ตอนที่แล้วตอนที่ 5 เวทมนตร์บางอย่าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7 เด็กน้อยแห่งเพลิง

ตอนที่ 6 ทัศนศึกษาที่บ้านราชินี


วันต่อมา,

เป็นวันทัศนศึกษาของโรงเรียนและแม็กนัสก็รู้สึกตื่นเต้น เขาอยากรู้อยากเห็นมาตลอดว่าราชินีอาศัยอยู่ที่ไหน และตอนนี้ความปรารถนาของเขาก็ใกล้สำเร็จแล้ว

“แม่จ๋า ข้าวกล่องผมพร้อมหรือยังฮะ” เขาตะโกนถามจากในห้องของเขา

"พร้อมแล้วจ้า ลงมาได้แล้วแม็กได้เวลาไปแล้วลูก" เสียงแม่ของเขาดังมาจากชั้นล่าง

แม็กนัสหยิบกระเป๋านักเรียนแล้วลงไปข้างล่าง เห็นพ่อแม่ของเขาแต่งตัวในชุดทหารรออยู่ก่อนแล้ว พวกเขาก็ต้องไปทำงานด้วย

เนื่องจากแม็กนัสเรียนถึงบ่าย 3 โมง ส่วนพ่อแม่ของเขาเลิกงานตอน 5 โมงเย็น เขาต้องใช้เวลา 2 ชั่วโมงหากิจกรรมพิเศษทำ เพราะงั้นในช่วง 2 ปีมานี้ เขาเลยทำกิจกรรมนอกหลักสูตรจำพวกว่ายน้ำไม่ก็คาราเต้ ทุกวันนี้เขาชอบฝึกคาราเต้

โรงเรียนของเขาอยู่ไม่ไกลเกินไปและอยู่ระหว่างทางไปที่ทำงานของพ่อด้วย ดังนั้นเขาจึงมักจะไปกับอดัม เกรซมีรถยนต์เป็นของตัวเอง และเนื่องจากเธอเป็นหมอ ทำให้เวลาไม่ตรงกัน ดังนั้นการไปส่งหรือรับเขาที่โรงเรียนจึงไม่สะดวกนัก

"บ๊าย บาย ฮะแม่จ๋า" แม็กนัสโบกมือ

แต่เกรซจับเขาไว้ก่อนที่เขาจะไป “อืม ไม่ลืมอะไรใช่ไหมจ๊ะ?”

แม็กนัสชะงักไปครู่หนึ่ง... แล้วจู่ๆ เขาก็กระโดดไปหอมแก้มแม่ของเขา เขาอายนิดหน่อยแต่ก็ไม่มีใครมองเขานี่

"ฮ่าฮ่า เจอกันตอนเย็นนะลูกรัก ถ้าลูกรู้สึกผิดปกติตรงไหนก็รีบบอกอาจารย์ให้โทรหาแม่นะ โอเค?" เกรซพูดอย่างเป็นห่วง เธอตรวจสอบอุณหภูมิของแม็กนัสแล้ว มันยังคงคงที่อยู่ที่ 110 องศาฟาเรนไฮส์ แต่แม็กนัสมีสุขภาพแข็งแรงดีและไม่แสดงอาการว่าเป็นคนป่วย เขาตั้งหน้าตั้งตารอการเดินทางครั้งนี้ด้วย ดังนั้นเธอจึงไม่มีใจจะหยุดเขา

แม็กนัสวิ่งไปที่รถของพ่อ ขณะรถออกตัว เขาโบกมือให้แม่จากข้างใน

ในรถ อดัมหันมาย้ำกับเด็กชายอีกครั้ง “แม็ก แม่ของลูกเป็นห่วงลูกมากนะ พ่อรู้ว่าลูกสบายดีและพ่อก็เชื่อลูก

แต่การตรวจอาการของลูกก่อนหน้านี้ทั้งหมดบอกว่าอุณหภูมิร่างกายของลูกสูงกว่าปกติ

พ่อเลยแค่อยากให้ลูกดูแลตัวเองให้ดี ถ้าลูกรู้สึกผิดปกติอะไร ก็แค่โทรมาที่ทำงานของพ่อ ลูกมีอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?"

