ตอนที่ 8 โลดโผน
หลังจากเหตุการณ์ประหลาดนั้น แม็กนัสมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ตั้งแต่เขานอนใต้ต้นไม้นั้น สิ่งแปลกประหลาดเหล่านี้ก็เกิดขึ้น แต่เขามีความคิดเกี่ยวกับวิธีการได้รับคำตอบของเขา
แม้ว่าตอนนี้เขากำลังเยี่ยมชมบ้านของราชินี แต่ก็น่าแปลกที่พระราชินีเสด็จมาที่นั่นด้วย น่าจะเป็นงานประชาสัมพันธ์ แต่สำหรับเด็กๆ เธอมาพบพวกเขาก็ทำให้พวกเขาตื่นเต้น
อย่างไรก็ตาม แม็กนัสไม่ชอบเธอหลังนักจากมองแวบแรก เธอดูเป็นคนเจ้าความคิดและเป็นผู้หญิงเย็นชาที่ไม่สนใจอะไรนอกจากตัวเอง
ดังนั้นเขาจึงรักษาระยะห่างไว้ ราชินียังสังเกตเห็นเด็กคนหนึ่งที่พยายามอยู่ห่างจากพระองค์ แต่พระองค์ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พระองค์มีสิ่งที่สำคัญกว่าอยู่ในหัวตอนนี้
~ ตรวจสอบทะเบียนราษฏ์ประจำประเทศแล้ว ไม่มีทารกแรกเกิดที่มีนามสกุลเพ็นดราก้อนอยู่ในประเทศนี้เลย สิ่งที่เรียกว่าราชานี้ไปอยู่ที่ไหนได้~ พระองค์สงสัย
"ที่นี่..."
พระองค์ชนเข้ากับบางอย่างในทันใด เธอหมกมุ่นอยู่กับความคิดมากเกินไปจนลืมสิ่งรอบข้างและทำผ้าเช็ดหน้าหล่น
ด้วยความประหลาดใจ เด็กที่ยืนอยู่ห่างออกไปก็เข้ามาช่วยพระองค์อย่างสุภาพบุรุษ พระองค์ลูบหัวแม็กนัสด้วยรอยยิ้ม
"ขอบใจจ้ะที่รัก" พูดจบพระองค์ก็จากไป
“เธอคงอารมณ์ไม่ดีแน่เลย” บ๊อบบี้แสดงความคิดเห็นจากด้านหลังเขา
“เธอแก่แล้ว จะหวังอะไรจากคนแก่ได้อีก ดูอย่างครูของเราสิ” แม็กนัสตอบกลับ
"ฮ่าฮ่า..." บ๊อบบี้ขำกลิ้งพลางมองไปที่คุณนายโจนส์
จากนั้นพวกเขาก็ไปกับแถวของห้อง
เขาไม่สนใจวังหรือสมบัติอีกต่อไป สิ่งที่เขาต้องการก็คือคุยกับภาพวาดนั้น
หลังจากนั้นเป็นเวลาอาหารกลางวัน แน่นอนว่าแม็กนัสได้แพนเค้ก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเอามาโรงเรียน เพราะงั้นเขาเลยเพิ่งเห็นปัญหา แพนเค้กพวกนั้นเย็นเกินไป
~อืม พวกนั้นบอกว่าฉันอุ่นมากไม่ใช่เหรอ~ เขาคิด
ดังนั้น เขาจึงปิดกล่องอาหารกลางวันโลหะของเขา วางไว้ระหว่างฝ่ามือ ~จงอุ่นขึ้น...จงอุ่นขึ้น...ได้โปรด...~
เขารอเกือบ 5 นาทีและเมื่อเขาเปิดกล่องอาหารกลางวันอีกครั้ง มันไม่เพียงแค่อุ่น แต่ร้อนราวกับเพิ่งออกจากเตาอบ
~ว้าว ฉันอุ่นจริงๆ~ เขาบ่นพึมพำและเริ่มกิน
“เฮ้ แม็กนัส นายเอาอะไรมาทานมื้อเที่ยงน่ะ?” บ๊อบบี้กลับมาหาเขาหลังจากล้างมือแล้วและนั่งลงข้างๆ
"แพนเค้กน่ะ" แม็กนัสกินเสียงแจ๊บๆ อย่างมีความสุข
“มันดู... น่าอร่อยจัง...” บ็อบบี้น้ำลายไหลขณะจ้องมองกล่องอาหารกลางวันของแม็กนัส
แม็กนัสมองไปที่กล่องข้าวของเขาแล้วมองไปที่บ็อบบี้ พิจารณาว่าหมอนี่เป็นเพื่อนของเขา เขาเลยชวน
“เอาดิ นายจะกินด้วยกันป่าว ยังไงฉันก็เอามามากเกินไปอยู่ดี” เขาโกหก ความอยากอาหารของเขากลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้วสำหรับเด็กอายุ 9 ขวบ
แล้วบ๊อบบี้ก็กินมันอย่างมีความสุข จากนั้นเขาก็ยื่นแซนวิชจากกล่องให้แมกนัส "มา…แลกกัน"
รับประทานอาหารกลางวันแล้วเตรียมเดินทางกลับโรงเรียน ขณะที่ขากลับข้อจำกัดก็ลดน้อยลง ดังนั้นแม็กนัสจึงไม่ต้องนั่งระหว่างสองสาวอีก แต่เขากลับนั่งที่ด้านหลังซึ่งเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
เขาอยากจะเข้าไปข้างในพระราชวังอีกรอบเพื่อชมภาพวาดแต่ต้องใช้ตั๋ว อีกอย่างพวกเขาไม่ได้ขายในเวลานั้น เขาเลยตัดสินใจว่าจะกลับมาพร้อมกับครอบครัว ตอนนี้เขาลืมเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว
เขาสนุกกับการเดินทางกลับบ้าน เล่นกับเพื่อนและพูดคุยกันเรื่องทั่วไป ใช้เวลาขับรถกลับไปโรงเรียนประมาณหนึ่งชั่วโมง เด็กหลายคนจึงหลับคาที่นั่งไปแล้ว
ในทางกลับกัน เขาที่ตื่นอยู่มองไปที่มือของเขา เขาพยายามที่จะเข้าใจว่าความร้อนในร่างกายของเขาทำงานอย่างไร เพราะเขาเข้าใจดีว่าไข้ธรรมดาไม่สามารถให้ความร้อนแก่แพนเค้กได้มากขนาดนั้น ต้องมีเคล็ดลับบางอย่าง
ขณะที่เขากำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิด เสียงยางไถลก็ดังขึ้น เขารีบจับที่นั่งของเขา ในไม่ช้าเขาก็ถูกเหวี่ยงออกจากที่นั่ง
*บูมมม*
หัวของแม็กนัสกระแทกกับพนักพิงศีรษะข้างหน้าเขา โชคดีที่มันเป็นเบาะรองนั่งเขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ
เป็นอุบัติเหตุใหญ่ เขามองไปที่ด้านหน้าและเห็นเพื่อนร่วมชั้นหลายคนล้มลงกับพื้นรถบัส หลายคนมีเลือดออกจากสถานที่ พวกที่กำลังหลับอยู่ไม่มีโอกาสจับอะไรได้จึงถูกเหวี่ยงอย่างแรง
เสียงร้องก็ดังตามมา จากนั้นแม็กนัสก็มองไปที่เบาะคนขับ จิตใจของเขาสับสน รถบัสเสียหลักชนท้ายรถบรรทุกดิน ไม่เพียงเท่านั้น โครงสร้างของรถบัสไม่ได้แข็งแรงนัก ดังนั้นคนขับจึงถูกอัดบี้สลบคาที่นั่ง และน่าจะเสียชีวิตแล้ว แต่แม็กนัสไม่สามารถคิดเรื่องดังกล่าวได้ในขณะนี้ ใจของเขากำลังบอกให้เขาลงจากรถบัส ดังนั้นเขาจึงหาทางออก
ครูของพวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน เธออายุ 50 แล้วดูไม่มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงนัก แต่เนื่องจากอะดรีนาลีนที่พลุ่งพล่าน เธอจึงลุกขึ้นและมองดูเด็กๆ ทุกคน หัวใจของเธอตื่นตระหนกเมื่อเห็นหลายคนได้รับบาดเจ็บ
"ทุกคน มากับฉัน เราต้องออกจากรถบัส" เธอตะโกน
แต่พวกเขาทั้งหมดเป็นเด็กอายุ 9 ขวบ ร่างกายของพวกเขาแข็งทื่อด้วยความกลัวกับความเจ็บปวด
ครูมองไปที่คนขับ เขาตายแล้ว แต่แล้วเธอก็สังเกตเห็นว่าประตูหลักก็เสียหายเช่นกัน มันไม่สามารถเปิดได้อีกต่อไป
*พรึบบบ*
ทันใดนั้น มีเสียงแรงดันรั่ว เครื่องยนต์เกิดไฟลุกไหม้ ไฟได้ลุกลามไปด้านหน้าและไหม้แผงหน้าปัดพร้อมกับร่างคนขับ
ทุกคนตื่นตระหนก เธอรีบวิ่งไปที่หลังรถบัสซึ่งมีประตูฉุกเฉินอยู่
*เปรี้ยง* *เปรี้ยง*
เธอพยายามเปิดมัน แต่มันไม่ขยับ มันติดอยู่ตรงนั้น เธอพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร
รถบัสค่อยๆ เต็มไปด้วยควัน ทำให้หายใจลำบากขึ้น
*แค็ก แค็ก*(เสียงไอ)
แม็กนัสมองไปรอบๆ เพื่อหาทางออก มีเพียงหน้าต่างเท่านั้นที่สามารถออกไปได้ แต่ปัญหาคือ มีท่อนเหล็กเรียวยาวขวางอยู่กลางหน้าต่าง ทำให้เล็กเกินไปสำหรับทุกคนที่จะออกไปได้ ท่อนเหล่านี้ถูกวางไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กโผล่หัวออกมา
เขาจึงลุกขึ้นเพื่อพยายามทำลายมัน แต่ก่อนอื่นเขามองดูเพื่อนร่วมชั้นทุกคนต่างร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด ครั้นแล้วเห็นอาจารย์ยืนอยู่ในที่แห่งหนึ่ง
"คุณนายโจนส์... พาทุกคนไปด้านหลัง ห่างจากกองไฟ" แม็กนัสตะโกน
คุณนายโจนส์ซึ่งจิตใจมึนงงอยู่จึงรีบดำเนินการ เธอเริ่มดึงเด็กทั้งหมดไปทางด้านหลัง พวกที่ได้รับบาดเจ็บมากเกินไป เธอค่อยๆ อุ้มพวกเขาไปด้านหลัง
ในขณะเดียวกันแม็กนัส ก็เตะกระจกออกจากหน้าต่าง จากนั้นเขาก็เริ่มเตะแท่งเหล็ก
*เปรี้ยง*
*เปรี้ยง*
"เร็วเข้า..."
ไฟยังลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง ที่นั่งโดยสารด้านหน้าบางส่วนถูกไฟไหม้แล้ว
แม็กนัสทำให้เหล็กงอแล้วแต่ก็ยังไม่เพียงพอ เขาหยุดเตะและพยายามงอเหล็กมากขึ้นเพื่อให้มีช่องเปิดที่ใหญ่พอ
เขาจับเหล็กแน่น กัดฟัน และพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีในร่างกายเล็กๆ ของเขา โดยที่เขาไม่รู้ตัว มือของเขาเริ่มร้อนขึ้นกว่าเดิมมาก แท่งโลหะเริ่มร้อนขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีแดงภายใต้มือของเขา เขาค่อยๆ พบว่ามันง่ายกว่าเดิมที่ทำให้งอเป็นคันเบ็ด
"ย๊ากกกกกกก...." มันเริ่มงอขึ้นช้าๆ ห่างจากกรอบหน้าต่าง ในไม่ช้าก็มีที่ว่างเพียงพอ
"คุณนายโจนส์... มาที่นี่ฮะ ใช้หน้าต่างนี้" เขาตะโกน เธอเพิ่งรวบรวมเด็ก ๆ ที่ด้านหลังเสร็จ
ตอนนี้ทุกคนกำลังตื่นตระหนก ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นช่องเปิด พวกเขาทั้งหมดจึงรีบวิ่งไปอย่างบ้าคลั่ง แม็กนัสถูกกดทับระหว่างพวกเขาทำให้ไม่มีใครสามารถออกไปได้
ความโกรธพุ่งขึ้นในหัวของแม็กนัส เขาทำงานอย่างหนักเพื่อเปิดเส้นทางนี้ และถ้าพวกนั้นมาทำอย่างนี้ พวกเขาทั้งหมดก็คงตาย
"ทุกคน…ใจเย็นๆ" เขาตะโกน
เสียงของเขามีผลบางอย่างเมื่อทุกคนได้ยินเขา ความคิดของเด็กทุกคนบอกให้พวกเขาอยู่ห่างจากเสียงนี้
“ทุกคน ออกไปทีละคน ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครได้ออกไป” เขาสั่งพวกนั้น
คราวนี้พวกนั้นได้ยินเขาและเริ่มกระโดดออกไป ไม่นานก็มีคนวิ่งเข้ามาช่วยจับเด็กที่กระโดดออกมา
แต่ไฟแรงเกินไป เขาตระหนักว่ามันจะสายเกินไปก่อนที่ทุกคนจะออกไปได้ ดังนั้นแม็กนัสจึงวิ่งไปอีกด้านเพื่อเปิดหน้าต่างที่นั่นด้วย
คราวนี้เขาแค่เตะให้กระจกแตกแล้วใช้มือ
“ย๊ากกกกก… เปิดเด้….” เขาใช้แรงทั้งหมดในร่างกายเพื่องอโลหะ ครั้งนี้เด็กและครูบางคนเห็นเขาแสดงโดยที่พวกเขาไม่ได้คลั่งเหมือนตอนแรก
บ๊อบบี้ซึ่งเคยนั่งข้างแม็กนัสมาก่อนก็ยังไม่ได้ออกไปเช่นกัน เขาเห็นแม็กนัสเลยวิ่งเข้าไปช่วย
แต่แม็กนัสไม่ต้องการมัน เขากำลังจะดัดเหล็กเสร็จแล้ว แต่คราวนี้เขาสังเกตเห็นโลหะสีแดงที่อยู่ใต้มือของเขา อย่างไรก็ตาม เขาซ่อนมันไว้และงอมันจนสุด
“เร็ว บ๊อบบี้ ออกไปเลย” แม็กนัสออกคำสั่ง
"แล้วนายล่ะ?" บ๊อบบี้ถามกลับด้วยความเป็นห่วง เขาสามารถรับสถานการณ์ทั้งหมดนี้ได้ดีสำหรับเด็กวัย 9 ขวบ บ๊อบบี้ไม่ตื่นตระหนกเหมือนเด็กคนอื่นๆ
“ฉันจะตามนายไป ไปเดี๋ยวนี้” แม็กนัสตอบ
บ๊อบบี้พยักหน้าและกระโดดออกไป แม็กนัสมองกลับไปและเห็นเด็กๆ กระโดดออกไปทีละคน คุณนายโจนส์กำลังช่วยเด็กๆ ที่ได้รับบาดเจ็บออกไปก่อน
ในไม่ช้าเด็กบางคนก็เริ่มกระโดดออกจากหน้าต่างที่เปิดใหม่ด้วย
*แคก แคก*
ควันมันมากเกินไปแล้ว ทุกคนกำลังไอ คุณนายโจนส์เป็นคนที่ไอหนักที่สุด เพราะเธอสูงกว่าเด็กๆ แล้วควันทั้งหมดก็ติดกับหลังคาเพราะหน้าต่างที่เปิดอยู่ตอนนี้
แม็กนัสยังช่วยเด็กบางคนให้ออกจากฝั่งของเขา คนที่ได้รับบาดเจ็บหนักที่สุดคือเด็กผู้หญิงที่แขนหัก เธอพยายามหยุดการตกด้วยมือของเธอ แต่สุดท้ายก็หัก
เธอเป็นคนสุดท้าย แม็กนัสจึงตัดสินใจลงจากรถพร้อมกับเธอ ตัวเขาเองก็ตกตะลึงกับความสามารถของเขาที่สามารถยกหญิงสาวคนนี้ได้โดยไม่มีปัญหามากนัก
