ตอนที่แล้วตอนที่ 210 กาเพลิงเหมันต์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 212 ขลุ่ยวิเศษ

ตอนที่ 211 ดาบไร้ลักษณ์และเฒ่าบอดซอกำสรวล


กรงเล็บเพลิงภูตพรายของถังเทียนสร้างประกายเป็นสายยาว  เขาเพิ่มความเร็วของเขาในระดับสูงสุดในพริบตาต่อมาก็มีเงาสีเงินสว่างสายหนึ่งล้อมรอบตัวกัวตง

ถังเทียนไม่ได้ตื่นเต้นและไม่ใช่สาเหตุแรกที่ทำให้เขาเลือดลมพลุกพล่าน  แต่เป็นเพราะความต้องการต่อสู้ของเขาต่างหากที่ลุกโชน

ถึงตอนนี้สองกระบี่ที่โจมตีใส่ทำให้ถังเทียนเข้าใจ  พลังของศัตรูค่อนข้างแข็งแกร่ง เพียงแค่อาศัยกรงเล็บเพลิงภูตพรายที่เขายังไม่เคยฝึกในระดับขั้นปรมาจารย์เลยคงไม่สามารถทำอันตรายกัวตงได้แม้แต่น้อย

แต่ถังเทียนไม่ได้พึ่งพาวิชากรงเล็บแต่เพียงอย่างเดียว  นอกจากสัญชาตญาณที่น่าตื่นตะลึงแล้ว  ความเร็วของเขาก็สุดยอดมาก  หลังจากย่อยสลายเลือดเทพและเลือดแคระแล้ว  ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นไปในระดับสุดยอด  และหลังจากบรรลุระดับนักสู้ขั้นที่หกแล้วคุณลักษณะทุกอย่างในร่างกายเขาก็เพิ่มสูงขึ้นทุกอย่าง

ความเร็วของเขายิ่งเพิ่มขึ้นมากในระดับน่าตกใจ

ถังเทียนแสดงความเร็วได้ระดับสุดยอด  นอกจากความเร็วที่เพิ่มขึ้นจะทำให้เขามีความสามารถเคลื่อนไหวได้ก่อนและข้อเท็จจริงที่สำคัญมากก็คือจังหวะการต่อสู้ของเขาก็เร็วยิ่งขึ้น  ยิ่งจังหวะของเขาเร็วขึ้นโอกาสที่คู่ต่อสู้จะมีเวลาคิดก็น้อยลง สัญชาตญาณของเขาที่เหนือกว่าก็มีโอกาสได้ใช้มากขึ้น

ถังเทียนวนรอบกัวตงและใช้กรงเล็บเพลิงภูตพรายสุ่มๆ จากทุกทิศตะปบใส่กัวตง

เกราะนกยูงทำให้ร่างกายของถังเทียนเบาคล่องแคล่วว่องไวมากขึ้น  เนื่องจากใช้ชดเชยข้อด้อยในวิชาตัวเบา  ขนที่อยู่บนเกราะนกยูงกระพือต่อเนื่อง  และถังเทียนสามารถรู้สึกได้ว่าเขาเป็นเหมือนปลาไม่ว่าตำแหน่งตรงไหนก็ตาม เขาก็สามารถเคลื่อนไหวได้และสามารถไปถึงได้อย่างแคล่วคล่องอิสระ

กัวตงรู้สึกว่าศัตรูสามารถมาได้จากทุกตำแหน่ง

กัวตงลอบประหลาดใจ  ช่างเป็นความไวที่น่ากลัวเหลือเกิน

นี่ต่างจากที่เขาเคยเห็นนักสู้ผู้มีวิชาตัวเบาที่แข็งแกร่ง  แต่เขาตกใจกับความเร็วของถังเทียน

แต่กัวตงรีบสงบจิตใจตัวเองอย่างรวดเร็ว  กระบี่กาเพลิงยะเยียบยังคงควงอย่างต่อเนื่องรังสีวงกลมสีแดงเข้มกระจายออกจากใต้เท้าของเขา ความเร็วแผ่ขยายออก

หือ?

