ตอนที่แล้วตอนที่ 8-32 ตัดสินใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8-34 ในห้วงวิกฤติ

ตอนที่ 8-33 เส้นทางของสี่พี่น้อง


ซาสเลอร์เดินตามมาด้านหลังด้วยเช่นกัน เมื่อได้ยินบุรุษวัยกลางคนเรียกชื่อลินลี่ย์ถูก  เขาเพิ่มความระมัดระวังทันที  แต่หลังจากเขามาถึงข้างตัวลินลี่ย์  เขาเห็นว่าเมื่อลินลี่ย์อ่านจดหมาย  ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้ม  เป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข

ซาสเลอร์สามารถบอกได้ว่าลินลี่ย์ไม่ใช่คนน่ากลัวเขาค่อนข้างเย็นชาเพราะมุ่งมั่นอยู่กับการฝึกฝน

เขาไม่เคยเห็นลินลี่ย์ยิ้มอย่างมีความสุขด้วยท่าทีสดใสอย่างนั้นมาก่อน

“ซาสเลอร์” ลินลี่ย์หัวเราะ  “ท่านรออยู่ที่นี่ก่อน  ข้าต้องไปพบกับสหาย”

“ได้เลย” ซาสเลอร์พยักหน้า

“บีบี” ลินลี่ย์ตะโกนเรียกบีบีซึ่งยังนอนอยู่บนพื้น  บีบีลืมตางัวเงียมองลินลี่ย์ด้วยความสงสัย

“มาเถอะ, ไปกับข้า”

“แฮรุ, เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน”

บีบีดีใจเชิดหัวใส่แฮรุอย่างหยิ่งยโส  จากนั้นวิ่งไปอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์  มันคุยกับลินลี่ย์ในใจอย่างมีความสุข  “เจ้านายเราจะไปทำอะไร?”

“เจ้าจะรู้เมื่อเราไปถึงที่นั่น”  ลินลี่ย์หัวเราะ

“เชิญนำทาง” ลินลี่ย์พูดกับบุรุษวัยกลางคน

ภายในสิบห้านาทีลินลี่ย์และบุรุษวัยกลางคนก็มาถึงคฤหาสน์ใหญ่โตโอฬาร มองจากระยะไกลลินลี่ย์จำร่างที่ยืนอยู่ในกลางห้องโถงคฤหาสน์ได้

“น้องสาม!”  เสียงที่คุ้นนั้นเรียกด้วยความตื่นเต้น

“พี่ใหญ่เยล” ลินลี่ย์ก็หัวเราะเช่นกัน

“ควีคคค!  บีบีก็ร้องเรียกดีใจด้วยเหมือนกัน  เมื่อพวกเขาอยู่ที่สถานบันเอินส์  บีบีก็อยู่ร่วมกับเยล เรย์โนลด์และจอร์จด้วย  จึงคุ้นเคยกันเองเป็นธรรมดา

เยลเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเมื่อสามปีก่อน  ตอนนี้เยลสูงเท่ากับลินลี่ย์เกือบสองเมตร แต่เยลผอมกว่าลินลี่ย์ทำให้ดูเหมือนเป็นบุรุษผอมสูง

สูทสุภาพบุรุษสีดำเหมาะพอดีตัวมีกลิ่นน้ำหอมเจือจางทำให้เยลดูเหมือนจะมีเสน่ห์ดึงดูดใจมาก

“น้องสาม, สามปีมานี้ข้าเป็นห่วงแทบตายแล้ว” เยลสวมกอดลินลี่ย์

ได้กอดสหายรักทำให้ลินลี่ย์รู้สึกมีความสุขเช่นกัน

ในช่วงสามปีที่ผ่านมา  เขาไม่ได้พบเห็นสหายรักเลยสักคน

“ข้านึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเติบโตสูงเท่าข้า  สามปีมานี้เจ้าเปลี่ยนไปจริงๆ”  เยลถอนหายใจ เทียบกับสามปีที่แล้วเยลไม่เปลี่ยนเท่าใดนัก  แต่ลินลี่ย์เปลี่ยน

ลินลี่ย์หัวเราะลั่น  “เจ้าแก่กว่าข้าตั้งแต่แรกอยู่แล้วตอนนี้เจ้าไม่เติบโตมากไปกว่านี้อีกแล้ว ข้าก็ต้องโตทันเป็นเรื่องธรรมดา”

