Ep.484 - จบสิ้นแล้ว!
1/2
Ep.484 - จบสิ้นแล้ว!
กองทัพพันธมิตรแคว้นเดียวดายเข้าสู่อาณาเขตของทะเลทรายมรณะ
จากข้อตกลงร่วมกัน กองทัพของทั้งสี่ภาค กลาง ใต้ ออก ตก ระดมพลกันมายังแดนเหนือของแคว้นเดียวดาย
กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเก้าวัน ซึ่งถือว่าเร็วมาก!
สามารถสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของชาวโลกวิญญาณได้อย่างเต็มที่!
นาเซอร์ขี่สัตว์วิญญาณ เป็นสัตว์ร้ายขนาดมหึมาที่มีขนาดมากกว่า 10 เมตร ลักษณะคล้ายกับแรด เขาอยู่หน้าสุด นำกองทัพเข้าสู่ทะเลทรายมรณะด้วยตัวเอง
ดิลลอน ปีศาจศิลา และผู้ครองเงา
สามขุนนางใหญ่เดินอยู่ไม่ไกล ตามมาติดๆ
โครงสร้างภายในกองทัพพันธมิตรซับซ้อนมาก มีทั้งพลสัตว์ขี่ออร์คที่มีความคล่องตัวสูง สามารถระเบิดพลังได้อย่างดุดัน
มีทหารราบเกราะหนักเผ่าศิลาที่มีพลังป้องกันสูงมาก แทบปราศจากจุดอ่อน
มีกระทั่งทหารอากาศที่ประกอบไปด้วยนักเวทย์และพลรบบนหลังมังกรบิน รวมไปถึงมอนสเตอร์ผี
ทั้งหมดมาจากสี่เมืองหลัก เป็นสมุนทหารขั้นสูงที่ได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี ส่วนใหญ่แล้วมีเลเวลประมาณ 14 15 ระดับชั้นยอดขั้นซิลเวอร์ขึ้นไป มีไม่น้อยอยู่ในขั้นโกลด์ และมีจำนวนหนึ่งขึ้นเป็นระดับเจ้าถิ่น
นอกจากกองทหารชั้นยอดของทั้งสี่เมืองแล้ว กองทัพอีกครึ่งยังประกอบไปด้วยทหารของเหล่าขุนนางเล็ก
ก็อบลินหมี เซนทอร์ ออร์ค โนลล์ ฯลฯ ทั้งหมดเป็นเผ่าพันธุ์ที่พบเจอได้ในแคว้นเดียวดาย
มีทหารหลากหลายประเภท กระจายกันอย่างลงตัว แทบไม่มีจุดอ่อน
พลังรบโดยรวมครอบคลุม เรียกได้ว่าเป็นกองทัพชั้นยอด!
หลังจากเข้าสู่ทะเลทรายมรณะ
กองทัพพันธมิตรชะลอความเร็วลงเล็กน้อย แต่ก็ยังเคลื่อนทัพได้ 100 - 200 ไมล์ต่อชั่วโมง ขุมกำลังมหาศาลเช่นนี้ เมื่อย่างกรายสู่ทะเลทรายมรณะ ก็ยากจะปกปิดตัวตนจากเมืองธารทะเลทราย
อย่างไรก็ตาม
ไม่จำเป็นต้องคิด เหล่าขุนนางใหญ่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ไม่มีผู้ใดต้องการปกปิดตัวตน เพราะรู้ว่ายังไงพวกตนก็ชนะ
“ท่านผู้ครองแคว้น ค้นพบกองทัพเมืองธารทะเลทราย พวกเขารวมตัวกันที่ด้านหน้า มีจำนวนประมาณ 50,000 ดูเหมือนมีเป้าหมายจะขวางเราที่นี่”
ได้ยินข่าวนี้
ขุนนางใหญ่ทั้งสามต่างพากันหัวเราะ
ดิลลอนกล่าวว่า “สงสัยพวกเราจะประเมินขุนนางเมืองธารทะเลทรายสูงไป เขาโง่เขลาถึงขั้นเลิกปกป้องเมือง เลือกที่จะสู้กับพวกเราที่นี่”
ผู้ครองเงาก็คิดเห็นเช่นเดียวกัน มันกล่าวว่า “แต่ก็ถือว่าไม่เลว เพราะนี่แสดงว่าขวัญกำลังใจเมืองธารทะเลทรายยังไม่พังทลายลง การที่พวกเขาสามารถรวบรวมขุนนางเล็กทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้น ก่อตั้งเป็นกองทัพใหญ่ นี่ค่อนข้างเหนือความคาดหมายแล้ว”
“ถ้าพวกเขาเลือกเอากองทัพทั้งหมดเข้าไปปกป้องในเมืองธารทะเลทราย เกรงว่าคงเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับพวกเรา แต่การกระทำเช่นตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับการส่งตัวเองมาตาย!”