มีไฟลุกออกมากจากใต้เท้าของเขาแล้วพ่นไฟสายหนึ่งออกมา สายเปลวเพลิงที่พ่นออกมาหมุนวนรอบตัวกัวตงและกลับมารวมเป็นประกายไฟสว่างอยู่ที่เท้าเขาอีกครั้ง

ขณะเดียวกันแฉกไฟสิบสายกระจายออกและสานตัวเป็นตาข่ายเพลิงกว้างล้อมรอบตัวกัวตงไว้

ติง ติง ติง!

การโจมตีหนักหน่วงใส่ตาข่ายเพลิงยังคงต่อเนื่องประกายไฟนับไม่ถ้วนกระเด็นออก ดูเป็นภาพที่งดงาม

ร่างของถังเทียนวิ่งวนกัวตงอย่างรวดเร็ว  แต่ไม่ว่าเขาจะปล่อยพลังกรงเล็บอย่างไร ตาข่ายเพลิงก็ยังทนอยู่ได้ไม่มีการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด

กัวตงมองดูถังเทียนอย่างเยือกเย็นแม้ว่าบุรุษหนุ่มข้างหน้าเขาจะมีความเร็วที่น่าทึ่งแต่เขายังด้อยในเรื่องการปล่อยพลังโจมตีได้เต็มที่  ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปลดปล่อยพลังอย่างรวดเร็ว

กัวตงเหลือบตาไปทางกัวอวี่

เมื่อเขาเห็นพยัคฆ์ฟ้าเขาอดถอนหายใจโล่งอกมิได้ มาตรฐานนักสู้สายจักรกลยังไม่สูงล้ำ แต่เฒ่าอ่อนแอที่ดูเหมือนจะเป็นขุนพลวิญญาณสามารถดึงดูดความสนใจของกัวตง

เคล็ดวิทยายุทธของขุนพลวิญญาณแม่นยำเช่นเดียวที่เด็กหนุ่มนี่โจมตีใส่เขา

แต่...

กัวตงประหลาดใจ..นั่นคือวิทยายุทธระดับปรมาจารย์!

วิทยายุทธอย่างเดียวกันแต่ใช้ออกโดยสองมือที่แตกต่างกัน พลังย่อมต่างกันอย่างสิ้นเชิงนี่แสดงให้เห็นว่าความเข้าใจของทั้งสองคนนี้แตกต่างกันคนละระดับอย่างสิ้นเชิง

วิชากรงเล็บที่รุนแรงและน่ากลัว

นัยน์ตาของกัวตงเป็นประกาย  วิชากรงเล็บที่น่ากลัวขนาดนั้นยากจะพบเห็นได้จริงๆ

ขุนพลวิญญาณนี้ต้องเป็นใครบางคนที่สำคัญสำหรับเขา

แม้ว่าเขาจะชื่นชมพวกเขา  แต่กัวตงก็ยังสบายใจ  ถึงขุนพลวิญญาณจะแข็งแกร่ง แต่เมื่อขุนพลวิญญาณจะพยายามเอาชนะเสี่ยวอวี่ให้ได้นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

พวกเจ้าทุกคนดูแคลนเสี่ยวอวี่เกินไปแล้ว

กัวตงสบายใจ สายตาที่เขามองไปทางเสี่ยวอวี่เต็มไปด้วยความคาดหวัง

ตาโตดำขลับของเสี่ยวอวี่เบิกกว้าง  พอถึงเวลานี้เขาเริ่มควงกระบี่อ่อนอยู่ในมือขวา กระบี่นี้ดูละเอียดอ่อนเหมือนปีกจั๊กจั่นแทบจะโปร่งแสง

เขาหมุนข้อมือแทงกระบี่ไปข้างหน้าไม่มีสัญญาณจากควันปราณเพลิง

ติง!

ระหว่างกรงเล็บภูตพรายและคมกระบี่เกิดเป็นลูกบอลใสกระจ่างระเบิดพลังออก

มาตรฐานวิชากรงเล็บของผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพรายความจริงเขาไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ จากการโจมตีนี้

ตาของกรงเล็บภูตพรายเป็นประกายร้อนแรง  เมื่อเขาใช้นิ้วเหี่ยวย่นทั้งสิบสร้างประกายไฟและเงากรงเล็บเต็มท้องฟ้าเกิดเสียงสั่นสะท้อนดังก้อง

กัวอวี่ยังคงสงบอยู่  กระบี่ในมือของเขาสั่นเล็กน้อย กาเพลิงสีแดงอ่อนบินออกมาจากกระบี่เขาและเข้าโจมตีใส่กรงเล็บภูตพราย

ปัง!

ทุกครั้งที่กาเพลิงและพลังกรงเล็บเพลิงภูตพรายปะทะกันทั้งสองฝ่ายจะสั่นสะท้าน

ในชั่วพริบตาทั้งสองฝ่ายปะทะกันเกินสิบครั้ง  ขณะที่พลังระเบิดปะทุออกมาจากคนทั้งสอง

กัวอวี่ที่ดูเหมือนคนอมโรคและตัวซีดอยู่เสมอในตอนนี้เหมือนย้อมด้วยสีแดง  นัยน์ดำขลับของเขาสดใสเจิดจ้าไม่ถึงกับมีรังสีฆ่าฟันเต็มที่ ความดื้อรั้นของคู่ต่อสู้ของเขาเกินกว่าที่เขาคิด

กระบี่โปร่งแสงของเขามีเพลิงแดงสีหม่นเป็นประกาย

เขาขวางกระบี่มีเปลวเพลิงอยู่ในระดับระหว่างคิ้วตวาดลั่นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“ไร้ลักษณ์!”

กัวตงนัยน์ตาเป็นประกายทันที  เขารู้เสมอว่าเสี่ยวอวี่มักฝึกฝนเคล็ดสังหารนี้  แต่ไม่เคยเห็นเสี่ยวอวี่ใช้เลยสักครั้ง  ทุกครั้งที่เขาถามเสี่ยวอวี่ถึงเรื่องนี้  เจ้าเด็กนี่มักจะมองกลับมาเหมือนไร้เดียงสาเสมอ

นี่น่าตื่นเต้นมาก!

ไร้ลักษณ์...เป็นชื่อที่ดีจริงๆ...

ปัง!

กระบี่เพลิงสีเข้มมีไฟปะทุขึ้นล้อมรอบตัวของกัวอวี่ทันที

นี่....

ตาของกัวตงเบิกกว้าง

เปลวเพลิงกระจายออกขณะที่รังสีสายหนึ่งของกาเพลิงแดงเข้มปรากฏอยู่ที่ด้านหลังของกัวอวี่  ร่างของกาเพลิงเป็นสีแดงเข้ม  เมื่อมันกางปีก  ม่านตาของมันดูเหมือนจะหายวับไปในห้วงเหวลึก

ร่างของกัวอวี่ปลดปล่อยคลื่น  อากาศรอบตัวเขาบิดเบี้ยวทำให้ร่างของเขาเลือนลางไม่ชัดเจน

กัวอวี่ดูเคร่งขรึมขณะที่เขาพึมพำ  “ท่าฟันไร้ลักษณ์!”

กระบี่แนวตรงต่อหน้าเขาฟันลงทันที

กระบี่โปร่งใสพุ่งออกมาจากปลายกระบี่และฟันลงใส่กรงเล็บภูตพรายโดยตรง

ไม่ว่าตรงที่ใดก็ตามที่กระบี่พุ่งผ่านไปธุลีก็จะฟุ้งกระจาย  ขณะที่บนพื้นปรากฏเป็นร่องเส้นตรงลึก

ตาของกรงเล็บภูตพรายเป็นประกายแสงทันที  กรงเล็บทั้งสองสร้างประกายไฟประกายไฟสีแดงเปลี่ยนเป็นสีเงินอย่างรวดเร็วแสงเจิดจ้าสองสายพุ่งออกมาจากร่างเขาและขวางข้างหน้าไว้อย่างรวดเร็ว

ทันทีที่รังสีแสงเงินทั้งสองสายรวมกัน กระบี่โปร่งแสงก็พุ่งเข้าใส่กรงเล็บภูตพรายแทบจะไม่ปะทะกรงเล็บของกรงเล็บภูตพราย

แสงแพรวพราวได้หุ้มตัวทั้งกรงเล็บภูตพรายและร่างของกัวอวี่ไว้

ทั้งพื้นที่เปลี่ยนเป็นสีขาว

※※※

ความคิดของสตรีชุดดำว่างเปล่า  หลิงซิ่วบุกจู่โจมอย่างห้าวหาญเหมือนกับสายฟ้าแล่บเข้ามาตรงหน้าของนางรวดเร็วจนนางไม่มีเวลาคิดต้านทาน

