ตอนที่ 208 เสียงร้องกระบี่หัวใจองครักษ์
กัวหลินถูกขู่ขวัญจนโง่งม จนถึงตอนนี้เขาไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ ทำไมชาวบ้านตระกูลเซี่ยถึงได้ไม่กลัวเขา
ทันใดนั้นเสียงกึกก้องสะเทือนดังมาจากที่ไกล
ทุกคนเงียบเสียงลง แต่หัวใจของกัวหลินเต้นแรง บรรพบุรุษของเขามาหรือ?
ถึงเวลานี้ชาวบ้านคนหนึ่งวิ่งโซเซเข้ามา ในหน้าแสดงแววหวาดกลัว “อสูรหินกรวด! อสูรหินกรวดมาที่นี่แล้ว”
ยังไม่ทันจบคำเสียงสะเทือนก็ดังเข้ามาใกล้ทำพื้นสั่นสะเทือนเหมือนตะแกรงสั่น
ก่อนที่ทุกคนจะทันตั้งตัว พวกเขาได้ยินเสียงบึ้มกำแพงที่ยังทำไม่ทันเสร็จพังทลายทันที อสูรหินกรวดบางส่วนขนาดพอๆ กับภูเขาย่อมๆ วิ่งตะลุยเข้ามาในหมู่บ้าน
อสูรหินกรวดโถมเข้ามาเหมือนคลื่นซัดสาดทำให้ผมของทุกคนลุกชัน
ตาของเซี่ยชิงกลายเป็นสีแดงและตะโกน “ลูกผู้ชายแห่งหมู่บ้านตระกูลเซี่ยทุกคนเข้าประจำตำแหน่ง! เซี่ยหว่าน พาคนที่เหลือถอนกำลังไปที่ภูเขา
ในที่สุดหมู่บ้านกระบี่ตระกูลเซี่ยซึ่งดำรงคงอยู่มาถึงเจ็ดร้อยปีจะสิ้นสุดลงอย่างนี้...
หัวใจของเซี่ยชิงเต็มไปด้วยความเสียใจ แต่เขารู้ว่าไม่มีเวลารู้สึกเสียใจ กระบี่ของเขาจ่อใส่กัวหลินและกล่าว “เจ้าจะออกไปและสู้ร่วมกับเรา ถ้าพวกเจ้าสามารถจากไปได้ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
หน้าของกัวหลินซีดขาวลามลงไปจนถึงขาของเขา แต่ปลายกระบี่เย็นของเซี่ยชิงที่จ่ออยู่ที่คอหอยของเขาทำให้เขาตื่นตัว ขณะที่เขาทำหน้าหงุดหงิดกัดฟันตอบว่า “ก็ได้”
เขาตั้งใจไว้แล้ว ถ้าเขาสามารถรอดชีวิตอยู่ได้ เขาจะไม่มีทางปล่อยตระกูลเซี่ยให้รอดแน่อน
บุรุษของหมู่บ้านกระบี่ตระกูลเซี่ยสามารถควงกระบี่ฟาดฟันได้ทุกคน พวกเขาตาแดงขณะที่พวกเขาตวาดและควงกระบี่เข้าหาอสูรหินกรวด
※※※
เมื่อได้เห็นฝูงอสูรหินกรวดเต็มทั้งภูเขาและที่ราบเหมือนคลื่นน้ำไหลหลากเข้าท่วมหมู่บ้าน หน้าของนางโจรชุดดำสวมหน้ากากปิดบังมีท่าทีประหลาดใจ ข้างๆ นางเป็นชายชราตาบอดนั่งอยู่บนรถเข็นและบุรุษวัยกลางคนอีกคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังคอยทำหน้าที่เข็นรถเข็น
ชายชราร่างผอมอ่อนแอและตาบอดบนเข่าของเขามีเอ้อหู (ซอจีน) เก่าแก่วางพาดอยู่
“หมู่บ้านตระกูลเซี่ยพังทลายไปหรือยัง?” ชายชราถามขึ้นทันที เสียงของเขาแหบแห้งไม่น่าฟัง
นางสั่นแล้วตอบทันที “กำแพงถูกทลายไปแล้วและอสูรหินกรวดกำลังบุกเข้าไป
“ข้าหวังว่าข้อมูลของเจ้าจะถูกต้อง” ชายชราพูดอย่างเฉื่อยชา
หน้าของสตรีนางนั้นเปลี่ยน แรงกดดันไร้สภาพทำให้นางต้องสูดหายใจเข้า นางพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเค้นรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสบอดวางใจได้ ข่าวจากม้าศึกขององค์การวิญญาณมืดไม่เคยผิดพลาด
ถ้าถังเทียนเห็นนางโจรชุดดำ เขาคงจำนางได้ นางก็คือม้าขององค์การวิญญาณมืดที่จิ่งหาวกับเขาเคยพบมาก่อน
“ข้าได้ยินว่าเจ้าเคยพบสมบัติหมู่ดาวพิณมาก่อนใช่ไหม?” ชายชราถามขึ้นทันที
นางโจรชุดดำตอบด้วยความรู้สึกเคียดแค้น “น่าเสียดายที่ข้าไปพบกับคนจากสมาพันธ์ชาวยุทธจึงต้องวางมือ”
เมื่อคิดถึงเมื่อคราวเผชิญหน้า อารมณ์ของนางถึงกับเสียมากขึ้น นางใช้ทรัพยากรและคนไปนับไม่ถ้วนในที่สุดก็พบเบาะแสสมบัติดาวพิณ แต่ในท้ายที่สุดนางก็ถูกเจ้าบัดซบสองคนโกงไป
“สมาพันธ์ชาวยุทธ?” ชายชราพูดอย่างไม่อนาทร “เจ้าต้องการฮุบทุกอย่างไว้ตามลำพังก็อย่าได้ตำหนิว่าคนอื่น”
นางโจรชุดดำได้แต่เงียบ
“วางใจได้ ถ้าเราสามารถพบกระบี่นั้นได้จริงๆ อย่างนั้นหยดเลือดนั้นจะเป็นของเจ้า” ชายชราพูดเย็นชา “น้องสาวของเจ้าได้เจ้าเป็นพี่สาวนับว่านางโชคดีจริงๆ”
นางโจรชุดดำสะท้านทั้งร่าง นางตาเบิกโพลงในทันใด และพูดกระชากเสียง “ท่านตรวจสอบข้าด้วยหรือ?”
“ทำไมข้าจะตรวจไม่ได้เล่า?” ชายชราย้อน
สตรีชุดดำเงียบนางเม้มริมฝีปากแน่น กระทั่งกลายเป็นสีขาว
“ทำไมถึงต้องใช้อสูรหินกรวด?” ชายชราลืมความโกรธของนาง และถามโดยตรง
สตรีชุดดำเงียบไปชั่วขณะและอธิบาย “อสูรหินกรวดเป็นอสูรดวงดาวธาตุดินและสามารถลุยหน้าได้โดยไม่มีอะไรขวางมันได้ แม้ว่าพวกมันจะช้ามาก ตรงไหนก็ตามที่มันไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้นั่นคือที่อยู่ของกระบี่สมบัติ”
นางยังคงอธิบายต่อ “หลังจากผ่านไปสองสามร้อยปี ดินรอบๆกระบี่สมบัติจะเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากพลังของกระบี่และอสูรหินกรวดจะไม่สามารถเข้าไปใกล้มันได้”
“นับว่าเป็นวิธีการที่แยบยล” ชายชราชมเชยอย่างเฉยเมย
นางโจรชุดดำขบริมฝีปากและพูดทันที “นี่คือดินแดนอิทธิพลของกัวตง”
“ข้ารู้จักเขา” ชายชราพยักหน้า เบ้าตาที่กลวงเหมือนกับหลุมเปล่าและน้ำเสียงของเขาไม่พอใจดังเหมือนกับพูดลอยๆ “หัวหน้าพวกกาเพลิง..หึหึ”
จู่ๆเมื่อเขาทำจมูกแปลกๆ นางโจรชุดดำสะดุ้งตกใจ