“มากันทั้งหมดนั่นแหละยิ่งดี ในเมื่อพวกเขารอต้อนรับกันขนาดนี้ พวกเราจะเสียหน้าไม่ได้เหมือนกัน” ปีศาจศิลาเอ่ยเสียงอู้อี้ “บอกให้ทุกนายเตรียมตัว พร้อมบดขยี้กองทัพเมืองธารทะเลทราย!”
คาดไม่ถึงว่าสงครามครั้งนี้จะเป็นการเผชิญหน้ากันตรงๆ
นี่เท่ากับว่าเมืองธารทะเลทรายมีโอกาสน้อยมากที่จะต้านทานกองทัพพันธมิตรจากสี่เมือง!
ระดับของทั้งสองฝ่ายมันคนละชั้นกัน!
และว่ากันตามจริง ทางดิลลอนได้ใช้ทหารอากาศสำรวจที่ตั้งของกองทัพเมืองธารทะเลทรายแล้ว ดังนั้นตัดข้อสงสัยเรื่องอาจมีการซุ่มโจมตีไปได้เลย
15 กิโลเมตร
12 กิโลเมตร
10 กิโลเมตร
8 กิโลเมตร ...
ระยะห่างระหว่างกองทัพทั้งสองใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
สุดท้ายก็หยุดเดิน เผชิญหน้ากัน!
พฤติกรรมของซาร์โกเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและดุร้าย มันเลียริมฝีปาก ในดวงตาลุกโชนไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
ขุนนางเมืองธารทะเลทรายเคยทำให้มันต้องประสบกับความพ่ายแพ้ ในวันนี้มันจึงตั้งใจจะแก้แค้นให้สาสม!
“ท่านผู้ครองแคว้น”
“โปรดให้ข้าเป็นกองหน้าเบิกทาง!”
“พลสัตว์ขี่แห่งเมืองฟ้าเดียวดายเป็นกองทหารที่แก่กล้าที่สุดในแคว้นเดียวดาย!”
“ด้วยพลสัตว์ขี่ 10,000 นายของเรา มากพอแล้วที่จะฉีกพวกพวกรุกรานเหล่านี้ให้แหลกเป็นชิ้นๆ!”