เขาส่งเธอให้ชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างนอกเพื่อช่วยอพยพ แล้วตัวเองก็เดินออกไป
ผ่านไปเพียง 3 นาทีหลังจากเกิดอุบัติเหตุและไฟไหม้ แต่สำหรับเขา มันรู้สึกเหมือนผ่านไปเป็นชั่วโมงเพราะความตึงเครียดทั้งหมดที่เจอ
ทันทีที่หัวของเขาโผล่ออกไป เขาก็หายใจยาวอย่างพึงพอใจ ไฟได้ลามมาถึงด้านหลังของรถบัสแล้ว และเขาก็น่าจะออกไปได้ทันเวลาพอดี
*แคก แคก*
หูของแม็กนัสตั้งขึ้น ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงไอออกมาจากภายในรถบัส เขากำลังจะกระโดดแต่หันกลับไปมอง มันเป็นเพียงไฟและควัน เขามองไม่เห็นใครเลย
*แคก แคก*
จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าเสียงมาจากไหน มันคือคุณนายโจนส์ เธอล้มลงอยู่บนพื้น ไม่น่าแปลกใจที่แม็กนัสไม่เห็นเธอมาก่อน เขาคิดว่าเธอกระโดดออกไป
เขายกเลิกการหลบหนีและกลับเข้าไปข้างในโดยที่ใจของเขาบอกให้เพิกเฉย แต่อีกเสียงหนึ่งจากที่ไหนสักแห่งในตัวเขากำลังบอกเขาว่าไม่ต้องกังวลเพราะเขาสามารถทำได้ ไฟกำลังโหมกระหน่ำและใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก่อนที่มันจะลุกท่วมรถบัสทั้งคัน
เขารีบพยายามพยุงเธอขึ้น แต่เธอกลับไม่ให้ความร่วมมือกลับพยายามยื่นมือคว้าอะไรซักอย่าง
แม็กนัสมองดูสิ่งที่เธอพยายามจะหยิบและพบว่าเป็นกระเป๋าเงินของเธอ ที่พ่นยาทรงกระบอกเล็กๆ หลุดออกมา
เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เขาเคยเห็นคนใช้มัน เขาจึงจับมันใส่ปากคุณนายโจนส์แล้วกดเข้าไป มันพ่นอะไรบางอย่างที่คล้ายไอเข้าไปในปากของเธอ ทำให้เธอสงบลงและให้ความร่วมมือ แต่เธอสูดควันเข้าไปมาก และกำลังจะหมดสติไป
มันต้องใช้กำลังของเขามาก การอุ้มเด็กสักคนเป็นเรื่องง่าย แต่การยกของผู้ใหญ่ก็ยังมากเกินไปสำหรับร่างกายวัย 9 ขวบของเขา
“อ๊าาาาาาาา...เจ๊ตัวหนักมาก...” แม็กนัสสูดลมหายใจ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง
ไฟก็ติดขึ้นด้วย เขาลากคุณนายโจนส์ไปที่หน้าต่างและเหวี่ยงร่างครึ่งหนึ่งของเธอออกไปเพื่อให้คนอื่นคว้าตัวเธอ
แม็กนัสไม่รู้ว่าไฟได้ลุกท่วมตัวเขาแล้ว และหลังของเขาก็ติดไฟแล้ว เขาไม่ได้รู้สึกอะไร มันรู้สึกเหมือนเป็นความร้อนธรรมดาสำหรับเขา
ทันทีที่คุณนายโจนส์ออกไป เขาก็กระโจนออกไปทางหน้าต่างเช่นกัน
เขาร่อนลงบนพื้นและวิ่งไปหาผู้คนเพื่อความปลอดภัย ไม่กี่อึดใจต่อมา รถบัสก็ถูกไฟลุกท่วมทั้งคันพร้อมกับรถบรรทุกที่ถูกชน
*ถอนหายใจ*
"ฮะ....ฮะ...ฮะ...อากาศบริสุทธิ์แจ่มที่สุ๊ดด" แม็กนัสหายใจเร็ว
*ปี๊ ป่อๆๆ หว๊ออออๆๆ* รถพยาบาลและรถดับเพลิงไซเรน
บริการฉุกเฉินก็เริ่มมาถึงหลังจากนั้นไม่นาน ช่างน่าประหลาดใจยิ่งแม็กนัสไม่ได้รับอันตรายอะไรเลย เด็กทุกคนปลอดภัย ครูปลอดภัยแล้ว มีเพียงคนขับเท่านั้นที่เสียชีวิต
เขาตบเสื้อผ้าเพื่อทำความสะอาด แต่สังเกตเห็นกางเกงขาดตั้งแต่หัวเข่า
~โอ้ไม่นะ แม่จ๋าจะโกรธฉันแน่~ เขาคิดอย่างสั่นเทา
“แม็กนัส...” ทันใดนั้น เสียงของบ็อบบี้ก็ดังมาจากข้างหลังเขา
แม็กนัสหันกลับมา ใบหน้าของบ๊อบบี้ดูกังวลและหวาดกลัว “อะไรน่ะ? โอ้ นายได้ผ้าพันหัวเหรอ ดูดีนี่”
"แม็กนัส... ห-หลังนาย มะ-ไม่มีเสื้อผ้าและก็ดำไปหมด..." บ๊อบบี้อุทานเสียงดัง
เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินบางคนสังเกตเห็นพวกเขาและวิ่งเข้าไปช่วย พวกเขาเห็นแผ่นหลังของแม็กนัสที่ดำคล้ำไปหมด เสื้อผ้าถูกไฟไหม้ด้วย แม้แต่ก้นของเขาก็ยังมองเห็นได้และมันก็เป็นสีดำด้วย
"อะไรนะ?" แม็กนัสตกใจมาก เขาไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งนี้เกิดขึ้น
พยาบาลรีบอุ้มเขาขึ้น พาเขาขึ้นรถพยาบาล
“ผมสบายดีฮะ ผมไม่ได้ถูกไฟคลอกจริงๆ นะ” เขาพยายามเถียงแต่ไม่มีใครฟัง เขาถูกส่งไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที
เขาไม่มีอาการเจ็บเลย ดังนั้นเมื่อเขาไปถึงโรงพยาบาลและถูกนำตัวขึ้นเปลหาม เขาเห็นชื่อโรงพยาบาล มันคือ 'โรงพยาบาลทหารควีนอเล็กซานดรา'
แม็กนัสเห็นชื่อก็ตกใจ ใบหน้าของเขาเริ่มมีเหงื่อออก
“โอ้โน้วว ไม่ใช่ที่นี่” เขาคร่ำครวญด้วยความกลัว
_____________________________
แทบจะไม่มีสิ่งใดที่ทำให้แม็กนัสกลัว แต่แม่ในร่างที่เกรี้ยวกราดของเขาถือเป็นข้อยกเว้น นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นมาในความคิดของเขาทันทีขณะที่เขาถูกนำตัวไปที่ศูนย์การบาดเจ็บเพื่อทำการปฐมพยาบาล
“ไม่เป็นไรแล้วนะจ๊ะที่รัก เราจะติดต่อพ่อแม่ของหนูทันทีเลย แล้วพวกเขาก็จะมาดูหนูนะจ๊ะ” พยาบาลพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ
แม็กนัสไม่ได้เจ็บปวดเลยแถมเขาก็ไม่ได้พยายามที่จะซ่อนมันด้วยซ้ำ แต่พวกคุณหมอเหล่านี้บังคับให้เขานอนคว่ำบนเตียงเพราะพวกหมอคิดว่าเขาถูกไฟไหม้ที่หลัง
เขาไม่มีปัญหากับเรื่องนั้น แต่ในตอนนี้ เสื้อผ้าที่อยู่บนหลังของเขามันไหม้ไปหมดแล้ว และเขารู้สึกได้ถึงอากาศที่หลังและก้นของเขา มันเปิดโล่งสุดๆ
“อันที่จริงแม่ผมทำงานที่นี่ครับ พี่ช่วยห่มผ้าให้ผมหน่อยได้ไหมครับ ผมหนาว” เขาถามอย่างสุภาพ
พยาบาลดูไม่ค่อยฉลาดนักเพราะเธอเอาผ้าห่มให้เขาทันที เธอไม่ควรทำอย่างนั้นเพราะถ้าถูกไฟคลอกจริงๆ บาดแผลจะระคายได้
“คุณแม่ชื่ออะไรจ๊ะ? ฉันจะบอกให้เธอมา” เธอถามอย่างใจดี
“เธอชื่อเกรซ แกรนท์ เธอเป็นศัลยแพทย์หัวใจครับ” เขาเปิดเผย
“โอ้ คุณเป็นลูกชายของมาดามแกรนท์ ฉันจะไปโทรหาเธอโดยเร็ว” เธอลุกขึ้นจากไปทันที
ในขณะเดียวกัน แม็กนัสรีบถูหลังของเขาใต้ผ้าห่มและเช็ดจนสะอาดเพื่อให้เห็นสีผิวปกติของเขา
จากนั้นเขาก็วางที่เตียงแทนที่จะวางบนท้องของเขาพลางมองไปรอบๆ ในไม่ช้าเขาก็สังเกตเห็นว่าบ๊อบบี้กำลังกินไอศกรีมอยู่ที่นั่นด้วย เขาจึงเรียกเพื่อน
“ฉันคิดว่านายไม่ได้รับบาดเจ็บซะอีก” แม็กนัสถาม
"เปล่าๆ แต่พวกเขาก็ยังพาฉันมาที่นี่ ฉันกำลังจะโทรกลับบ้านแต่เห็นพวกเขาแจกไอศกรีมฟรี ฉันก็เลยอยู่ต่อ *แพร็บ*" บ๊อบบี้ตอบ
"ฮิฮิ เอามาให้ฉันอันหนึ่งด้วย อ๊า... ฉันเจ็บ... ฉันขยับไม่ได้..." แม็กนัสก็จัดแอ็กติ้งซะหนึ่งยก
บ๊อบบี้กระโดดผึงทันที "รออยู่ตรงนี้นะเพื่อน"
ไม่นานก็เห็นพี่น้องทั้งสองกำลังกินไอศกรีมอย่างมีความสุข
"แม็กนัส... ขอบคุณนะ... ถ้าไม่ใช่เพราะนาย... คงจะไม่มีใครได้เห็นแสงสว่างอีก" จู่ๆ บ๊อบบี้ก็พูดขึ้น
แม็กนัสรู้สึกประหลาดใจกับน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของบ๊อบบี้ เขาตบไหล่ของบ๊อบบี้
