Ep.485 - ภาพรวมถูกตัดสินแล้ว
2/2
Ep.485 - ภาพรวมถูกตัดสินแล้ว
ฮังอวี่สู้กับศัตรูที่พุ่งกระหน่ำเข้ามาอย่างดุเดือด
แม้เขาจะใกล้อัพเลเวล 16 แต่ก็ยังอยู่นเลเวล 15 ตอนนี้ยังไม่สามารถสวมเสื้อคลุมราชาแดนล้างบาปได้
แต่ด้วยสร้อยคอโลกันต์โลกาวินาศบนตัว บวกกับชุดเซ็ทโบราณสงครามศักดิ์สิทธิ์ นักฆ่าขุมนรกในมือ และมรดกต่างๆ
ส่งผลให้พลังรบโดยรวมของเขาด้อยกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับผู้ครองแคว้น แต่ถ้าเทียบกับขุนนางใหญ่ ไม่นับเป็นปัญหาแต่อย่างใด
ขณะนี้เขาอยู่ในสภาพได้รับบัฟเต็มที่ เมื่อกระโจนเข้าไปในกลุ่มศัตรู คุกโลหิตเลเวล 3 ก็ถูกปลดปล่อยออกมาทันที
โดยไม่สนใจการโจมตีต่างๆที่ประทังเข้ามา ฮังอวี่รับมันตรงๆและเข้ากวาดต้อนศัตรูนับร้อยที่อยู่ข้างใน
คุกโลหิตหยิบยืมพลังของโลกันต์แผดเผา ศัตรูนับร้อยข้างในได้รับดาเมจเพิ่มเติม และในเวลาเดียวกัน ฮังอวี่ใช้นักฆ่าขุมนรกที่ชุบไปด้วยโลหิต เขาเสมือนดั่งเครื่องตัดหญ้า ไล่ตัดวัชพืชรอบๆไปทั่ว
การโจมตีแต่ละครั้งสามารถสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ดูดซับพลังชีวิตมหาศาล เติมเต็มส่วนที่เสียไปของตัวเอง
ระหว่างกระบวนการ คุกโลหิตได้รับการเสริมพลังอย่างต่อเนื่อง
นักฆ่าขุมนรกค่อยๆสะสมเอฟเฟกต์ซ้อนทับไปเรื่อยๆ ใช้เวลาไม่นานก็เต็ม 100 พลังของอาวุธเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
ถึงจุดนี้ เมื่อต่อสู้กับสมุนทหารทั่วไป มันง่ายกว่าเดิมมาก
จะเดือดเกินไปแล้ว!
ถ้ายังปล่อยให้ฮังอวี่ทำแบบนี้ต่อไป ตราบใดที่มีค่าพลังจิตเพียงพอ เขาสามารถสู้ได้เรื่อยๆตลอดทั้งวัน!
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นฮังอวี่เก็บเกี่ยวชีวิตสมุนทหารอย่างต่อเนื่อง ขุนนางใหญ่ทั้งสามและยอดฝีมือใต้บังคับบัญชาของพวกมันย่อมไม่อาจทนเฉย
ปีศาจศิลาเป็นตนแรกที่บุกเข้ามาในคุกโลหิต ชูหอกสงครามขนาดยักษ์ด้วยสองมือแล้วเข้าปะทะกับฮังอวี่ตัวต่อตัว
ปีศาจศิลาผู้พิชิต! ขุนนางใหญ่ผู้ครอบครองมรดกขั้น 4!
พลังป้องกันของปีศาจศิลา พลังชีวิต อัตราการฟื้นฟู ค่าคุณสมบัติทางกายภาพ ฯลฯ ที่กล่าวมาคาดว่าสูงเป็นอันดับหนึ่งในแคว้นเดียวดาย สามารถกล่าวได้ว่าเป็นสัตว์ประหลาดในหมู่ชาวโลกวิญญาณ
ผู้พิชิตคือมรดกขั้น 4 ที่คล้ายกันกับปีศาจคลั่งอาบโลหิต โดดเด่นเป็นพิเศษในด้านการโจมตีและสังหารหมู่
คู่ต่อสู้เช่นนี้ ไม่อาจประมาทได้
และในเวลาเดียวกัน
ดิลลอนแห่งเมืองเพลิงทมิฬ
ผู้ครองเงาแห่งเมืองพันหนองน้ำ
ขุนนางใหญ่ทั้งสองต่างตบเท้าเข้าหาฮังอวี่
พวกมันรู้หลักความจริงที่ว่าคิดจับโจรต้องจับหัวหน้า ดังนั้นก้าวเข้าสู่อาณาเขตคุกโลหิต ร่วมมือกับปีศาจศิลารุมตีฮังอวี่
มรดกขั้นสี่ของดิลลอนคือปรมาจารย์สลักมนตรา มันสามารถอัญเชิญมอนสเตอร์ระดับทรราชย์ในเลเวลเดียวกับตัวเองออกมาได้ 3 ตนในคราเดียว ด้วยค่าพลังชีวิตมหาศาลของมอนสเตอร์ ดาเมจจากไฟโลกันต์มันน้อยนิดจนไม่จำเป็นต้องใส่ใจ สั่งพวกมันบุกตะลุยเข้าหาฮังอวี่ทันที
ผู้ครองเงาเป็นผู้ใช้วิญญาณ โดดเด่นในการใช้เทคนิคควบคุม มีทั้งสกิลซากศพคืนชีพ ระเบิดศพ อัญเชิญอันเดธ ครอบครองเทคนิคมากมายไร้สิ้นสุด นับเป็นภัยคุกคามต่อฮังอวี่อย่างมาก
ฮังอวี่แข็งแกร่งก็จริง หากเป็นในกรณีสู้ตัวต่อตัว การโค่นขุนนางใหญ่สักตนไม่ใช่เรื่องยาก และหากสองต่อหนึ่งก็อาจเสมอตัว โอกาสชนะ 50 - 50
ทว่าสถานการณ์ตอนนี้คือหนึ่งต่อสาม ในกรณีนี้ เลยค่อนข้างถูกกดดัน
อย่างไรเสียทั้งสามตนนี้ คือยอดฝีมือแห่งแคว้นเดียวดาย อุปกรณ์ สกิล ลูกเล่น และประสบการณ์รบ ล้วนมากมายไม่น้อยหน้าใคร
ฮังอวี่ถูกทั้งสามปิดล้อมในเวลาเดียวกัน ติดอยู่ในการต่อสู้อันขมขื่น โดนสะกดอย่างสิ้นเชิง
กระนั้น หากขุนนางใหญ่ทั้งสามคิดสังหารฮังอวี่ แน่นอนย่อมไม่ง่ายเช่นนั้น
หอกสงครามของปีศาจศิลาโจมตีด้านหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกการโจมตีมาพร้อมแรงลมอันรุนแรง ทำดาเมจแก่ฮังอวี่อย่างต่อเนื่อง
หากไม่ใช่เพราะคุกโลหิตที่ช่วยเติมเลือดให้เขาได้ระหว่างการต่อสู้ การใช้โพชั่นรักษาเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ
ผู้ครองเงาคอยใช้เทคนิคควบคุมและภาพลวงตาประเภทต่างๆใส่ฮังอวี่ แม้ค่าความต้านทานของฮังอวี่สูง ก็ยังได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในบางครั้งเขาพลาดในช่วงจังหวะสำคัญ ต้องทนรับความทุกข์ทรมานจากการโจมตีหลากหลายรูปแบบ
ดิลลอนคอยควบุคมมอนสเตอร์อัญเชิญทั้งสาม สั่งการพวกมันอาละวาดอย่างบ้าดีเดือด
มอนสเตอร์ที่อัญเชิญมาแต่ละตัวจะมีวิธีโจมตีที่แตกต่างกัน คอยปิดกั้นทางหนีของฮังอวี่
ถ้าไม่ใช้สกิลบลิงค์ ภายใต้สถานการณ์นี้เขาคงไม่มีทางถอยได้
เพียงแต่ในเวลานั้นเอง จากทิศทางเบื้องหลังสนามรบ ทุกคนสามารถได้ยินเสียงดังกระหึ่ม
เสียงหอนของหมาป่าดังฟังชัด พลสัตว์ขี่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองฟ้าเดียวดายที่เป็นตัวชี้ขาดในครั้งนี้ได้เข้าร่วมสงครามแล้ว!