แม็กนัสพยักหน้า “ฮะพ่อ ผมอยากจะบอกอะไรพ่อเหมือนกัน วันนั้น ตอนที่ผมอยู่ในสวนสาธารณะ ผมนอนใต้ต้นไม้ใหญ่ที่สวยมากๆ มันอบอุ่นและรู้สึกดีสุดๆ แล้วผมก็ได้คุยกับมันด้วย แต่พอผมตื่นขึ้นต้นไม้ก็หายไป”

“พ่อฮะ ต้นไม้หายไปได้ยังไงฮะ?”

“อ๋า คุณเหนื่อยมากเลยนะแม็กนัส ลูกเลยฝันถึงอะไรบางอย่าง ลูกอ่านเรื่องแจ็คผู้ฆ่ายักษ์กับถั่ววิเศษเมื่อสองสามวันก่อนไม่ใช่ เหรอ? บางทีมันอาจติดอยู่ในใจของลูกก็ได้นะ” อดัมพยายามใช้เหตุผล

"อืม ไม่รู้สิฮะ" แม็กนัสไม่พูดอะไรอีก

พวกเขามาถึงโรงเรียนนอร์ทวิว อีเมนทารี่ ของเขาแล้ว

เขาลงจากรถ “บายฮะพ่อ ตอนเย็นผมจะรออยู่ตรงนี้นะฮะ”

“ระวังตัวนะแม็ก จำไว้ว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นโทรหาพ่อนะ” อดัมแนะนำเสียงดังจากรถ

แม็กนัสโบกมืออย่างเขินๆ พลางวิ่งเข้าไปในบริเวณโรงเรียน เขารู้สึกขอบคุณที่แม่ของเขาไม่ค่อยมาส่งเขา เพราะทุกครั้งแม่จะขอให้เขาหอมแก้มเธอก่อนไปโรงเรียน

แม็กนัสวิ่งเข้าไปในห้องเรียนของเขาซึ่งมีเด็กทุกคนในชั้นของเขามารวมตัวกัน ครูประจำชั้นจะเรียกขานชื่อก่อน จากนั้นพวกเขาจะออกไปเพื่อขึ้นรถเมล์

เขาเดินไปนั่งข้างเพื่อนของเขาที่ชื่อแบรนดอน แต่ทุกคนเรียกเขาว่าบ็อบบี้ พวกเขาเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดเพราะพวกเขาอยู่ด้วยกันตั้งแต่อนุบาล บ๊อบบี้มักจะไว้ผมหน้าม้ามันเลยทำให้เขาดูตลก ครอบครัวของเขามีฐานะการเงินไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นแม่ของเขาจึงตัดผมให้เขาเองเสมอ และนี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เธอสามารถทำให้ได้

แต่บ๊อบบี้เป็นคนจิตใจดี เขาจะไม่สนใจพวกบูลลี่ แม้ว่าเหตุผลหลักๆ จะเป็นเพราะแม็กนัสที่คอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอ

"แม็ก นายคิดว่าเราจะได้เจอราชินีไหม?" บ๊อบบี้ถามเขาทันทีที่แม็กนัสนั่งลง

“ก็อาจจะ เมื่อวานนี้ฉันเห็นเธอในหนังสือพิมพ์ เธอดูกริ๊วกริ้ว” แม็กนัสตอบกลับ

“ฉันก็อ่าน เธอดูรมณ์บ่จอย แต่ฉันอยากเห็นมงกุฎของเธอ เขาว่ากันว่าเพชรเม็ดใหญ่ที่สุดในโลก คงจะแพงน่าดู” บ๊อบบี้แสดงความคิดเห็น แต่เขากลับน้ำลายไหลอย่างน่าประหลาดใจ

แม็กนัสเขย่าเขาเพื่อปลุกเขาจากจินตนาการ “อย่าคิดว่านายจะได้ช็อกโกแลตกี่ชิ้น เราอาจไม่ได้เห็นมันด้วยซ้ำ”

"เอาน่า แม็ก ขอให้ฉันได้ฝันเถอะ มันทำให้ฉันมีความสุข" บ๊อบบี้ตอบกลับ

ไม่นานก็ขานชื่อเสร็จ ทุกคนก็เดินตามครูประจำชั้นไปอย่างเป็นระเบียบ พวกเขาทั้งหมดสวมชุดนักเรียนที่เหมือนๆ กันเดินเรียงกันไปดูเรียบร้อย

ทุกคนตื่นเต้นกับการเดินทางในวันนี้ แต่น่าเศร้าสำหรับแม็กนัส ที่นั่งบนรถบัสถูกจัดเรียงตามลำดับตัวอักษร ดังนั้น เขาจึงต้องติดอยู่ระหว่างผู้หญิงทั้งทางซ้ายและขวา

ในฐานะที่เป็นเด็กอายุยังน้อย เด็กผู้ชายวัยนี้ส่วนใหญ่มักจะไม่ยุ่งกับเด็กผู้หญิงมากนัก นับประสาอะไรกับการนั่งกับพวกเขา แม็กนัสจึงรู้สึกอึดอัดนิดๆ

"ลินดา วันนี้ไม่หนาวเหรอ? ฉันสั่นแล้วเนี่ย" หญิงสาวทางซ้ายของเขาพูดกับหญิงสาวทางขวาของเขา

"ใช่ แนท(ย่อมาจากนาตาลี) ที่นี่หนาวจัง รถบัสคันนี้ไม่มีฮีทเตอร์เหรอ" เธอตั้งคำถาม

ลินดาจึงเดินไปหยิบขวดน้ำที่แขวนไว้ที่พนักพิงศีรษะของที่นั่งด้านหน้า

อย่างไรก็ตาม เธอไปสัมผัสมือของแม็กนัสโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่แทนที่จะดึงมือกลับเธอกลับจับไว้แน่น

“ว้าว แม็กนัส มือเธออุ่นจัง สบายจังเลย ขอฉันจับหน่อย แนท จับมือแม็กนัสสิ อุ๊นอุ่น” เธอบอกเพื่อนของเธอ

"อุ่นจริงด้วย" แนทก็จับมือเขาไว้ ในไม่ช้าทั้งสองก็เข้าใกล้เขามากขึ้นเพราะความอบอุ่นของร่างกายของเขา

แม็กนัสอายจนหน้าแดง ตอนนี้เขากำลังโกรธที่ไข้ดันมาขึ้นตอนนี้ ~ฮึ้ม เจ้าไข้นิสัยไม่ดี มันทำให้ฉันอุ่นขึ้น ฉันหวังว่าบ๊อบบี้จะไม่สังเกตเห็นฉันนะ ไม่งั้นฉันได้เป็นตัวตลกในห้องแน่เลย~

หลังจากนั้นไม่นาน แม็กนัสก็ชักมือออกอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงพระราชวังบักกิงแฮม รถบัสจอดอยู่ห่างๆ  จากนั้นพวกเขาก็เข้าไปในพระราชวัง

ไกด์เล่าเรื่องต่างๆ ในพระราชวังให้พวกเขาฟัง เกี่ยวกับภาพบุคคล รูปปั้น และห้องต่างๆ

"นี่คือภาพวาดของพระเจ้าชาลส์ที่ 1 โดย แวน ไดก์.." ไกด์ยังคงพูดพล่ามต่อไป

แม็กนัสและบ๊อบบี้เองก็มองไปที่ภาพวาดแล้วหัวเราะกันคิกคั๊ก

“ดูหนวดของเขาสิ แม็ก มีประโยชน์ในการแหย่ชาวบ้านแน่ๆ” บ๊อบบี้พูดติดตลก

หลังจากนั้นพวกเขาก็ดูมงกุฎจำลอง มันดูสวยงาม แต่ก็แค่นั้น เมื่อเทียบกับของต้นตำหรับ มันดูจืดชืดเพราะปากต่อปากของผู้สัญจรผ่านไปมา

“คงจะหนักมาก” แม็กนัสพึมพำ แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียง

"*หาว* ไอ้สารเลวนั่นต้องสนุกอยู่ในโรงเรียนน่าขนลุกนั่นอยู่แน่ๆ ให้ตายสิ ทำไมเขาถึงต้องทำให้ข้าล่องหนนะ"

แม็กนัสพบว่าคำพูดนั้นดูตลก เขาจึงพยายามมองหาว่าเสียงนั้นมาจากไหน หลังจากมองหาไม่กี่นาที เขาก็พบภาพวาดบนผนัง

แม็กนัสตกใจอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นภาพวาดที่สามารถเคลื่อนไหวได้ ชายที่อยู่ข้างในกระพริบตาและเล่นกับดาบของเขาด้วย

เขาขยี้ตาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เห็นภาพหลอน แต่ความสงสัยของเขาก็กระจ่างเมื่อภาพวาดพูดกับเขา

"เจ้า... เห็นข้าใช่ไหม? จริงรึ!? โอ้ว ท่านลอร์ดผู้แสนดี ขอบคุณ ข้าใกล้จะวิกลจริตเต็มทนแล้ว" ภาพวาดพูดพล่าม

แม็กนัสจ้องมองมันอย่างว่างเปล่า เขามองซ้ายทีขวาที แต่ก็ไม่มีใครตอบสนอง

"คุณคืออะไร?" แม็กนัสถาม

“โอ้ หยาบคายเสียจริง แต่ข้าเดาว่าเจ้ามีเลือดของข้าอยู่ในตัวเจ้า หากข้าพิจารณาว่าอายุอย่างเจ้า เจ้าน่าจะยังบริสุทธิ์อยู่สินะ ไอ้หนู” ภาพวาดตอบกลับ

แม็ก นายกำลังคุยกับใครน่ะ” บ๊อบบี้มาหาเขา

แม็กนัสชี้ไปที่ผนัง "ภ-ภาพวาดนั่น มันเคลื่อนไหว"

บ๊อบบี้จ้องกลับไปที่ผนัง “หมายความว่ายังไง มันก็แค่กำแพง”

แม็กนัสมองดูภาพวาดและบ๊อบบี้อย่างสับสน

"ฮ่าฮ่า เขามองไม่เห็นข้าหรอก เด็กน้อย เขาคือแม็กบ๊อบ หรือพูดให้ถูกคือ สมัยนี้เขาเรียกว่ามักเกิ้ลสินะ โอ้ ไอ้หนูเอ๋ย ชุมชนผู้วิเศษคงตกต่ำลงแล้ว” ภาพวาดพึมพำกับตัวเอง

"มักเกิ้ลหรอฮะ?" แม็กนัสรู้สึกสับสน

ภาพวาดแสดงสีหน้าตกใจ "เดี๋ยวนะ... เจ้า... บวาฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า... เจ้าก็เป็นแม็กบ็อบเหมือนกันเหรอ? อา ข้าล่ะอยากเห็นหน้าไอ้สารเลวนั่นว่าจะทำหน้ายังไง ตอนเจ้ารับมรดกไปแล้ว"

แม็กนัสรู้สึกสับสนอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าภาพวาดมหัศจรรย์นี้พูดถึงอะไร ยิ่งไปกว่านั้น มีเพียงเขาเท่านั้นที่มองเห็นมัน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถถามคนอื่นได้

"คุณเป็นใคร?" แม็กนัสถามอีกครั้ง

“นายคุยกับใครน่ะแม็ก?” บ๊อบบี้ถามอีกครั้ง

"เด็กน้อย ข้าคือหนึ่งเดียวมิมีผู้ใดเสมอเหมือน... ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด... ประเสริฐที่สุด... แน่นอนว่าดีกว่าไอ้สารเลวนั่น กษัตริย์..."

"แม็กนัสและแบรนดอน...อย่าแตกแถว" ทันใดนั้นครูของเขาก็ดุเขาและบ๊อบบี้ ทั้งคู่วิ่งกลับไปที่แถว พวกเขากำลังออกไปยังสถานที่ถัดไป

ภาพวาดตะโกนขณะที่เขาจะจากไป  "ไม่เป็นไร เด็กน้อย เราจะพบกันใหม่ในไม่ช้า มันเป็นโชคชะตาของเรา เจ้าได้รับพรจากข้า..."

แม็กนัสอยากอยู่คุยกับภาพวาดแต่เขาก็ไม่อยากทำให้อาจารย์โกรธ เธอมีนิสัยไม่ดีชอบโทรหาผู้ปกครองหากนักเรียนทำผิด ไม่มีใครชอบเธอ

[A/N: ลองเดาดูไหมว่าภาพวาดคือใคร]

_____________________________

พระเจ้าชาลส์ที่ 1 ของ แวน ไดก์

ภาพเหมือนพูดได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด