ตอนที่ 8-37 นักรบอมตะ
“แครก”
กองไฟลุกสว่าง ซีซาร์ลินลี่ย์ ซาสเลอร์และห้าพี่น้องบาร์เกอร์นั่งล้อมกองไฟ บีบีพักอย่างสบายอยู่บนต้นขาลินลี่ย์ ขณะที่แฮรุนอนหมอบอยู่ด้านหลังลินลี่ย์
การก่อกองไฟยามราตรีในป่าเป็นเรื่องที่อันตราย แต่ใครหรืออะไรจะคุกคามกลุ่มของลินลี่ย์ได้เล่า? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมียอดฝีมือระดับเทพอยู่ในกลุ่มพวกเขาด้วย
“ทำไมท่านถึงช่วยเรา?” พี่ใหญ่ของห้าพี่น้องเอ่ยเสียงดัง
ลินลี่ย์และซาสเลอร์หันไปมองซีซาร์ นี่คือข้อสงสัยที่พวกเขาค้างคาใจเช่นกัน
ซีซาร์เหลือบมองห้าพี่น้อง เขาไม่ตอบทันทีแต่กลับตั้งคำถาม “พ่อเจ้าล่ะ? แม่เจ้า?”
“ญาติพี่น้องของพวกเราตายหมดแล้ว สำหรับพ่อแม่ของเราน่ะหรือ? เราเป็นกำพร้าตั้งแต่ยังเล็ก” บาร์เกอร์ตอบ ตอนนี้พวกเขาอายุราวสามสิบ สำหรับพวกเขาใช้ชีวิตทั้งชีวิตในแผ่นดินที่แตกแยกเพราะสงครามของแปดแคว้นอิสระตอนเหนือ เติบโตขึ้นมาโดยไม่มีพ่อแม่ไม่ใช่เรื่องพิเศษแต่อย่างใด
ที่สำคัญคือในแผ่นที่แตกแยกเพราะสงครามของแปดแคว้นอิสระดินแดนเหนือเหล่านั้น เด็กกำพร้ามีให้เห็นได้ทั่วไป
“กำพร้า....”
ซีซาร์ถอนหายใจยาว “ข้าคาดไม่ถึงเลยหลังจากผ่านมาหลายปีนี้ตระกูลอาร์มันด์ซึ่งมีชื่อเสียงสะท้านทวีปยูลานต้องล่มสลายในสภาพเช่นนั้น”
ห้าพี่น้องบาร์เกอร์ลินลี่ย์และซาสเลอร์สะดุ้ง
“ท่านซีซาร์ท่านกำลังบอกว่าพี่น้องบาร์เกอร์คือ....” ลินลี่ย์คาดถึงสิ่งที่ซีซาร์กำลังพูด
ซีซาร์พยักหน้า“ถูกแล้ว พี่น้องทั้งห้าคนนี้เป็นคนของตระกูลอาร์มันด์ ตระกูลของนักรบอมตะ หนึ่งในสี่สุดยอดตระกูลนักรบของทวีปยูลาน”
“นักรบอมตะ?” บาร์เกอร์และน้องของเขาจ้องมองกันเองอย่างตกใจ
“เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง?”
ห้าพี่น้องลุกขึ้นยืนตะลึง พวกเขาเป็นกำพร้าตั้งแต่ยังเยาว์วัย พวกเขาจะคาดได้ยังไงว่าพวกเขาเป็นคนของหนึ่งในสุดยอดตระกูลนักรบ?