สามขุนนางได้ทำการกำราบมนุษย์เป็นที่เรียร้อย
เมื่อกองทหารฟ้าเดียวดายเข้าสู่สนามรบ ขั้นต่อไปก็ไม่มีอะไรที่ต้องวิตกกังวลอีก
ภายใต้ความดุดันและคล่องตัวของพลสัตว์ขี่ กองทหารเมืองธารทะเลทรายย่อมไม่มีหวังที่จะหลบหนี
การต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นการกวาดล้างกองทัพหลังของเมืองธารทะเลทราย!
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่สามขุนนางใหญ่กำลังคิดเช่นนั้น บางสิ่งที่พวกมันไม่คาดฝันมาก่อนได้เกิดขึ้น!
เมื่อพลสัตว์ขี่ฟ้าเดียวดายเข้าสู่สนามรบ ปรากฏว่าพวกเขาไม่ได้โจมตีทหารของเมืองธารทะเลทราย แต่สิ่งที่โจมตี กลับกลายเป็นทัพหลังที่ไร้การป้องกันและเต็มไปด้วยช่องโหว่ของกองทัพสามเมืองแทน!
พลสัตว์ขี่ส่วนใหญ่ประกอบไปด้วย ‘พลสัตว์ขี่ปล้นสะดม’ ‘พลสัตว์ขี่ร่ายวิถี’
อย่างแรกเป็นทหารนักรบ ใช้มีดมาเชเต้ในการสู้ประชิด และหน้าไม้ในการสู้ระยะไกล
อย่างหลังเป็นทหารสายเวทย์ สามารถร่ายมนตร์โจมตี และยังเก่งกาจในด้านสกิลควบคุมและสนับสนุน
นอกจากนี้ หมาป่าที่เป็นสัตว์ขี่ก็ดุร้ายมากเช่นกัน
พวกมันมีสกิลโจมตีเช่นตะปบและกรงเล็บ
พลสัตว์ขี่เข้าจู่โจมสามเมืองใหญ่อย่างกะทันหัน กวัดแกว่งมีดมาเชเต้เล่มใหญ่และทรงพลัง เก็บเกี่ยวชีวิตกองทัพพันธมิตรอย่างเมามันจากด้านหลัง
ลูกศรหน้าไม้ยิงออกไปไม่หยุด ขยายผลการต่อสู้
พลสัตว์ขี่ร่ายวิถีโจมตีสมุนทหารมังกรบินและทหารผีบนท้องฟ้าด้วยคาถา และสมุนทหารเหล่านี้ไม่ได้เตรียมพร้อมรับการโจมตีจากแนวหลัง บาดเจ็บล้มตายไปมาก ขบวนทัพเละเทะไม่เป็นท่า
“เกิดอะไรขึ้น!?”
“กองทหารฟ้าเดียวดายกำลังทำอะไร!”
“นาเซอร์บ้าไปแล้วหรือ! นี่เขาทรยศพวกเรา??”
ขุนนางใหญ่ทั้งสามไม่คาดหวังว่าพวกเขาถูกโจมตีโดยกองทหารฟ้าเดียวดายจากด้านหลัง
กองทหารฟ้าเดียวดายโจมตีอย่างคาดไม่ถึง สร้างความเสียหายอย่างหนักแก่กองทัพพันธมิตร และเมื่อทหารธารทะเลทรายเห็นโอกาสนี้ ก็เปิดฉากโต้กลับทันที!
ขุนนางใหญ่ทั้งสามถูกขังไว้ใจกลางสนามรบ สถานการณ์กลับตาลปัตร!
ฮังอวี่คว้าโอกาสที่ขุนนางใหญ่ ทั้งสามกำลังระส่ำระส่าย ปลดปล่อยมังกรโลกันต์ การโจมตีทั้งสามของมัน ระเบิดใส่ขุนนางทั้งสาม บังคับให้กระจายไปคนละทิศทาง
ขณะเดียวกัน อสูรนรกระดับทรราชย์ขั้นซิลเวอร์ถูกเรียกออกมา
ทันทีที่มันปรากฏขึ้น ก็เริ่มโจมตีอย่างไม่เลือกหน้า การโจมตีทางจิตอันทรงพลัง ส่งผลต่อมอนสเตอร์อัญเชิญทั้งสามของดิลลอน และสร้างความปั่นป่วนแก่บรรดาขุนนางเล็กทั้งหลาย!
ฮังอวี่ใช้สกิลบลิงค์ฝ่าออกจากวงล้อม จากนั้นเปิดใช้งานหนึ่งกระบี่ล่าแสงพุ่งใส่ผู้ครองเงา เปลี่ยนนักฆ่าขุมนรกในมือให้กลายเป็นกระบี่แสง ระดมการโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
เฉกเช่นเดียวกับมังกรมรณะเซนอส ผู้ครองเงาคือเผ่าวิญญาณจำแลง และมันคือมอนสเตอร์ผี!
ตัวมันแม้มีภูมิต้านทานต่อดาเมจทางกาจภาพสูง แต่จะได้รับดาเมจจากธาตุแสงเป็นสองเท่า!
ดังนั้นตอนนี้ ทุกการโจมตีของฮังอวี่ ทั้งหมดทำดาเมจเพิ่มเป็นสองเท่า!
ผู้ครองเงาไม่มีแม้เวลาตอบสนอง จังหวะหนียิ่งไม่ต้องกล่าวถึง ถูกสะบั้นตายภายใต้กระบี่แสง
ขุนนางใหญ่หนึ่งในสามล่วงลับ!
ปีศาจศิลากับดิลลอนเห็นสถานการณ์เลวร้าย ตั้งท่าจะวิ่งหนี!
ฮังอวี่ตะโกน “หยุดพวกมัน!”
จ้าวหมิง ฉูเทียนหัว กระโดดออกมาขวางหน้าปีศาจศิลา
ฉินมู่ร่ายมนตร์วาจาต้องห้ามใส่ดิลลอน ขัดจังหวะและทำลายการอัญเชิญของมัน ทำให้มอนสเตอร์อัญเชิญทั้งสามหายไปโดยอัตโนมัติ
เสี่ยวไป๋ เสี่ยวเฉียง เจียงหนาน และคนอื่นๆ ช่วยระดมตีเพื่อถ่วงเวลาพวกมันไว้
ฮังอวี่คว้าโอกาสนี้โจมตีด้วยพลังทั้งหมดของเขาอย่างไร้ปรานี
“ค่ายกลกระบี่ล่าแสง!”
“โทสะปีศาจคลั่ง!”
“กลบฝังปีศาจคลั่ง!”
“...”
กระบวนท่าใหญ่ประทังออกมาไม่หยุด!
ถึงขั้นนี้ ดิลลอนกับปีศาจศิลาจะแบกรับไหวได้อย่างไร?
แม้ความโกรธและความไม่ยินยอมท้วมท้นหัวใจ แต่สุดท้ายพวกมันล้มลง ล่วงลับตามผู้ครองเงาไป!
ฮังอวี่ในเวลานี้ สะสมแต้มวิญญาณมากพอแล้ว สามารถอัพเลเวล 16 ได้สำเร็จ!