นางโจรชุดดำไม่กล้าพูดอะไรมากอีกต่อไปด้านหนึ่งบุคลิกของชายชราคนนี้ก็คือชายชราธรรมดา แต่เขาคือปีศาจนักฆ่าที่แท้จริงซึ่งฆ่าคนได้ไม่กระพริบตา และเขาเองได้ตรวจสอบนางจริงๆทำให้นางกลัวมากขึ้น
จู่ๆชายชราก็มีสีหน้าประหลาดใจ
เบ้าตาที่กลวงกำลังมองไปทางตำแหน่งหมู่บ้านกระบี่ตระกูลเซี่ย นางโจรชุดดำสังเกตเห็นอาการประหลาดใจของเขาจึงหันไปทางตำแหน่งเดียวกันทันที แม้ว่าชายชราไม่ได้พูดอะไร แต่นางสามารถได้ยินความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดเป็นไปอย่างไม่ราบรื่น
ร่างแข็งแกร่งร่างหนึ่งเคลื่อนไหวในท่ามกลางอสูรหินกรวดกระบี่เคลื่อนไหวคราหนึ่งก็ทำให้อสูรหินกรวดล้มลง
เสียงร้องของกระบี่สามารถได้ยินชัดเจนแม้จะอยู่ไกล
ชายชราพยายามฟังต่อไปใบหน้าของเขายังคงเฉื่อยชาไร้อารมณ์ต่อเนื่อง จู่ๆ ก็มีสีหน้าชื่นชม “เสียงกระบี่ร้องที่ยอดเยี่ยม! ถ้ามีเวลาพอ อนาคตของเขาจะต้องไร้ขีดจำกัดแน่!
“ท่านจะให้เวลาเขาหรือ?” นางโจรชุดดำย้อนถาม
เขาส่ายศีรษะขณะกล่าวตามตรง “ไม่”
เขาพึมพำกับตัวเอง “ครั้งล่าสุดเราได้เห็นบุรุษหนุ่มที่โดดเด่นสองคน แต่พวกเขายังไม่ปรากฏตัว ช่างแปลกเสียจริง”
เหมือนกับว่าเขารู้สึกเศร้า แต่ยังคงรู้สึกเหมือนกับว่าโล่งใจ
※※※
กระบี่ของเซี่ยชิงเหมือนกับสายลมเสียงร้องดังออกมาจากกระบี่เหมือนกับว่าจะไม่มีทางหยุด
ทันใดนั้น ติง,หมัดเหล็กหมัดหนึ่งป้องกันขวางกระบี่ของเขาไว้
ม่านตาของเซี่ยชิงหดแคบ มันคือจ้าวอสูรหินกรวด! จ้าวอสูรหินกรวดตัวเดียวกับที่ถังเทียนสู้ด้วยในวันนั้น! เซี่ยชิงเพิ่งจะบรรลุระดับฝีมือใหม่จึงไม่กลัว เขาสะบัดข้อมือ กระบี่ยาวปล่อยเสียงร้องและแทงออกไป
ตาสีน้ำตาลใสของจ้าวอสูรหินกรวดฉายประกายวูบหนึ่ง หมัดโลหะของมันผสานสัมพันธ์กับปราณดินพุ่งตรงใส่เซี่ยชิง
ช่วงที่กระบี่กับหมัดสัมผัสปะทะกันระลอกคลื่นที่ไร้ลักษณ์จะปะทุออกมาทันที
คลื่นเป็นเหมือนฝนหินกระเด็นไปสี่ทิศทาง
อสูรหินกรวดที่มีตัวขนาดภูเขาย่อมๆถูกคลื่นกวาดออกไปล้มลงกันทุกตัวเกลื่อนกลาด
จ้าวอสูรหินกรวดมีสติปัญญาไว เมื่อเห็นว่าเซี่ยชิงที่มันเคยเอาชนะได้เมื่อไม่กี่วันก่อนกลับสู้ได้เสมอกับมันในตอนนี้ทำให้มันโกรธเคืองยิ่งขึ้น มันระเบิดอารมณ์โมโหดุร้ายออกมาทันที
มันตวาดลั่นขณะวิ่งเข้าหาเซี่ยชิง
เซี่ยชิงเฝ้ารออย่างระมัดระวัง กระบี่ในมือของเขายังสั่นต่อเนื่อง และเสียงร้องของกระบี่ยังคงดังไม่หยุด
ทุกครั้งปราณดินแท้และกระบี่หัวใจองครักษ์ปะทะกัน พลังปราณจะถูกปลดปล่อยออกมา
ปัง ปัง ปัง!
