ตอนที่ 205 นักสู้ตัวจริง
ถังเทียนจ้องมองอสูรหินกรวดที่อยู่ต่อหน้าของเขา สีหน้าเขาแข็งกร้าว จ้าวอสูรหินกรวดตนนี้แผ่กลิ่นอายที่อันตราย
สัญชาตญาณสิบแปดเท่าทำให้ถังเทียนมีประสาทรับรู้ถึงอันตรายที่แหลมคม มากกว่าคนธรรมดามากมาย ตั้งแต่ลงสู่พื้นจนถึงตอนนี้ อสูรหินกรวดธรรมดาเป็นเหมือนผักเหมือนผลไม้ในเงื้อมมือของเขา ไม่มีตัวใดที่แผ่กลิ่นอายอันตรายต่อเขาเลย
ดูเหมือนว่าเจ้านี่จะทรงพลังมาก!
ตาของถังเทียนแสดงแววตื่นเต้น ความปรารถนาต่อสู้ที่อั้นอยู่ในอกของเขาแทบจะระเบิดออกมา
สามารถแลกหมัดได้กับอสูรที่ทรงพลังขนาดนั้นมักทำให้ถังเทียนตื่นเต้นเสมอ
ถังเทียนปล่อยพลังจากจากขาของเขาโดยไม่ต้องคิด เขาย่อตัวนั่งยองๆและราวกับลูกธนูหลุดออกจากแล่ง เขาพุ่งตรงเข้าหาจ้าวอสูรหินกรวด นิ้วทั้งห้ากางออกเสียดสีอากาศ ปลายนิ้วเปล่งประกายแสงเนื่องจากความร้อน รัศมีแสงเรื่อเรืองทันทีมีประกายเหมือนกับไฟฟ้าแปลบๆออกมาจากปลายนิ้วถังเทียน เผาไหม้แพรวพราวทันที
เงาของเขาเหมือนกับสายลมมีเส้นสายประกายไฟที่สวยงาม
แสงส่องประกายวาววับผ่านนัยน์ตาโปร่งแสงสีน้ำตาลของจ้าวอสูรหินกรวดมันยกหมัดขวาขึ้น
ฝ่ามือโลหะดำของหมัดขวาในสายตาของถังเทียนชัดใสม่านตาของถังเทียนหรี่แคบมอง ฝ่ามือโลหะ
หมัดของจ้าวอสูรหินกรวดเป็นโลหะจริงๆ! ฝ่ามือโลหะดำคลุมไปด้วยโลหะสว่างสดใส มองดูเหมือนดวงดาวในท้องฟ้ายามราตรี ลึกลับแต่งดงาม
กรงเล็บเพลิงภูตพรายและหมัดของจ้าวอสูรหินกรวดปะทะกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
บึ้ม!
ประกายไฟนับไม่ถ้วนระเบิดออกมาจากกรงเล็บเพลิงภูตพรายของถังเทียนดูเหมือนกับดอกไม้ไฟ ขณะที่แผ่นดินเชื่อมกับปราณเที่ยงแท้ระเบิดออกมาจากหมัดจ้าวอสูรหินกรวด พื้นแข็งถึงกับเป็นเหมือนกับคลื่นน้ำที่แผ่กระจายออกเป็นวงกลม
นิ้วของถังเทียนชาทันที คลื่นปราณเที่ยงแท้มีพลังมหาศาลถังเทียนมีความรู้สึกเหมือนปะทะกับค้อนหนัก
แต่ศัตรูไม่ได้ดีกว่าเท่าใดเช่นกัน กรงเล็บเพลิงภูตพรายที่อันตรายและมีแรงระเบิดของถังเทียนผสานไปด้วยพลังงานกระเรียนที่แหลมคม
วิชากรงเล็บเป็นวิชามีพลังแหลมคมเฉียบขาดในตัวเองซึ่งสามารถทะลวงได้เกือบทุกอย่าง ด้วยพลังกรงเล็บนี้ร่างของจ้าวอสูรหินกรวดยังแทบทนไม่ได้
ถังเทียนตะโกนลั่น กรงเล็บของเขาไวมากจนเกิดภาพพจน์ว่าใช้ความเร็วสยบความเร็ว
ติง ติง ติง!
