ตอนที่ 8-40 ร่างแปลงนักรบอมตะ
เมื่ออ่านข้อความในจดหมายเกี่ยวกับเรื่องวอร์ตัน ลินลี่ย์อดเริ่มขมวดคิ้วมิได้
“วอร์ตันลงสมัครเพื่อรับคัดเลือกในกระบวนการรับศิษย์กิตติมศักดิ์ของวิทยาลัยเทพสงครามหรือ?” ลินลี่ย์ค่อนข้างงง และค่อนข้างไม่พอใจ “ทำไมเขาต้องไปเข้าวิทยาลัยเทพสงคราม? แม้แต่ศิษย์ที่เทพสงครามสอนด้วยตัวเองอย่างมากก็บรรลุระดับเซียน แล้วยังไงนักรบเลือดมังกรไม่สามารถบรรลุระดับเซียนด้วยตนเองหรือ?”
ลินลี่ย์รู้ดีว่าการเข้าวิทยาลัยเทพสงครามจะไม่มีผลต่อการพัฒนาของเขามากนัก
ที่สำคัญนักรบเลือดมังกรได้รับประกันแล้วว่าจะกลายเป็นนักสู้ชั้นเซียนระดับสูงในที่สุด สำหรับสุดยอดนักรบไม่มีอะไรที่ไร้สาระ
เพื่อให้เป็นระดับเทพ...
แม้ว่าจะผ่านมาเป็นเวลาหลายปีแล้วตั้งแต่เทพสงครามโอเบรียนได้ก่อตั้งจักรวรรดิไม่มีศิษย์กิตติมศักดิ์หรือศิษย์ที่เรียนโดยตรงแม้แต่คนเดียวที่ถึงระดับเทพใช่ไหม? ระดับเทพไม่ใช่สิ่งที่นักสู้ระดับเทพจะสอนกันได้
“ความเข้าใจเรื่องกฎและหลักการของโลกจะสอนกันได้ง่ายๆยังไง? ทุกคนมีความรู้เป็นของตนเองเส้นทางที่คนอื่นๆ ใช้อาจจะไม่เหมาะกับตัวเองก็เป็นได้”
ลินลี่ย์รู้สึกไม่สบายใจกับการตัดสินใจของน้องชายเรื่องการสมัครเพื่อรับคัดเลือกเป็นศิษย์กิตติมศักดิ์ของวิทยาลัยเทพสงคราม
อย่างไรก็ตาม น้องชายของเขาเติบโตแล้ว
“ข้าไม่สามารถตำหนิวอร์ตันในสิ่งที่เขาเลือกด้วยตนเองได้” ลินลี่ย์ยังคงอ่านต่อ ท้ายที่สุดสีหน้าขำขันก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าของลินลี่ย์ “ฮ่าฮ่า, อย่างนี้นี่เองเจ้าเด็กนี่ วอร์ตัน...ฮะฮะ...”
จดหมายที่เยลส่งให้นั้นอธิบายรายละเอียดถึงเหตุผลที่วอร์ตันลงสมัครเพื่อให้ได้รับโอกาสเป็นศิษย์กิตติมศักดิ์ของวิทยาลัยเทพสงคราม เหตุผลหลักเป็นเพราะองค์หญิงเจ็ดแห่งจักรวรรดิ
“ข้าหวังว่าวอร์ตันจะทำได้สมบูรณ์แบบชีวิตรักไม่ล่มสลาย อย่างน้อยที่สุดก็ต้องไม่เหมือนข้า” ลินลี่ย์อวยพรน้องชายในใจ
ความจริงเหตุผลที่วอร์ต้องการกลายเป็นศิษย์กิตติมศักดิ์ของวิทยาลัยเทพสงครามเพราะนางนั่นเอง เนื่องจากปรมาจารย์ของวิทยาลัยสงครามก็คือเทพสงครามโอเบรียนจักรพรรดิผู้ก่อตั้งจักรวรรดิโอเบรียนนั่นเอง เมื่อเข้าวิทยาลัยเทพสงครามได้ การได้สมรสกับองค์หญิงแห่งวังหลวงสำหรับวอร์ตันก็เป็นเรื่องง่าย
หลังจากอ่านจดหมายจบ เปลวเพลิงก็ลุกโชนจากมือของลินลี่ย์
“แครก..” จดหมายกลายเป็นเถ้าถ่าน
ลินลี่ย์เดินกลับคฤหาสน์เคียงข้างกับรีเบ็คกา
วันคืนแห่งการฝึกฝนที่สงบสุขของเขายังคงดำเนินต่อไป ลินลี่ย์ยังคงติดตามเรื่องราวของวอร์ตัน ตามรายงานในจดหมาย องค์หญิงเจ็ดแห่งจักรวรรดิเป็นหญิงที่งดงามมากและนางมีความน่ารักและจิตใจดี นางยังได้รับการดูแลจากพระชนกและชนนีเป็นอย่างดีเป็นเหตุผลที่ทำให้นางมีคนติดพันนางอยู่หลายคน
หลายคนมีสถานะทางสังคมที่สูงส่งและยศศักดิ์สูงกว่าวอร์ตัน
อย่างไรก็ตาม...