รังสีเงินแพรวพราวที่ปลายหอกสว่างได้ทั้งในเวลากลางคืน

ความคิดของนางว่างเปล่า

วืดดด

เสียงเครื่องสายที่หม่นหมองแต่ทรงพลังดังขึ้นทันที

ชายชราตาบอดหายสงสัยสิ้นเชิง  ขณะที่เขาบรรเลงเอ้อหูเสียงเศร้าโศกซึ้งลอยออกมาจากฝีมือของเขา เหมือนกับว่าเวลาเริ่มหยุดนิ่ง หอกที่ดุดันของหลิงซิ่วชะลอช้าลง

เหมือนกับว่าหอกกำลังแทงใส่ของเหลวเหนียวหนืด

บุรุษชราตาบอดดึงเอ้อหูขึ้นมาบรรเลง  ทั่วทั้งสนามต่อสู้ถึงกับเงียบกริบ  ไม่ว่าจะเป็นอสูรหินกรวดหรือชาวบ้าน  ทุกคนหยุดกันหมด

บรรเลงเพลงโศกเศร้าครอบคลุมไปทั้งสนามรบ

เสียงเครื่องสายไหลลื่นเหมือนสายน้ำ

หน้าของบุรุษตาบอดแสดงออกว่าเศร้าอย่างสุดซึ้ง  เบ้าตาที่กลวงเปล่ามีน้ำตาสองสายไหลออกมา

หัวใจของสตรีชุดดำถูกความตกใจครอบงำร่างของนางไม่สามารถขยับได้ แม้แต่จะควบคุมนิ้วให้ได้สักนิ้วยังเป็นไปไม่ได้ นางรู้สึกเหมือนกับว่าร่างของนางถูกคนอื่นควบคุม  น้ำตานางไหลออกมาไม่หยุด

เป็นเหมือนกับฝันร้าย  ความรู้สึกนี้ ทำให้หัวใจนางเต็มไปด้วยความกลัว!

ไม่,ข้าไม่ต้องการความรู้สึกเช่นนี้!

อสูรหินกรวดทั้งหมดยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเมินเฉย  ขณะที่ชาวบ้านทุกคนมีน้ำตาไหล  ทุกคนเต็มไปด้วยความเสียใจ

เซี่ยชิงตกตะลึงมองดูร่างที่นั่งอยู่ในรถเข็น  ในที่สุดเขาก็จำได้แล้วว่าชายชราผู้นี้เป็นใคร

คนบอดซอกำสรวล!

ชายชราตาบอดถือซอรู้จักกันในนามว่า เฒ่าบอดซอกำสรวล

อันดับทำเนียบนักสู้คือ  9,900  นักสู้ผู้ใช้สำเนียงเพลงนี้ยังแข็งแกร่งกว่ากัวตงมากนัก

เฒ่าบอดซอกำสรวล...

ดังนั้นนี่คือความรู้สึกเสียใจ....

เซี่ยชิงพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อต่อต้านเสียงเพลง  สมองของเขายังคงตื่นตัว  แต่หน้าของเขาเริ่มเปียกชื้นเพราะเหตุผลบางอย่าง น้ำตาของเขากำลังหยดไหล ความเศร้าเสียใจทั้งหมดที่ลืมไปแล้วในความทรงจำของเขาค่อยๆ ถูกเปิดออกเหมือนกับหนังสือเก่าเต็มไปด้วยฝุ่นถูกพลิกเปิดดูอีกครั้ง

น่ากลัวมาก....

หอกของหลิงซิ่วช้าลงอย่างคาดไม่ถึงเพราะเหตุนั้น

ทันทีที่บทเพลงบรรเลงก็เป็นเหมือนกับว่าหัวใจของหลิงซิ่วถูกมือที่มองไม่เห็นบีบไว้แน่น

ความโศกเศร้าไม่มีประมาณผุดออกมาจากหัวใจของเขา

หน้าของอาจารย์..ท่าทีที่ผิดหวังนั้น.... ความมืดมิดไม่มีที่สุด...เตือนให้เขานึกถึงความเจ็บปวดทรมานตลอดไป... เหมือนกับว่าเขาเนรเทศตัวเอง...

