ตอนที่ 14 ภารกิจแรก (อ่านฟรี)
3 กรกฎาคม 1969
วันนี้เป็นวันที่แมกนัสจะได้รับรางวัลเหรียญกล้าหาญจอร์จ ครอส เกรซซื้อสูททางการตัวใหม่อย่างดีสำหรับวันนี้โดยเฉพาะ แม้แต่ตายายของเขาก็มา ส่วนปู่กับย่าของเขาท่านเสียไปหมดแล้ว
มันเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขผสมความตื่นเต้นของครอบครัวแกรนท์ เพื่อนบ้านก็ร่วมกันตื่นเต้นเช่นกันด้วยเหตุผลบางอย่าง คุณป้าจากรอบๆ มักจะมาพูดคุยกับเกรซสักสองสามคำ ถึงกับมีคนเสนอว่าในอนาคตแม็กนัสกับลูกสาวของพวกเธอควรได้เกี่ยวดองกัน เกรซไม่ได้พูดอะไรกลับไปเธอไม่ได้สนใจคำพูดของคนพวกนั้นนัก
พวกเขาต้องไปที่พระราชวังบักกิงแฮม ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ปกติเพราะในสถานการณ์ปกติพิธีมอบรางวัลเหล่านี้ไม่ได้วางแผนให้ใหญ่โตขนาดนี้และพระราชินีจะไม่มามอบเหรียญรางวัลด้วยพระองค์เอง แต่ก็คงเป็นเพราะผู้รับอายุแค่ 9 ขวบทุกคนจึงยอมรับเหตุผลนี้
“หลานชายสุดหล่อของฉันอยู่ที่ไหน” มาร์ติน ลูอิสคุณตาของ แม็กนัสถาม
เขาเป็นเพียงทหารผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เกษียณแล้วซึ่งได้รับบาดเจ็บ ใบหน้าของเขามีรอยเย็บยาวตั้งแต่ด้านขวาของหน้าผากไปจนถึงด้านล่างซ้ายของคาง มันเกิดขึ้นตอนเขาติดลวดหนามระหว่างภารกิจลับ พูดตามตรง มันทำให้เขาดูแย่ แต่มันก็น่ากลัวสำหรับบางคนเท่านั้น แม็กนัสจำได้ว่าตอนที่เขายังเล็ก แค่มองหน้าคุณตาเขาก็จะเริ่มร้องไห้ทันที
แม็กนัสได้ยินเสียงคุณตาของเขาดังนั้นเขาจึงวิ่งลงไปข้างล่าง เด็กส่วนใหญ่เป็นที่รักของบรรดาปู่ย่าตายาย นั่นคือกฎทั่วไป
"คุณตาฮะ! คุณตามาถึงตั้งแต่ตอนไหนฮะ?" แม็กนัสดีใจ วิ่งไปกอดคุณตาคุณยายของเขา
“สิงโตน้อยของเราลงมาแล้ว… ดูสิ เจ้าหนูนี่แข็งแรงมาก” คุณตาของเขาพูดในขณะที่กำลังลูบผมเขาอย่างเมามัน
แม็กนัสหัวเราะคิกคักอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันไปหาคุณยายของเขา เธอนำช็อคโกแลตมาให้เขาเช่นเคย "มานี่มา ท.ทหารตัวน้อยของยาย"
“ฮิฮิ ขอบคุณนะฮะคุณยาย” เขาหยิบช็อคโกแลตอย่างมีความสุข สิ่งเล็กน้อยเช่นนี้ทำให้เขาแฮปปี้ฟุดๆ เขาอาจจะมีพัฒนาที่รวดเร็วเหนือธรรมดา แต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้เขาหยุดทำตัวเหมือนเด็กได้
*แปะ แปะ*
อดัมตบมือเรียกความสนใจจากทุกคน "เอาล่ะทุกคน ได้เวลาไปกันแล้วครับ คุณพ่อกับคุณแม่จะไปงานพิธีกับรถของเกรซนะครับ ผมจะพาแม็กนัสกับบ็อบบี้ไปด้วย”
หลังจากนั้น ทุกคนก็ออกเดินทาง เกรซล็อคบ้าน รถยนต์สองคันก็ออกไป อย่างไรก็ตาม แม็กนัสยังคงนิ่งเงียบเพราะมีบางสิ่งที่สำคัญมากกำลังเกิดขึ้นในจิตใจวัยเยาว์ของเขา และนั่นทำให้เขาได้เปรียบ
“คิดอะไรอยู่ลูก แม็กนัส” อดัมถาม
“ไม่มีอะไรฮะพ่อ แค่รู้สึกแปลกๆ ผมได้รับรางวัลนี้ผิดปกติหรือเปล่า” เขาถาม
“ไม่นะแม็ก.. ลูกเป็นเด็กดี เก่ง และเฉลียวฉลาด ลูกไม่ธรรมดา ลูกเจ๋งที่สุด พ่อแน่ใจว่าพ่อแม่ของเพื่อนร่วมชั้นทุกคนที่ลูกช่วยชีวิตไว้ก็คิดเช่นเดียวกันกับพ่อ” อดัมให้กำลังใจเขา
“ถ้าพ่อพูดอย่างนั้น ผมจะเชื่อพ่อฮะ” แม็กนัสพึมพำ ไม่นานพวกเขาก็มาถึงบ้านของบ๊อบบี้รับเขาขึ้นรถ เขาสวมชุดสีเขียวสำหรับเด็ก แม็กนัสก็กระโดดไปที่เบาะหลังเพื่อคุยกับเพื่อนของเขา
“ได้ชุดใหม่นี้ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?” เขาถามบ๊อบบี้
บ๊อบบี้เชิดคางอย่างภาคภูมิใจ “ฮะๆ แม่ฉันซื้อให้เพื่อวันนี้โดยเฉพาะเล้ย”
~พวกเขาคงขูดรีดเนื้อตัวเองสุดๆ เพื่อให้ลูกพวกเขามีความสุข~ แม็กนัสคิด แต่เขาก็เข้าใจได้ว่าเด็กธรรมดาๆ อย่างบ๊อบบี้จะไม่เข้าใจเรื่องแบบนี้
แม็กนัสกระซิบบางอย่างที่หูของเขา “วันนี้ฉันจะเอาเงินมาให้นาย เอาไปให้ที่บ้าน ทำตามที่เราวางแผนไว้ โอเคไหม?”