องค์หญิงเจ็ดแห่งจักรวรรดิมีสัมพันธ์ไมตรีที่ดีกับวอร์ตัน นางมักจะไปเล่นและหยอกเย้าเขาอยู่บ่อยๆ
ปีต่อมาการแข่งขันเพื่อเข้าวิทยาลัยเทพสงครามก็เริ่มขึ้น นี่คือปีที่สี่ซึ่งลินลี่ย์และพวกพ้องอาศัยอยู่ที่นี่หมู่บ้านยอดเมฆ
“พี่ลินลี่ย์คะ,มีจดหมายค่ะ”
รีเบ็คกาเอาจดหมายมาส่งให้เขาอีกครั้งหนึ่ง ลินลี่ย์เปิดจดหมายและเริ่มอ่านทันที เมื่อว่าเรื่องของเหตุการณ์เวลา จดหมายนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการแข่งขันใหญ่
เพราะด้วยความสามารถของน้องชายเขา เขาน่าจะประสบความสำเร็จได้
“โอว?เขาพลาดหรือ?” เมื่ออ่านเนื้อความในจดหมายลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
การแข่งขันเพื่อรับคัดเลือกเป็นศิษย์กิตติมศักดิ์ของวิทยาลัยเทพสงครามส่งผลให้บุรุษหนุ่มนามบลูเมอร์ได้ตำแหน่งนั้น ผลการแข่งขันเช่นนี้ไม่ใช่แบบที่บุรุษที่เหลือคนสุดท้ายจะได้รับตำแหน่ง
เป็นชุดผู้แข่งขันที่เข้ารอบสิบคนสุดท้าย จากสิบคนสุดท้ายเหล่านี้ เทพสงครามหรือศิษย์ที่เขาสอนส่วนตัวจะเลือกศิษย์กิตติมศักดิ์เอง
วอร์ตันกลายเป็นหนึ่งในสิบคนสุดท้าย แต่ในที่สุดวิทยาลัยสงครามเลือกบลูเมอร์
“ยังมีอัจฉริยะคนอื่นด้วยหรือ?” ลินลี่ย์ประหลาดใจมาก
บลูเมอร์ปัจจุบันอายุ 32 ปีแต่ก็เป็นนักรบระดับเก้าแล้ว พรสวรรค์ธรรมชาติที่น่าทึ่งอย่างนี้นับว่าเหลือเชื่อจริงๆ
“แต่ในเรื่องของพรสวรรค์ วอร์ตันน่าจะอยู่เหนือกว่าเขา ปีนี้วอร์ตันเพิ่งจะ 21 ปีแต่ก็เป็นนักรบระดับแปดแล้ว” ลินลี่ย์เพิ่งรู้มาเดือนหนึ่งแล้วว่าวอร์ตันเป็นนักรบระดับแปด
อายุ 21 ปีเป็นนักรบระดับแปดก็นับว่าน่าทึ่งเช่นกัน
“หืม?” เมื่ออ่านข้อมูลเบื้องหลังของบลูเมอร์มีสิ่งที่สะดุดตาของลินลี่ย์
“พี่ชายของบลูเมอร์ก็คือกระบี่เซียนอัจฉริยะโอลิวิเยร์หรือ?” ลินลี่ย์ประหลาดใจมาก โอลิวิเยร์คืออัจฉริยะผู้เข้าถึงระดับเซียนไม่นานก็เอาชนะเซียนดาบดาราดิลลอนได้
มิใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่เซียนชั้นต้นจะเอาชนะเซียนที่เข้าสู่ระดับเซียนมาเป็นเวลาหลายปี
สิ่งที่จำเป็นก็คือความเข้าใจและความรู้ในระดับที่สูงขึ้น
