ทาสแห่งเงา บทที่ 30 ห้วงอวกาศที่ไร้ดาว
ซันนี่คาดหวังจะได้เห็นสถานที่ขณะที่เขามาถึงยังดินแดนแห่งความฝันนี้เป็นครั้งแรกจากด้านบน เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นตอนจุดเริ่มต้นของฝันร้ายแรก เมื่อย้อนกลับไปในตอนนั้น เวลาได้ย้อนกลับไปอย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้เขามีโอกาสได้เห็นคำใบ้ของสิ่งที่เขากำลังจะเผชิญ
กลับกัน ทันทีที่หลังจากได้ยินคำทักทายของมนตร์ ซันนี่ก็พบว่าตัวเองมองไม่เห็น และกำลังจมน้ำ ขณะที่เขาพยายามอ้าปากเพื่อกรีดร้องโดยสัญชาตญาณ น้ำเค็มก็พุ่งเข้าไปข้างใน ทำให้เขาสำลักและกระตุก
ยิ่งไปกว่านั้น เขามองไม่เห็นอะไรเลย ไม่ ไม่ใช่เพราะว่าเขามองไม่เห็น มันเป็นเพียงแต่ว่าไม่มีแหล่งกำเนิดแสงโดยรอบ โดยปกติแล้ว ความมืดไม่ใช่ปัญหาสำหรับซันนี่ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง สายตาของเขาไม่ทำงานอีกต่อไป บางทีน้ำทะเลที่เขาจมอยู่นั้นได้กั้นมันไว้
ถ้าไม่ใช่เพราะการรับรู้พื้นที่พิเศษที่สัมพันธ์กับเงายอมให้กับเขา เขาคงสับสนไปอย่างสมบูรณ์ ด้วยความช่วยเหลือของการรับรู้นั้น เขาก็แทบจะไม่สามารถเข้าใจว่าด้านใดเป็นด้านล่าง และด้านใดเป็นด้านบน
โชคดี ที่บทเรียนของครูจูเลียสได้รวมการว่ายน้ำไว้ด้วย เขาสาบานว่าจะขอบคุณทั้งชายชราและอาจารย์เจ็ทเมื่อเขากลับไป ซันนี่บังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์และเริ่มว่ายน้ำขึ้นด้านบน
ในสองสามวินาทีที่ยาวนานและตึงเครียด ศีรษะของเขาก็ทะลุผ่านผิวน้ำ ในที่สุดซันนี่ก็สามารถสูดหายใจหอบลึกๆ ได้
'หายใจ หายใจ นายยังรอดอยู่!'
หลังจากสูดอากาศเข้าไปมากพอที่จะทำให้ปอดที่แสบร้อนของเขาบรรเทาลงแล้ว ทั้งยังสามารถสงบสติอารมณ์ได้ในระดับหนึ่ง ซันนี่ก็หมุนตัวในน้ำไปรอบด้านอย่างระมัดระวัง พยายามที่จะรับรู้สภาพแวดล้อม
สิ่งที่พบเขาคือคลื่นสีดำสนิทนับไม่ถ้วน เหนือคลื่นพวกนั้นเป็นท้องฟ้าสีดำที่ว่างเปล่า ไม่มีดวงจันทร์ ไร้ดวงดารา มีเพียงความเวิ้งว้างอันมืดมิดของความว่างเปล่าที่กดดัน ซันนี่กระพริบตาสองสามครั้ง ความหวาดกลัวอันเหน็บหนาวเข้าเกาะกุมหัวใจของเขาไว้
'นี่คือ… ทะเลเหรอ? หรือเป็นมหาสมุทร? ฉันถูกทิ้งไว้กลางมหาสมุทรงั้นเหรอ?'
ไม่ เป็นไปไม่ได้ ต้องมีพื้นแข็งที่ไหนสักแห่งในบริเวณใกล้เคียง!
ขณะที่เขาถูกความตื่นตระหนกตรึงไว้ชั่วขณะ เสียงจากระยะไกลก็พลันดึงดูความสนใจของเขา ซันนี่หันหลังกลับและเห็นครีบหลังรูปสามเหลี่ยมเคลื่อนตัวมาทางเขา โชคดีที่มันยังอยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร
'เดี๋ยวก่อน… ถ้ามันไกลขนาดนั้น… แล้วทำไมฉันถึงมองเห็นได้ชัดเจนขนาดนี้?'
แม้จะจมอยู่ในน้ำ ซันนี่ก็ยังรู้สึกเหมือนพลันมีเหงื่อเย็นเยียบไหลออกมาทั่วร่างกาย จากการประมาณของเขา ครีบหลังนั้นสูงอย่างน้อยห้าเมตร มันใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว ขยายใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในแต่ละวินาที
'มนตร์บัดซบ!'
ด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความสยดสยอง ซันนี่หมุนรอบตัวอีกครั้ง พยายามหาอะไรบางอย่าง อะไรก็ได้! เพื่อช่วยเขา และนั่น ห่างออกไปไม่ไกล ในที่สุดเขาก็สังเกตเห็นวัตถุสีดำยื่นออกมาเหนือน้ำเล็กน้อย
โดยไม่เสียเวลาคิดแม้แต่วินาทีเดียว เขาเริ่มแกว่งแขนและขา ว่ายไปทางวัตถุสีดำด้วยความเร็วพอตัว แต่ทว่า ไม่ว่าเขาจะว่ายเร็วแค่ไหน เงายักษ์ของสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักนั้นก็ปิดระยะทางระหว่างพวกเขาเร็วขึ้นเท่านั้น
ส่วนเล็กๆ ของจิตใจของซันนี่สามารถรักษาความมีเหตุผลไว้ได้แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความหวาดกลัวดั้งเดิมที่ไร้ขอบเขตนี้ ซันนี่พยายามคิดโดยไม่ปล่อยให้ตัวเองตื่นตระหนกไปอย่างสิ้นเชิง แล้วสั่งให้เงาของตนเองโอบรอบร่างกายของเขาอย่างเงียบๆ ในทันใดนั้น ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ยักษ์ใหญ่ที่ไม่รู้จักจะมาถึงเขา ซันนี่ก็ไปถึงวัตถุสีดำ ยื่นมือออก และดึงตัวเองขึ้นจากน้ำ เขากลิ้งออกไปให้พ้นจากขอบ ขีดข่วนผิวหนังของเขาบนหินที่ไม่เรียบ และกระโดดด้วยความตกใจเมื่อพื้นทั้งหมดที่อยู่ด้านล่างเขาสั่นสะเทือน ราวกับว่ามีบางอย่างขนาดใหญ่ชนเข้ากับมัน
ขณะที่ซันนี่ถอยออกไป ขากรรไกรที่น่าสะพรึงกลัวก็โผล่ขึ้นจากน้ำ พร้อมฟันขนาดยักษ์เรียงเป็นแถว แต่ละซี่ยาวพอกันกับความสูงของเขา เขาเบิกตากว้าง เข้าใจดีว่าก้อนหินที่เขาปีนขึ้นไปนั้นไม่สูงพอที่จะช่วยเขาให้พ้นจากสัตว์อสูร
'ทำไมมันถึงพยายามจะกินฉันด้วย! ฉันตัวเล็กเกินกว่าที่จะถือว่าเป็นของว่างสำหรับสิ่งที่มหึมาเท่านี้!'
…แต่ทว่า ก่อนที่สัตว์อสูรจะมีโอกาสโจมตี หนวดขนาดมหึมาก็พลันก็แหวกน้ำลอยขึ้นไปบนอากาศเหมือนหอคอยสีดำที่แปลกประหลาด ไม่นานนักมันก็ฟาดลงมา เข้าไปรัดพันกับเจ้าของปากยักษ์และดึงมันกลับลงไปใต้น้ำ
ซันนี่สูญเสียความรู้สึกที่ขาของตนเอง และล้มแผละลงกับพื้น ปากอ้าค้าง ทั้งร่างของเขาสั่นสะท้าน
ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ทะเลอันมืดมิดก็สงบลงอีกครั้ง เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น คลื่นอันเฉยเมยยังคงเคลื่อนไหวอย่างเงียบงันภายใต้ท้องฟ้าที่ไร้แสง
'ถ้าเช่นนั้น มันก็ไม่ได้พยายามที่จะกินฉันสินะ' เขาตระหนักรู้ ร่างแข็งทื่อ
'มันพยายามวิ่งหนี'
***
สองสามนาทีหลังจากนั้น ซันนี่ก็ค่อนข้างแนใจว่าไม่มีอะไรจะมากินเขา อย่างน้อยก็ไม่ควรจะเป็นในทันที ด้วยความแน่ใจนั้น ในที่สุด เขาก็หยุดสั่นและสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวได้เล็กน้อย
วัตถุสีดำที่เขาปีนขึ้นมานั้นกลายเป็นแท่นหินก้อนเดียวที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสิบสองเมตร พื้นผิวส่วนใหญ่ราบเรียบ มีร่องทั่วพื้น และค่อนข้างแห้ง เนื่องจากรูปร่างของขอบที่ดูสม่ำเสมอ จึงดูเหมือนเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมากกว่ารูปแบบตามธรรมชาติ แต่อีกครั้ง ในดินแดนแห่งความฝัน มันยากที่จะแน่ใจว่าบางสิ่งที่ "มนุษย์สร้างขึ้น" นั้นแท้จริงแล้วถูกสร้างขึ้นด้วยมนุษย์ และอาจจะถึงตรงกันข้าม…
ไม่ต้องคิดเกี่ยวกับมันจะดีกว่า
แท่นนี้ไม่ได้เชื่อมต่อกับอะไร ดำรงอยู่เหมือนเป็นเกาะเล็กๆ ในทะเลแห่งความมืด ไม่มีอะไรอื่นอยู่เหนือน้ำอีกเท่าที่ซันนี่สามารถมองเห็นได้ หลังจากค้นพบข้อเท็จจริงนั้นแล้ว เขาก็ได้ตระหนักว่ามีอย่างอื่นอีก
คือว่าเขาเปียก เหน็บหน้าว และเปล่าเปลือยล่อนจ้อน
'หือ'
ในการป้องกันตัว สถานการณ์เรื่องเสื้อผ้าเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราจะนึกถึงขณะที่กำลังพยายามช่วยตัวเองให้รอดจากสัตว์อสูรจากนรก เช่นเดียวกัน ใช่ว่าจะมีใครมาที่นี่เพื่อเป็นประจักษ์พยานในความซีดเซียวและเรื่องส่วนตัวเล็กน้อยของเขา
แต่ถึงกระนั้น มันก็หนาวอยู่ดี
ซันนี่เรียกผ้าห่อศพของนักเชิดหุ่น และมองดูเสื้อผ้าสีเทาเข้มเข้าปกคลุมร่างกายของเขา มันยังมาพร้อมกับรองเท้าบูทหนังส้นสูงหนึ่งคู่ เมื่อสวมชุดผ้าสีเทาและหนังที่ไม่มันวาวนี้ เขาก็พลันรู้สึกปลอดภัยกว่าเดิมมาก
ไม่ต้องพูดถึงความอบอุ่น
หลังจากนั้นซันนี่ก็นั่งลงกลางแท่นห่างจากน้ำเท่าที่จะทำได้ และพยายามจดจำลักษณะเฉพาะของทุกพื้นที่ของดินแดนแห่งความฝันทุกแห่งที่ได้รับการสำรวจแล้วที่เขานึกออก
น่าเสียดายที่ไม่มีที่ไหนตรงกันกับที่ห้วงอวกาศมืดที่ไร้ดวงดาวนี้
‘ไม่อย่างแน่นอน' เขาคิดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย 'ถึงแม้จะมีมนุษย์ผู้โชคร้ายบางคนเคยมาที่นี่ ฉันก็ยังสงสัยว่าพวกเขาจะสามารถกลับไปที่โลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างมีชีวิต'
ไม่ได้แน่ หากมีสิ่งเหล่านั้นซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำ
ยังไม่หมดหวังพอจนถึงขั้นที่จะออกจากแท่นพยายามว่ายน้ำออกไปเพื่อค้นหาแผ่นดิน ซันนี่ตัดสินใจรอดู บางทีบางสิ่งบางอย่างกำลังจะเปลี่ยนเมื่อเวลาผ่านไป
ถอนหายใจเบาๆ ด้วยนิสัยเขามองหาเงาของตัวเอง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความมืดมิดที่ล้อมรอบ เมันจึงไม่สามารถมองเห็นได้เลย เขาแทบจะไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของมัน
"ที่นี่ต้องเป็นสวรรค์สำหรับนายใช่ไหม? ทั้งหมดล้วนมืดมนและไม่มีดาวสักดวงในสายตาเลย!"