ดวงตาของบ๊อบบี้เบิกกว้าง เห็นได้ชัดว่าเขามีความสุข การช่วยเหลือครั้งนี้ทำให้เขาไม่ต้องย้ายออกไปจากที่นี่ เขารีบวางแขนบนไหล่ของแม็กนัส “แม็กนัส นายเป็นพี่ชายของฉัน”
"เฮ้ ฉันรู้ ฉันรู้... ตอนนี้อย่าทำให้ทรงผมฉันเสียทรงนะ ฉันต้องหล่อตอนถ่ายทอดสดทางทีวี" แม็กนัสกล่าวว่า
“แล้วราชินีล่ะ?” บ๊อบบี้ถาม
“หึ ใครจะสนใจเธอล่ะ” แม็กนัสยักไหล่ อดัมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดที่เฉียบคมของเขา
“พ่อฮะ จะมีใครมาสัมภาษณ์ผมอีกไหมฮะ” แม็กนัสถาม
อดัมยิ้มอย่างมีเล่ห์นัยเมื่อรู้ว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น “พวกเขาก็จะทำแหละ แต่พ่อแนะนำให้ลูกเลิกคิดมากเรื่องเงินได้แล้ว ลูกยังเด็กเกินไปสำหรับเรื่องแบบนี้นะ”
แม็กนัสท้วง “ไม่เอาน่าฮะพ่อ มันเป็นเรื่องธุรกิจล้วนๆ”
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็มาถึงพระราชวังซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธี แม็กนัสไม่ใช่คนเดียวที่ได้รับรางวัลนี้เพราะมันคงจะเกินไปหน่อย มีผู้รับมากกว่า 5 คน แต่ทุกคนมีอายุมากกว่าแมกนัสอย่างน้อย 30 ปี บางคนมาจากวงการทหาร บางคนก็เป็นพลเรือนธรรมดา
รถของพวกเขาได้รับอนุญาตให้เข้าพื้นที่จอดรถพิเศษ พวกเขาจัดกลุ่มใหม่กับครอบครัวและเข้าไป พวกเขาได้ที่นั่งแถวหน้า ห้องโถงใหญ่คือห้องบัลลังก์ ราชินีจะนั่งด้านหน้าตรงกลางพร้อมกับสามีของเธอ
ฝูงชนเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ส่วนใหญ่เป็นคนในครอบครัวของผู้รับรางวัลคนอื่นๆ และขุนนางระดับสูงอีกจำนวนนึง พวกเขาทั้งหมดก็ไม่ต่างกับที่แม็กนัสคาดหวังไว้ คนรวยมักมีนิสัยเสียมากเกินไปซึ่งอาจไม่คำนึงถึงความเป็นอยู่ของสามัญชนคนธรรมดา คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังสามารถจับจ่ายใช้สอยในวิถีชีวิตที่ฟุ่มเฟือยนี้ได้เพราะได้ก็เงินและที่ดินจากส่วนกลางแถมพวกเขายังใช้เงินภาษีเป็นครั้งคราวด้วย
แม็กนัสไม่เข้าใจเรื่องซับซ้อนที่ใหญ่กว่านี้ แต่ทั้งหมดที่เขารู้ก็คือคนเหล่านี้ก็ไม่ได้ดีอะไร
หลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง ก็มีเสียงประกาศดังขึ้น ราชินีและเจ้าชายก็เข้ามาด้วยใบหน้าที่เย่อหยิ่ง
ไม่นานชายอีกคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นผู้ประกาศเริ่มเล่าเรื่องราวความกล้าหาญของผู้รับเหรียญกล้าหาญทีละคนเมื่อถูกเรียกตัวก็ไปรับรางวัล มันเป็นเหรียญที่ราชินีจะสวมรอบคอของผู้รับ
ผู้ชายต้องคุกเข่า แล้วมีเบาะเล็กๆ ไว้รองเข่า
เธอจะมามอบเหรียญถ่ายภาพเสร็จแล้วก็ส่งชายคนนั้นกลับไป