ลินลี่ย์คาดเดาความจริงได้แล้วแทบจะทันทีที่ได้ยินซีซาร์เอ่ยคำว่า‘ตระกูลอาร์มันด์’ ที่สำคัญ ตระกูลของลินลี่ย์เองก็มีบันทึกข้อมูลสรุปสี่สุดยอดตระกูลนักรบในแต่ละตระกูล ตระกูลบาลุคคือตระกูลนักรบเลือดมังกร ตระกูลไฮด์คือตระกูลนักรบเพลิงม่วง นักรบพยัคฆ์ลายคือตระกูลเพรย์และนักรบอมตะก็คือตระกูลอาร์มันด์
ห้าพันปีที่แล้วสี่ตระกูลเหล่านี้มีชื่อเสียงสุดยอด
นอกจากเทพสงครามและนักพรตสูงสุดแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสี่สุดยอดนักรบยืนอยู่บนจุดสุดยอดของพลังมนุษย์ แม้ว่าจะมีพวกที่ได้ชื่อว่าเป็นนักสู้ชั้นเซียนระดับสูง แต่นักสู้ชั้นเซียนระดับสูงก็ไม่ใช่คู่มือของสุดยอดนักรบ
พลังและความเข้าใจคุณสมบัติทั้งสองนี้เกื้อหนุนกันและกัน
เหมือนอย่างตอนนี้ระดับความเข้าใจของลินลี่ย์อยู่ในระดับสูง เขาอยู่เหนือระดับ ‘กำหนด’ และเข้าใกล้กับระดับความเข้าใจของนักสู้ระดับเซียนชั้นสูง แต่ในแง่พลังของเขายังอ่อนอยู่มาก เป็นธรรมดาที่พลังโจมตีของเขายังอ่อนแอมากกว่านักสู้ระดับเซียนคนหนึ่งเสียอีก
ในประวัติศาสตร์นักรบเลือดมังกรคนที่สามใช้ค้อนศึกเป็นอาวุธ
เมื่อเขาถึงระดับเซียน เขาเพียงแต่ถึงระดับ ‘กวัดแกว่งของหนักเหมือนกับเป็นของเบา’ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมีพลังโจมตีที่น่าทึ่ง
ทั้งนี้เป็นเพราะร่างของเขามีระดับพลังที่สูงส่งน่ากลัวและพลังภายในที่น่ากลัว
พลังภายนอกและพลังภายในของคนผู้หนึ่งก็คือพื้นฐานของทั้งหมด ยิ่งระดับความเข้าใจของพวกเขาสูง เขาสามารถใช้พื้นฐานเหล่านั้นได้ดีกว่า ตัวอย่างเช่น ถ้าพื้นฐานของท่านมีอยู่ 100 แต่ท่านมีความเข้าใจระดับต่ำ พลังโจมตีของท่านอาจจะใช้ได้เพียง 50 แต่ถ้าท่านมีระดับความเข้าใจสูง ท่านจะสามารถใช้พลังโจมตีได้เต็มร้อยหรือบางทีอาจจะถึง 200 ก็เป็นได้
สุดยอดนักรบโดยธรรมชาติของพวกเขามีพลังภายนอกและพลังภายในเหนือกว่านักสู้ระดับเซียนคนอื่นๆ แม้ว่าพวกเขาจะด้อยกว่าในเรื่องความรู้และความเข้าใจ แต่พลังโจมตีของพวกเขาก็น่ากลัวมากนี่คือพรสวรรค์ของสุดยอดนักรบ
ไม่มีอะไรที่สามารถทำได้กับเรื่องนี้ พวกเขาได้รับประโยชน์ที่ไม่ธรรมดาเหนือกว่าพรสวรรค์อื่นๆ ของพวกเขา
“ร่างของพวกเจ้าต้องทนทานมากเลยสินะ” ซีซาร์ถอนหายใจ
ห้าพี่น้องบาร์เกอร์มองหน้ากันเอง จากนั้นพยักหน้า พี่ชายคนรองชื่ออังเก้พยักหน้ากล่าว “เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเราจะฝึกพลังภายในได้นอกจากพลังภายนอก ระดับนักรบของพวกเราจึงอยู่ได้เพียงระดับแปด”
“นอกจากสี่สุดยอดนักรบแล้ว เป็นไปได้ยังไงที่คนอื่นจะบรรลุผ่านขีดจำกัดทางร่างกายเป็นนักรบระดับแปดได้ทั้งที่มีแต่พลังภายนอก?” ซีซาร์ส่ายหัวกล่าว
ลินลี่ย์เพิ่งจะแน่ใจตอนนี้
มีเพียงสี่สุดยอดนักรบที่ถูกจำกัดการใช้ปราณยุทธที่ฝึกตามวิธีของตนเองเป็นพิเศษเพราะไม่สามารถฝึกปราณยุทธธรรมดาได้
“ในบรรดาสี่สุดยอดนักรบ นักรบอมตะมีร่างกายแข็งแรงทนทานที่สุด พลังป้องกันของเขาทรงพลังมากและพลังโจมตีของพวกเขาก็เป็นตำนานเช่นกัน จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวก็คือพวกเจ้าอืดอาดไปบ้าง” ซีซาร์ถอนหายใจ “บาร์เกอร์ เจ้าและน้องของเจ้ายังอายุน้อย แต่เจ้าสามารถบรรลุถึงระดับแปดได้โดยอาศัยเพียงพลังกล้ามเนื้อและร่างกายของเจ้า นอกจากนักรบอมตะที่มีพลังภายนอกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของบรรดาสุดยอดสี่นักรบแล้ว ยังจะมีใครที่มีความสำเร็จเช่นนี้ได้?”
ลินลี่ย์พยักหน้าเช่นกัน
ถูกแล้ว
เขาเองเป็นนักรบเลือดมังกร แต่ถ้าเขาพยายามไปให้ถึงระดับแปดด้วยการฝึกพลังภายนอกล้วนๆ ใครจะรู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใด? แม้แต่วอร์ตันน้องชายของเขาได้รับการฝึกฝนตามคัมภีร์ลับเลือดมังกรก็ยังอยู่ในระดับเจ็ดเมื่อตอนอายุสิบเจ็ดปี
“นอกจากผู้อาวุโสของตระกูลเจ้า ข้าเกรงว่าคงจะไม่มีใครรู้เรื่องนักรบอมตะเจ้ายิ่งไปกว่าข้าแล้ว เจ้าคือนักรบอมตะอย่างแน่นอน ไม่ต้องสงสัยเรื่องนี้เลย” ซีซาร์พูดสรุปอย่างมั่นใจ “และยิ่งกว่านั้นพวกเจ้าทั้งห้าคนยังมีพรสวรรค์ตามธรรมชาติอยู่ในระดับสูง ถ้าพวกเจ้าฝึกฝนตามคัมภีร์ลับอมตะ อย่างนั้นก็มีแนวโน้มว่าพวกเจ้าจะกลายเป็นนักรบระดับเก้าในตอนนี้เลยก็เป็นได้”
“คัมภีร์ลับอมตะ?” บาร์เกอร์และน้องชายสับสน
ลินลี่ย์อธิบาย “บาร์เกอร์ความจริงก็คือสี่สุดยอดตระกูลนักรบพบว่าพลังยุทธรูปแบบอื่นไม่เหมาะสม จะต้องฝึกฝนตามวิธีการพิเศษจึงจะพัฒนาปราณยุทธของพวกเราได้ ในเมื่อพวกท่านอยู่ในตระกูลนักรบอมตะ พวกท่านก็ฝึกได้โดยใช้คัมภีร์ลับอมตะ”
“มิน่าเล่าเราถึงไม่สามารถฝึกปราณยุทธชนิดอื่นได้ ไม่ว่าจะพยายามเพียงใดก็ตามเกทส์พูดพลางถอนหายใจ
“ถ้าพวกเจ้าห้าพี่น้องมีคัมภีร์ลับอมตะยังจะมีคนธรรมดาจับพวกเจ้าได้อีกหรือ” ซีซาร์ถอนหายใจ “สี่สุดยอดนักรบมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งสุดยอดกันทุกคน ในบรรดานักรบพวกนี้นักรบอมตะมีพลังป้องกันสูงที่สุด นักรบพยัคฆ์ลายรวดเร็วที่สุด นักรบเพลิงม่วงมีเพลิงอมฤตที่แปลกประหลาดที่สุด ขณะที่นักรบเลือดมังกรมีความสมดุลมากที่สุดมีทั้งพลังโจมตี, ป้องกันและความเร็ว”
ซีซาร์คือคนยุคเดียวกับเดลินโคเวิร์ท
นอกจากนี้นี่ยังเป็นยุคที่สุดยอดนักรบปรากฏตัวในโลก
“ท่านซีซาร์, ทำไมท่านถึงดีกับเรา...เป็นพิเศษ” บาร์เกอร์พูดด้วยความสงสัย
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ซีซาร์อดรำลึกถึงอดีตไม่ได้ สีหน้าของเขาดูซับซ้อนยิ่งขึ้นหลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาถอนหายใจ “อาร์มันด์บรรพบุรุษของพวกเจ้าคือสหายและพี่ชายที่รักที่สุดของข้าซีซาร์เท่าที่เคยมี”
อาร์มันด์คือผู้นำตระกูลคนแรกของตระกูลนักรบอมตะเขาคือนักรบอมตะคนแรก
“ห้าพันปีที่แล้ว ทวีปยูลานตกอยู่ในกลียุคเป็นยุคอันตรายที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็น สี่สุดยอดนักรบปรากฏออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ขณะที่เทพสงครามโอเบรียนกลายเป็นผู้มีชื่อหลังจากที่ปะทะกับนักพรตสูงสุดจักรวรรดิยูลานแตกสลายเหมือนอย่างจักรวรรดิพูเอนท์ ทั่วทั้งทวีปจมอยู่ในเพลิงและน้ำท่วม”
ลินลี่ย์และคนอื่นฟังอย่างตั้งใจ แม้ว่าเขาจะรู้เรื่องนี้แล้วก็ตาม
“และนี่เป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงผิวเผิน”
ซีซาร์ยิ้มให้ลินลี่ย์ “ความจริง ยุคนั้นซับซ้อนมากกว่าที่เจ้าจะนึกภาพออก ทวีปยูลานมียอดฝีมือท้องถิ่นของเรามาก แต่ยังมีนักสู้ที่แข็งแกร่งทรงพลังจากแผ่นดินอื่นที่ลงมายังทวีปยูลาน”
“นักรบที่แข็งแกร่งมากจากแผ่นดินอื่น?”
ลินลี่ย์ซาสเลอร์และพี่น้องบาร์เกอร์ตะลึงเช่นกัน
“ถูกแล้ว” ซีซาร์หัวเราะเบาๆ “สำหรับพวกเจ้า เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเหตุการณ์ที่ไกลตัวเกินไป แต่ยุคนั้นนับเป็นกลียุคจริงๆ นักสู้ระดับเซียนหลายคนต้องสูญเสียชีวิต ในยุคนั้นนักสู้ระดับเซียนไม่ได้พิเศษอะไรเลยเพราะมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งทรงพลังลงมาร่วม...รวมทั้งนักสู้ระดับเทพก็มีหลายคน”
“นักสู้ระดับเทพหลายคน?” ลินลี่ย์รู้สึกมึนงงในศีรษะเพิ่มขึ้น
“ถูกแล้ว”
ซีซาร์ผงกศีรษะ “ความจริงเมื่อห้าพันปีที่แล้ว องค์การในแผ่นดินที่สูงส่งกว่าให้ความสำคัญส่งคนของพวกเขาเข้าทวีปยูลาน มีเพียงเหตุผลเดียวที่พวกเขาทำเช่นนี้ ลินลี่ย์ เจ้าไม่รู้ว่าสงครามคราวนั้นมันร้ายแรงขนาดไหน โหดเหี้ยมขนาดไหน เวลานั้นอาร์มันด์กับข้าเข้าร่วมกองกำลังขณะที่เราเดินทางไปทั่วทวีปยูลาน หลายครั้งข้าเฉียดตาย แต่อาร์มันด์ช่วยข้าไว้ แต่แน่นอนข้าก็ช่วยอาร์มันด์ไว้หลายครั้งเหมือนกัน”
เมื่อถึงจุดนี้ซีซาร์เงียบราวกับว่าเขากำลังรำลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตระหว่างเขากับอาร์มันด์
ลินลี่ย์สับสนมากขึ้น
จักรวรรดิพูเอนท์และจักรวรรดิยูลานแตกแยกกันเมื่อห้าพันปีที่แล้ว สี่สุดยอดนักรบจู่ๆก็ปรากฏออกมาอย่างไม่รู้ที่มาเมื่อห้าพันปีที่แล้ว...
และตอนนี้ตามคำบอกเล่าของซีซาร์เมื่อห้าพันปีที่แล้ว แม้แต่ยอดฝีมือจากแผ่นดินอื่นก็ลงมายังทวีปยูลาน
“ห้าพันปีที่แล้ว ต้องเกิดบางอย่างที่สำคัญมากอย่างไม่น่าเชื่อขึ้น” ลินลี่ย์คิดเอาเอง
“พอแค่นั้นก่อนเมื่อถึงเวลาที่พลังเจ้าถึงระดับ ต่อให้เจ้าไม่ต้องการรู้ ก็จะมีคนมาบอกเจ้าอยู่ดี” ซีซาร์หัวเราะหึหึ
ทันใดนั้นลินลี่ย์มีความรู้สึกว่าทวีปยูลานไม่ใช่สถานที่ง่ายอย่างที่เขาคิดเสียแล้ว
“ความจริง ไม่จำเป็นต้องฝืนอะไรหลายอย่างในชีวิตก็ได้ ดูแต่ข้าสิ ข้ากินเมื่อข้าอยาก เกี้ยวสาวตามความพอใจ ข้าเป็นอิสระเท่าที่ข้าต้องการนั่นน่ายินดีขนาดไหน? แต่ดูโอเบรียนและนักพรตสูงสุดสิ อย่าไปหลงกับชื่อเสียงและศักดิ์ศรีความรุ่งเรืองเลย ความจริงพวกเขาก็อยู่ใต้แรงกดดันมหาศาล” ซีซาร์เบะปาก
ลินลี่ย์ ซาสเลอร์พี่น้องบาร์เกอร์ บีบีและแฮรุฟังอยู่เงียบๆ
การได้ฟังซีซาร์ยอดฝีมือระดับเทพผู้นี้พูดคุยเรื่องราววีรกรรมของยอดฝีมือในทวีปยูลาน ลินลี่ย์รู้สึกแปลก
“ขอเพียงถึงระดับเทพได้นักสู้จะมีพลังเคลื่อนย้ายบรรพตได้ดั่งใจ” ลินลี่ย์คิดอยู่เงียบๆ
ซีซาร์ชำเลืองมองลินลี่ย์ “ลินลี่ย์ ข้ามีข้อแนะนำเจ้าอยู่คำหนึ่ง”
“ท่านซีซาร์ โปรดชี้แนะข้าด้วย” ลินลี่ย์พูดอย่างนอบน้อมเหมือนกับว่าเขาเป็นนักเรียนอีกครั้ง
ซีซาร์พยักหน้า “ข้ารู้ว่ามีความเป็นปฏิปักษ์กันอย่างลึกซึ้งระหว่างเจ้าและศาสนจักรเจิดจรัส แต่ตอนนี้เจ้ายังอ่อนแอเกินไป แม้ว่าเจ้าจะมีความสามารถทำลายแผนการของศาสนจักรเจิดจรัสได้บางส่วนและสร้างปัญหาให้พวกเขาได้บ้างเล็กน้อย แต่เจ้าก็ยังไม่สามารถทำลายรากฐานพวกเขาได้แม้แต่น้อย ข้าขอเตือนเจ้าให้ฝึกฝีมืออยู่เงียบๆ ก่อน ข้าจะไม่ขอให้เจ้าฝึกในระดับสูงจนเกินไป แต่อย่างน้อยหลังจากแปลงร่างแล้วเจ้าต้องมีพลังระดับเซียน นั่นจึงจะพอ”
ซีซาร์ตระหนักแล้วว่าลินลี่ย์มีความรู้ความเข้าใจในระดับสูง
ตราบใดที่ระดับพลังของลินลี่ย์เข้าสู่ชั้นเซียน อย่างนั้นก็จะช่วยให้เข้าใจความเป็นจริงได้ลึกซึ้ง เมื่อเผชิญหน้ากับนักสู้ระดับเซียนชั้นสูง ต่อให้เขาเอาชนะไม่ได้ เขาก็ยังมีหวังหลบหนีไปได้
“ข้าเข้าใจแล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้า
“บาร์เกอร์” ซีซาร์มองดูห้าพี่น้องบาร์เกอร์
“ท่านซีซาร์” ทั้งห้าพี่น้องเต็มไปด้วยความเคารพ ตอนนี้พวกเขาเชื่อแล้วว่าพวกเขาเป็นทายาทของตระกูลนักรบอมตะแน่นอน เนื่องจากคนที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาคือสหายร่วมเป็นร่วมตายของบรรพบุรุษของพวกเขา พวกเขาจึงต้องให้ความเคารพอย่างสูงเป็นธรรมดา
ซีซาร์พยักหน้า “ตระกูลสี่สุดยอดนักรบทั้งหมดได้สลายไปแล้ว ตอนนี้ตระกูลของอาร์มันด์ก็สูญสลายจนถึงจุดที่แม้แต่วิธีฝึกของบรรพบุรุษของพวกเจ้าก็สาบสูญไปด้วย โชคดีที่ในอดีตในช่วงหลายสิบปีที่ข้าใช้เวลาเที่ยวไปกับอาร์มันด์ ข้าได้คัดลอกคัมภีร์ลับอมตะไว้ มันน่าจะอยู่ในสำนักงานใหญ่องค์การดาบโค้งของข้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้พี่น้องทั้งห้ามีนัยน์ตาเป็นประกาย
พวกเขาแค่ได้เห็นลินลี่ย์แปลงกายสี่สุดยอดนักรบทั้งหมดมีการแปลงกายได้ แม้แต่ก่อนการเปลี่ยนแปลงทั้งห้าพี่น้องก็มีพลังนักรบระดับแปดแล้ว เมื่อพวกเขาได้คัมภีร์ลับ พวกเขาจะสามารถแปลงร่างได้... และเมื่อถึงเวลานั้น พลังของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอีกมากมาย
“อย่างไรก็ตามระยะทางจากที่นี่ไปยังสำนักงานใหญ่ค่อนข้างไกล พรุ่งนี้เช้าข้าตั้งใจว่าจะเดินทางไปด้วยตัวเอง” ซีซาร์กล่าว
ถ้าพวกสมาชิกระดับสูงขององค์การดาบโค้งที่ได้รับการฝึกฝนจากเขาในอดีตได้ยินคำพูดเหล่านี้จากซีซาร์เอง บางทีพวกเขาอาจตกใจตายก็เป็นได้
นายผู้เฒ่าซีซาร์จอมเกียจคร้านระดับตำนาน
จากที่นี่ไปยังสำนักงานใหญ่มีระยะทางเกินกว่าหมื่นไมล์ การเดินทางครั้งนี้น่าจะทำให้เหน็ดเหนื่อยมาก เพราะคนนิสัยเกียจคร้านอย่างซีซาร์ทำให้การเดินทางดังกล่าวเป็นงานค่อนข้างหนัก
“ขอบคุณท่านซีซาร์” บาร์เกอร์และน้องของเขาพูดขอบคุณ
“ไม่ต้อง ข้าหวังว่าในอนาคตพวกเจ้าห้าพี่น้องจะฟื้นฟูชื่อเสียงของตระกูลนักรบอมตะให้ได้” ตอนนี้ ซีซาร์รู้สึกตื้นตัน ห้าพันปีมาแล้ว เมื่อเขาท่องโลกไปกับอาร์มันด์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอยู่ทุกวันเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตที่ยาวนาน
ราตรีผ่านไปเช้าวันใหม่มาเยือน
ไม่มีอะไรเหลืออยู่ในกองไฟนอกจากเถ้าถ่าน ลินลี่ย์และพวกพ้องน้อมส่งซีซาร์
“ท่านซีซาร์ เราจะกลับไปไปยังเมืองน้อยใกล้เมืองเบซิลและปักหลักกัน เมื่อถึงเวลาท่านสามารถมาหาเราได้ที่นั่น” ลินลี่ย์กล่าว
ลินลี่ย์รู้ว่านักสู้ระดับเซียนสามารถใช้พลังจิตของพวกเขาค้นหาคนได้ สำหรับนักสู้ระดับเทพ ตราบใดที่พวกเขาอยู่ในตำแหน่งทั่วไป เป็นเรื่องง่ายที่พวกเขาจะหาคนได้พบ
“เข้าใจแล้ว ฮ่าฮ่า ฝึกให้หนักล่ะ เด็กๆข้าไปก่อนนะ” ซีซาร์กลับมาอยู่ในสภาพอารมณ์เฉื่อยชาตามปกติ เหมือนกับว่าหลังจากคืนนั้นผ่านไปแล้วเขากลับคืนเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง
ลินลี่ย์พี่น้องบาร์เกอร์ ซาสเลอร์และพวกที่เหลือในกลุ่มมองดูขณะที่ซีซาร์บินหายลับขอบฟ้าไปด้วยความเร็วสูง