หลังจากนั้นวงคลื่นปราณเป็นระลอกก็กระจายออกมาต่อเนื่องโดยมีพวกเขาเป็นศูนย์กลาง
หลังจากนั้นปราณลูกแล้วลูกเล่าก็ระเบิดออกมากวาดไปทั่วบริเวณสนามรบ
เงาร่างทั้งสองปะทะกันอย่างต่อเนื่องสามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนในพื้นที่ต่อสู้ได้ ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างคู่คี่แต่เมื่อว่ากันในเรื่องความสมดุลในการต่อสู้ ความได้เปรียบตกไปอยู่ที่อสูรหินกรวดอย่างรวดเร็ว ความแข็งแกร่งของหมู่บ้านกระบี่ตระกูลเซี่ยไม่สามารถป้องกันการโหมโจมตีอย่างต่อเนื่องของอสูรหินกรวดได้
※※※
ภายในยานอาชาฟ้า ถังเทียนฉุดรั้งหลิงซิ่วที่วิ่งพรวดพราดออกมา
ทั้งสองคนเพิ่งจะเลิกฝึก
“ปล่อยข้า!”หลิงซิ่วตะคอกด้วยความโกรธขณะที่เขามองดูสนามรบ “เจ้ามันเลือดเย็น เจ้าทนดูพวกเขาถูกอสูรหินกรวดฆ่าตายได้ยังไง”
ถังเทียนเหลือกตา เหมือนกับว่าเขากำลังมองคนโง่คนหนึ่ง “เจ้าไม่เห็นเบื้องหลังคนหลังหลังอสูรหินกรวดจริงๆ หรือ?”
“แล้วไงเล่า,เราจะทนดูชาวบ้านตายอย่างนั้นหรือ?” หลิงซิ่วตะคอก
“แน่นอนว่าไม่” ถังเทียนปั้นหน้าราวกับวีรบุรุษขณะอธิบาย “ด้วยกำลังเจ้าคนเดียว เจ้าสามารถจัดการพวกมันทั้งสนามรบได้ไหม!ข้าจะอยู่เบื้องหลังเพื่อหาโอกาส และจะดึงเจ้าบัดซบที่อยู่หลังฉากจอมบงการเบื้องหลังอสูรหินกรวดนี้”
“อย่างนั้นทำไมเจ้าต้องฉุดรั้งข้าไว้ด้วย?” หลิงซิ่วถลึงตา
“ข้าได้เคยได้ยินมาว่ามีวิชาหอกโบราณซึ่งถูกบัญญัติให้ใช้ร่วมกับพาหนะเจ้ารู้จักบ้างไหม?” ถังเทียนถาม
“อืม.. เจ้ารู้เรื่องนั้นได้ยังไง?” หลิงซิ่วประหลาดใจ และกล่าว “พาหนะขับขี่ใช่ว่าจะหาได้ง่ายอย่างที่คิดและจะทำอย่างนั้นได้ก็ค่าใช้จ่ายแพง ข้าไม่มีเงินมากพอจะทำเช่นนั้น”
“เฮ้, สำหรับหนุ่มน้อยชาวฟ้าเรื่องพาหนะขับขี่เป็นการแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุด” เมื่อหลิงซิ่วจ้องมองอย่างสงสัยอยู่ถังเทียนเอานกฟลาเมงโกออกมาและพูดอย่างใจกว้าง “ข้าจะให้เจ้านี่เป็นของขวัญเจ้า!”
หลิงซิ่วตะลึง แต่สายตาจับนิ่งอยู่ที่นกฟลาเมงโกทันที
ถังเทียนไม่เข้าใจคุณค่าของมัน แต่เขารู้
“วันนี้เจ้าไม่สบายหรือเปล่า?” หลิงซิ่วมองดูถังเทียนด้วยความสงสัย “หรือว่าเจ้ามีความคิดเลวร้ายอะไรอยู่ในหัวกันแน่?”