นี้ดำเนินต่อไปจนกว่าจะส่งออกไป 5 เหรียญ ในที่สุดก็ถึงตาของแม็กนัส เขาดูไม่เข้าพวกสุดๆ เพราะขนาดที่เล็กจ้อยของเขา
“ต่อไปคือผู้ได้รับรางวัลคนสุดท้ายของวันนี้ เด็กชายที่แสดงให้ผู้ใหญ่เห็นว่าการเป็นวีรบุรุษของอังกฤษที่แท้จริงเป็นอย่างไร เด็กที่ก่อร่างสร้างวีรกรรมที่น้อยคนนักจะผ่านไปได้ง่ายๆ การกระทำของเขายิ่งใหญ่ยิ่ง ควบคู่ไปกับการยอมรับจากรัฐบาลและสถาบันกษัตริย์ เขายังได้รับเหรียญกล้าหาญพร้อมกับนามของเขาที่บันทึกในกินเนสบุ๊คเรคคอร์ท
"ทีนี้ มาปรบมือให้แม็กนัส แกรนท์กันให้เกริกก้อง" ทันทีที่สิ้นเสียงผู้คนก็ปรบมือ
แม็กนัสไปหาราชินีและคุกเข่าบนเบาะ แต่เขาตัวเล็กเกินไป ราชินีจึงต้องงอตัวเล็กน้อยเพื่อสวมมันที่คอของเขา
เธอวางมันไว้รอบคอของเขาเบา ๆ เมื่อเขาลุกขึ้น ราชินีก็ลูบหัวของเขาและถ่ายรูปมากมาย การถ่ายภาพนี้มีเยอะกว่าผู้ได้รับเหรียญรางวัลคนอื่นๆ แม็กนัสนึกได้อย่างรวดเร็ว ~ฉันคงเป็นเครื่องมือของหล่อนจริงๆ~
ไม่นานนัก เขาก็กลับมานั่งที่ที่มีการประกาศ
"เราได้รับการอนุมัติจากฝ่ายของเราว่าจากนี้ไปผู้รับเหรียญกล้าหาญจอร์จ ครอส ทุกคนจะได้รับเบี้ยเลี้ยง 1,000 ปอนด์ต่อปีเป็นค่าครองชีพ ตัวเลขเหล่านี้จะเปลี่ยนไปตามอัตราเงินเฟ้อ" ประกาศก็มา มันโล่งใจมากสำหรับพวกเขา โดยเฉพาะแม็กนัสที่ตอนนี้ราวกับลอยอยู่บนปุยเมฆ เพราะเขามีเงินมากพอที่จะช่วยเหลือบ็อบบี้ได้แบบชิวๆ แล้ว
หลังจากนี้เป็นมื้อค่ำ ทุกคนยุ่งอยู่กับการพูดคุยกัน แม็กนัสจึงพาบ็อบบี้ไปด้านข้างแล้วถาม
“บ๊อบบี้ นายเข้าใจแผนเราแล้วใช่ไหม?” เขาถาม
“ใช่ ฉันจำได้ตามที่เราวางแผนไว้” บ๊อบบี้ตอบอย่างมั่นใจ
“ดี เราจะเอารูปคนพูดนั่นกลับบ้านฉัน ที่นั่นเราจะสามารถพูดคุยกับภาพนี้ตลอดและเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับเวทมนตร์ นายจะต้องอยู่ที่ประตูนิทรรศการคอยระวังหลังให้ฉัน
ฉันจะเข้าไปเอาภาพวาดนั่น คนอื่นๆ มองไม่เห็น เพราะงั้นเราไม่ต้องกังวลว่าจะถูกจับได้ แต่มันใหญ่เกินไปและการยกของที่ใหญ่หมายความว่ามือของฉันจะกางค้างอยู่ในอากาศ ซึ่งทำให้ฉันดูแปลกเกินไป เราจำเป็นต้องคิดแผนโดยเร็ว” แม็กนัสอธิบาย
“เอ่อ แล้วทำไมนายไม่ผูกมันไว้ที่หลังของนายล่ะ” บ๊อบบี้ถาม
“เพราะภาพวาดเท่านั้นที่จะมองไม่เห็น ไม่ใช่เชือกที่ผูก บางทีฉันอาจจะถือมันไว้ใต้วงแขนของฉัน ที่ฉันต้องทำก็แค่ให้แน่ใจว่าฉันไม่ทำหล่นหรือยกมือขึ้น เอาล่ะ ฉันจะเข้าไปแล้ว” แม็กนัสตัดสินใจ
“นายรู้ทางหรอ?” บ๊อบบี้ถาม
แม็กนัสยิ้มเยาะ “ความจำของฉันดีขึ้นแล้ว บ๊อบบี้ ทางนี้ฉันมั่นใจ...”
เขาสูดลมหายใจยาว เริ่มทำการเคลื่อนไหวอย่างเนียนๆ
_____________________________