“ฉันก็ทำเพื่อตัวเองเหมือนกันบ๊อบบี้ ฉันก็ไม่อยากโดนเผาเหมือนกัน” แม็กนัสทำให้เขาสงบลง
แต่จู่ๆ บ๊อบบี้ก็ขมวดคิ้วและมองไปที่จุดที่แม็กนัสตบ…
“บ้าเอ๊ย นายเอามือมาเช็ดฉานนน...” เขาบ่น ทำให้แม็กนัสหัวเราะ
หลังจากที่พวกเขากินเสร็จบ๊อบบี้ ถามแม็กนัสบางอย่างที่ทำให้เขาจริงจังขึ้น
“นี่..แม็ก จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อนายตาย? ฉันเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนขับรถบัส... ฉัน... เขาเพิ่งหัวเราะอยู่เลยตอนเราขึ้นรถบัส แล้วจู่ๆ เขาก็... ฉันรู้สึกแปลกๆ” บ๊อบบี้แบ่งปันความคิดของเขา เขาอายุเพียง 9 ขวบ ความคิดเหล่านี้มักจะเกิดขึ้น
บ๊อบบี้อาจทำตัวตลกงี่เง่า แต่เขาก็ยังเป็นเด็กฉลาด เขาเรียนเก่งเหมือนกันเพราะพ่อแม่สอนว่าถ้าเขาไม่ชอบอยู่แบบยากจน ให้ตั้งใจเรียน หาทำงานดีๆ พยายามเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ นั่นคือแรงจูงใจของบ๊อบบี้
แม็กนัสสูดลมหายใจยาว เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น
“บ็อบบี้ ฉันรู้สึกว่าเรายังเด็กเกินไปที่จะพูดเรื่องแบบนี้ มันน่ากลัวมากที่เห็นเขาเป็นแบบนั้น ฉันค่อนข้างกลัวนิดหน่อย คิดว่าจุดจบของฉันจะเป็นแบบนั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันพยายามอย่างมากที่จะพังหน้าต่าง”
“แต่มันก็ทำให้ฉันตาสว่างด้วย เรา... อ่อนแอมาก... แตกหักง่าย ร่างกายเราเหมือนแก้ว” แม็กนัสกล่าวว่า
บ๊อบบี้พยักหน้า “แล้วเราจะทำอย่างไรให้แข็งแรงขึ้น?”
“ไม่รู้สิ… ออกกำลังกายมั้ง? ต้องมากพอเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้ นั่นคือทั้งหมดที่ฉันคิดได้” แม็กนัสยึดมั่น
"อืม" บ๊อบบี้เงียบหลังจากนั้น เขาหวั่นไหวนิดหน่อย
พวกเขานั่งเงียบ ๆ ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหาเขา แน่นอนว่าเป็นแม่ของเขา เธอกลัวอยู่แล้ว อย่างแรกไข้ทำให้เธอกลัวและตอนนี้เป็นเช่นนี้ มันไม่ดีต่อสุขภาพของเธออย่างแรง
“แม็กนัส...” เธอเอื้อมมือไปกุมไว้
“เป็นไงบ้างลูก เจ็บไหม” เธอถาม
“เปล่าฮะแม่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับผม แค่ชุดผมถูกไฟไหม้ ผมยังสบายดีเหมือนที่แม่เห็นเมื่อเช้าฮะ” แม็กนัสพยายามชี้แจงก่อนที่จะเกิดความเข้าใจผิด
“ยังไม่มีหมอคนไหนมาพบลูกเหรอ?” เธอถามและมองไปรอบๆ เธอเห็นแพทย์ยศร้อยเอกกำลังตรวจอาการบาดเจ็บของเด็กคนอื่นๆ
“ผู้กอง ไฟล์ของลูกชายฉันอยู่ที่ไหน” เธอถาม ตัวเธอเองเป็นถึงพันโท
หมอหันไปหาเกรซและจำเธอได้ “คุณผู้หญิงครับ เรายังไม่ได้ตรวจสอบเขา ขอฉันตรวจบันทึกจากแพทย์สักครู่ครับ”
เขารีบนำแฟ้มเอกสารและมองหาชื่อของแม็กนัส คิ้วขมวดเมื่อเห็นมัน มันระบุว่ามีแผลไฟไหม้รุนแรงที่หลัง แต่ดูเหมือนแม็กนัสจะสบายดี
“แม็กนัส ขอดูหลังหน่อยได้ไหม ฉันต้องตรวจดูว่ามีรอยไหม้ไหม” เขาพูด
แม็กนัสแสดงให้เขาเห็นอย่างมีความสุขเพราะมันช่วยลดอาการปวดหัวของเขาด้วย เมื่อหมอเห็นว่าเขาสบายดี เขาก็ข้ามรายงานทันที
“แม็กนัสไม่เป็นไรครับ คุณพาเขากลับบ้านได้เลย” เขาประกาศและไปรักษาเด็กคนอื่นๆ ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสต่อไป
เกรซหันกลับไปหาแม็กนัสใช้สายตาคมกริบดุจใบมีด แต่เธอไม่พูดอะไรและเพียงแค่ตรวจวัดอุณหภูมิของเขาโดยวางมือบนหน้าผากของเขา
สำหรับความกังวลของเธอ เขายังคงตัวร้อนเหมือนเดิม
“แม็กนัส แม่ของลูกจะแก่เร็วนะ ถ้าแม่ยังกังวลมากไปกว่านี้” เธอพูด
“แม่จ๋า ไม่เป็นไรฮะ ผมแข็งแรงดี ไม่บาดเจ็บ บางทีผมอาจจะพิเศษ...หรือประหลาดก็ได้” แม็กนัสพยายามทำให้เธอสงบลง
“แม่ก็หวังว่าลูกจะพูดถูก โอเค ลูกพักผ่อนที่นี่นะ แม่จะรีบทำงานให้เสร็จและเราจะกลับบ้านด้วยกัน แม่จะโทรหาพ่อของลูกด้วย บ๊อบบี้ แม่เธอจะมาไหมจ๊ะ?” เธอถาม
“ผมยังไม่ได้โทรไปที่บ้านเลยฮะ” บ๊อบบี้ตอบขณะกินไอศกรีมลูกที่ 3
“โทรหาพวกเขาแล้วบอกว่าฉันจะไปส่งเธอนะ อยู่กับแม็กนัสที่นี่แหละ รอไปพร้อมกันจ่ะ” เธอแนะนำและกลับไปที่แผนกของเธอเพื่อทำงาน วันนี้เธอต้องทำการผ่าตัดเล็กน้อย
บ๊อบบี้มีความสุขกับความคิดนี้ อยู่ที่บ้านของเขาก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว และเขาชอบใช้เวลากับแม็กนัสหรือที่บ้านของแม็ก เพราะครอบครัวของหมอนี่มีทีวีสี และพวกเขาจะดู Tom & Jerry, Scooby-Doo หรือหนังสักเรื่อง ทีวีกลายเป็นเรื่องธรรมดาในสมัยนั้น แต่ก็ยังมีค่าใช้จ่ายพอสมควร
พวกเขาใช้เวลาพูดคุยและรอจนถึงเย็น แต่แล้วก็มีตำรวจเข้ามาคุยกับแม็กนัส
นี่สร้างความประหลาดใจให้กับแม็กนัส ตำรวจคนนั้นคือทอม นายตำรวจที่พบแม็กนัสตอนที่เขาหลงทาง ทอมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน แต่ก็ไม่มากนัก เขามาเพื่อตามหาแม็กนัสโดยเฉพาะ และเขาก็มีลางสังหรณ์ว่านี่คือเด็กคนเดียวกัน
“สวัสดีเด็กน้อย สบายดีไหม ลุงมาที่นี่เพื่อรับคำให้การของเธอน่ะ เธอมีผู้ปกครองที่นี่ไหม ลุงต้องการให้พวกเขาดูแล” ทอมกล่าว ตอนนี้เขาเป็นมืออาชีพ เพราะเหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย นักข่าวเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วโรงพยาบาลแล้ว พยายามที่จะหากลิ่นรายละเอียดที่กระตุ้นความรู้สึกหรืออย่างอื่น
“ใช่ครับ แม่ผมทำงานที่นี่ แต่แม่ไม่ว่าง ทำไมยังอยากคุยกับผมอีกล่ะ” แม็กนัสถามด้วยความสนใจ
ตำรวจทอมยิ้มพลางลูบหัวของแม็กนัส “แม็กนัส ลุงภูมิใจในตัวเธอนะ อย่าทำตัวถ่อมตัวตอนนี้ ลุงได้บันทึกคำให้การของคุณครูและเด็กคนอื่นๆ พวกเขาทั้งหมดบอกว่าเธอช่วยชีวิตพวกเขาไว้ เธอยังช่วยชีวิตครูของเธอที่เกือบตายด้วย ลุงแน่ใจว่าตำรวจจะให้รางวัลเธอในภายหลังสำหรับความกล้าหาญของเธอ”
แม็กนัสเกาหัวด้วยความประหม่า "อืมม...มีวิธีไหนที่จะไม่แพร่งพรายข่าวเกี่ยวกับผมไหมครับ ผมจะถูกลงโทษแน่ถ้าพ่อแม่รู้ว่าผมทำตัวงี่เง่า มันอาจกล้าหาญสำหรับชาวโลก แต่สำหรับพวกเขา มันคงโง่มากเลย”
“ฮ่าฮ่า ลุงเข้าใจนะแม็กนัส แต่ลุงเกรงว่า เรื่องนี้จะเกินมือลุงแล้ว
การสืบสวนอย่างเป็นทางการจะเริ่มขึ้นในเร็วๆ นี้ และอุบัติเหตุครั้งนี้เกี่ยวข้องกับเด็กหลายคน มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ดังนั้นตำรวจและรัฐบาลของเมืองจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง"
ทอมอธิบาย
สิ้นหวังแล้ว เขาถอนหายใจ แต่แล้วเขาก็มองไปที่บ๊อบบี้และมีความคิดขึ้นมาว่า ~ช่ายแล้ว จะมีตอนไหนที่จะใช้ประโยชน์จากหมอนี่ได้ดีกว่านี้อีกเล่า?~
“บ๊อบบี้ นายเจ็บมากไหม” แม็กนัสถาม
บ๊อบบี้จ้องกลับด้วยสายตาสงสัย “ก็ไม่นะ แค่กระแทกนิดหน่อย”
“ดี งั้นอีก 5 วันหลังกลับบ้านวันนี้ นายน่าจะมาหาฉันนะ เราจะได้ดูหนังกัน” แม็กนัสเสนอ แผนของเขาเรียบง่ายมาก คือพ่อแม่ของเขาไม่สามารถพูดอะไรกับเขาเมื่อมีบ๊อบบี้อยู่ด้วย
“จริงเด้ ร้ายกาจ… ฉันจะไป แม่ฉันไม่เคยห้ามไม่ให้ฉันมาหานายเลย” บ๊อบบี้มีความสุข
แต่แม็กนัสไม่รู้เลยว่าเรื่องทั้งหมดจะระเบิดในไม่ช้านี้ เด็กอายุ 9 ขวบช่วยชีวิตเพื่อนร่วมชั้นและครู ซึ่งเหมือนเป็นเรื่องราวที่ส่งตรงจากหนังสือการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่ มันเป็นข่าวที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่งที่คนทั่วไปจะสนุกกับการอ่าน ดังนั้นสำนักข่าวต่างๆ จะไม่ใช้ประโยชน์จากข่าวนี้ได้อย่างไร
สื่อข่าวทางหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ได้เติบโตขึ้นแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่จะละเลยได้นานเกินไป
ไม่นาน แม่ของแม็กนัสก็มาถึง และเขาก็ให้คำพูดที่คลุมเครือกับทอม โดยพยายามไม่ให้แม่ของเขารู้อะไรมากนัก เขาบอกทุกอย่างที่เขาทำโดยไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเขาสามารถให้ความร้อนจนโลหะดัดโค้งได้
แล้วพวกเขาก็กลับบ้านหลังจากไปส่งบ๊อบบี้ที่บ้านของเขา กว่าจะถึงบ้านก็ไป 2 ทุ่ม
อดัมกลับมาบ้านทำอาหารเย็นให้พวกเขาแล้ว พวกเขาอาบน้ำและนั่งลงที่โต๊ะอาหารเย็นเพื่อรับประทานอาหาร ในโทรทัศน์กำลังเปิดช่อง BBC1 ที่กำลังฉายข่าวอยู่ในขณะนั้น
[NEWS: วันนี้ เกิดอุบัติเหตุที่น่าสลดใจเมื่อรถโรงเรียนชนกับรถบรรทุกดินทำให้เกิดไฟไหม้รถบัส คนขับเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที แต่เด็กทั้ง 30 คนและครูสามารถออกไปได้อย่างปลอดภัย ต้องขอบคุณ แม็กนัส แกรนท์ เด็กชายวัย 9 ขวบ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ผู้กล้าหาญ เมื่อประตูฉุกเฉินเปิดไม่ออกเนื่องจากติดอยู่ แม็กนัสตัวน้อยพังหน้าต่าง งอราวนิรภัย และช่วยทุกคนออกไป ไม่ใช่แค่นั้น เขาช่วยชีวิตครูของเขาที่สลบเพราะควันเพราะเธอเป็นโรคหอบหืด วีรกรรมของเขาเป็นที่พูดถึงไปทั่ว....]
แม็กนัสนิ่งค้างอยู่กับที่ ช้อนค้างอยู่ตรงหน้ากำลังจะเข้าปากของเขา พ่อแม่ของเขาก็ตัวแข็งเช่นกัน แต่พวกเขาก็หันกลับไปหาแม็กนัส
แม็กนัสรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย คิดว่ากำลังจะโดนดุในไม่ช้า แต่ที่ทำให้เขาตกตะลึงคือพ่อกับแม่ของเขาลุกขึ้นมาข้างๆ เขาแล้วกอดเขาไว้แน่น
แม่ของเขาฝากรอยจูบไว้ที่แก้มเขา พ่อของเขาตบหลังและพูดว่า "พ่อภูมิใจในตัวลูกนะ เจ้าลูกชาย"
"ลูกรัก ลูกทำถูกแล้วจ่ะ...แต่ต่อจากนี้ไประวังตัวด้วยนะจ๊ะ โอเค๊?" แม่ของเขากล่าวเสริม
รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าของแม็กนัส ~*ถอนหายใจ* ฉันกังวลไปเปล่าๆ~
*ก๊อกก๊อก*
*ออด*
ทันใดนั้นก็มีคนมากดกริ่ง นี่เป็นเวลากลางคืนพวกเขาจึงสับสนว่าจะเป็นใคร
อดัมไปตรวจดู แต่เขาก็ต้องตกตะลึง หน้าบ้านของเขามีคนอยู่ประมาณ 10 คน และมีตำรวจ 4 นายพยายามเคลื่อนกันพวกเขาออกไป ขณะที่พวกเขาส่องกล้องขนาดใหญ่และถ่ายรูปหลายแช๊ะ
_____________________________
พ่อกับแม่ของแม็กนัส