น้ำตาเหมือนกับถังน้ำหลั่งไหลพรั่งพรู

อาจารย์...เสี่ยวซิ่วคิดถึงท่าน!

ทัศนวิสัยของหลิงซิ่วมืดมัว  เขารู้ว่าเป็นกับดักวิธีของคู่ต่อสู้และเขาพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อแข็งขืน แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถกำจัดความเสียใจของเขาเอง มันกำลังกัดกินทุกซอกมุมในหัวใจของเขา

ภาพของอาจารย์ของเขาชัดเจนมาก  ชัดเจนมากจนเขารู้สึกได้ว่าเขาสามารถสัมผัสเขาได้

หลิงซิ่วยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่งม  แม้ว่าจะเป็นภาพลวงตา  แต่การสามารถเห็นอาจารย์ได้เช่นนั้นเขาก็ปรารถนาเช่นกัน

ทันใดนั้นหลิงซิ่วมองดูด้วยความกลัว  ขณะที่จู่ๆปลายหอกก็แทงใส่อกของอาจารย์เขา

“ไม่!” ตาของหลิงซิ่วแทบฉีกขาด

อาจารย์ของเขายืนอยู่ในกองเลือดอย่างไม่เชื่อถือร่างสูงใหญ่อยู่ในความมืด เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจขณะเขากล่าว “งั้นนี่ก็คือหอกทะเลจุดใช่ไหม?  น่าเสียดาย ข้าคิดว่ามันแข็งแกร่ง  แต่ก็ยังทำให้ข้าพอใจไม่ได้  แต่ท่านไม่ต้องเป็นห่วง  ข้าจะไม่ทำให้มันมัวหมอง  เพราะมันไม่เหมาะให้ข้าใช้”

“ไม่! เจ้า ต่ำช้านัก!  เจ้าคนเลว!”  หลิงซิ่วน้ำตานองหน้าตะโกนด้วยความโกรธ

แต่ร่างนั้นหมุนตัวและเดินจากไปโดยไม่ได้ยินเสียงของเขา

หลังจากนั้นอาจารย์ก็ดิ้นรนจากกองเลือด เขากุมบาดแผลที่หน้าอก  ขณะที่เลือดไหลออกมาจากปลายนิ้วอย่างต่อเนื่องเขาหยิบยาแล้วกลืนลงไป

ช่างน่าอัศจรรย์เลือดหยุดไหล แต่อาจารย์ยังคงดูเหมือนมีอายุแก่กว่าวัย

เสียงไอที่คุ้นเคยแต่เดิมของอาจารย์ที่ดังทั้งวันและทั้งคืนทำให้หลิงซิ่วตระหนักได้ถึงสาเหตุที่อาจารย์มักจะอ่อนแอและป่วยอยู่เสมอ

“ไม่...นี่มันไม่จริง... เรื่องนี้ไม่จริง..”

หลิงซิ่วพึมพำกับตนเอง  น้ำตาไหลออกมาอย่างมิอาจควบคุมได้

ในป่าหิมะ  อาจารย์หยุดฝีเท้าทันทีและเห็นทารกคนหนึ่ง  ทารกนั้นบาดเจ็บทั่วตัว  ใบหน้าน้อยๆ เริ่มแข็งกระด้าง  อาจารย์กอดทารกน้อยไว้ลูบคลำเขาชั่วขณะและหัวเราะทันที  “เจ้าหนูน้อย  เจ้าต้องมีชีวิตให้ดีนะนี่คือยาเม็ดสุดท้ายของข้าแล้ว อย่าให้ข้าต้องเสียเวลาช่วงสุดท้ายไปโดยไม่ได้อะไรเลย”

เขาเคี้ยวและบิเม็ดยาไว้ในมือเขาและผสมกับเหล้าส่วนหนึ่งป้อนใส่ปากทารกน้อย

เหมือนกับว่าหลิงซิ่วสะดุ้งราวกับถูกฟ้าผ่า

ยาเม็ดนั้น ความจริงเป็นยาชนิดเดียวกับที่อาจารย์กินตอนที่อยู่ในกองเลือด

ชีวิตของเขา ความจริงอาจารย์ใช้ชีวิตแลกมา!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด