ตอนที่ 8-39 เวลาผ่านไปเชื่องช้า
จักรวรรดิโอเบรียนเข้มงวดกวดขันการนับถือศาสนาอื่นในดินแดนของพวกเขาดังนั้นศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาจึงถูกบังคับให้ต้องซ่อนกองกำลังพวกเขาไว้ ถ้าเมื่อใดกองกำลังพวกเขาถูกค้นพบจักรวรรดิโอเบรียนจะปราบปรามอย่างไม่ปราณี
ด้วยแนวความคิดนี้ของจักรวรรดิโอเบรียนจึงทำให้ศาสนจักรเจิดจรัสไม่มีโอกาสขยายอิทธิพลของพวกเขาภายในเขตแดนของจักรวรรดิได้
ในสถานที่สำคัญอย่างพระราชวังหรือเมืองหลวงแต่ละมณฑล ศาสนจักรเจิดจรัสยังคงมีที่ซ่อนกองกองไว้ไม่มาก ถ้าในเมืองปกครอง พวกเขาจะมีอยู่ไม่กี่สิบคน
สำหรับเมืองธรรมดาบางที่ก็มีเพียงสองสามคน หรือบางทีก็ไม่มี
และในเมืองชนบทเล่า?ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลย
ความหนาแน่นของเครือข่ายอิทธิพลของพวกเขาไม่ได้สูงมาก ดังนั้นกองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสซึ่งถูกส่งออกไปประจำไม่สามารถติดตามค้นหาร่องรอยของลินลี่ย์ได้ พวกเขาไม่รู้ว่าลินลี่ย์หนีไปที่ใด
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าลินลี่ย์ซ่อนอยู่ที่ใด แต่หน่วยของลินดอนทั้งหกคนก็ยังออกจากเกาะศักดิ์สิทธิ์และมุ่งหน้าสู่จักรวรรดิโอเบรียน
หมู่บ้านยอดเมฆนอกเมืองเอกเบซิล มณฑลพายัพ
ลินลี่ย์ ซาสเลอร์ บาร์เกอร์และน้องๆ ของเขารีเบ็คกาและลีนาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างเงียบๆ จากเวลาที่พวกเขาฝึก รีเบ็คกาและลีนาจะใช้เวลาตรวจตราดูว่าลินลี่ย์และคนอื่นๆได้รับอาหารกันทั้งหมด
ข้ออ้างที่พวกเขาใช้กับชาวท้องถิ่นก็คือลินลี่ย์เป็นคนชั้นสูง ซาสเลอร์เป็นพ่อบ้านผู้ดูแลและห้าพี่น้องบาร์เกอร์เป็นผู้คุ้มกันของเขา
กลุ่มของลินลี่ย์จะอยู่ที่ทิศตะวันตกของหมู่บ้านจะห่างจากที่อยู่อาศัยของคนอื่นหลายร้อยเมตร
“พี่ลีนา วันนี้โครงกระดูกที่ข้าเรียกออกมาดูน่ารักมาก! แต่มันดูโง่จังเลย” รีเบ็คกาและลีนาอยู่ระหว่างเดินทางกลับจากตลาด พวกนางถือตะกร้าเนื้อและผัก
นอกเหนือจากการฝึกฝน พวกนางจะใช้เวลาส่วนใหญ่ทำอาหาร
“รีเบ็คกา อย่าเอาแต่เสียเวลาเล่นอยู่เลย หลังจากเรียกโครงกระดูกออกมาแล้วปล่อยมันกลับไปเถอะ เจ้ากำลังเสียเวลาเล่นกับโครงกระดูกมากเกินไป” ลีนาไม่สบายใจ
รีเบ็คกาไม่ค่อยเคร่งครัดมากนักทุกวัน นางมักจะเล่นและหยอกล้อกับนักรบกระดูกที่นางเรียกออกมา
“ข้ารู้น่าพี่ข้าจะไล่ตามท่านทันในไม่ช้านี้” รีเบ็คกาพูดเสียงเบา พี่สาวของนางสามารถเรียกซอมบี้ออกมาได้แล้ว
ต้องบอกว่าทั้งรีเบ็คกาและลีนามีพรสวรรค์มาก พวกนางก้าวหน้าในวิชาเวทพ่อมดหมอผีได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งสองสาวเดินไปยังพื้นที่ว่างตอนนี้คฤหาสน์ที่ลินลี่ย์ได้ออกแบบยังอยู่ในช่วงก่อสร้าง ดังนั้นลินลี่ย์จึงสร้างกระท่อมไม้เป็นชุดให้พวกนางได้อยู่ไปก่อน
“วิธีฝึกฝนของพี่ลินลี่ย์แปลกมากเลย” รีเบ็คกาพึมพำ
ตอนนี้ลินลี่ย์กำลังควงดาบหนักอดาแมนเทียมในมือข้างหนึ่งและเทพกระบี่เลือดม่วงในมืออีกข้างหนึ่ง ในมือของลินลี่ย์ดาบหนักอดาแมนเทียมถูกกวัดแกว่งราวกับไม่มีน้ำหนัก แต่เทพกระบี่เลือดม่วงกลับตรงกันข้าม ดูเหมือนมันจะมีน้ำหนักเป็นตันๆในการใช้แรงฟันแต่ละครั้ง
“กวัดแกว่งของหนักเสมือนเป็นของเบา กวัดแกว่งของเบาเหมือนกับเป็นของหนัก...”
ริมฝีปากลินลี่ย์มีรอยยิ้ม
ไม่ว่าเขาจะใช้กระบี่เลือดม่วงหรือดาบหนักอดาแมนเทียมระดับความเข้าใจของเขาสามารถประยุกต์ใช้กับอาวุธทั้งสองได้ ตัวอย่างเช่น ระดับ ‘กำหนด’ สามารถใช้กับการโจมตีรูปแบบใดก็ได้
ดาบ, กระบี่,ไม้เท้า, พลอง, หมัดหรือเตะ
‘กำหนด’สามารถใช้กับการโจมตีด้วยอาวุธเหล่านี้ได้
นี่คือเหตุผลที่สามารถอธิบายว่าเรียกพลังฟ้าและดินออกมาใช้’
สำหรับระดับ ‘กวัดแกว่งของหนักเหมือนกับเป็นของเบา’ ไม่มีทางใช้ได้กับเทพกระบี่เลือดม่วง เพราะกระบี่นี้เบามาก หลังจากไตร่ตรองอยู่เกินกว่าสิบวันขณะที่นั่งสมาธิอยู่กับพื้น ทันใดนั้นลินลี่ย์ได้รู้ถึงความเฉื่อยของสายลมที่พัดพริ้วอยู่ในท้องฟ้า ในที่สุดเขาก็จับประกายความคิดความเข้าใจได้
สายลมนั้นไร้ลักษณ์เมื่อยามพัดพลิ้วแผ่วเบาก็เหมือนกับจุมพิตของคนรัก แต่เมื่อพัดรุนแรงเป็นพายุที่กล้าแข็งก็อาจทำลายภูเขาศิลาลงได้
“กวัดแกว่งของเบาเสมือนของหนัก”
ลินลี่ย์ใช้กระบี่เลือดม่วงฟันทันที ตัวกระบี่แทบมองไม่เห็นปลดปล่อยเสียงดังราวกับฟ้าร้องและเกิดพายุหมุนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“คมดาบมิติ เวทรบธาตุลมคือพลังเวทที่ใช้โจมตีต่อสู้ตัวต่อตัวที่ทรงพลังที่สุด พลังของเวทคมดาบมิติยิ่งใหญ่จนสามารถตัดกำแพงมิติได้เอง อย่างนั้น...เป็นไปได้ไหมที่จะมีผลเช่นเดียวกับคมมีดมิติโดยผ่านการใช้วิชากระบี่?”
ลินลี่ย์ไตร่ตรองถึงข้อสงสัยนี้
เส้นทางที่ถูกจะนำทั้งหมดไปสู่จุดหมายเดียวกันแม้จะมีทางแยกบ้างก็ตาม ระดับที่เหนือกว่า‘กำหนด’ เมื่อใช้ดาบหนักอดาแมนเทียมลินลี่ย์สามารถทำได้สำเร็จโดยใช้ความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับเรื่องธาตุดิน
ขณะที่ลินลี่ย์มองดูนั้นเกี่ยวกับเทพกระบี่เลือดม่วงในระดับที่เหนือกว่าระดับ ‘กำหนด’ เขาจะต้องใช้ความเข้าใจเรื่องกฎของธาตุลม
มีเพียงเลือกเส้นทางฝึกฝนให้ถูกต้องจะไม่ทำให้ไปผิดทาง
ตอนนี้ลินลี่ย์กำลังไตร่ตรองถึงเส้นทางการฝึกฝนอยู่เงียบๆ เขาควรจะเริ่มดำเนินการ แต่กฎพื้นฐานของจักรวาฬนั้นลึกซึ้งมากและเข้าใจได้ยาก การจะเข้าใจกฎเหล่านี้ยากมาก โชคดีที่ลินลี่ย์มีสัมพันธ์ธาตุทั้งแก่นธาตุลมและแก่นธาตุดินด้วยเช่นกันดังนั้นจึงสามารถเข้าถึงธรรมชาติได้ระดับสูง
แต่แม้กระนั้นหากไม่ใช้เวลาฝึกฝนอยู่หลายปี ก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวหน้า
“ควั่บ”
เงาภาพสายหนึ่งพุ่งแหวกอากาศจากนั้นลงยืนที่ด้านหลังลินลี่ย์
“ท่านซีซาร์” ลินลี่ย์หันหน้าไปทางเขา จากนั้นแสดงความคาราวะเขาทันที
ซีซาร์หัวเราะและพยักหน้า “บาร์เกอร์และน้องอยู่ที่ไหน?”
“พวกเขาฝึกอยู่ในลานว่างด้านหลังห้องของพวกเขา ท่านซีซาร์ เชิญตามข้ามา” ลินลี่ย์ยิ้มเดินไปที่พื้นที่ด้านหลังห้อง แต่ขณะที่เขากำลังไป จู่ๆซีซาร์ก็จ้องมองเท้าลินลี่ย์ด้วยความประหลาดใจ
แม้ว่ามองอย่างผิวเผินลินลี่ย์จะทำตัวไม่แตกต่างไปจากคนอื่น แต่...
ซีซาร์เป็นคนแบบไหน? ทำไมเขาจะบอกไม่ได้?
เขาสามารถรู้สึกได้ชัดว่าลินลี่ย์กำลังเดินเป็นจังหวะดีมากเหมือนกับจะมีแรงสั่นสะเทือนในทุกย่างก้าว ความจริงสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือลินลี่ย์จมอยู่กับการฝึกฝนตนเองเงียบๆเป็นเวลานานจนแม้แต่ยามที่เขาเดินเขาก้าวเดินตามจังหวะเต้นของชีพจรโลก
“เขามีพรสวรรค์อย่างแท้จริง” ซีซาร์ชื่นชมเขาในใจ
หลังจากเดินไปเป็นระยะทางสั้นๆ ซีซาร์เห็นบาร์เกอร์และน้องๆ ทั้งห้าคนกำลังอยู่ในพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยหินก้อนขนาดเท่าบ้านนับไม่ถ้วนหินเหล่านั้นพวกเขาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกยกน้ำหนักของพวกเขา ทั่วทั้งพื้นที่ปกคลุมไปด้วยชั้นแสงสีเหลืองหม่น
“ฮ้ากกกก”
กล้ามเนื้อบนร่างของพี่น้องบาร์เกอร์เคลื่อนเป็นระลอกและเป็นมันเส้นเลือดปูดออกมาเหมือนกับมีงูเลื้อยอยู่บนร่างกายพวกเขา ทำให้พวกเขาดูเข้มแข็งและมีพลัง
“ท่านซีซาร์” เมื่อเห็นซีซาร์ บาร์เกอร์และน้องของเขาหยุดฝึกทันที
“พวกเจ้าทั้งห้าคนฝึกกันอย่างหนักจริงๆ หรือนี่?” ซีซาร์ยิ้ม “พวกเจ้าเห็นผลอะไรจากการฝึก?”
บูนน้องชายคนที่สี่ตอบอย่างตื่นเต้น “ในอดีตเมื่อเรากำลังฝึกฝนเราจะไม่รู้สึกว่ามีความก้าวหน้าเท่าใดนัก แต่ตอนนี้เรากำลังฝึกอยู่ในสนามพลังโน้มถ่วงนี้ทั้งกล้ามเนื้อและอวัยวะภายในของเราทั้งสองอย่างมีความแข็งแรงและก้าวหน้า”
พื้นที่ภายใต้ผลสนามพลังโน้มถ่วงจะมีแรงดึงดูดมากกว่าปกติ
แรงดึงดูดที่สูงขึ้นอาจเป็นประโยชน์ต่อกล้ามเนื้ออวัยวะและร่างกายทั้งหมด
“ยอดเยี่ยม ข้าเดินทางไกลรอบหนึ่ง และนำคัมภีร์ลับกลับมาพร้อมกับข้า คัมภีร์นั่นข้าได้คัดลอกกับมือเก็บไว้มาหลายปีแล้ว” พอเขาพลิกมือตำราเล่มบางก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าซีซาร์
บาร์เกอร์และน้องๆจ้องมองตำราเล่มนี้ ตาของพวกเขาเป็นประกาย
“นี่คือคัมภีร์ลับอมตะหรือ?” เกทส์ น้องคนที่ห้าเบิกตากว้างมองดูเหมือนหิวกระหาย
“จงรับไป” ซีซาร์เริ่มหัวเราะ
เกทส์น้องคนที่ห้าชิงรับมามือของเขาเคลื่อนไหวรวดเร็ว เขาเปิดคัมภีร์และเริ่มอ่านทันที พร้อมกับพี่อีกสี่คนพวกเขาตัวโตเหมือนหมีต่างชะเง้อจ้องดูด้วยนัยน์ที่เบิกกว้างเหมือนตาวัว
ภาพที่ปรากฏนี้ดูน่าตลก
“ฮ่าฮ่า” ซีซาร์เริ่มหัวเราะ ขณะที่ลินลี่ย์ก็ยิ้มด้วยเช่นกัน ซีซาร์มองดูลินลี่ย์ เขาเตือนด้วยเสียงเบา “ลินลี่ย์, ข้าสามารถบอกได้เลยว่าพี่น้องทั้งห้าคนนี้ก็เหมือนกับบรรพบุรุษของเขา พวกเขาค่อนข้างหยิ่งและเหลวไหล ถ้าพวกเขาเที่ยวไปตามลำพังกันเองก็มีแนวโน้มว่าจะติดกับดักและถูกคนอื่นล่อลวงได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะคอยชี้แนะพวกเขา”
“ท่านซีซาร์ไม่ต้องกังวล” ลินลี่ย์รับคำ
ในช่วงเวลาระหว่างนี้ที่ได้คลุกคลีกับห้าพี่น้องบาร์เกอร์ ลินลี่ย์พบว่าทั้งห้าคนนี้จำแนกมิตรและศัตรูชัดเจน พวกเขาซื่อตรงและไม่มีเล่ห์เหลี่ยม พวกเขาด่าสาบแช่งคนที่พวกเขาต้องการไม่มีการเก็บซ่อนความคิดไว้
ความจริงลินลี่ย์ชอบคนแบบนี้ พวกเขาจริงใจดี
“พวกเจ้าทั้งห้าคน เมื่อฝึกฝนไปตามคัมภีร์ลับอมตะก็จะมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เรื่องยากที่พวกเจ้าทุกคนจะบรรลุระดับเก้าภายในสองสามปีนี้” ซีซาร์ลอบถอนหายใจ
เขาหันหน้าไปทางลินลี่ย์ “ลินลี่ย์นี้สมกับที่ข้าไว้วางใจ”
เท่าที่ซีซาร์กังวล ลินลี่ย์ไม่อาจเทียบได้กับห้าพี่น้องบาร์เกอร์ในเรื่องความสำคัญ ที่สำคัญทั้งห้าคนนี้เป็นลูกหลานของสหายสนิทที่ซีซาร์เคยมี ส่วนลินลี่ย์ เขาไม่มีอะไรมากไปกว่ายอดประติมากรที่ซีซาร์นิยมชมชอบ
สำหรับลินลี่ย์แล้ว เขาเพียงรู้สึกขอบคุณ
แต่สำหรับห้าพี่น้อง เขารู้สึกว่ามีความรักความรู้สึกเหมือนกับหลาน
ในไม่ช้าซีซาร์ก็จากไปอีก หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งปี คฤหาสน์ก็สร้างสำเร็จและลินลี่ย์และพวกพ้องก็เข้าไปพักภายในเริ่มต้นการฝึกฝนระยะยาวเงียบๆ
นอกจากซีซาร์แล้ว บางทีคนที่รู้ว่าลินลี่ย์อาศัยอยู่ที่นั่นก็คือเยล
เยลจัดตั้งระบบส่งคนไปแจ้งข่าวความเคลื่อนไหวของศาสนจักรเจิดจรัสไว้นานแล้ว ข่าวพื้นฐานเกี่ยวกับทวีปยูลานทั้งหมดรวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับวอร์ตัน
แม้ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ ลินลี่ย์ก็ยังเก็บข้อมูลความเป็นไปของทวีปยูลานเช่นกัน
ภายในป่าฝั่งด้านตะวันตกของหมู่บ้านยอดเมฆ ลินลี่ย์ใช้เป็นที่ฝึกฝนตนเอง
สามปีผ่านไป
พวกเขาใช้เวลาสามปีเต็มอยู่ภายในหมู่บ้านยอดเมฆที่เงียบสงบ ระหว่างสามปีนี้ กองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสยังคงตามหาพวกเขาอย่างจ้าละหวั่น สำหรับลินลี่ย์เขาคร่ำเคร่งอยู่กับการฝึกฝนตนเอง และมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
สายลมพัดโบกใบไม้แห้งร่วงลงพื้น
ลินลี่ย์เงยหน้าขึ้นมองฟ้า ที่อยู่เหนือศีรษะของเขาเหยี่ยววายุน้ำเงินตัวหนึ่งกำลังบินกางปีกถลาลม ใบหน้าของลินลี่ย์มีรอยยิ้มและแทงดาบหนักอดาแมนเทียมใส่อากาศทันที
“บึ้ม!”
ดาบหนักอดาแมนเทียมของลินลี่ย์จากเดิมมีรอยแยกมิติเลือนลางอยู่รอบสามารถเห็นคลื่นสั่นสะเทือนระเบิดใส่ท้องฟ้าด้วยความเร็วเหลือเชื่อ
ในชั่วกระพริบตาคลื่นสั่นสะเทือนส่งผ่านไปไกลเกือบพันเมตร
“บึ้ม!”
ร่างของเหยี่ยววายุน้ำเงินอสูรเวทระดับห้าสั่นและร่วงลงมาจากท้องฟ้า
“ในที่สุดข้าก็บรรลุถึงระดับ ‘คลื่นร้อยชั้น’ ตาของลินลี่ย์เต็มไปด้วยประกายความมั่นใจ ”ถ้าวันนี้ เจ้าสเตลห์นั่นถูกข้าโจมตีอีกครั้งเขาคงจะไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บเบาๆ ในครั้งนี้แน่”
สัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดิน– พลังคลื่นสามชั้น!
สัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดิน– พลังคลื่นสิบชั้น!
สัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดิน– พลังคลื่นร้อยชั้น!
หลังจากใช้เวลาสามปี ลินลี่ย์บรรลุความเข้าใจในระดับสูงล้ำเกี่ยวกับเคล็ด สัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดินและพลังโจมตีของเขาในตอนนี้ก็น่ากลัวเช่นกัน
ภายในระยะพันเมตรเขาสามารถฆ่าอสูรเวทระดับห้าได้
มีแนวโน้มว่าแม้แต่นักสู้ระดับเซียนชั้นต้นก็ยากจะทำเช่นนี้ได้ ที่สำคัญ ปราณยุทธเมื่อส่งผ่านอากาศ จะค่อยๆอ่อนลงจากแรงต้านอากาศ เมื่อระยะยาวพลังโจมตีก็แทบจะอ่อนลงไปด้วยเช่นกัน
เทียบกับปราณยุทธ คลื่นสั่นสะเทือนเหล่านี้อาจจะอ่อนแอเมื่อฝ่าอากาศ แต่ก็ยังมาก มากกว่าปราณยุทธเล็กน้อย
เมื่อใช้พลังคลื่นสามชั้นในอดีตลินลี่ย์สามารถฆ่าอสูรเวทระดับห้าได้ในระยะสิบเมตร ไกลกว่านั้นพลังคลื่นจะไม่มีพลังพอฆ่าอสูรเวทระดับห้าได้
แต่เมื่อถึงระดับวิชาคลื่นสิบชั้น ลินลี่ย์สามารถฆ่าอสูรเวทระดับห้าได้ในระยะร้อยเมตร
แต่พลังคลื่นร้อยชั้นยิ่งทรงพลังมากกว่า แม้อยู่ในระยะสามร้อยเมตรก็ไม่เป็นปัญหายังน้อยกว่าระยะพันเมตร
นี่คือไม้ตายที่แท้จริงในแขนเสื้อของลินลี่ย์ เว้นแต่อยู่ในสถานการณ์อันตราย ลินลี่ย์ไม่ยินดีจะใช้วิชานี้
“แต่วิธีจะทำลายผ่านม่านพลังสำหรับสัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุดิน?” เพียงพลิกมือลินลี่ย์ก็สอดดาบหนักกลับเข้าฝักได้ จากนั้นชักเทพกระบี่เลือดม่วงออกมา
เกินสามปีมาแล้วลินลี่ย์มีความเข้าใจการใช้กระบี่เลือดม่วงระดับสี่‘สัจจะลึกซึ้งแห่งธาตุลม’ แต่ความเข้าใจของเขายังมีอย่างจำกัดอยู่ในระดับง่ายๆ วิชาระลอกวายุ
“นี่ไม่น่าจะใช่ เวทสายลมไม่ใช่แค่เร็วและอ่อนหยุ่น แต่ยังคงมีพลังมากมีความสามารถในการโจมตีตัวต่อตัวที่ทรงพลัง อย่างนั้นจะจัดการใช้คมมีดมิติผ่านการโจมตีด้วยกระบี่ได้ยังไง?”
ลินลี่ย์รู้สึกว่าผลของเวทคมมีดมิติสามารถใช้ผ่านเทพกระบี่เลือดม่วงได้แน่นอน แต่เหมือนกับว่าถนนสายนั้นยังเต็มไปด้วยหมอกทำให้ลินลี่ย์ไม่รู้ว่าเขาจะตรงไปทางใด
“พี่ลินลี่ย์, พี่ลินลี่ย์!” เสียงใสของรีเบ็คกาดังขึ้นจากนอกป่า
ลินลี่ย์หิ้วคอของเหยี่ยววายุน้ำเงินเดินออกมาจากป่า เหยี่ยวตัวนี้จะกลายเป็นอาหารค่ำ
“พี่ลินลี่ย์ มีจดหมายมาถึงท่าน” รีเบ็คกายิ้มสดใสให้ลินลี่ย์
“เหรอ?”
แต่ละเดือนจดหมายใหม่จะมีมาถึง ลินลี่ย์โยนเหยี่ยววายุน้ำเงินให้ “รีเบ็คกา,เหยี่ยววายุน้ำเงินนี้จะเป็นอาหารค่ำของเรา” ขณะที่พูดลินลี่ย์รับจดหมายและฉีกซองเปิดอ่าน