เหมือนกับว่ากรงเล็บเหล็กโจมตีใส่ค้อนเหล็กอย่างต่อเนื่องจนมันกลายเป็นสีแดง ทุกๆ การโจมตีใส่จะก่อให้เกิดประกายไฟ เข้มข้นมากเสียจนคนไม่สามารถหายใจออก
ประกายไฟครอบคลุมตัวทั้งสอง เซี่ยชิงและเซี่ยหว่านสามารถเห็นได้แต่เพียงร่างทั้งสองต่อสู้กันอยู่ประกายไฟ
ถึงตอนนี้หลิงซิ่วเข่นฆ่ามาถึง
เมื่อถังเทียนตะโกนบอกเขา เขากำลังฝึกฝนติดพันและทั่วร่างยังเปียกโชกจากเหงื่อ หลิงซิ่วกวาดมองรอบๆหอกเงินในมือของเขาเหมือนกับมังกรพิษออกจากถ้ำ ซู่ ซู่ ซู่!เสียงหอกยาวฉีกฝ่าอากาศ
หลิงซิ่วเดินทางตามลำพังเป็นเวลานานมากและประสบการณ์ในการต่อสู้มีมากมาย แม้ว่าในตอนแรกเขาจะได้พบกับอสูรหินกรวด แต่หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาก็จับจุดอ่อนเจ้าตัวใหญ่ได้
ร่างของเขาแข็งแรงบินไปข้างหน้าเหมือนสายฟ้า ทุกๆ หอกจะโจมตีใส่ศัตรูตัวหนึ่ง
วิชาหอกใช้สังหารในสนามรบอย่างนี้เขาเหมือนพระยามัจจุราช ไม่ว่าที่ใดที่เขาผ่านไป ศัตรูจะถูกกระแทกพ่ายแพ้
“แข็งแกร่งทรงพลังมาก!” เซี่ยหว่านมองดูด้วยความงงงวย ตาของนางจับจ้องมองดูร่างของหลิงซิ่ว
หอกเหมือนกับดาวตกแดงเหมือนเปลวไฟนรก ผมเงินประบ่าชุดขาวขลิบทอง
เขาดูเหมือนอายุยังน้อย
ทันทีที่เขาออกมา ก็ดึงดูดสายตาของเซี่ยหว่านไว้ทันที
หลิงซิ่วไปตามกำแพงดินหมู่บ้านกระบี่และเข่นฆ่าไปรอบๆหลังจากนั้นไม่นานแรงกดดันบนกำแพงดินที่พังทลายก็ลดลง
เซี่ยชิงมีสีหน้าตะลึง เขาจ้องมองการต่อสู้ของถังเทียนกับจ้าวอสูรหินกรวด หนึ่งมนุษย์หนึ่งอสูรเป็นฉากการต่อสู้ที่ตื่นเต้นลายตาไปหมด
แม้ว่าพวกอสูรหินกรวดจะไม่กลัวตายก็ตาม แต่ทั้งหมดก่อขบวนเป็นรูปเวทีวงกลมและพวกที่เพิกเฉยจะถูกฆ่าทันที
ถังเทียนมีความสุขกับการต่อสู้มาก
เขาสู้ไม่ถอยความจริงด้วยความสำเร็จวิชากรงเล็บเพลิงภูตพรายในปัจจุบันของเขา เขาไม่มีทางเลือก ได้แต่ทุ่มเท ทุกๆ การโจมตีต้องทุ่มเทพลังทั้งหมด เขาใช้พลังไปมาก และการต่อสู้รวดเร็วจนเขาต้องพึ่งพาสัญชาตญาณ
แต่....เป็นเรื่องที่น่าดีใจจริงๆ!
ถังเทียนไม่สามารถรอแหงนหน้าใส่ท้องฟ้าแล้วตะโกน เขาทรมานกับการฝนทั่งมาหลายวันมาก การฝึกฝนที่แสนจะน่าเบื่อวันแล้ววันเล่าอย่างนั้น ความอยากสู้ที่ถูกเก็บกดมานานได้ระเบิดออกในตอนนี้แล้ว
กรงเล็บภูตพรายไม่ได้สอนวิชากรงเล็บเพลิงภูตพรายตรงๆให้เขา และถังเทียนเพียงรู้แค่วิธีสร้างประกายไฟในอากาศ แต่ถังเทียนไม่ได้กลัวเรื่องนั้นแม้แต่น้อยแต่เคล็ดและท่วงท่ากลับไหลเข้ามาในหัวของเขาโดยอัตโนมัติ
เขากำลังอาศัยสัญชาตญาณสิ้นเชิง และนี่เองทำให้เขาเคลื่อนไหวได้ไหลลื่น
ประกายไฟรุนแรงกลายเป็นเรื่องยากจะเข้าใจ
จ้าวอสูรหินกรวดรู้แต่เพียงว่าแรงกดดันบนตัวมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเสียงแหลมยาวทรงพลังดังขึ้นแต่ไกล เสียงหวีดเสียดหูทำให้อารมณ์ของถังเทียนชะงักค้างทันที ตาของจ้าวอสูรหินกรวดฉายประกายแสงและหดหายกลับไปทันที มันบินหนีออกไปไกลโดยไม่ยอมมองถังเทียนทันที
ครืน ครืน ครืน!
อสูรหินกรวดทุกตัวเหมือนกับคลื่นน้ำลดถอยกลับไปทิ้งไว้แต่พื้นที่เต็มไปด้วยทรายและหิน
พื้นยังคงสั่นสะเทือนจากพลังเคลื่อนที่ซึ่งทรงพลัง
แม้แต่ถังเทียนและหลิงซิ่วก็ยังทึ่งกับเสียงทรงพลังที่จู่ๆก็ดังขึ้นมาทันที แต่ไม่มีใครไล่ตามไป สายตาของถังเทียนจับจ้องดูจ้าวอสูรหินกรวด ขณะที่มันหายไปอย่างรวดเร็ว
หลิงซิ่วถอนหายใจเฮือกผมสีเงินของเขาทั้งหมดเปียกโชกเหงื่อ
เดิมทีเขาก็แทบไม่เหลือพลังอยู่แล้วหลังจากเข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่ง เขาเหนื่อยจนหอบหายใจ
“พวกมันถอนกำลังไปแล้ว!”
“อสูรหินกรวดกำลังถอยไป!”
….
ชาวบ้านระเบิดเสียงโห่ร้องฉลองชัยและมีสีหน้ายิ้มแย้มปรากฏ
ความรู้สึกนี้ยิ่งใหญ่ดีจริงๆ...
ทันใดนั้นมือที่อ่อนนุ่มข้างหนึ่งยื่นส่งผ้าเช็ดหน้าให้
“ขอบคุณท่าน”
เสียงของเด็กผู้หญิงอ่อนโยนเหมือนสายน้ำแฝงด้วยความเอียงอาย
หลิงซิ่วประหลาดใจ เขาเงยหน้าขึ้นและใบหน้าที่เรียวงดงามปรากฏในสายตาของเขา เมื่อสบสายตาของหลิงซิ่วเซี่ยหว่านตื่นเต้นยัดผ้าเช็ดหน้าใส่มือหลิงซิ่วและวิ่งจากไป
หลิงซิ่วมึนงง เขามองดูผ้าเช็ดหน้าสีขาวหิมะจากนั้นเงยหน้าขึ้น ขณะที่ผมของเขาเปียกโชก
ของชิ้นเล็กอย่างนี้ถ้าข้าเช็ดไป..มันจะกลายเป็นของไร้ประโยชน์...
ใจของหลิงซิ่วคิดเช่นนั้นจึงยัดผ้าเช็ดหน้าไว้ในกระเป๋าและตัดสินใจว่าเขาค่อยอาบน้ำให้เต็มที่อีกครั้ง
เขาหันไปดูถังเทียนที่กำลังมองดูตำแหน่งที่จ้าวอสูรหินกรวดจากไปและดูเหมือนจะคงอยู่อย่างนั้น
หลิงซิ่วถือหอกของเขาเดินไปที่ถังเทียน “เฮ้, เจ้ามองดูอะไร?”
“ตัวของข้า... มันขยับไม่ได้แล้ว....”
สีหน้าของถังเทียนตอนนี้เหมือนกับคนกำลังกลั้นอุจจาระไม่ให้ออกมา ตอนนี้เขาเพิ่งต่อสู้จนถึงจุดที่เขาไม่สนใจร่างกายและถังเทียนปล่อยวางสิ้นเชิง ขณะที่เขาต่อสู้ เขาไม่รู้สึกอะไร แต่ทันทีที่การต่อสู้จบ ถังเทียนก็ตระหนักว่า แม้จะเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ก็ทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บในระดับหนึ่ง
กล้ามเนื้อของเขาเขม็งตึงเหมือนกับโลหะ เขาไม่สามารถคลายความตึงนั้นได้
เขาดูเหมือนรูปสลักหินที่ตั้งตรงอยู่นั้นขยับไม่ได้เลยแม้แต่นิ้วเดียว
หลิงซิ่วตะลึง แต่แล้วก็หัวเราะลั่น “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
เขาแตะไหล่ถังเทียนและพูดจากใจว่า“ทิวทัศน์ที่นี่ดูดีทีเดียว ขอให้เจ้าเพลิดเพลินชมดูอย่างสบายใจเถอะนะ”
“เฮ้ เฮ้ เฮ้! ซิ่วซิ่วน้อย เจ้าทำอย่างนั้นได้ไง”
“เฮ้, เฮ้, เฮ้ย! ไอ้บ้า...”
….
หลิงซิ่วหมุนตัวและห่างออกไปจากรัศมีคำด่าของถังเทียน หลังจากเดินออกมาได้สิบเมตร เขาคุยกับเซี่ยชิงที่ขวางทางเขาอยู่ข้างหน้าอย่างจริงจัง “โปรดอย่าเพิ่งไปรบกวนเขา เขากำลังคิดเรื่องสำคัญบางเรื่อง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซี่ยชิงรีบพยักหน้า “ได้เลย ได้เลย”
เซี่ยชิงรีบแจ้งชาวบ้านทันทีไม่ให้เข้าไปใกล้ถังเทียน เพราะจะเป็นการรบกวนเขา
ทันใดนั้นลมพัดรุนแรง ฝนเริ่มโปรยเม็ด ในพริบตาก็เทตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
ถังเทียนผู้น่าสงสารเปียกโชกไปทั้งตัว
“ซิ่วซิ่วน้อย, เจ้าตายแน่!”
ถังเทียนกัดฟันด่าอยู่ในท่ามกลางสายฝน
ห่างออกไปร้อยเมตร หลิงซิ่วยิ้มขณะรับชาร้อนจากเซี่ยหว่านมาจิบช้าๆ หลังจากอาบน้ำร้อนและเปลี่ยนชุดแห้งใหม่ดื่มชาร้อน ทำให้สะดวกสบายจนไม่อยากพูดอะไร
เซี่ยชิงมองดูร่างที่ยืนอยู่ลำพังในสายฝนสายตาดูอย่างชื่นชม เขากล่าว “พี่ถังมีหัวใจนักสู้และอดทนจริงๆ ภายใต้ฝนเทหนักขนาดนี้เขายังไม่สนใจตัวเอง เขาคือแบบอย่างที่ดีของข้าจริงๆ”
ฝนยังคงตกหนักทั้งฟ้าและพื้นที่ห่างออกร้อยเมตร ร่างที่อยู่ห่างออกไปร้อยเมตรดูเลือนราง ถ้าไม่ใช่คนที่ทรงพลังคงมองเห็นได้ยากมาก
หลิงซิ่วกลั้นหัวเราะจนเกิดอาการท้องเกร็ง แต่เขายังปั้นหน้าตรงๆ “ใช่แล้ว,เขาเป็นคนแบบนั้นเอง เขาเป็นคนที่มีวิถีนักสู้อันบริสุทธิ์เป็นนักสู้ที่ยินยอมพบกับความยากลำบาก เมื่อพวกเจ้าเตรียมอาหารให้เขาต้องจดจำให้ดี จัดให้เขาน้อยๆ และต้องไม่มีน้ำมันหรือเนื้อซาลาเปาครึ่งลูก น้ำเย็นหนึ่งชามก็คงจะเพียงพอแล้ว”
เป็นโอกาสหายากที่จะได้เล่นงานถังเทียน แม้แต่หลิงซิ่วก็รู้สึกว่าเขากำลังนอกลู่นอกทาง
เรื่องแย่ๆ เหล่านี้ปิงก็ทำอย่างนี้ด้วยไม่ใช่หรือ? ความจริงสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง ย่อมมีอิทธิพลที่แตกต่าง
เซี่ยชิงตื่นเต้น “อย่างนั้น นั่นก็คือหนทางบำเพ็ญตบะ ปณิธานของเขาช่างมั่นคงและแน่วแน่ยิ่งนักความแข็งแกร่งของเขามีถึงระดับนั้น เขายังคงมีวินัยฝึกฝนตนเองอย่างยากลำบาก เขายอดเยี่ยมจริงๆ”
หลิงซิ่วทำหน้าสงสารเขา“ไม่มีทางเลือก นี่เป็นทางเลือกมรรคาวิชาบู๊ของเขา”
ขณะนั้นเซี่ยหว่านสังเกตว่าร่างที่อยู่ในสายฝนกำลังขยับ นางจึงอุทาน “ผู้กล้าถังกำลังขยับแล้ว!”