บีบีร้องทักอยู่ข้างๆ

บีบีก็มีความสุขมากเหมือนกัน มันไม่ได้เห็นลินลี่ย์หัวเราะหยอกล้อเช่นนี้มานานแล้ว

“โอว บีบี!” เยลกอดบีบีและลูบศีรษะน้อยๆของมันอย่างสนิทสนม “ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องมา ข้าเตรียมอาหารดีๆ ไว้ให้เจ้าแล้ว”

เยลหันไปมองคนรับใช้ของเขาซึ่งเข้าใจความต้องการของเจ้านาย  หลังจากนั้นบ่าวรับใช้เกินกว่าสิบคนก็เข็นรถที่เต็มไปด้วยอาหารเข้ามา

“นี่คือเนื้อย่างที่อร่อยจากทั่วโลก บีบี,เจ้าลองชิมดู”  เยลหัวเราะลั่น

จมูกน้อยๆของบีบีสูดอากาศ จากนั้นตาของมันเริ่มฉายประกายทันที มันกลายสภาพเป็นเป็นเงาดำตรงเข้าหารถอาหารเหล่านั้น  เมื่อเห็นเช่นนี้ลินลี่ย์และเยลเริ่มหัวเราะ

“พี่ใหญ่เยล, ไปคุยกันข้างในเถอะ”  ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ

สองพี่น้องเข้าไปในห้องโถงใหญ่ซึ่งมีอาหารเลิศรสและไวน์ชั้นดีจัดเตรียมรออยู่แล้ว  สองพี่น้องเริ่มกินและสนทนากัน

“จริงสิ, เยล, เกิดอะไรขึ้นกับสถาบันเอินส์?”  ลินลี่ย์ถามทันที

“มันจบแล้ว” เยลส่ายศีรษะและถอนหายใจ “สถาบันเอินส์อยู่ติดกับเมืองหลวงเฟนไลมากและตกอยู่ภายใต้การบุกโจมตีอย่างหน่วงจากเหล่าอสูรเวท  เจ้าก็รู้ แม้แต่อาจารย์ผู้สอนในสถาบันก็มีระดับแปดเป็นอย่างมาก  นักเรียนเกือบทุกคนยังอ่อนแอมากเมื่อเผชิญหน้ากับอสูรเวทเหล่านั้น... พวกเขาจะต่อต้านพวกมันได้ยังไง?”

ลินลี่ย์พยักหน้า

นักเรียนปีหกซึ่งเป็นนักเรียนระดับสูงที่สุดก็เป็นเพียงนักเวทระดับหก  แต่อสูรเวทมีพลังระดับห้า หก เจ็ดและแปดมีไม่กี่ตัว เมื่อกองทัพอสูรเวทบุกเข้ามา จึงนับเป็นหายนะอย่างแท้จริง

“ในโลกนี้ไม่มีสถาบันเอินส์อีกต่อไปแล้ว”

เยลถอนหายใจ  “ข้าเรย์โนลด์และจอร์จออกจากสหภาพศักดิ์เมื่อสามปีที่แล้ว ช่วงเวลาสามปีมานี้ข้าไปมาระหว่างจักรวรรดิโอเบรียนและยูลาน  สำหรับเรย์โนลด์เขากลับไปที่ตระกูลตามปกติ  ขณะที่จอร์จกลับไปจักรวรรดิยูลานเช่นกัน ข้าได้ยินมาว่าจอร์จกำลังไปได้ดีเลยทีเดียว  เขาเข้ารับราชการในฝ่ายบริหารของจักรวรรดิยูลาน”

“เข้ารับราชการในวังหลวงน่ะหรือ?”

ลินลี่ย์ไม่ตกใจเท่าใดนัก ที่สำคัญคือจอร์จเป็นคนฝีมือดีมากในองค์กรและที่หนุนหลังจอร์จอยู่ก็คือตระกูลวอล์ชที่ยิ่งใหญ่ความสำเร็จจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา

“และน้องสี่เล่า?”  ลินลี่ย์หัวเราะขณะถาม

“น้องสี่น่ะหรือ? เขากลับไปยังตระกูลของเขาเองและถูกบิดาของเขาส่งไปเป็นทหาร”  เยลหัวเราะลั่น  “น้องสาม, เจ้าลองนึกภาพดูสิ  น้องสี่อยู่ในกองทัพมันน่าเหลือเชื่อเลยไม่ใช่หรือ?”

ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะเหมือนกัน

น้องสี่เรย์โนลด์ของพวกเขาเป็นคนที่อยู่นิ่งไม่ได้และหัวรั้นเป็นตัวของตัวเอง  แต่ตอนนี้เขาเข้าไปอยู่ในกองทัพ?  ใครๆก็นึกถึงภาพว่าเขาจะทุกข์ทรมานขนาดไหนเมื่ออยู่ที่นั่น

“แต่เมื่อปีที่แล้ว เมื่อข้าได้พบน้องสี่ดูเหมือนว่าเขาจะเปลี่ยนไปบ้าง เขาดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าแต่ก่อน และตอนนี้ค่อยดูเหมือนนายทหารคนหนึ่งแล้ว  เพียงแต่แทบไม่นานหลังจากดื่มกับข้าเขาก็กลับคืนสู่บุคลิกเดิมของตนเองเหมือนก่อน” เยลหัวเราะ

“พี่ใหญ่เยล แล้วเจ้าเล่าเป็นยังไงบ้าง?  ข้ารู้สึกว่าเทียบกับเมื่อก่อนแล้วเจ้าดูมีราศีเป็นผู้ดียิ่งกว่าในอดีตที่ผ่านมา”

แน่นอนอยู่แล้วแต่งตัวในสูทสุภาพบุรุษสีดำ ราศีผู้ดีของเยลใครๆ ก็รู้สึกได้ชัด

“ไม่มีอะไรมาก” เยลฝืนหัวเราะ  “หลังจากออกจากสถาบันเอินส์ นอกจากเป็นจอมเวทฝึกหัดธรรมดา ข้าก็มุ่งเน้นดูแลกิจการให้ตระกูลของข้า เป็นธรรมดาที่ข้าต้องเจองานเลี้ยงกับพวกผู้ดีและขุนนางนับไม่ถ้วน พอนานเข้าข้าก็เลยเรียนรู้มารยาทธรรมเนียมบางอย่างของพวกเขาไปด้วย”

ลินลี่ย์พยักหน้า

พี่น้องที่รักทั้งสามของเขาได้เดินอยู่บนเส้นทางที่เป็นของตัวเองแล้ว

งานบริหารราชการ,ทหาร, การค้า

“แล้วตัวข้าล่ะจะเป็นยังไง?”  ในใจของเขาลินลี่ย์รู้จักเส้นทางของตนเองเป็นอย่างดี  “ก้าวเดินไปบนเส้นทางฝึกฝนจนกว่าข้าจะทันระดับนักพรตสูงสุด,เทพสงครามและไดลินยืนอยู่บนจุดสูงสุดของทวีปยูลาน!”

ยอดฝีมือระดับสูงสุดซึ่งมีพลังอำนาจแท้จริงในโลกนี้

สำหรับนักสู้ระดับเทพทุกอย่างเป็นเรื่องสนุก ไม่มีใครกล้ารุกรานนักสู้ระดับเทพ พวกเขาคือกองกำลังสูงสุดที่คงอยู่ในทวีปยูลาน

ลินลี่ย์ไม่ยอมให้อุปสรรคใดๆขัดขวางเขาจากการก้าวเดินในเส้นทางสายนี้

ไม่มีอะไรหยุดเขาได้!

“น้องสาม ตลอดสามปีมานี้ เมื่อข้าไปยังนครหลวงข้าเห็นน้องชายเจ้าแล้ว”  เยลเอ่ยขึ้นทันที

“วอร์ตัน?” ลินลี่ย์ตาเป็นประกาย

เยลพยักหน้าพลางหัวเราะ  “เมื่อเห็นวอร์ตัน เขาห่วงเจ้ามากเนื่องจากเขาไม่รู้ว่าสถานการณ์ของเจ้าเป็นเช่นไร  ข้าบอกเขาว่าเจ้าสบายดี และว่าเจ้ากำลังฝึกฝนตนเองอยู่”

“วอร์ตันเป็นยังไงบ้าง?”  ลินลี่ย์ถาม

“อย่าห่วงเลย เขากำลังไปได้ดีเลยทีเดียว”  เยลพูดด้วยความประหลาดใจ  “ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าน้องชายของเจ้ากำยำมากกว่าเจ้าเสียอีก  สามปีที่แล้วเขาสูงกว่าข้าเล็กน้อยแต่ตอนนี้น่าจะสูงมากกว่าข้า แขนอย่างงี้ ล่ำปึ้ก!”

ลินลี่ย์หัวเราะพลางพยักหน้า

ความเติบโตของวอร์ตันอยู่ในความคาดการของเขาแล้ว  ที่สำคัญนักรบเลือดมังกรทุกคนในประวัติศาสตร์มีร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ  อาวุธที่พวกเขาใช้อันดับหนึ่งก็คือดาบศึกประหารปรปักษ์  อันดับสองก็คือพวกทวนหนักหรือไม่ก็ค้อนหนัก

“ลินลี่ย์,วอร์ตันน้องชายเจ้ารู้พลังลับของตนเองแล้ว ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาซ่อนพลังเอาไว้ตลอดเวลา  แต่หลังจากได้รู้สิ่งที่เจ้าได้กระทำลงไป  น้องชายเจ้าจึงหยุดทำเช่นนั้นและเริ่มเผยพลังของเขาช้าๆ เมื่อไม่นานมานี้ในการแข่งขันประจำปีสำหรับนักเรียนปีเจ็ด  เขาทำให้ทุกคนตื่นตะลึงด้วยการเอาชนะนักรบระดับแปดได้”  เยลถอนหายใจอย่างทึ่ง

ลินลี่ย์ยิ้มอย่างใจเย็น

นักรบระดับแปด?

ตอนนี้วอร์ตันเป็นนักรบระดับเจ็ดและสามารถแปลงร่างเป็นมังกรได้ เมื่ออยู่ในร่างมังกรเขามีพลังถึงระดับเก้า

“หลังจากมีชื่อเสียงแล้ว วอร์ตันเป็นยังไงบ้าง?”  ลินลี่ย์ถาม

“วอร์ตันได้รับบรรดาศักดิ์เคานท์จากวังหลวงตอนนี้เขาเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในจักรวรรดิโอเบรียน ในเวลาสองสามปี บางทีเขาอาจได้สิทธิ์เข้าศึกษาในวิทยาลัยเทพสงครามก็ได้”  เยลถอนหายใจ “ในอนาคตเขามีโอกาสสูงที่จะเข้าสู่ระดับเซียน”

“วิทยาลัยเทพสงคราม?  ระดับเซียน?” ความจริงลินลี่ย์ไม่ต้องการให้น้องชายของเขาเข้าเรียนในวิทยาลัยเทพสงครามเลย

สำหรับนักรบเลือดมังกรการเข้าสู่ขอบเขตระดับเซียนเป็นเรื่องที่ไม่มีทางพลาดไปได้

ลินลี่ย์คุยกับเยลตลอดเวลาช่วงเช้า ตอนนี้เขามีความกระตือรือร้นเมื่อรู้ว่าน้องชายของเขามีความเป็นอยู่ที่ดี

หลังจากอาหารกลางวัน

“น้องสาม นี่คือตราของหอการค้าดอว์สันเป็นตัวแทนสถานะผู้อาวุโสของเจ้า รับไปซะ” เยลดึงตราสีดำออกมา

ลินลี่ย์ตกใจเล็กน้อย  “ผู้อาวุโส?”

เมื่อลินลี่ย์อยู่ที่เมืองเฟนไล  เขาก็มีพลังของนักรบระดับเก้าชั้นต้นแล้ว  ตอนนั้นลินลี่ย์อายุเพียงสิบเจ็ดปี  เนื่องจากความสามารถของเขาตามปกติจะเป็นจอมเวทและกับความจริงที่ว่าเขาสามารถแปลงร่างเป็นนักรบเลือดมังกรได้ ผู้อาวุโสของหอการค้าดอว์สันจึงได้ข้อสรุปว่าในไม่ช้าเขาจะต้องเข้าสู่ระดับเซียนแน่นอน

เมื่อเป็นเช่นนั้นการให้ลินลี่ย์มีสถานะเป็นผู้อาวุโสของหอการค้าดอว์สันถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

“รับไปเถอะน่า เราเป็นพี่น้องกันเอง”  เยลหัวเราะ

ลินลี่ย์มองเยล  เขาเข้าใจว่าการรับตราเครื่องหมายนี้ก็มีความหมายว่าถ้าในอนาคต หอการค้าดอว์สันตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก  เขาจะต้องช่วยเหลือ  ที่สำคัญตราสัญลักษณ์นี้เป็นตัวแทนของอำนาจและหน้าที่

“ก็ได้ ข้าจะรับไว้” ลินลี่ย์หัวเราะและรับตราตำแหน่งนั้นไว้ แม้ว่าเขาจะไม่มีตราสัญลักษณ์นี้ ถ้าหอการค้าดอว์สันตกอยู่ในที่นั่งลำบากจริงๆ เพื่อพี่ใหญ่เยลที่เขารักลินลี่ย์จะไม่ยืนดูเฉยๆ แน่นอน

“ขอบคุณ”

สองพี่น้องสนิทกันมาก  ดังนั้นไม่มีความจำเป็นต้องพูดอะไรมากเกินไป

“น้องสามข้ารู้สึกว่าราศีของเจ้าเทียบกับเมื่อสามปีที่แล้วเกินกว่าจะควบคุมไปมาก  แน่นอนว่าสามปีมานี้เจ้ามีพลังไปถึงระดับไหนแล้ว?” เยลลดเสียงกระซิบถามด้วยความสงสัย

ลินลี่ย์ไม่ปิดบังความจริง  “ต่ำกว่าระดับเซียนลงมาไม่มีใครสู้ข้าได้”

เยลจ้องมองลินลี่ย์ด้วยความรู้สึกทึ่ง

“ตอนนี้พอก่อนเถอะ  ข้าจะต้องกลับไปแล้วอีกสองสามวันข้าจะกลับมาเยี่ยม” ลินลี่ย์หัวเราะ

ดินแดนมณฑลพายัพภายในเมืองเล็กธรรมดา

ภายในลานบ้านที่เงียบสงบ

“ใต้เท้าสเตลห์”  นักรบร่างใหญ่ร้องเรียกด้วยเบา “ได้เวลาออกเดินทางแล้วขอรับ”

ชั่วเวลาต่อมามีเสียงเปิดประตู สเตลห์กวาดตามองบุรุษผู้นั้นด้วยสายตาเย็นชา  “ไปกันได้”

“ขอรับ” บุรุษผู้นั้นไม่กล้าหายใจแรง

สเตลห์ออกมาที่ลานบ้าน เพียงแค่นั้นคนที่อยู่ใกล้จึงค่อยกล้าระบายลมหายใจ  แค่ถูกนักสู้ระดับเซียนชั้นสูงกวาดตามองก็ทำให้หัวใจผู้นั้นสั่นสะท้าน

“เร็วเข้า” บุรุษผู้นั้นกระตุ้นเตือนทันที

บุรุษคนอื่นๆคุ้มกันนักรบร่างกายกำยำทั้งห้าคนและเริ่มออกเดินทาง  นักรบร่างใหญ่ทั้งห้าคนนั้นสูง 2.2 เมตรและร่างกายกำยำอย่างน่าประหลาดเพียงแต่พวกเขาถูกมัดด้วยเชือกสีทองเข้มอย่างแน่นหนา ไม่ว่าพวกเขามีพลังมากแค่ไหนก็ไม่สามารถทำลายเครื่องพันธนาการเหล่านี้ได้

ปากของพวกเขาก็ถูกปิดด้วยเช่นกัน

“อืมม อืมมม”

พี่น้องทั้งห้าพยายามสาปแช่งอย่างโกรธเคือง

“พวกเจ้าอยากตายหรือไง?”  หนึ่งในผู้คุ้มกันชุดดำหวดแส้ใส่หนึ่งในพี่น้องทั้งห้าแต่กลับทิ้งรอยขาวจางๆ ให้เห็นเท่านั้น  “บ้าเอ๊ย,ร่างกายแข็งแกร่งทนทานเหลือเชื่อจริงๆ”

ขณะที่กลุ่มของสเตลห์กำลังง่วนกับการเดินไปตามเมืองในมณฑลพายัพ ลินลี่ย์ฝากรีเบ็คกาและลีนาให้กองกำลังของหอการค้าดอว์สันในเมืองเบซิลช่วยดูแล  และจากนั้นลินลี่ย์, บีบีและแฮรุออกเดินทางไปยังตำแหน่งเมืองเดโก

“กองกำลังคุ้มกันนักโทษเหล่านี้มีนักรบระดับเก้าเพียงสองคน  นี่จะทำให้ง่ายมาก”  ซาสเลอร์ขี่หลังของแฮรุหัวเราะ  “ข้าสงสัยว่าใครกันที่หน่วยนี้คุ้มกันอยู่”

“ซาสเลอร์ข่าวการตายของเพอร์รี่น่าจะไปถึงหัวหน้าผู้ดูแลกิจการของศาสนจักรในจักรวรรดิโอเบรียนแล้วใช่ไหม?”  ลินลี่ย์กล่าวทันที

“ใช่แล้ว ตอนนี้เขาน่าจะรู้แล้ว”  ซาสเลอร์กล่าว “อย่างไรก็ตามพวกเขาคงไม่สามารถรู้ได้ว่าข้าสามารถเซาะวิญญาณได้”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด