2071 - ร้อยปีผ่านไปเช่นนี้
2071 - ร้อยปีผ่านไปเช่นนี้
สือฮ่าวออกมาจากความสันโดษ เขาแหงนมองท้องฟ้าอันไกลโพ้น บางทีประตูของอาณาจักรเซียนอาจกำลังจะเปิดออก มีคนมาส่งคำเชิญถึงเขา
เขารู้ว่านี่ไม่ใช่การแสดงความเมตตา แต่นี่เป็นการข่มขู่ชนิดหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่นั่นอาจต้องการให้เขาเห็นความแตกต่างของสวรรค์และปฐพีและนั่นอาจหมายถึงชีวิตของเขาด้วย
ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมานี้ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในพระราชวังขนาดยักษ์ของราชสำนัก ซึ่งยังคงอยู่ในแดนที่สูงกว่า
สือฮ่าวยังคงหยุดอยู่ที่จุดสูงสุดของอาณาจักรเต๋ามนุษย์ทักษะ เต๋าของเขาดูเหมือนจะไม่ก้าวหน้าแม้แต่น้อย
มันราวกับว่าเขามาถึงจุดสูงสุดของยอดเขามองไปข้างหน้าไม่มีทางขึ้นมีแต่ทางลงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าการฝึกฝนของเขาไม่ได้ไร้ประโยชน์ เขาสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดีบางอย่างที่เกิดขึ้นในร่างกายของเขา เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ชัดเจนนัก
มันยากเกินไปที่จะพยายามไปสู่ความเป็นอมตะในช่วงยุคไร้การฝึกฝน ตามความสงสัยของรุ่นก่อน มันเป็นไปไม่ได้ เส้นทางข้างหน้าถูกตัดให้สั้นลงแล้ว!
หากใครต้องการบรรลุความเป็นอมตะ มีเพียงทางเดียวเท่านั้นก็คือบุกเข้าไปในดินแดนอมตะ ฝึกฝนเป็นระยะเวลาไม่รู้จบในโลกนั้น
แล้ววันหนึ่งพวกเขาก็จะผงาดขึ้นจากอาณาจักรเต๋ามนุษย์และกลายเป็นผู้อมตะที่แท้จริง
หนึ่งร้อยปีผ่านไปการเปลี่ยนแปลงของผู้อื่นมีความสำคัญอย่างยิ่ง พลังชีวิตของพวกเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจนน่าเหลือเชื่อ
มู่ชิง มังกรแดง รากฐานของผู้คนเหล่านี้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น หลังจากผ่านไปร้อยปี ทักษะเต๋าของพวกเขาก็ก้าวหน้า
น่าเสียดายที่พวกเขายังยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของของอาณาจักรปลดปล่อยตนเองไม่สามารถก้าวไปสู่ระดับสูงสุดได้
เป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งนักที่แม้จะมีเส้นผมกั้นอยู่เพียงเล็กน้อยแต่พวกเขาก็ไม่สามารถทะลวงข้ามไปได้ พวกเขาจึงไม่มีโอกาสได้เห็นโลกใหม่!
นี่ไม่ใช่สิ่งที่พยายามแล้วจะทำได้ มันต้องอาศัยองค์ประกอบหลายอย่าง
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้รู้สึกท้อแท้ ทุกคนฝึกฝนอย่างขมขื่น หลอมร่างกายหล่อหลอมวิญญาณดั้งเดิม ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น สมบูรณ์แบบมากขึ้นเรื่อยๆ
เป็นเพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่าในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา ทักษะการบ่มเพาะของพวกเขาเพิ่มขึ้นบ้าง นี่หมายความว่าหนทางข้างหน้ายังดำเนินต่อไปได้
เมื่อไหร่ที่พวกเขาสามารถก้าวข้ามประตูนั้นได้พวกเขาจะเปลี่ยนตัวเองจากปลากลายเป็นมังกรที่แท้จริง
ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา เมล็ดเต๋าที่สมบูรณ์แบบสามเมล็ดถูกหมุนเวียนในหมู่พวกเขา ไม่มีใครได้ครอบครองมันอย่างจริงจังเพราะว่าท้ายที่สุดแล้วประโยชน์ของมันก็ไม่ได้มากมายขนาดนั้น
พวกเขาย้อนกลับสู่อาณาจักรเทพสวรรค์หลังจากที่พวกเขาฝึกฝนจนกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรปลดปล่อยตนเองระดับสูงสุดพวกเขาก็สกัดมันออกมาแล้วส่งต่อให้กับคนอื่น
พวกเขาเพียงแค่ต้องการศึกษาเส้นทางบ่มเพาะที่แตกต่างไปจากเดิมเท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้วเมล็ดพันธุ์ทั้งสามก็ยังมีน้อยเกินไปพวกเขาได้แต่แบ่งปันกันไปกันมาเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมล็ดทั้งสามนี้มีความแตกต่างกัน ล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แม้ว่าหลายคนจะใช้มันอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่มีปัญหาใดๆ
เมล็ดพันธุ์ห้าธาตุกลั่นกรองแก่นแท้ของธาตุทั้งห้า เมื่อมันถูกใช้งานจนถึงระดับสูงสุดมันก็ทำให้องค์ประกอบธาตุของทุกคนนั้นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ต้นสารพัดเต๋ายิ่งแปลกประหลาดมากขึ้นไปอีก ต้นไม้โบราณนี้ถูกปลูกไว้ในราชสำนัก มันไม่จำเป็นต้องล้อมรวมเข้ากับร่างกายแต่สามารถทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่สัมผัสได้ถึงเต๋าอันยิ่งใหญ่
การหลอมรวมกับร่างกายไม่เกิดประโยชน์เท่าไหร่ เพียงแต่กำลังศึกษามันจากด้านล่างกลับสามารถทำให้ผู้คนรู้แจ้งในเต๋าได้ นี่เป็นมรดกชิ้นสำคัญประจำราชสำนักของเขา
ตอนนี้ทิศทางของยุคที่ไร้การฝึกฝนดูเหมือนจะดีขึ้น การมีต้นไม้ต้นนี้สามารถช่วยให้เต๋าอันยิ่งใหญ่ฟื้นคืน
ทุกคนได้แต่หวังว่าหลังจากที่มันเติบโตอย่างเต็มที่จะสามารถฟื้นคืนสภาพของโลกนี้ให้กลับสู่ยุคเซียนโบราณอันยิ่งใหญ่ได้
ที่แปลกประหลาดที่สุดคือเมล็ดพันธุ์สวรรค์นั้น นอกจากสือฮ่าวแล้ว คนอื่นไม่สามารถใช้มันได้ในระยะเวลานาน
ทุกครั้งที่พวกเขาใช้พวกเขาจะได้ยินเสียงสงครามโห่ร้องกึกก้องไปทั่วจิตใจราวกับพวกเขาตกลงไปสู่สงครามเซียนโบราณด้วยตัวเอง
ต้องเข้าใจว่าเมล็ดพันธุ์นี้ถูกหล่อเลี้ยงมาจากซากศพของตระกูลจักรพรรดิผู้ไม่ดับสูญทั้งหมด ดังนั้นความอาฆาตแค้นของพวกเขาจึงถูกฝังแน่นอยู่ในเมล็ดพันธุ์นี้
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสือฮ่าวศึกษาเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง สิ่งนี้สามารถทำให้เขาบรรลุความเป็นผู้อมตะในยุคไร้การฝึกฝนได้หรือไม่?
แม้ว่าเขาจะตรวจสอบดีแล้ว แต่เขาก็ไม่พบจุดทะลุทะลวงใดๆ
วันนั้นโลกไม่สามารถสงบนิ่งได้ รัศมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวได้เปล่งแสงออกมา สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้เชี่ยวชาญที่โดดเดี่ยวทุกคน
ตง!
ราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมาบนสวรรค์ทั้งเก้า ลำแสงที่ไหลผ่านท้องฟ้าลงมายังแผ่นดินใหญ่
“พวกเขาอยู่ที่นี่” สือฮ่าวพูดกับตัวเอง
เขารู้ว่ารอยแตกถูกเปิดออกในประตูของอาณาจักรเซียนและสิ่งมีชีวิตบางตนจะลงมามอบคำเชิญให้กับเขา
ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีผู้คนมาเยี่ยมเยียนราชสำนักอมตะจริงๆ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่มาในครั้งนี้ระบุว่าต้องการพบกับฮวงราชาสวรรค์ของที่นี่
ในยุคนี้มีเพียงไม่กี่คนที่กล้าเผชิญหน้ากับเขา แม้ว่าคนเหล่านี้จะมีท่าทางสุภาพและไม่เย่อหยิ่ง แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้มีความหวาดกลัวใดๆ
คนเหล่านี้มีคนที่อายุน้อยรวมไปถึงชายชราที่มีอายุหลายล้านปี นี่คือลักษณะของพวกเขาที่มองจากภายนอก สำหรับอายุที่แท้จริงของพวกเขา เป็นเรื่องยากที่จะแน่ใจได้
“ฮวงเรามาเพื่อเชิญเจ้าเข้าสู่อาณาจักรเซียน” หนึ่งในนั้นพูดเขายังคงเป็นเด็กอยู่มาก รัศมีที่เขาปลดปล่อยออกมานั้นเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งจองหอง
ทุกคนจากราชสำนักสามารถมองเห็นได้ว่าเด็กคนนี้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ สิ่งที่เขามอบให้นั้นคนอื่นไม่อาจปฏิเสธได้ทำได้เพียง “ยอมรับมัน” เท่านั้น
สือฮ่าวยังคงนิ่งสงบอย่างสมบูรณ์
จูหลินเดินออกไปข้างนอกเพื่อต้อนรับทุกคน ฝีเท้าของนางแผ่วเบากำลังจะยื่นมือไปรับบัตรเชิญ
“นี่สำหรับฮวงห้ามใครแตะต้องมัน ฮวงจะต้องออกมารับมันด้วยตัวเองโดยไม่มีข้อแม้และติดตามเราเข้าสู่อาณาจักรเซียน” สายตาของชายหนุ่มผมสีม่วงดูดุร้าย
เขาไม่ได้ส่งคำเชิญให้จูหลินแต่ตวาดออกมาด้วยความโอหัง
“เจ้ามาที่นี่เพื่อส่งคำเชิญหรือคำสั่ง? พวกเจ้าทุกคนมีคุณสมบัติอะไรที่จะพบกับอาจารย์ของข้า?” มังกรแดงตะโกน
สำหรับจูหลินใบหน้าของนางยิ่งมืดครึ้มลงเรื่อยๆ ปีกของหงส์เพลิงที่แท้จริงปรากฏออกมาทีหลังของนาง นางกำลังจะลงมือแย่งชิงบัตรเชิญนั้น
"บังอาจ! นี่คือคำเชิญของอาณาจักรเซียนพวกเจ้ากล้าดูหมิ่นได้อย่างไร? ฮวงต้องมาที่นี่และรับมันเป็นการส่วนตัว!” เด็กหนุ่มผมสีม่วงพูดอย่างเย็นชารัศมีพลังสีม่วงกระจายออกจากร่างกายของเขา
จูหลินสู้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ นางถูกจำกัดอยู่ในโลกอันยากแค้นนี้ทำให้นางไม่สามารถก้าวเป็นผู้สูงสุดได้
ฮ่อง!
อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้ถูกฝ่ายตรงข้ามทำอันตรายจนได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งรัศมีผู้สูงสุดของฝ่ายตรงข้ามก็ไม่สามารถทำอะไรต่อนางได้จริงๆ
นี่เป็นเพราะคลื่นพลังอันยิ่งใหญ่ที่ไร้ขอบเขตปรากฏขึ้นในวังขนาดยักษ์นี้มันปกป้องนางไว้ภายใน
ในวัง รูปปั้นหินนั้นฉายแสงปลดปล่อยพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดบดขยี้ออกมาโดยตรง นี่คือภาพลักษณ์อันศักดิ์สิทธิ์ของสือฮ่าว เมื่ออยู่ที่นี่ไม่มีผู้ใดแสดงความโอหังออกมาได้
สำหรับร่างกายที่แท้จริงของสือฮ่าวยังคงไม่ขยับ เขานั่งอยู่ภายในพระราชวังพร้อมกับมองออกมาด้านนอกอย่างเย็นชา
"บังอาจ!"
ข้างหลังมีคนตะโกน
ยิ่งกว่านั้นคนผู้นี้ยังมีอารมณ์รุนแรงเขาลงมือทันที
“เจ้าบอกว่าใครนะที่บังอาจ!”
ในวังขนาดยักษ์ สายตาของสือฮ่าวดูราวกับสายฟ้าเย็นยะเยือก มันฉีกผ่านความว่างเปล่าและมุ่งตรงเข้าหาเด็กหนุ่มชุดขาวที่ลงมือทันที
หงหลง!
พลังเจตจำนงนั้นมหาศาล ควบแน่นเป็นร่างมนุษย์ มันบดขยี้ไปทางเด็กชุดขาวคนนั้นโดยตรง