ตัวอย่างเช่น ลินลี่ย์ในตอนนี้ระดับความรู้และความใจของเขาถึงระดับเดียวกับเซียนชั้นสูงแล้ว เพราะความแข็งแกร่งภายนอกของเขาและปราณยุทธยังต่ำมาก จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเข้าสู่ระดับเซียนในตอนนี้
ทันทีที่พลังภายนอกและพลังภายในของเขาถึงระดับที่ต้องการแล้ว เขาจะเข้าสู่ระดับเซียน
นี่คือเหตุผลที่ลินลี่ย์ในตอนนี้ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการฝึกปราณยุทธของเขา เขาต้องการบรรลุเป็นนักรบระดับเก้าให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้
“ข้าสงสัยจริงว่าตอนนี้วอร์ตันจะรู้สึกยังไง” ลินลี่ย์สงสัยอยู่ในใจ เด็กน้อยฟันหลอแก้มยุ้ยจากเมื่อหลายปีก่อนตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
ลินลี่ย์เต็มไปด้วยความรักและเอ็นดูวอร์ตันจริงๆ
“จักรพรรดิโอเบรียน ถ้าจดหมายนี้ถูกต้องก็ควรจะรู้แล้วว่าวอร์ตันคือทายาทของตระกูลนักรบเลือดมังกรเนื่องจากพลังของวอร์ตัน เขาสามารถแปลงเป็นร่างมังกรแน่นอน ในฐานะนักรบเลือดมังกรทางราชวงศ์คงไม่รู้สึกเสื่อมเสียหากวอร์ตันจะแต่งงานกับพระธิดาขององค์จักรพรรดิ
ความจริง ลินลี่ย์ไม่ค่อยรู้สึกนับถือพวกเชื้อพระวงศ์หรือราชตระกูลเลย
สิ่งเดียวที่เขากลัวและเคารพก็คือยอดฝีมือที่แข็งแกร่งทรงพลังอย่างแท้จริงอย่างเทพสงคราม, พรตสูงสุด,ราชันย์มือสังหารและราชันย์แห่งไพรทมิฬและเทือกเขาอสูรวิเศษ คนผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก
ความรู้และความเข้าใจแจ่มแจ้งเป็นเรื่องที่สำคัญพลังกายก็สำคัญเช่นกัน! สำหรับลินลี่ย์ที่ระดับปัจจุบันโดยเฉพาะพลังภายนอกและพลังภายในเป็นสิ่งที่เขาต้องการมาก
เมื่อใช้เคล็ดวิชาเดียวกันคือ ‘กวัดแก่วงของเบาเสมือนเป็นของหนัก’ พลังโจมตีของลินลี่ย์ยังอ่อนกว่านักสู้ระดับเซียนเป็นสิบเท่า
และเป็นความจริงที่เหมือนกันสำหรับเคล็ดสัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดิน
ในเวลานี้บางทีลินลี่ย์สามารถทำร้ายนักสู้ระดับเซียนให้บาดเจ็บหนักได้ถ้าเขาป้องกันตัว แต่ถ้านักสู้ระดับเซียนใช้วิชานี้ เขาจะทำให้คู่ต่อสู้ตายได้ทันที
คลื่นสามชั้นก็เหมือน แต่พลังของแรงสั่นสะเทือนก็มีระดับแตกต่างกันสิ้นเชิง พลังสั่นสะเทือนที่ปล่อยออกมาโดยนักสู้ระดับเซียนจะสูงมากกว่าสิบเท่า
“พื้นฐาน!”
ลินลี่ย์นั่งสมาธิอยู่บนเตียงของเขา กล้ามเนื้อทั่วร่างทั้งหมดกระตุกราวกับว่ามีหนอนนับไม่ถ้วนไต่ยั้วเยี้ยอยู่ใต้ผิวหนัง เส้นเลือดบนหน้าผากของลินลี่ย์ปูดโปนออกมาเช่นกัน
ปราณยุทธสีดำม่วงโคจรอย่างรวดเร็วแต่ละรอบจะมีประสิทธิภาพเฉพาะตน บำรุง ส่งเสริมปราณยุทธเลือดมังกรที่ไม่ซ้ำกัน
ภายในพื้นที่ตันเถียนของเขา
ปราณยุทธของเขามีระดับความหนาแน่นสูงอยู่แล้ว ปราณยุทธที่เหมือนของเหลวโคจรไปช้าๆต่อเนื่องเข้าไปในกลางตันเถียนของเขา
“เฮ้อออ”
ลินลี่ย์ระบายลมหายใจยาวและเมื่อเขาระบายลม หมอกที่เขาพ่นออกมาจากปากของเขาเป็นเหมือนกับตัวกระบี่
“ใครจะรู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะก้าวหน้าจากระดับแปดชั้นสูงเป็นนักสู้ระดับเก้า” ในอดีตสี่ปีที่แล้วลินลี่ย์เพิ่งเข้าถึงระดับแปดชั้นสูงแต่เมื่อฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจุดเชื่อมต่อที่สำคัญที่สุดดูเหมือนต้องใช้เวลามากที่สุด
ตอนนี้ เมื่อลินลี่ย์แปลงร่าง เขาจะยังเป็นนักสู้ระดับเก้าชั้นสูง
ตราบใดที่เขาบรรลุสู่ระดับเก้า ลินลี่ย์จะเป็นกลายเป็นนักสู้ระดับเซียนชั้นต้นในร่างแปลงมังกร
ระดับเก้าชั้นสูงถึงระดับเซียนชั้นต้นคือการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงมีความแตกต่างกันอย่างใหญ่หลวงระหว่างสองระดับนี้
“ฮ่าฮ่า...ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...” ทันใดนั้นเสียงหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังดังขึ้นมาจากนอกห้อง ลินลี่ย์ลุกจากเตียง มึนงง “ทำไมพี่น้องบาร์เกอร์ถึงได้มีความสุขนัก นี่ยังเช้าตรู่อยู่เลยไม่ใช่หรือ?”
เวลานี้ท้องฟ้าแทบยังไม่สว่างและพื้นโลกยังมีหมอกหนาปกคลุม คนธรรมดาจะไม่สามารถเห็นคนที่อยู่ห่างเกินห้าเมตร ทั้งหมดที่จะเห็นได้ก็คือหมอก
“พี่บาร์เกอร์ทำไมพวกท่านเอะอะกันแต่เช้ามืดอย่างนี้เล่า? เราพี่น้องยังต้องการหลับต่อนะ!” รีเบ็คกาส่งเสียงไม่พอใจ
สายตาของลินลี่ย์กล้าแข็งมากกว่าคนธรรมดา ทันทีที่มองเขาสามารถบอกได้ว่าพี่ใหญ่ของห้าพี่น้องบาร์เกอร์ดีใจจนควบคุมตัวเองไม่ได้
“พี่ใหญ่ทำไมเจ้าดีใจมากนักเล่า?” พี่น้องอีกสี่คนรุมล้อมเข้ามาในห้องด้วยเช่นกัน
“ข้าสำเร็จแล้ว ข้าสำเร็จผ่านระดับเก้าไปแล้ว” บาร์เกอร์ตื่นเต้นพูดกับน้องชายทั้งสี่คน “ฮ่าฮ่า เมื่อข้าแปลงกายข้าสามารถบรรลุพลังชั้นเซียนระดับต้นได้”
ร่างแปลงของนักรบอมตะจะคล้ายคลึงกับนักรบเลือดมังกรในส่วนที่เกี่ยวข้องนี้ ถ้าในร่างมนุษย์ปกติของพวกเขา พวกเขาจะเป็นนักรบระดับเก้า เมื่อแปลงร่างพวกเขาจะเป็นระดับเซียน
“ระดับเซียนชั้นต้นหรือ?” ซาสเลอร์ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องตัวเองตกใจเช่นกัน
ลินลี่ย์,สองสาวพี่น้องและพี่น้องบาร์เกอร์อีกสี่คนตะลึงเช่นกัน
ลินลี่ย์นัยน์ตาเป็นประกาย
“บาร์เกอร์,ท่านก้าวหน้าไประดับใหม่จริงๆ หรือนี่?” ลินลี่ย์ตื่นเต้นจนควบคุมตนเองไม่ได้
บาร์เกอร์พยักหน้า “ถูกแล้วท่านลินลี่ย์, ข้าบรรลุระดับใหม่จริงๆ” ในอดีตพี่น้องบาร์เกอร์ก็เรียกลินลี่ย์ว่าท่านอยู่แล้ว ตอนนี้ที่พวกเขาอยู่ในหมู่บ้าน ทุกคนปฏิบัติตัวเหมือนกับลินลี่ย์เป็นคนชั้นสูงและห้าพี่น้องเป็นองครักษ์คุ้มกัน ดังนั้นพวกเขาจึงนับถือลินลี่ย์เป็น “ท่าน” ต่อไป
หลังจากผ่านไปสี่ปี ทุกคนก็คุ้นเคยกับสถานะเช่นนี้
ที่สำคัญห้าพี่น้องบาร์เกอร์เป็นคนซื่อตรงห้าวหาญ จิตใจของพวกเขาไม่มากเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนลินลี่ย์และซาสเลอร์ การตัดสินใจในกลุ่มนี้จะมีลินลี่ย์เป็นหลัก
“ไปที่ลานว่างด้านตะวันตกกันเถอะ เราไปดูพลังในปัจจุบันของท่านกัน” ลินลี่ย์พูดทันที
ทุกคนตื่นเต้นวิ่งออกไปจากคฤหาสน์ไปยังลานว่างฝั่งตะวันตก เพราะพระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้นชาวบ้านในหมู่บ้านจึงยังหลับอยู่ ไม่มีผู้ใดเห็นสักคน
“ทันทีที่เขาแปลงกาย เขาจะเป็นระดับเซียน นายท่านต้องใช้เวลานานเท่าใดข้าจึงจะบรรลุระดับนั้นได้บ้าง”เสือดำเมฆาแฮรุพูดเรื่องค้างคาใจบางอย่างกับลินลี่ย์
แฮรุเป็นอสูรเวทระดับเก้าชั้นสูงมานานแล้ว
“โกรววว” บีบีคำรามใส่เขาอย่างขุ่นเคือง “แฮรุอย่านึกว่าข้าไม่เข้าใจเจตนาเจ้าเล่ห์ของเจ้านะ เจ้าเล็งแก่นเวทระดับเซียนที่เจ้านายมีอยู่น่ะสิ”
ลินลี่ย์หัวเราะขณะที่เขาลูบศีรษะมัน
สำหรับอสูรเวทระดับเก้าชั้นสูงจะบรรลุเป็นระดับเซียนพวกมันจำเป็นต้องบรรลุด้วยตัวเอง แต่แน่นอน ถ้าพวกมันได้กินแก่นเวทระดับเซียนในสายธาตุเดียวกันกับตัวเอง ก็มีโอกาสสูงที่พวกมันจะบรรลุระดับสูงได้ทันที
แต่แน่นอน โอกาสล้มเหลวก็มีเช่นกัน
“โกรววว” แฮรุคำรามใส่บีบีเช่นกัน “บีบี ข้าไม่เหมือนเจ้า เจ้าแข็งแกร่งขึ้นตลอดเวลาสี่ปี แต่ข้าหยุดนิ่ง”
บีบีคืออสูรเวทแบบไหนไม่มีใครตอบได้อย่างแน่นอน
แต่บีบีก็เป็นอสูรเวทแบบหนึ่งที่มีพรสวรรค์ธรรมชาติที่น่ากลัวยิ่งกว่าเสือดำเมฆา แม้ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา บีบีก็มีพลังเทียบเท่าแฮรุแล้ว ความจริงบีบียังคงเติบโตและพัฒนาต่อเนื่อง