เงา แน่นอนว่าไม่ตอบ
"อย่างไรก็ตาม… ทำได้ดีก่อนหน้านี้"
ด้วยการพยักหน้า ซันนี่ก็นอนลง ใช้มือต่างหมอน โดยไม่คิดอะไรมาก เขาจ้องมองไปยังท้องฟ้าสีดำและรอคอย เสียงคลื่นขึ้นลงนั้นจริงแล้วค่อนข้างผ่อนคลาย
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หลับตาฟัง นาทีรวมกันเข้าเป็นชั่วโมง
… ทันใดนั้น ซันนี่ก็ได้ยินเสียงทะเลเปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับว่ามีบางสิ่งที่กำลังเปลี่ยนไป เขาลืมตาขึ้นและสังเกตเห็นมุมหนึ่งของท้องฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเทา ในไม่ช้า ก็มองเห็นดวงตะวันสีซีดปรากฏขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้า
วันใหม่มาถึงห้วงอวกาศที่ไร้ดาว
และด้วยสิ่งนี้ ทะเลอันมืดมิดก็พลันพลุ่งพล่าน
PS: นับตั้งแต่บทถัดไป (บทที่ 31) เราจะมีกิจกรรมเล็กๆ เพื่อเพิ่มความสนุกสนานในการอ่านให้กับเพื่อนนักอ่านนะครับ
กติกาก็คือ เพื่อนนักอ่านคนไหนสามารถลงคอมเมนต์แรกของบทนั้นไว้ ก็จะได้รับ 1 แต้ม และเมื่อสะสมครบ 5 แต้ม ก็จะได้รับสิทธิ์อ่านฟรี 10 ตอนรวด เลือกได้ว่าจะเอาช่วงไหน ซึ่งผมจะจัดเป็นช่วงๆ ไว้ให้
วิธีการรับสิทธิ์ก็คือ แจ้งตอนที่ตนเองเป็นเมนต์แรก และแคปเจอร์มุมขวาบนที่คลิกขยายว่าชื่อตรงกันกับเมนต์มาให้ดูที่ messenger ของเพจ facebook ของ NOS+ นิยายแปล นะครับ
ช่วงเวลาที่ลงนิยายจะอยู่ในช่วงระหว่าง
1. 8-9 น. (อาจจะไม่มี)
2. 18-19 น.
3. 20-21 น.
เวลาอาจจะไม่เป๊ะนะครับ ขึ้นกับว่าแปลทันไหม ╮ (¯▽¯) ╭
ขอให้สนุกในการอ่านนะครับ จะพยายามหาเรื่องที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำซากจำเจมาให้ลองอ่านเรื่อยๆ ครับ
NOS+
ps2: บทที่ 31 วันนี้ 21:00 น. เป๊ะ นะครับ