บทที่ 4: การแข่งขันประจำตระกูล ภารกิจใหม่
เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบ หลัวเฉินก็แสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาและเขาก็มองไปที่ หลี่ตง และเยาะเย้ยทันที่ “พ่อบ้านหลี่ เจ้าจะฆ่าตัวตายเองหรือจะให้นายน้อยคนนี้ส่งเจ้าไปสู่ความตาย”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลัวเฉิน ก็ทำให้ขาของหลี่ตงอ่อนแรงลงและคุกเข่าลงกับพื้นทันทีร้องไห้และอ้อนวอน “นานน้อยเฉิน ยกโทษให้ข้าด้วยเถอะข้าถูกผู้อาวุโสใหญ่สั่งมาอย่างลับๆให้มาลอบฆ่านายน้อย”
ตัวเขาเป็นเพียงคนตัวเล็กๆภายในตระกูลหลัว จะกล้าขัดคำสั่งของผู้อาวุโสได้อย่างไร?
ขอให้นายน้อยโปรดไว้ชีวิตของข้าด้วย ข้าจะยอมเป็นวัวเป็นควายให้นายน้อยเฉิน!!!!
“เหอะๆ” เมื่อเห็นว่า หลี่ตง อ้อนวอน หัวหน้าพ่อบ้าน ก็ส่ายหัวกล่าวอย่างดูถูก
“นายน้อยเฉิน จะจัดการอย่าไรกับไอ้สารเลวตัวนี้?”ถึงแม้ว่า หัวหน้าพ่อบ้าน จะไล่ หลี่ตง ออก แต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะตัดสิ้นใจเพราะยังไม่ได้รับอนุญาติ เขามองไปที่ หลัวเฉินแล้วถามขึ้นทันที
หลัวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ลุงเหอ แม้ว่าชายที่อ่อนแอ่ตรงหน้านี้จะโลภและกลัวความตาย แต่ก็ไม่ได้ไรประโยชน์สะทีเดี่ยว ดั้งนั้นเราควรเอาตัวมันไปส่งให้พ่อของฉัน”
หัวหน้าพ่อบ้าน พยัคหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของนายน้อย ชี้ไปที่หลี่ตงแล้วสั่งให้กลุ่มผู้คุ้มกันของตระกูลหลัวมัดหลี่ตงไว้ให้แน่น
“ลุงเหอ ไปกันเถอะ”หลัวเฉินรับจี้หยกที่ผู้คุ้มกันของตระกูลหลัวที่เก็บมามอบให้และคล้องคอไว้อย่างระมัดระวัง
หัวหน้าพ่อบ้าน พยักหน้า และพากลุ่มผู้คุ้มกันเดินไปตามทางบนภูเขาเพื่อกับไปยังตระกูลหลัว
ช่วงเวลากลางดึก ท้องฟ้ายามค่ำคืนของเมืองหลิงหยุนถูกปกคลุมไปด้วยดวงดาวมากมาย ทำให้เมืองดูสวยงามและเงียบสงบเมือเทียบกับ เทือกเขาวอร์คราฟต์ อันน่าพิศวง มันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
ในลานบ้านทางทิศตะวันออกของเมืองหลิงหยุน คือที่ตั้งของตระกูลหลัว
บ้านพักของหัวหน้าตระกูลหลัวตั้งอยู่ตรงกลางบ้านล้อมรอบด้วยบ้านเรือนโดยรอบมากมาย
ในห้องโถง หลัวเฉินนั่งอยู่ที่โต๊ะหินตรงข้ามกับหลัวเฉินมีชายวัยกลางคนที่มีผมสีดำและดูทรงพลังผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนคือ หลัวเสี่ยว หัวหน้าตระกูลหลัวหรือพ่อของ หลัวเฉิน นั้นเอง
หัวหน้าพ่อบ้านยืนอยู่ข้างโต๊ะหินและรายงานให้ หลัวเสี่ยว ทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นบนภูเขาวอร์คราฟต์
“เฉินเอ๋อ ลูกทำได้ดีมาก”หลัวเสี่ยวพยักหน้าหลังจากได้ยินรายงานของหัวหน้าพ่อบ้านและพูดเบาๆว่า “ด้วยการที่เก็บหลี่ตงไว้ จะทำให้ผู้อาวุโสใหญ่ทำไรไรไม่ได้อีก ซึ่งมันมีประโยชน์มากกว่าการที่ฆ่าหลี่ตง”
“เหลาเหอ หลัวเสี่ยวคิดอยู่ครู่หนึ่งหันไปมองที่หัวหน้าพ่อบ้านพูดอย่างเคร่งขรึมว่านายต้องดูแลหลี่ตงเป็นการส่วนตัว อย่าปลอยให้เขาฆ่าตัวตายหรือโดนลอบฆ่า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวหน้าพ่อบ้าน ก็พยักหน้าแล้วหันหลังเดินจากไป
หลังจากที่ หัวหน้าพ่อบ้านเดินจากไปแล้ว หลัวเสี่ยวก็ลุกขึ้นจากที่นั่งเดินไปว่างมือบนไหล่ของลูกชาย และปล่อยพลังปรานแท้เข้าสู่ร่างกายของลูกชาย
“ใช่จริงๆด้วยตอนนี้เจ้าคือนักสู้ระดับเก้า”หลังจากนั้นไม่นาน หลัวเสี่ยวก็เอามือ ออกและพูดด้วยความตกใจ “เมื่อกี่ ตอนที่เหลาเหอบอกว่าลูกชายของพ่อเป็นนักสู้ระดับเก้า ทำให้พ่อไม่มั่นใจเท่าไหร่ หลังจากได้ตรวจสอบด้วยตัวเองตอนนี้พ่อเชื่อมั่นแล้วว่าลูกของพ่อเป็นนักสู้ระดับเก้าจริงๆ”
“มันเป็นความโชคดีของผม”เมื่อหลัวเฉินได้ยินคำพูดของพ่อ หลัวเฉินครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนที่จะเล่าเรื่องราวให้พ่อของเขา“ตอนที่ผมถูกหลี่ตงกับจ่าวหยงผลักตกลงไปที่หน้าผา ผมคิดว่าผมกำลังจะตาย แต่ได้มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งผ่านมาและได้ช่วยผมไว้”
“ต่อมาคำพูดของผมได้แก้ปมในใจของผู้อาวุโสท่านนั้นที่รบกวนจิตใจของเขามาเป็นเวลานานหลายปี เพื่อที่จะขอบคุณผมผู้อาวุโสท่านนั้ได้ทำการชำระแก่นแท้ในร่างกายให้กับผม จากนั้นผมก็เลื่อนขั้นมาเป็นนักสู้ระดับเก้าในเวลาอันสั้น”
“ลูกชายของฉันนี้โชคดีจริงๆ” หลัวเสี่ยวอดตกใจไม่ได้เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกชายเล่าให้ฟังแล้วหัวเราะเสียงดัง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
หลัวเฉินไม่ได้สังเกตเห็นหมอกควันที่หายวับไปในรอยยิ้มของพ่อเขา
“สามารถทำให้คนธรรมดาที่ไม่มีการฝึกตนสามารถฝึกตนได้จนกลายเป็นนักสู้ระดับเก้าได้นั้น”
เป็นไปได้ว่าผู้อาวุโสท่านนั้นคงจะมีความแข็งแกร่งมากๆอย่างแน่นอน
ไม่มันควรจะเป็นเช่นนี้ แต่ว่าคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้จะมาที่ห่างไกลอย่างเมืองหลิงหยุนทำไม
หลัวเสี่ยว มองไปที่ หลัวเฉิน คิดอยู่ในใจ
“เฉินเอ๋อ เจ้ายังสามารถติดต่อกับผู้อาวุโสท่านั้นได้อยู่ไหม”หลัวเสี่ยวครุ่นคิดแล้วถาม
ถ้าคนที่ช่วยเหลือลูกชายของเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งจากสถานที่แห่งนั้นจริงๆเมืองหลิงหยุนอาจไม่ปลอดภัย!
หลัวเฉินกางมือออกและไม่พูดอะไร
เมื่อเห็นท่าทางของลูกชาย หลัวเสี่ยวก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย
ถ้าเขาเห็นผู้อาวุโสที่ลูกชายของเขาเล่าให้ฟัง เขาก็อาจจะแน่ใจได้ว่าผู้อาวุโสท่านนี้ได้มาจากสถานที่แห่งนั้นหรือไม่และตั้งใจมาที่เมืองหลิงหยุนหรือไม่
แต่เมื่อมองไปที่ลูกชายที่อยู่ตรงหน้าเขา หลัวเสี่ยวก็ระงับความคิดที่ฟุ้งซ่านในหัวของเขาอย่ารวดเร็วและพูดกับลูกชายว่า “เฉินเอ๋อ แม้ว่าตอนนี้ลูกจะเป็นนักสู้ระดับเก้าแล้ว แต่ลูกเพิ่งจะเริ่มฝึกฝน”
ในวันพรุ้งนี้ ลูกจะต้องไปฝึกร่วมกับคนอื่นๆภายในตระกูลหลัว และไปที่หอคัมภีร์เพื่อเลือกวิชาต่อสู้ที่เหมาะสมกับลูกมาสองวิชา
หลังจากนี้อีกครึ่งเดือน พ่อไม่ได้ต้องการให้ลูกเอาชนะหลัวฟ่าน แต่อย่างน้อยลูกจะต้องอยู่ในสิบอันดับแรก!!!
“ท่านพ่อ ท่านจะดูถูกข้าเกินไปไหม”หลัวเฉินขดริมฝีปากของเขาและพูดเบาๆว่า “ในเมื่อท่านพ่อต้องการให้ข้าเขาร่วมการแข่งขันของตระกูลถ้าข้าไม่ได้อันดับหนึ่งข้าก็ไม่สมควรที่จะเข้าร่วมการแข่งในครั้งนี้”
“ฮ่า ฮ่า ดี! มีความทะเยอทะยาน สมกับที่เป็นลูกชายของฉันหลัวเสี่ยว!!!”
เมื่อได้ยินคำพูดของลูกชาย หลัวเสี่ยวก็หัวเราะขึ้นในทันทีและพูดว่า : “หลังจากผ่านไปครึ่งเดือนถ้าลูกสามารถชนะการแข่งได้อันดับหนึ่งมาได้ พ่อจะให้รางวัลกับลูกเป็นแหวนมิติระดับต่ำ”
ก่อนที่เสียงของพ่อเขาจะพูดจบ เสียงของระบบได้ดังขึ้นในหัวของหลัวเฉิน
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ด้วยสำหรับการเรียกใช้งาน [ภารกิจลับ] โปรดชนะการแข่งขันและได้อันดับหนึ่งมาครอบครองหลังจากนี้ในอีกครึ่งเดือน รางวัลภารกิจ 50,000 คะแนนพลังปราน โอกาสในการจับลอตเตอร์รีหนึ่งครั้ง”
“ถ้าอย่างนั้นพ่อคงต้องเตรียมแหวนมิติไว้ล่วงหน้าแล้วและ”หลัวเฉินมองดูพ่อของเขาแล้วหัวเราะเบาๆ “ผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับพ่อ”
“ไป ไป”หลัวเสี่ยวโบกมือแล้วยิ้ม “พักผ่อนให้เต็มที่พ่อจะรอดูในอีกครึ่งเดือนต่อจากนี้ เอาชนะ หลัวฟ่านให้ได้ ปู่ของเจ้าจะได้จำเค้าไม่ได้”
หลัวเฉินพยักหน้าหันหลังเดินออกจากห้องโถงไป
หลังจากที่ลูกชายจากไปแล้ว หลัวเสี่ยวก็ครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วเดินออกจากประตูอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปยังภูเขาวอร์คราฟต์
ในไม่ช้าร่างของ หลัวเสี่ยว ก็หายไปในความมืด...........
(สวัสดีคราบผู้อ่านทุกท่านผมพพึงหัดแปลนิยายเรื่องนี้เรื่องแรกผิดพลาดประการใดผมขออภัยด้วยนะครับ ติชมกันมาได้นะครับ)