หลังจากสี่ปีที่ผ่านมานี้ ระดับของบีบีในปัจจุบันนี้ก็อาจกำจัดเสือดำเมฆาได้อย่างง่ายดาย
ในเรื่องความเร็วหรือพลังป้องกัน บีบีนับว่าน่ากลัวมาก
“มีแนวโน้มว่าแม้แต่นักสู้ระดับเซียนคงต้องใช้ความพยายามมากถึงจะฆ่าบีบีได้ หัวใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยความชื่นชมสี่ปีที่แล้วพลังป้องกันของบีบีก็สูงมากอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งสูงมากจนบอกไม่ถูก
“แฮรุ,แก่นเวทระดับเซียนที่เจ้านายมีเป็นแก่นเวทชนิดธาตุมืด แต่เจ้าเป็นอสูรสองสายธาตุคือธาตุลมกับธาตุมืดถ้าเจ้ากินไปโอกาสล้มเหลวก็มีสูงเช่นกัน มันไม่คุ้มกัน ส่วนข้าเป็นอสูรเวทธาตุมืดล้วนๆ เมื่อข้าถึงที่สุดของการพัฒนาโอกาสที่ข้าจะพัฒนาก้าวหน้าหลังจากกินแก่นเวทก็ยังสูงกว่าเจ้าอยู่ดี” บีบีพูดอย่างหยิ่งยโส “อะไร, เจ้าไม่พอใจเหรอ? จะลองกรงเล็บข้าใช่ไหม?”
แฮรุครางเบาๆ จากนั้นก็เงียบ
บีบีเชิดหัวน้อยๆ อย่างหยิ่งยโส แฮรุเป็นอสูรเวทที่หยิ่งมากแต่ก็ยังหงอต่อบีบี
เวลานี้บาร์เกอร์เตรียมแปลงร่าง
“บีบี พอได้แล้ว” ลินลี่ย์เพ่งมองบาร์เกอร์ที่ยืนอยู่หน้าทุกคน
“ฮ่าฮ่า ทุกคนดูให้ดี”
บาร์เกอร์ตื่นเต้นมาก เสียงกล้ามเนื้อพองตัวจนได้ยินกล้ามเนื้อทั่วร่างของเขามีเสียงแตกดังต่อเนื่อง กล้ามเนื้อบนร่างของบาร์เกอร์เริ่มขยายอย่างรวดเร็วขณะที่ในเวลาเดียวกันสีผิวและกล้ามเริ่มเปลี่ยนไปเช่นกัน
เสียงแตกดังราวกับฟ้าร้อง!
บาร์เกอร์ที่แต่เดิมสูง 2.2เมตรแต่ร่างกายขยายพร้อมกับกล้ามเนื้อที่ปูดขึ้นในพริบตาบาร์เกอร์กลายร่างจนดูเหมือนยักษ์ใหญ่ที่น่ากลัว แข็งแกร่ง สูงราวสามเมตร
ผิวทั่วตัวของบาร์เกอร์เปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อน
ผิวและกล้ามเนื้อของเขาเหมือนกับว่าสร้างขึ้นมาจากหินและกล้ามเนื้อขนาดใหญ่นั้นเห็นได้ชัดว่ามีพลังมากจนมิอาจหยั่งได้ แค่มองดูเขาใครๆ ก็บอกเรื่องนี้ได้และจากนั้นผิวสีเขียวอ่อนนั้นเริ่มปรากฏชั้นเกราะที่เหมือนกับหินอ่อนสีขาวทันทีและคลุมไปทั้งตัวนอกเหนือจากใบหน้า แม้แต่ศีรษะของเขาก็มีหมวกหินอ่อนสีขาวคลุม
ชุดเกราะและหมวกที่เพิ่มขึ้นมาทั่วร่างกายของเขาดูแปลกและน่ากลัว
จากนั้นบาร์เกอร์ลอยขึ้นไปในอากาศทันทีบินเป็นวงโฉบไปมาในอากาศ
“ฮ่าฮ่าระดับเซียน นี่คือพลังระดับเซียน” บาร์เกอร์กระแทกหมัดยักษ์ทั้งสองเข้าด้วยกันเมื่อเขาทำเช่นนั้นก็มีระลอกพลังกระจายออกมา
นี่คือนักรบอมตะระดับเซียน!