ถังเทียนทำท่าทางสัตย์ซื่อบริสุทธิ์ “เห็นข้าเป็นคนแบบนั้นเหรอ?”
“ก็แน่ล่ะสิ” หลิงซิ่วตอบอย่างมั่นใจ
ถังเทียนทำท่าฉุนเฉียวใส่เขา “อย่างนั้นข้าจะได้เอากลับคืน”
หลิงซิ่วหัวเราะลั่น เขาพลิกตัวขึ้นขี่และเปิดการทำงานของนกฟลามิงโกและขี่ออกไปจากยานขนส่งราวกับลมพัด
ปิงปรากฏตัวอยู่ข้างๆถังเทียนทันที “ทำไมเจ้าถึงคิดใช้พาหนะ?”
ถังเทียนมีท่าทางภูมิใจ “หนุ่มชาวฟ้ามีสายตาที่เฉลียวฉลาด สายตาของลุงไม่สามารถเข้าใจได้แน่”
ปิง “.....”
เมื่อถังเทียนต่อสู้ครั้งสุดท้าย เขาสังเกตเห็นรูปแบบการต่อสู้ของหลิงซิ่วสัญชาตญาณของถังเทียนเฉียบไวมาก เขารู้สึกว่าจังหวะการโจมตีของหลิงซิ่วค่อนข้างล่าช้า เหตุผลที่เขาพูดเช่นนั้นก็เพราะว่าด้วยพลังของซิ่วซิ่วน้อย ความล่าช้าเช่นนั้นไม่ควรปรากฏมี หลังจากนั้นถังเทียนจึงตระหนักได้ว่าวิชาหอกที่หลิงซิ่วใช้วันนั้นแตกต่างจากวันอื่น
เมื่อมาคิดถึงอีกครั้งถังเทียนสังเกตได้ว่า ลักษณะการโจมตีของหลิงซิ่วยังไม่สอดคล้องกลมกลืนดีเพราะเขายังขาดพาหนะ จากนั้นถังเทียนฉุกคิดถึงนกกระจอกเทศบรอนซ์ที่ถูกแปรสภาพเป็นนกฟลามิงโกไปแล้วทันที
เทียบกับยานเงินอาชาสวรรค์ นกฟลามิงโกในตอนนี้ยังไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ในมือเขา ดังนั้นเขาจึงถามข้อสงสัยในที่สุด
แต่ข้อสงสัยนี้ถูกเก็บเข้าไปในใจเขาอย่างรวดเร็วและเขาถามปิงด้วยความสงสัย “ลุง,ลุงว่ามีคนชักนำอสูรหินกรวดมา นั่นเป็นคนแบบไหนกัน?”
“เป็นคนที่แข็งแกร่งทรงพลัง” หน้าของปิงเคร่งเครียดทันที “ข้าสามารถรู้สึกได้ทันที พวกเขาอยู่ไม่ไกล”
ถังเทียนกระตือรือร้นและโพล่งออกมาอย่างมั่นใจ “ยิ่งเป็นงานระดับที่ยาก ก็ต้องให้หนุ่มชาวฟ้าผู้นี้รับมือจากนั้นงานก็จะสำเร็จได้”
พูดจบเขากระโดดออกมาจากยานขนส่ง เขาแยกออกมาจากด้านหลังหมู่บ้าน
เพื่อหลีกเลี่ยงกลุ่มอสูรหินกรวด ถังเทียนแยกออกมาจากทางด้านหลังหมู่บ้านเดินอ้อมกลุ่มพวกมันเป็นวงใหญ่และค่อยๆหาทางไปอยู่ด้านหลังพวกอสูรหินกรวด
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เห็นร่างสองสามร่าง
จิตใจถังเทียนตื่นเต้น
คนพวกนี้คือต้นเหตุหลัก!
รังสีอำมหิตในใจเขาเพิ่มขึ้น ขณะที่เขาหาทางเข้าไปอย่างเงียบๆ