในมือจ่อเข้ากับริมฝีปาก
※※※
จากสภาพที่เห็นเห็นได้ชัดว่าหลิงซิ่วกำลังจะตกไปอยู่ในท่ามกลางอสูรหินกรวด ทันใดนั้นร่างสีแดงวิ่งเข้ามาอย่างเร่งร้อน เป็นนกฟลามิงโกนั่นเอง
นกฟลามิงโกใช้ปากของมันคาบหลิงซิ่วที่หมดสติและใช้พลังวิ่งออกมา
ความเศร้าบนใบหน้าของชายชราตาบอดที่กำลังสีซอยิ่งมีมากยิ่งขึ้น เขาสีเครื่องสายหนักขึ้น ในท่ามกลางความโศกเศร้าและเดียวดาย
อสูรหินกรวดที่ชะงักและตะลึงกันทั้งหมดจู่ๆ ก็มีนัยต์ตาสีแดงพวกมันเริ่มส่งเสียงกู่ทีละตัวๆ อสูรหินกรวดตัวหนึ่งเหวี่ยงหมัดใส่นกฟลามิงโก
ฟลามิงโกกระโดดหลบไปข้างๆหมัดหินฟาดใส่พื้นตำแหน่งเดิมที่เขาอยู่ ฝุ่นทรายกระจายขึ้นฟ้า
ทันใดนั้นอสูรหินกรวดทุกตัวตื่นขึ้นทันที และเริ่มโจมตีใส่นกฟลามิงโกทีละตัว
ในพริบตานกฟลามิงโกก็ล้อมรอบไปด้วยอันตรายไม่มีที่สิ้นสุด
ทันใดนั้นเองเสียงขลุ่ยที่ชัดและไพเราะดังก้องสะท้อนในอากาศ เสียงขลุ่ยเหมือนกับสายลมที่อบอุ่นอ่อนโยนพัดผ่านเข้ามาในสนามรบ
อสูรหินกรวดหยุดอยู่กับที่ทุกตัวแสงสีแดงในดวงตาเริ่มหมองลง
นกฟลามิงโกฉวยโอกาสวิ่งหนี
ชายชราบอดนักดนตรีบรรเลงซอที่นั่งอยู่บนรถเข็นส่งเสียงอุทานหยุดสีซอเอ้อหูในมือ เบ้าตาที่ว่างเปล่าของเขาหันมาทางเสียงขลุ่ย
เสียงขลุ่ยที่ไพเราะทำให้สตรีชุดดำรู้สึกสะดวกสบายมาก รังสีฆ่าฟันในหัวใจนางสลายออกไป นางไม่รู้สึกกระตือรือร้นอยากสู้แม้แต่น้อย
นางรู้สึกได้ว่ามันทรงพลัง หัวใจนางถูกความตกใจครอบงำอย่างช่วยไม่ได้
เสียงเพลงของชายชราบอดเป็นเหมือนกับฝันร้าย แต่เสียงขลุ่ยนี้กลับมีพลังวิเศษบางอย่างและช่วยฉุดรั้งหัวใจผู้คน
นั่นคือนักสู้ที่ใช้เสียงเพลงที่ทรงพลังอีกคนหนึ่ง
นางเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็ว และคิดทบทวนหาดูว่านักสู้สายสำเนียงเพลงผู้สามารถสู้กับเฒ่าบอดซอกำสรวลนี้
ในฐานะตำแหน่งม้าขององค์การวิญญาณมืดนางรู้จักทำเนียบนักสู้สวรรค์วิถีเป็นอย่างดีลึกซึ้งมากกว่านักสู้ธรรมดา ถ้าใครบางคนค้นคว้าทำเนียบรายชื่อนักสู้สววรค์วิถีลึกลงไป พวกเขาจะตระหนักได้ว่าอันดับนักสู้ของชายชราตาบอดมือสีซอผู้นี้อยู่ในตำแหน่งนี้มาเกินกว่าสิบปีโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงนั่นคืออันดับที่ 9900
นั่นคืออันดับที่พิเศษมาก
จากอันดับที่ 9901ถึง 10000 ร้อยรายชื่อนี้ถูกยกย่องว่าเป็นพื้นที่ขับเคี่ยวของนักสู้ร้อยคน
เมื่อเข้าสู่ธรรมเนียบนักสู้สวรรค์วิถี ก็หมายความว่าสุดยอดนักสู้ 10000 คนในสวรรค์วิถีจะมีชื่อปรากฏต่อหน้าคนเป็นล้านๆ ความรุ่งเรือง, ความมั่งคั่ง, สมบัติ,วิทยายุทธทุกอย่างจะสำเร็จได้ นั่นคือความฝันของนักสู้นับไม่ถ้วน
ในรายชื่อที่ยาวเหยียด แต่ละคนในรายชื่อล้วนมีฝีมือกันทั้งนั้น ความอิจฉาทำให้พวกเขาพยายามคิดหาวิธีทำให้ตนเองที่อยู่ในทำเนียบยอดฝีมือสวรรค์วิถีได้เพิ่มสถานะยิ่งขึ้น
ในเขตพื้นที่ขับเคี่ยวร้อยอันดับเป็นพื้นที่ยากลำบากเนื่องจากเป็นพื้นที่แข็งแกร่งที่สุดในสวรรค์วิถี นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วที่สุดและเป็นพื้นที่รุนแรงที่สุด
แม้แต่อันดับของกัวตงก็ยังเปลี่ยนแปลงอยู่ในเขตพื้นที่ขับเคี่ยวร้อยอันดับ แต่เขาไม่เคยหลุดตำแหน่งในสวรรค์วิถีเลยสักครั้ง นั่นหมายความว่าเขามีพลังที่สูงล้ำ
ตำแหน่งของเฒ่าบอดซอกำสรวลมักจะถูกจับตาอยู่เสมอ อยู่ในอันดับที่ 9900เป็นตำแหน่งที่ควรค่าแก่การคิด ตำแหน่งนี้แสดงว่าวิทยายุทธเป็นอมตะพลังของเขาได้รับการยอมรับจนออกจากพื้นที่ขับเคี่ยวร้อยอันดับสุดท้าย
จากรายชื่อในทำเนียบพลังของเฒ่าบอดซอกำสรวลย่อมแข็งแกร่งกว่ากัวตงแน่นอน
ไม่ว่าชายชราตาบอดจะแสดงพลังออกมาเช่นไร พลังทั้งหมดก็เหมาะสมกับตำแหน่งของเขาเช่นกัน
แต่..สตรีชุดดำไม่เคยคิดว่าจะมีคนอื่นที่เป็นยอดฝีมือต่อสู้ด้วยเสียงเพลงมีฝีมือไม่ด้อยไปกว่าเฒ่าบอดซอกำสรวลปรากฏออกมาจากที่ใดไม่แจ้งชัด
นักสู้ผู้ใช้สำเนียงเพลงเป็นนักสู้ประเภทโดดเดี่ยว เพราะไม่เพียงแต่นักสู้สายสำเนียงเพลงจะต้องเป็นอัจฉริยะในการฝึกฝนเท่านั้น แต่พวกเขาจำเป็นต้องได้สถานที่สมบูรณ์เพื่อทำความเข้าใจทุกสำเนียงในโลก
ไม่ว่าจะเป็นยุคใดเป็นเรื่องยากมากที่จะมีนักสู้สายเสียงเพลงที่แข็งแกร่งและทรงพลัง
นั่นคือใครกันแน่....
ทันใดนั้นสตรีชุดดำชำเลืองมองเฒ่าบอดซอกำสรวลนางอดตะลึงมิได้
ชายชรานั่งนิ่งฟังอย่างตั้งใจ
※※※
เมื่อขลุ่ยวิเศษปรากฏตัวขึ้นในกลางอากาศ ทุกคนต่างผงะถอยหลัง
โดยเฉพาะเวลาที่กัวอวี่และกรงเล็บภูตพรายกำลังต่อสู้กันอย่างตั้งใจ เสียงเพลงกึกก้องดึงดูดความสนใจของทุกคน
แต่ขณะที่เคล็ดสังหารทั้งสองปะทะกัน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปได้เพราะเพลงของเขา
ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยรัศมีเงิน
หน้าซีดขาวของกัวอวี่ถูกย้อมเป็นสีแดง เขาขบริมฝีปากเบาๆและจ้องมองกรงเล็บภูตพรายด้วยตาเจิดจ้าของเขา มือที่ถือกระบี่อยู่ สั่นอย่างไม่อาจตรวจสอบได้
วิชากรงเล็บที่แข็งแกร่งนัก
แขนของเขาเจ็บและชาไปหมด ขณะที่อกของเขาร้อนแทบไหม้ จากวันที่เขาสำเร็จวิชาท่าฟันไร้ลักษณ์ เขาไม่เคยใช้ต่อสู้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
เขาไม่เคยคาดเลยว่าพอใช้ออกครั้งแรกก็พบกับบุคคลที่น่ากลัวขนาดนั้น....
ความมั่นใจของเขาถูกสั่นคลอนแต่ดวงตาของกัวอวี่เป็นประกายทันที กรงเล็บภูตพรายกำลังจางหายไปต่อหน้าเขา
กัวตงที่เฝ้าสังเกตดูการต่อสู้นี้จากภายในข่ายเพลิงถอนหายใจโล่งอก ขุนพลวิญญาณนี้แข็งแกร่งอย่างแน่นอน! แต่กระบี่ของกัวอวี่ก็แข็งแกร่งเช่นกัน
กัวตงมองดูอย่างโล่งใจ
กรงเล็บภูตพรายจางลงขณะที่เขาจ้องดูกัวตงอย่างเย็นชาและไม่ได้พูดอะไร
เมื่อกรงเล็บภูตพรายหายไปสิ้นเชิง กัวอวี่ยิ้มอย่างผู้มีชัย นักสู้จักรกลที่เหลืออยู่ไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา
ในทุกวันนี้ นักสู้สายจักรกลทั้งหมดไม่มีมาตรฐานฝีมือที่สูงส่งเลย
ในทำเนียบนักสู้สวรรค์วิถี ไม่มีรายชื่อของนักสู้สายจักรกลเลยแม้แต่คนเดียว นั่นก็เพียงพอจะเห็นได้ว่านักสู้สายจักรกลตกต่ำลงเพียงไหน
ตรงกันข้ามกลับเป็นนักสู้สายสำเนียงเพลงนั่น ทำให้เขาคิดหนัก แต่กัวอวี่คิดว่าก็ยังจะได้ชัยชนะอยู่ดี
เขามั่นใจเต็มเปี่ยมกับไม้ตายท่าฟันไร้ลักษณ์
นับแต่นี้ไปกระบวนท่าไร้ลักษณ์จะต้องถูกยกย่องเชิดชู
กระบี่โปร่งใสสะเทือนและสั่นขณะที่แทงใส่ตำแหน่งที่ขลุ่ยวิเศษกำลังเพ่งสมาธิบรรเลงเพลงขลุ่ย
ก่อนอื่นเขาต้องกำจัดนักสู้สายสำเนียงเพลงนี้นักสู้สายสำเนียงเพลงกลัวการเข้ามาใกล้ของศัตรู นักสู้สายสำเนียงเพลงจะโง่พอวิ่งหาที่หลบใกล้ๆ
รังสีกระบี่เหินผ่านฟ้าพุ่งเข้าหาขลุ่ยวิเศษ
ทันใดนั้นเงาร่างสีฟ้าวิ่งเข้ามาขวางหน้าขลุ่ยวิเศษไว้ กลับเป็นนักสู้สายจักรกลนั่นเอง
กัวอวี่เบะปากนับเป็นทางเลือกที่ถูกแล้วที่นักสู้สายจักรกลต้องปกป้องนักสู้สายสำเนียงเพลง แต่นักสู้สายจักรกลจะหยุดยั้งเขาได้อย่างไร?
น่าขัน
นัยน์ตาของกัวอวี่เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นขณะที่เขาเงื้อกระบี่ขึ้นอีกครั้ง
※※※
ระหว่างช่วงที่กรงเล็บภูตพรายหายไป ความโกรธในใจของถังเทียนเพิ่มขึ้น เป็นความโกรธตัวเขาเอง
กรงเล็บเพลิงภูตพราย!
ทำไมกรงเล็บเพลิงภูตพรายของตัวเขาเองถึงได้อ่อนแอนัก
ถังเทียน เจ้าอ่อนแอขนาดนี้ได้ยังไง?
กรงเล็บภูตพรายต้องผิดหวังกับตัวเจ้ามากมายในตอนนี้เป็นแน่...
ข่ายเพลิงที่อยู่ต่อหน้าเขาทำให้ถังเทียนรู้สึกรังเกียจมันมากยิ่งขึ้น ความเร็วของเขาเร็วขึ้นทุกที กรงเล็บเพลิงภูตพรายในมือเขาไม่มีการเก็บยั้งไว้เนื่องจากเขาทุ่มเทออกไปทั้งหมด
เป็นเพราะก่อนนั้นเขาฝืนใช้กรงเล็บเพลิงภูตพรายเกินกำลัง เขาจึงได้รับบทเรียนที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บภายในทั่วตัวและทำให้ถังเทียนระมัดระวังตัวขณะใช้วิชานี้
แต่ในขณะนี้ความโกรธกำลังแผดเผาตัวเขา ความไม่สบายใจของเขาทั้งหมดถูกแผดเผาหายไป
ถังเทียนรู้ดีว่ากรงเล็บเพลิงภูตพรายเป็นไม้ตายที่ผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพรายทุ่มเทชีวิตบัญญัติสร้างขึ้นมา ไม่มีอะไรสำคัญยิ่งไปกว่ากรงเล็บเพลิงภูตพรายพ่ายแพ้ต่อคนอื่น เรื่องเช่นนั้นจะทำให้ผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพรายเสียใจ ทั้งนี้เนื่องจากความจริงที่ว่าพลังของกรงเล็บภูตพรายยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่ และระดับนักสู้ดั้งเดิมของวิชากรงเล็บภูตพรายยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่เช่นกัน
กรงเล็บภูตพรายในตอนนี้ต้องตายด้วยความขมขื่น...
น่ารังเกียจจริงๆ
ความรู้สึกโกรธในตัวเขาทั้งหมด ทำให้ถังเทียนเพ่งสมาธิทั้งหมดอยู่ข้างหน้า เขาเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่ข่ายเพลิงและความรู้สึกของกรงเล็บเพลิงภูตพรายรวมตัวอยู่ในนิ้วของเขา
รูปลักษณ์ของเขาเร็วขึ้นปราณแท้ที่ปลายนิ้วเขามากขึ้นทุกที
พลังงานปราณกระเรียนในร่างของเขาไม่เคยพลุกพล่านขนาดนี้มาก่อน
ปลดปล่อยกรงเล็บอย่างรวดเร็ว
ปลดปล่อยปราณเที่ยงแท้ให้มากขึ้น
ถังเทียนมองเห็นภาพข้างหน้าเป็นสีแดง หัวใจของเขากำลังร่ำร้องด้วยความโกรธ
จงโกรธเกรี้ยว..กรงเล็บเพลิงภูตพราย!
จงโกรธ...กรงเล็บเพลิงภูตพราย!
พลังกรงเล็บเพลิงภูตพรายออกมาจากปลายนิ้วของเขาและเปลี่ยนแปลงรูปเงียบๆ
※※※
ด้านหลังข่ายเพลิงกัวตงสังเกตดูกัวอวี่ เขาสบายใจอย่างมากที่รู้ว่าเวลาที่เขาทุ่มเทอบรมให้กับกัวอวี่มิได้สูญเปล่า
อนาคตของกัวอวี่จะต้องสดใสมากขึ้น มากกว่าที่เขาทำได้
การต่อสู้ครั้งนี้เสี่ยง แต่เขาผ่านมาได้โดยไม่มีเหตุร้ายใดๆ เป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับกัวอวี่ สำหรับนักสู้สายจักรกลอีกคนหนึ่ง พวกเขาไม่สามารถคุกคามกัวอวี่ได้
ขณะที่ขุนพลวิญญาณนักสู้สายสำเนียงเพลง..
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยตอหนวดเคราของกัวตงมองดูเยือกเย็น เขามั่นใจว่าเขาสามารถกำจัดเขาได้ตราบเท่าที่เขาต้องการ
เขาแค่ปล่อยให้พวกมันมีชีวิตต่อไปเพียงเพื่อให้กัวอวี่มีโอกาสต่อสู้
ขณะที่ถังเทียนที่ได้แต่วิ่งวนรอบข่ายเพลิงของเขาอย่างต่อเนื่องกัวตงไม่สนใจเลยเขาเลยแม้แต่น้อย บางครั้งก็มีไฟสว่างวาบและมีประกายไฟกระจายออกมา ในสายตาของกัวตงนี่เป็นแค่เพียงลูกเล่นเท่านั้น
เคล็ดวิชาที่ไร้ประโยชน์แบบนี้มันไร้ค่า
ในบรรดาคนรุ่นเยาว์ด้วยกัน พลังของกัวอวี่มากกว่าถังเทียนอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้อำนาจของกัวตง กัวอวี่มีคุณสมบัติเพียงพอต่อสู้เพื่อจัดอันดับในพื้นที่ช่วงชิงร้อยอันดับ
ทันใดนั้นกัวตงมีความรู้สึกอย่างหนึ่ง เขาอุทานออกมา “เอ๊ะ?”
วินาทีต่อมาม่านตาของเขาขยายออก
ข่ายเพลิงรอบๆตัวเขายุบทลายเสียงสนั่นและสลายเป็นประกายขึ้นไปในท้องฟ้า
ร่างๆหนึ่งกำลังหอบหายใจ ใช้ดวงตาแดงจ้องมองเขา
* *******************************