บทที่ 5 : นักศิลปะการต่อสู้ระดับสูง!
(แอดขอใช้ นักรบ - นักรบระดับสูงแทนนะครับ)
ในตอนเช้าพระอาทิตย์ขึ้น
ในห้องนอนของ หลัวเฉินที่กำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงเขาได้เรียกแผงคุณสมบัติของระบบขึ้นมาตรงหน้าเขา
โฮสต์ : หลัวเฉิน
การบ่มเพาะ : นักรบขั้นที่9 (5/2,000)
คุณสมบัติพรสวรรค์ : ไม่มีพรสวรรค์ (0/1,000)
วิชาการบ่มเพาะ : วิชาประจำตระกลูหลัวฉีจื่อ (ระดับกลาง ระดับถัดไป 1/500)
ทักษะการต่อสู้ : วิชาดาบไม้กางเขน (ระดับต่ำ ความชำนาญ 299/500)
พลังปราน : 6897 คะแนน (อัตตราการเติบโตของพลังปรานในปัจจุบัน 20 คะแนน/นาที)
“สามารถอัปเกรดได้อีกครั้งแล้ว”หลัวเฉินอดไม่ได้ที่จะมีความสุขเมื่อมองไปที่พลังปรานที่สะสมไว้มากกว่า 6,000 คะแนน บนแผงคุณสมบัติ ใช้นิ้วมือคลิกไปที่คอลัมน์ระดับการฝึกฝนบนแผงคุณสมบัติ
พลังปรานลดลงในทันที 1995 คะแนน และในเวลาเดี่ยวกันพลังปรานของสวรรค์และโลกก็พุ่งเขามาจากทุกทิศทุกทาง มารวมตัวกันที่หลัวเฉิน
พลังงานของสวรรค์และโลกได้ไหลผ่านเส้นลมปราณทั่วร่างกายของหลัวเฉิน ก็เลื่อนขั้นเป็น นักรบระดับสูงขั้นแรก ทันที
ในขณะที่พลังปราณแท้จริงยังคงไหลเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง ผิวหนังบนร่างกายของ หลัวเฉิน ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงและเปล่งประกายราวกับหยก
ทันใดนั้นร่างกายของ หลัวเฉิน ก็สั่นเขาอาปากพ่นลมหายใจออกมา
“พรึบ...”
ในอากาศปรากฏกลุ่มก้อนพลังปรานที่ควบแน่นลอยอยู่ จากนั้นเขาก็พลักก้อนพลังปรานออกไปได้ไม่ไกลมากนักพลังปรานก็สลายหายไป
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับการอัปเกรดระดับของโฮสต์ สถานะปัจจุบัน : นักรบระดับสูงขั้นที่1 (0/20,000)อัตราการเติบโตของพลังปรานเพิ่มขึ้นเป็น 30 คะแนน/นาที”
เมื่อได้ยินเสียงของระบบแจ้งเตือน ใบหน้าของ หลัวเฉิน ก็ครุ่นคิดมากขึ้น เขาก็พึมพำกับตัวเอง “ตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ขั้นนักรบระดับสูง พลังปรานที่ใช้ในการอัพเกรดเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ปรมาจารย์การต่อสู้ปรมาจารย์การต่อสู้ระดับสูง คงต้องใช้พลังปรานจำนวนมหาศาลแน่ๆ”
ดูเหมือนว่าฉันคงต้องหาวิธีในการเพิ่มความเร็วในการสะสมพลังปราน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลัวเฉินก็ไม่ลังเลและยกมือขึ้นคลิกไปที่แผงคุณสมบัติของระบบ
พลังปรานบนแผงคุณสมบัติถูกกลืนกินอย่ารวดเร็ว ในขณะเดี่ยวกัน เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นในหัวของหลัวเฉิน
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์สำหรับการอัพเกรด (วิชาประจำตระกลูหลัวฉีจื่อ)เป็นระดับสูง 1/1500 ”อัตราการเติบโตของพลังปรานเป็น 32 คะแนน/วินาที”
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์สำหรับการอัพเกรด (วิชาประจำตระกลูหลัวฉีจื่อ)เป็นระดับสูงสุด 1/5000 ”อัตราการเติบโตของพลังปรานเป็น 34 คะแนน/วินาที”
“อัตราการเติบโตของพลังปรานเพิ่มขึ้นมาน้อยเกินไปดูเหมื่อนว่า เทคนิคการบ่มเพาะจะต้องอัพเกรดไปสู่ ขั้นสมบูรณ์แบบ เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ!!!!”
หลัวเฉินส่ายหน้า มีความคิดที่โลภมากขึ้นมา
หากสาวกคนอื่นๆของตระกูลหลัวรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ พวกเขาจะสาปแช่งหลัวเฉินแน่นอน
จำเป็นต้องรู้ว่าการเพิ่มระดับวิชาการบ่มเพาะนั้นอยากกว่าการเพิ่มระดับวิชาศิลปะการต่อสู้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะฝึกฝน “วิชาประจำตระกลูหลัวฉีจื่อ” ตั้งแต่อายุยังน้อย คนส่วนใหญ่ยังคงฝึกฝน “วิชาประจำตระกลูหลัวฉีจื่อ” ในขอบเขตระดับต่ำเท่านั้น
ในบรรดาสาวกทั้งสามรุ่นของตระกูลหลัว (ในตอนก่อนผมเข้าใจผิดว่าเป็นพี่สาวนะครับความจริงเป็นน้องสาวนะครับ) มีเพียงน้องสาวของ หลัวเฉิน ผู้หยิงผยองที่ได้รับการเลือกเป็นพิเศษจาก สถาบันหลิงหยุน หลัวชิงเสวี่ย ที่ฝึกฝนวิชารวบรวมพลังปราน “ของตระกูลหลัว” จนถึงระดับสูงสุดก่อนที่เธอจะอายุครบ 15ปี
เป็นเพราะเหตุนี้เองที่ทำให้ หลัวชิงเสวี่ย ได้รับการยอมรับจากอาจารย์ของ สถาบันหลิงหยุน เป็นกรณีพิเศษและเข้าสู่สถาบันหลิงหยุนที่เต็มไปด้วยอัจริยะมากมาย!!!!
นอกจาก หลัวชิงเสวี่ย แล้วยังมี หลัวฟ่าน ซึ่งเป็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นที่สามของ ตระกูลหลัว ที่ฝึกฝนวิชารวบรวมปรานประจำตระกูลหลัว ถึงระดับสูงสุด
ตอนนี้หลัวเฉินได้ยกระดับ วิชารวบรวมปรานประจำตระกูลหลัว ไปถึงระดังสูงสุดอย่างง่ายดาย แตผลยังไม่เป็นที่น่าพอใจ!
เมื่อมองไปที่แต้มพลังปรานที่เหลืออยู่ 2904 แต้ม บนแผงคุณสมบัติของระบบ หลัวเฉินลังเลและไม่ได้ใช้แต้มพลังปรานที่เหลือเพื่ออัพเกรดพรสวรรค์ของเขา
แม้ว่าเขาจะเดาได้ว่าหลังจากอัพเกรดพรสวรรค์ของเขาแล้วอัตราการเติบโตของพลังปรานของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่เมื่อเทียบกับเทคนิคการบ่มเพาะพลังปรานเมื่อไปถึงขอบเขตของความสมบูรณ์แบบแล้วยังมีช่องว่างอยู่
เมื่อนำแผงคุณสมบัติออกหลัวเฉินพลิกตัวลุกขึ้นจากเตียงเดินไปที่ประตูเดินออกจากบ้าน...
แม้ว่าพ่อของเขาจะให้เขาสามารถเลือกวิชาศิลปะการต่อสู้สองวิชาในหอคำภีร์ชางชู ในมุมมองของ หลัวเฉิน การเรียนรู้วิชาศิลปะการต่อสู้อื่นๆในเวลานี้ทำให้เขาเสียเวลาและพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์
ถึงแม้ว่าจะมีระบบคอยช่วยเหลือ และเขาก็สามรถฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ให้ถึงระดับกลางได้อย่างรวดเร็วแต่ถ้าเขาต้องการไปไกลมากกว่านี้ต้องใช้แต้มพลังปรานจำนวนมาก
สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือการหาวิธีเพิ่มอัตราการเติบโตของพลังปรานในทาง ตรงกันข้ามการพัฒนาวิชาศิลปะการต่อสู้เป็นเรื่องรองสำหรับเขา ในเวลาอันสั้นนี้ “วิชาดาบไม้กางเขน” ก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา
เมื่อเดินไปตามถนน ผู้คนในตระกูลหลัวเดินกันไปมา เห็นหลัวเฉินเดินผ่านไปจึงรีบทักทายหลัวเฉินด้วยความเคารพ หลังจากที่หลัวเฉินเดินจากไป พวกเขาเริ่มพูดคุยกัน.....
“พวกนายรู้สึกไหมว่าทำไมวันนี้นายน้อยเฉินเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย”
“พวกนายไม่รู้หรอ? เมื่อตอนที่นายน้อยเฉินกำลังออกไปล่าบนภูเขาวอร์คราฟต์ในครั้งนี้เขาถูกพ่อบ้านหลี่และทหารยามอีกคนหนึ่งผลักเขาตกลงไปที่หน้าผา อย่างไรก็ตามนายน้อยเฉินโชคดีไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ไม่เพียงเท่านั้นเขายังสามารถฝึกฝนได้และก้าวเป็นนักรบขั้นที่9 อีกด้วย”
“นักรบขั้นที่9 นั้นไม่ได้หมายความว่าความแข็งแกร่งของนายน้อยเฉินติดอยู่ในสิบอันดับแรกของรุ่นเยาว์ในตระกูลหลัวใช่หรือไม่?”
“นั้นก็อาจไม่แน่เสมอไป ถึงแม้ว่านายน้อยเฉินอาจจะกลายเป็นนักรบขั้นที่9จริง แต่ก็มีรุ่นเยาว์ในตระกูลอีกหลายคนที่มาถึงขอบเขต นักรบขั้นที่ 9และยังมีนายน้อยฟ่านที่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลในตอนนี้ นายน้อยเฉินอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาก็ได้.....”
บริเวรโดยรอบนั้นทหารยามและคนใช้ของตระกูลหลัวกำลังพูดคุยกันด้วยความประหลาดใจและอิจฉา ที่นายน้อยขยะคนนั้น สามรถฝึกฝนได้
ดูเหมื่อนว่า หลัวเฉิน จะไม่ได้ยินสิ่งที่ทหารกับคนใชนินทาเขาอยู่ ฝีเท้าของเขายังคงมั่นคงและเดินออกจากประตูบ้านของตระกูลหลัวไปยังถนนการค้าทางเหนือของเมืองหลิงหยุน.....
(ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะครับมีอะไร ติเตียนกันได้นะครับผมพึ่งหัดแปล)