นาเซอร์ส่ายหัวและพูดว่า “ข้อได้เปรียบของพลสัตว์ขี่คือความคล่องตัวและการระเบิดพลัง เวลานี้เมืองธารทะเลทรายเตรียมการป้องกันเอาไว้อย่างดี ติดตั้งอาวุธเหนี่ยวนำมนตราไว้มากมาย ซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่อความสามารถของพลสัตว์ขี่”
ถึงจุดนี้ สายตาของนาเซอร์เบนไปยังขุนนางใหญ่อีกสามตน “ดิลลอน ผู้ครองเงา ปีศาจศิลา พวกเจ้านำกองทัพของตัวเองออกไป บุกเข้าตีเป็นกลุ่มแรก ทำลายแนวป้องกันของศัตรู จากนั้นพลสัตว์ขี่เมืองฟ้าเดียวดายจะร่วมตีขนาบจากปีกซ้ายและขวา กวาดล้างศัตรูให้สิ้นในคราเดียว”
พลสัตว์ขี่แห่งเมืองฟ้าเดียวดายหรือออร์คขี่สัตว์วิญญาณหมาป่าเป็นทหารขั้นสูง ซึ่งทรงพลังมาก
อย่างไรก็ตาม พลสัตว์ขี่นั้นเก่งในการสังหาร แต่ไม่เหมาะใช้เปิดการโจมตี
ดังนั้นหากให้ทหารเกราะหนักของปีศาจศิลารับการโจมตี และให้ทหารอากาศของดิลลอนกับผู้ครองเงาสนับสนุนจากทางอากาศ ทำลายแนวรบของอีกฝ่ายก่อน แล้วค่อยให้พลสัตว์ขี่ขนาบโจมตี แบบนี้จึงจะสมเหตุสมผลกว่า
ดิลลอน ผู้ครองเงา และปีศาจศิลาลอบคำนวณในใจ และคาดเดาว่าสาเหตุหลักๆที่ผู้ครองแคว้นทำแบบนี้คงเพราะขี้เหนียว ไม่ยินยอมสูญเสียพลสัตว์ขี่ที่ฝึกฝนมานานหลายปี จึงสั่งการออกมาแบบนี้
แม้ว่านี่จะค่อนข้างไร้ความปรานี แต่มันก็เป็นไปตามสามัญสำนึกเช่นกัน
ดังนั้นไม่ได้หวาดระแวงมากจนเกินไป
ก็ใครใช้ให้เมืองฟ้าเดียวดายเป็นบอสใหญ่เล่า?
ใครใช้ให้นาเซอร์ผู้ครองแคว้นกันล่ะ?
“ตกลง!”
“พวกเราจะเปิดทาง”
“ทุกอย่างเตรียมพร้อม!”
“เริ่มโจมตีได้!”
ดิลลอน ผู้ครองเงา และปีศาจศิลา
สามขุนนางใหญ่ไม่แคลงใจ นำทัพของตนออกรบ บุกไปข้างหน้าตามลำดับ
ทหารเกราะหนักของปีศาจศิลาอยู่หน้าสุด สมุนทหารเผ่าธาตุเหล่านี้ แต่ละตนมีขนาดตัวใหญ่โตมาก ร่างกายของพวกมันทำจากหิน ไม่มีอวัยวะ สามารถซ่อมแซมตัวเอง พลังชีวิตและพลังป้องกันสูงจนน่าตกใจ
บรึ้ม บรึ้ม บรึ้มมม!
ปืนใหญ่เหนี่ยวนำมนตราจากฝั่งเมืองธารทะเลทรายเริ่มเปิดฉากยิง
อาวุธเหนี่ยวนำมนตราของมนุษย์นั้นล้ำหน้าที่สุดในแคว้นเดียวดาย
แต่ไม่ว่ากระสุนปืนใหญ่จะทรงพลังเพียงใด ก็ไม่สามารถสั่นคลอนแนวป้องกันของเผ่าปีศาลศิลาได้
ทหารราบเกราะหนักชั้นยอดทั้ง 10,000 นายรุกคืบอย่างเป็นระเบียบ
โดยมีสมุนทหารอีกนับหมื่นตามหลังมาติดๆ โดยใช้ทหารเกราะหนักของเผ่าศิลาเป็นแนวกั้น
นักเวทย์มังกรบิน พลหอกมังกรบิน พลรบผี นักธนูผี ... ฯลฯ เหล่าทหารอากาศกลุ่มนี้ เป็นขบวนแรกที่นำทัพโจมตีจากเบื้องบน แหงนมองขึ้นไปเหมือนเมฆก้อนใหญ่
ครอบคลุมที่ตั้งของกองทัพเมืองธารทะเลทราย
การโจมตีทุกรูปแบบหลั่งไหลเข้ามา หมายถล่มกองทัพเมืองธารทะเลทรายให้พินาศโดยเร็วที่สุด!
เวลานี้ กองทัพภาคพื้นดินใกล้เข้ามาแล้ว การต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายกำลังจะเริ่มขึ้น
กองทัพของสามขุนนางใหญ่ช่างแก่กล้า เมืองธารทะเลทรายไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับพวกมันเลย!
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า เมื่อปะทะกันก็ตกอยู่ในสภาวะถูกข่มทันที
แน่นอน
พลสัตว์ขี่เมืองฟ้าเดียวดายและสมุนทหารจากขุนนางเล็กในภาคกลางยังไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้
ตัดสินจากสถานการณ์ปัจจุบัน แม้ว่าฝ่ายโจมตีจะได้เปรียบอย่างชัดเจน แต่ข้อได้เปรียบดังกล่าวไม่ได้ถึงขั้นเป็นการฆ่าล้างฝ่ายเดียว
เพราะท้ายที่สุดแล้วเผ่ามนุษย์และกองทัพพันธมิตรแดนเหนือมิใช่ตัวกินพืช
ห่าลูกศร เวทมนตร์มากมาย แสงจากกระบี่และคมดาบ ประทังออกไปต้อนรับแขกผู้มาเยือน ฝุ่นละอองกระจายคละคลุ้งไปทั่ว!
สงครามอันดุเดือดเริ่มขึ้นโดยเร็ว!
ซาร์โกนั่งไม่ติดอีกต่อไป รีบอ้อนวอน “ท่านผู้ครองแคว้น ถึงเวลาแล้ว โปรดสั่งปล่อยกองทัพเมืองฟ้าเดียวดายเถิด!”
นาเซอร์จ้องไปข้างหน้าสองสามวินาที มองด้วยสกิลตรวจจับของเขา
เวลานี้ขุนนางใหญ่บุกถึงค่ายมนุษย์แล้ว ทั้งสองฝ่ายตกอยู่ในสถานการณ์ติดพัน ไม่อาจแยกจากกันได้
นาเซอร์ผงกหัว หยิบอาวุธออกมา
เป็นขวานรบที่ทอรัศมีพลังงานทางวิญญาณสีม่วง
ซาร์โกสูดหายใจฟู่ แสดงสีหน้าดุร้าย “นักรบแห่งเมืองฟ้าเดียวดายเอ๋ย เตรียมบุกตะลุยไปพร้อมท่านผู้ครองแคว้น อย่าปล่อยให้มนุษย์รอดชีวิตไปได้แม้แต่คนเดียว!”
วินาทีต่อมา
ขวานในมือนาเซอร์สับลง ฟาดเข้าใสซาร์โก!
พลังอันรุนแรงถูกปลดปล่อย พื้นดินทั่วบริเวณราวกระจกที่โดนค้อนทุบ ในอากาศฉีกขาดเป็นรอยแยกมิติ
ซาร์โกถูกปกคลุมด้วยพลังทำลายล้างอันท่วมท้น สีหน้าของมันพลันแข็งทื่อทันที
เห็นได้ชัดว่าไม่นึกฝันว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
อาวุธของนาเซอร์คืออุปกรณ์สีม่วงเลเวล 16 ชื่อของมันคือ ‘ขวานสลายอากาศ!’
เป็นขวานที่สามารถผ่าอากาศได้!
ว่ากันด้วยขวานนี้เอง ที่ช่วยให้นาเซอร์คว้าบัลลังก์ใหญ่แคว้นเดียวดาย!
หากถูกฟาดเข้าเต็มๆ แทบไม่มีโอกาสรอด!
-3412!
พลังชีวิตของซาร์โกพลันว่างเปล่า
เวลานี้ ในสมองมันคิดได้เพียงประโยคเดียว--
--จบสิ้นแล้ว!