บทที่ 3: หลัวเฉิน แสดงพลังของเขาเมื่อเกิดปัญหา!
ก่อนที่ทุกคนจะเดินออกไปได้ไม่ไกลมากนัก ก็มีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาเดินใกล้เขามาทุกคนหยุดและมองไปยังทิศทางของเสียง
เมื่อเห็น หลัวเฉิน เดินออกมาจากความมืดในป่าบนภูเขาราวกับเดินเล่นอยู่ในลานบ้านของตัวเอง
“นายน้อยเฉิน”ช่วงเวลาที่ ผู้เฒ่าเหอ เห็นหลัวเฉิน เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกจากนั้นร่างของเขาก็มาปรากฏข้างๆหลัวเฉินและพูดอย่างกังวลว่า “คุณไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม”
แต่การที่ได้เห็นหลัวเฉินยังสบายดีและดูปลอดภัย ทำให้ชายหน้ากลมหลี่ตงกับชายอ้วนเตี้ยดูเหมือนกับเห็นผี
แต่ยังโชคดีที่คนอื่นๆไม่สังเกตเห็นสีหน้าของพวกเขา เมื่อการแสดงออกของพวกเขาเปลี่ยนไป
“ลุงเหอ ฉันไม่เป็นไร”หลัวเฉินยิ้มและส่ายหัวจากนั้นมองไปที่ หลี่ตงและชายอ้วนที่อยู่ข้างๆเขาและพูดขึ้นมาว่า “ฉันกลับมาได้อย่างปลอดภัย ดูเหมือนพ่อบ้านหลี่และจ่าวหยง ดูไม่เหมือนจะมีความสุขเลยนะ?”
“เป็นไปได้ไหมที่จะกลัวว่าฉันจะเปิดเผยสิ่งที่พวกเค้าทำกับฉันบนหน้าผา”
ผู้เฒ่าเหอ โกรธมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้เค้าจองมองไปที่ หลี่ตงและจ้าวหยง
แล้วตะโกน หลี่ตง จ่าวหยง พวกนายกล้าหาญมาก!!!!
การแสดงออกของ จ้าวหยง เปลี่ยนไป แต่หลี่ตงดูสงบลงเขามองไปที่หลัวเฉินและพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง “มีใครบ้างในตระกูลหลัวที่ไม่รู้ว่าฉัน หลี่ตง ถูกนายน้อยเฉินไม่ชอบหน้ามาโดยตลอดเพราะใกล้ชิดกับนายน้อยฟ่าน”
“นายน้อยเฉินคุณพูดว่าจ่าวหยงกับฉันผลักคุณตกลงไปที่หน้าผาคุณมีหลักฐานอะไรมายืนยันไหม?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้การแสดงออกของหลี่ตงกลายเป็นจริงจังอย่างมากและเขาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ฉันหลี่ตงเป็นพ่อบ้านของตระกูลหลัวไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าตระกูลหรือผู้อาวุโส ฉันจะไม่นิ่งเชย และโดนทำร้ายฝ่ายเดี่ยว นายน้อยเฉิน”
“หลักฐานงันหรอ”หลัวเฉินเยาะเย้ยเมื่อได้ยินคำพูดนั้น จากนั้นเขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าจ่าวหยงในทันที แล้วทำนิ้วเป็นดาบแทงเข้าที่หน้าอกของจ่าวหยงโดยตรง
“ห๊ะ? เมื่อเห็นหลัวเฉินปรากฏตัวต่อหน้าจ่าวหยง หัวหน้าพ่อบ้านก็แสดงออกอย่างน่าอัศจรรย์!!!”
เมื่อ หลัวเฉิน เคลื่อนไหวแม้ว่าความผันผวนของพลังปรานที่ปล่อยออกมาจากร่างกายของเขาจะถูกซ่อนเอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถปกปิดสายตาของหัวหน้าพ่อบ้านได้
นายน้อยเฉินสามารถฝึกฝนได้แล้วจริงๆหรอ หัวหน้าพ่อบ้านรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
ตราบใดที่นายน้อยสามารถฝึกฝนได้ แม้ว่าพรสวรรค์ของเขาจะต่ำแต่ด้วยทรัพยากรที่อยู่ในมือของพ่อเขา หลัวเสี่ยว เขาก็สามารถทำให้หลัวเฉินฝึกไปถึงอาณาจักรของนักศิลปะการต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่าสมบูรณ์
เมื่อรวมกับลูกสาวตนโตซึ่งตอนนี้อยู่ใน สถาบันหลินหยุน ครอบครัวของผู้อาวุโสใหญ่ จะไม่สามารถเขย่าต่ำแหน่งของ หลัวเสี่ยวในฐานะหัวหน้าตระกูลได้อีกต่อไป
เมื่อเที่ยบกับหัวหน้าพ่อบ้าน หลี่ตง และ จ่าวหยง ไม่ได้สังเกตเห็นความผันผวนของพลังปรานที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของ หลัวเฉินเลย
เป็นเรื่องปกติที่ หลัวเฉิน ซึ่งถูกเรียกว่าขยะ ระเบิดพลังออกมาด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ในทันที
ดังนั้นจ่าวหยงจึงไม่มีเวลาที่จะหลบเขาจึงทำได้เพียงมองดูดาบที่หลัวเฉินแทงมาที่เขา
หลัวเฉินใช้นิ้วของเขาสะกิดไปที่เสื้อตรงหน้าอกของจ่าวหยงและเห็นจี้หยกอันละเอียดอ่อนหลุดออกมาจากหน้าอกของจ่าวหยง
ท่ามกลางแสงไฟ คำว่า “ฝุ่น” ที่มีมังกรบินและนกฟีนิกซ์เต้นรำบนจี้หยกนั้นช่างโดดเด่น
แต่เดิม หัวหน้าพ่อบ้าน รู้สึกตกใจกับความแข็งแกร่งที่ หลัวเฉินได้แสดงออกมาให้เห็น
แต่ทันทีที่เขาเห็นถุงผ้าสีเทา การแสดงออกของหัวหน้าพ่อบ้านก็มืดมนลงเขาตะโกนอย่างฉุนเฉียวว่า “จ่าวหยง! มาอธิบายทีว่าทำไมจี้หยกของนายน้อยเฉินถึงไปอยู่กับคุณได้”
“เงียบ............”
เมื่อได้ยินคำถามของหัวหน้าพ่อบ้านจ่าวหยงกำหมัดของเขาแล้วโจมตีไปที่หลัวเฉิน หมันลมคำรามและมีลมพัดเบาๆในอากาศ
เมื่อเรื่ิองถูกเปิดเผยแล้วเขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหนี้จาก หัวหน้าพ่อบ้านและผู้คุ้มกันของตระกูลหลัว
หนทางรอดชีวิตเพียงอย่างเดี่ยวของเขาคือการจับตัวของหลัวเฉินเป็นตัวประกัน และบังคับให้หัวหน้าพ่อบ้านปล่อยพวกเขาไป!!!
หืม!! เป็นแค่นักสู้ระดับแปด ฉันเกรงว่าคุณจะไม่ประสบกับความสำเร็จในการที่จะจับตัวฉัน
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของจ่าวหยง หลัวเฉินพนลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา และกำหมัดต่อยสวนกำปั้นของจ่าวหยง
แรงหมัดของนักสู้ระดับเก้าของหลัวเฉินได้รับการเปิดเผยอย่าไม่ต้องส่งสัย ทำให้จ่าวหยงกะเด่นถอยหลังออกไปไม่กี่ก้าวโดยตรง
“นักสู้ระดับเก้า!!”
เมื่อรับรู้ระดับการฝึกฝนที่หลัวเฉินแสดงให้เห็นในทันใดนั้น หัวใจของหัวหน้าพ่อบ้าน ก็สั่นไหวและสูญเสียเสียงของเขาไปชั่วขณะ
แม้ว่าเค้าจะรับรู้ถึงความผันผวนพลังปรานที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของหลัวเฉินมาก่อน
อย่างไรก็ตาม หลัวเฉินก็แสดงให้เห็นฐานการฝึกฝนของนักสู้ระดับเก้าซึ่งยังคงทำให้เขาไม่อาจจะทำใจเชื่อได้เล็กน้อย
เขาต้องการที่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลัวเฉินถึงได้มีการเปลี่ยนแปรงในเวลาอันสั้นๆหลังจากที่ตกหน้าผาแล้วถูกพบโดยเขา
แต่เมื่อนึกถึงกลุ่มคนที่อยู่รอบๆตัวของเขา ในที่สุดหัวหน้าพ่อบ้านก็ระงับความสังสัยในใจของเขา
มีเพียงสีผิวที่เปลี่ยนแปลงสลับไปมาที่ทรยศต่อหัวใจของเขาในขณะนี้
เมื่อได้ยินคำพูดของหัวหน้าพ่อบ้าน ใบหน้าของ จ่าวหยง ก็ซีดลงทันทีและเขาพูดอย่าบ้าคลั่งว่า: “เป็นไปไม่ได้!!! คุณเป็นแค่ขยะที่ไม่สามารถฝึกฝนได้! แกจะเป็นนักสู้ระดับเก้าได้อย่างไร!!!!”
“เป็นไปไม่ได้!! แกหลอกพวกเรา!! ใช่! หลอกพวกเรา”
จ่าวหยงหาเหตุผลเพื่อความสบายใจอย่างรวดเร็วและวิ่งไปทางหลัวเฉินอย่างคนบ้า และตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “แกจะต้องตาย!!!!!”
“ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ฉันอยากจะขอบคุณพวกนายจริงๆที่ผลักฉันตกลงไปที่หน้าผา นั้นมิฉะนั้นฉันคงจะไม่พบเจอกับโชคลาภวาสนา เพื่อแสดงความขอบคุณ....”
หลัวเฉินมองไปที่จ่าวหยงที่เหมือนคนบ้าด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามในดวงตาเขาและพูดอย่างเย็นชาว่า “นายน้อยคนนี้จะส่งแกไปที่นรกเอง”
ก่อนที่เขาจะพูดจบร่างกายของหลัวเฉินก็ไปปรากฏข้างๆผู้คุ้มกันของตระกูลหลัว แล้วชักดาบที่อยู่ข้างเอวของผู้คุ้มกันออกมา จากนั้นดาบยาวในมือของหลัวเฉินก็เลือยเหมือนงูแทงไปที่หน้าอกของจ่าวหยง!!
สายเกินไปที่จ้าวหยงจะหลบ และถูกดาบของหลัวเฉินแทงเข้าที่ไหล่ซ้ายของเขาอย่างรวดเร็ว บาดแผลขนาดใหญปรากฏขึ้นในทันที่บนไหล่ของเขาเลือดไหลออกมาอย่าน่าสยดสยอง
“หลี่ตง เจ้ายังไม่เคลื่อนไหวอีกหรอ!!!!!!”
หลักจากบาดเจ็บจากหลัวเฉิน สติของ จ่าวหยง ก็แตกเป็นเสี่ยงเขาก็คำรามในทันที “หลัวเฉิน เด็กคนนี้ได้เห็นตัวตนจริงของพวกเราแล้วคุณคิดว่าเขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรอ”
“ฉันก็อยากจะช่วยแกนะแต่!!!”หลี่ตง มองไปที่หัวหน้าพ่อบ้านที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ไม่ไกลและร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา
เขาเป็นเพียงนักสู้ระดับสองและเขาถูกจ้องมองโดยหัวหน้าพ่อบ้านซึ่งเป็นนักสู้ระดับสูงระดับเก้า แม้แต่การหนี้ยังทำไม่ได้ นับประสาอะไรกับการโจมตีหลัวเฉิน
“ตาย!!!” หลัวเฉินโจมตีจ่าวหยงด้วยดาบในมืออีกครั้ง
ส่ายเกินไปที่จ่าวหยงจะหลบและถูกแสงดาบฟาดใสอย่างรุนแรงมีแผลที่น่าสยดสยองบนหน้าอกของเขาทันทีเขากรีดร้องก่อนลมหายใจสุดท้ายของเขาดับไป
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่สั่งหารจ่าวหยง สำเร็จภารกิจลับ [ล้างแค้น] ได้รับรางวัล 1,000 แต้มพลังปรานและ [วิชาดาบข้าม] ความชำนาญ 100!”