บทที่ 11: ท้าทายสนามประลอง ขึ้นบนเวที!
ภายในหอการค้าหลิงหยุน มีสนามประลองขนาดใหญ่ 10 แห่งที่จัดว่างเรียงกันและมีนักรบประอยู่แต่ละเวที รอบเวทีประลองเต็มไปด้วยผู้คนที่มาเชียนักสู้ทั้งสองฝ่าย
“มันเป็นสถานที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”หลัวเฉินยืนอยู่ด้านข้างสนามประลองอุทานด้วยความชื่นชม
สนามประลองทุกสนามถูกสร้างด้วยหินเหล็กภูเขาไฟสีดำ หินชนิดนี้ไม่มีคุณสมบัติอื่นใดนอกจากความแข็งแกร่งทนทาน แต่ถึงอย่างนั้นคุณค่าของหินเหล็กภูเขาไฟสีดำก็สูงมากเช่นกัน
ค่าใช้จ่ายในการสร้างเวทีประลองด้วยหินภูเขาไฟสีดำก็เพียวพอ ที่ตระกูลใหญ่เช่นตระกูลหลัว จะสร้างนักรบขั้นที่9หรือแม้แต่นักรบระดับสูง
ในเมืองหลิงหยุนแห่งนี้ ฉันเกรงว่ามีเพียงแค่ หอการค้าหลิงหยุน เท่านั้นที่กล้าสร้างสนามประลองด้วยหินภูเขาไฟสีดำ สิบสนามในคราวเดี่ยว
“กรุณาลงทะเบียนให้ข้าด้วย”หลัวเฉินกล่าวขณะที่เดินไปที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนและยื่นเหรียญตราวีไอพีระดับต่ำให้กับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการลงทะเบียน
“เหรียญตราวีไอพีระดับต่ำ?” เมื่อพนักงานเห็นเหรียญตราที่หลัวเฉินมอบให้ สายตาของพวกเขาดูประหลาดใจ
แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากที่ลงทะเบียนให้กับ หลัวเฉิน เขาได้คืนเหรียญตราให้กับหลัวเฉินพร้อมกล่าวด้วยความเคารพ “นักสู้สนามประลองหมายเลขเจ็ดคือคู่ต่อสู้คนต่อไปของคุณ”
“เกี่ยวกับตัวตนของข้าโปรดเก็บเป็นความลับด้วย”หลัวเฉินกล่าวกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบการลงทะเบียนหลังที่รับเหรียญตราคืนจากเจ้าหน้าที่
หลักจากพูดจบ ก่อนที่พนักงานจะพูดบางอย่าง หลัวเฉินก็เดินตรงไปที่สนามประลองหมายเลขเจ็ด
หลัวเฉินพึ่งเดินมาถึงด้านข้างสนามประลองหมายเลขเจ็ด และชายที่แข็งแกร่งบนสังเวียนได้ล้มคู่ต่อสู้ของเขาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดี่ยว
ชนะแล้ว!!!!
มีเสียงโหร้องดังขึ้นในหมู่ผู้ชมโดยรอบ เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้เป็นนักสู้ที่เก่งมาก ไม่เช่นนั้นคงจะไม่มีใครสนับสนุนเขามากนัก
ไม่รู้ว่ากรรมการปรากฏตัวขึ้นมาบนเวทีตอนไหนและประกาศเสียงดังว่า “ยินดีด้วย เฟิงฮั่น คุณได้รับชัยชนะการประลองสามครั้งติดต่อกันแล้ว!!”
ตราบใดที่ เฟิงฮั่น สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขาได้อีกสองครั้ง เขาจะกลายเป็นคนแรกที่ชนะการประลองติดต่อกันห้าครั้งของสนามประลองในวันนี้ ทางหอการค้าหลิงหยุนได้เตรียมของรางวัลลึกลับไว้ให้
“ต่อไป เชิญผู้ท้าชิงคนต่อไปขึ้นมาบนสังเวียน”
“นี้คงจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”หลัวเฉินขดริมฝีปาก ส่งพลังปรานไปที่เท้าของเขาและกระโดดขึ้นไปบนอากาศร่างของเขาลอยขึ้นไปและตกลงบนสังเวียน
เมื่อเห็นหลัวเฉินขันมาบนสังเวียน ผู้คนโดยรอบก็แสดงความตกใจกันออกมาทันที่!!!!!!!
นั้นใช่หลัวเฉินจากตระกูลหลัวใช่หรือไม่ ฉันได้ยินมาว่าเค้าพบพบเจอกับโชคลาภบางอย่าง เปลี่ยนจากขยะที่ไร้ประโยชน์และกลายเป็น นักรบขั้นที่เก้า
“ข่าวของคุณล้าสมัยแล้ว ตอนนี้นายน้อยหลัวเฉินเป็น นักสู้ระดับสูงขั้นที่หนึ่งแล้วและเขาก็ได้เอาชนะ หลี่จุนฮุ่ย จากตระกูลหลี่ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย”
“เอาชนะ หลี่จุนฮุ่ย งั้นหรอ ล้อเล่นเหรอ หลัวเฉินคนนี้ไม่ใช่นายน้อยขยะที่มีชื่อเสียงหรือเปล่า ต่อให้โชคดีพอที่สามารถฝึกฝนได้ แต่เขาสามรถเอาชนะ หลี่จุนฮุย ได้เชียวรึ?”
“หลี่จุนฮุย พ่ายแพ้ให้กับหลัวเฉินจริงๆ แต่หลี่จุนฮุ่ยในตอนนี้ ไม่ใช่อัจฉริยะในอดีตของตระกูลหลี่อีกต่อไป นักรบระดับสูงขั้นที่หนึ่ง ต่อสู้ กับนักรบขั้นที่เก้า เขาไม่ต้องรู้สึกอับอายแม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้”
“ใช่แล้ว หลัวเฉินอยู่บนสังเวียนเพื่อท้าทาย เฟิงฮั่น ในเวลานี้ เขาคงไม่คิดจะมาสร้างปัญหาให้ตัวเองใช่หรือไม่? วิชา [เมี้ยนจาง] ของ เฟิงฮั่น ได้ฝึกฝนจนถึงระดับความสมบูรณ์แบบแล้ว”
“ใครจะไปรู้ บางที่หลัวเฉินอาจจะต่อสู้ข้ามขั้นได้ ตัวอย่างแบบนี้มีให้เห็นบ่อยซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
......
หลัวเฉินได้ยินการสนทนาในหมู่ผู้ชมโดยรอบตามธรรมชาติ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรเขารู้ว่าเขายังคงเป็นขยะไรค่าของตระกูลหลัวในสายตาของคนทั่วไป เป็นเรื่องปกติที่คนอื่นจะไม่สนใจในตัวของเขา
หลังจากยิบดาบไม้จากชั้นวางอาวุทด้านข้างของสนามประลอง หลัวเฉินได้เดินไปหา เฟิงฮั่น เพื่อคารวะและพูดอย่างเขร่งขรึม “ได้โปรดชี้แนะด้วย”