เซี่ยชิงหันไปมองทันที ตามคาด ร่างที่โดดเดี่ยวในสายฝนกำลังสั่นขณะเดียวกันก็เดินงุ่มง่ามเข้ามา
แผละ ถังเทียนที่อยู่ในท่ามกลางสายฝนล้ม
เวลานี้ถังเทียนดูเหมือนจะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก แต่ในสายตาของเซี่ยชิง นั่นเป็นความยากลำบากที่ตั้งใจไว้แล้วทั้งที่เป็นคนดีๆ ผู้เป็นนักสู้ที่ยอมทิ้งชีวิตที่สุขสบายเห็นแล้วเขาน่าประทับใจมาก
“นี่แหละนักสู้ตัวจริง!”
เซี่ยชิงพึมพำกับตัวเองสายตาของเขาเต็มไปด้วยความเคารพและเทิดทูน
เขาค่อยรู้สึกตัวทันทีและรีบสั่งน้องสาว “น้องพี่, รีบไปเตรียมอาหาร! จำไว้... ซาลาเปาครึ่งลูก น้ำเย็นหนึ่งชาม”
เซี่ยหว่านพยักหน้าและรีบไปจัดเตรียมทันที
ถังเทียนยังคงเดินเซไปเซมาในท่ามกลางสายฝนในระยะห่างขนาดนั้นเขาล้มลงสองสามครั้ง ร่างของเขาสกปรกไปทั้งตัว
นี่แหละนักสู้ที่แท้จริง!
หัวใจของเซี่ยชิงตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูก
เมื่อถังเทียนวิ่งเข้ามาในศาลาเขานั่งอยู่บนม้าหินหอบหายใจเต็มที่ เขาหมดพลังไปกับกรงเล็บเพลิงภูตพราย การต่อสู้รุนแรงสูงต่อเนื่องทำให้สภาพถังเทียนในปัจจุบันนี้ไม่มีพลังเหลืออยู่เลย
จากนั้นถังเทียนถึงได้ตระหนักว่ากรงเล็บเพลิงภูตพรายเป็นวิทยายุทธระดับเจ็ดอย่างมิต้องสงสัย!
กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างของเขาสั่นเทิ้ม ชีพจรในร่างของเขาเต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บ เขาต้องใช้เวลาสองสามวันจึงจะฟื้นฟูพลังได้เต็มที่
แม้แต่กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาก็มีระดับอาการบาดเจ็บที่แตกต่างกัน
เขาถลึงตาจ้องมองหลิงซิ่วราวกะมีเปลวไฟพวยพุ่งจากตา
แต่เพราะกล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาได้รับบาดเจ็บไปด้วย สีหน้าปัจจุบันของเขาจึงดูเหมือนคนโง่งมปัญญาอ่อนมากกว่า
“ท่านผู้กล้า, เชิญทานอาหาร” เซี่ยชิงพูดด้วยความนับถือ
กิน!
ความกระตือรือร้นของถังเทียนพุ่งขึ้นสูงทันที ดีแล้ว รอให้พี่กินอิ่มเสียก่อน เราค่อยมาสะสางเรื่องนี้!
ถังเทียนตื่นเต้นมากขณะที่สายตาเขาจับจ้องอาหารที่อยู่ตรงหน้า มันดูงดงามอลังการเหลือเกิน และเซี่ยชิงเปิดกล่องด้วยความนอบน้อม
ชามน้ำเย็นหนึ่งชาม ซาลาเปาครึ่งลูกสายตาของถังเทียนจ้องค้างอยู่อย่างนั้น