ตอนที่แล้วตอนที่ 204 อสูรหินกรวด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 206 ประกาศิตกระบี่

ตอนที่ 205 นักสู้ตัวจริง


ถังเทียนจ้องมองอสูรหินกรวดที่อยู่ต่อหน้าของเขา  สีหน้าเขาแข็งกร้าว  จ้าวอสูรหินกรวดตนนี้แผ่กลิ่นอายที่อันตราย

สัญชาตญาณสิบแปดเท่าทำให้ถังเทียนมีประสาทรับรู้ถึงอันตรายที่แหลมคม มากกว่าคนธรรมดามากมาย  ตั้งแต่ลงสู่พื้นจนถึงตอนนี้ อสูรหินกรวดธรรมดาเป็นเหมือนผักเหมือนผลไม้ในเงื้อมมือของเขา  ไม่มีตัวใดที่แผ่กลิ่นอายอันตรายต่อเขาเลย

ดูเหมือนว่าเจ้านี่จะทรงพลังมาก!

ตาของถังเทียนแสดงแววตื่นเต้น ความปรารถนาต่อสู้ที่อั้นอยู่ในอกของเขาแทบจะระเบิดออกมา

สามารถแลกหมัดได้กับอสูรที่ทรงพลังขนาดนั้นมักทำให้ถังเทียนตื่นเต้นเสมอ

ถังเทียนปล่อยพลังจากจากขาของเขาโดยไม่ต้องคิด  เขาย่อตัวนั่งยองๆและราวกับลูกธนูหลุดออกจากแล่ง เขาพุ่งตรงเข้าหาจ้าวอสูรหินกรวด นิ้วทั้งห้ากางออกเสียดสีอากาศ ปลายนิ้วเปล่งประกายแสงเนื่องจากความร้อน รัศมีแสงเรื่อเรืองทันทีมีประกายเหมือนกับไฟฟ้าแปลบๆออกมาจากปลายนิ้วถังเทียน  เผาไหม้แพรวพราวทันที

เงาของเขาเหมือนกับสายลมมีเส้นสายประกายไฟที่สวยงาม

แสงส่องประกายวาววับผ่านนัยน์ตาโปร่งแสงสีน้ำตาลของจ้าวอสูรหินกรวดมันยกหมัดขวาขึ้น

ฝ่ามือโลหะดำของหมัดขวาในสายตาของถังเทียนชัดใสม่านตาของถังเทียนหรี่แคบมอง ฝ่ามือโลหะ

หมัดของจ้าวอสูรหินกรวดเป็นโลหะจริงๆ!  ฝ่ามือโลหะดำคลุมไปด้วยโลหะสว่างสดใส  มองดูเหมือนดวงดาวในท้องฟ้ายามราตรี  ลึกลับแต่งดงาม

กรงเล็บเพลิงภูตพรายและหมัดของจ้าวอสูรหินกรวดปะทะกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

บึ้ม!

ประกายไฟนับไม่ถ้วนระเบิดออกมาจากกรงเล็บเพลิงภูตพรายของถังเทียนดูเหมือนกับดอกไม้ไฟ  ขณะที่แผ่นดินเชื่อมกับปราณเที่ยงแท้ระเบิดออกมาจากหมัดจ้าวอสูรหินกรวด พื้นแข็งถึงกับเป็นเหมือนกับคลื่นน้ำที่แผ่กระจายออกเป็นวงกลม

นิ้วของถังเทียนชาทันที  คลื่นปราณเที่ยงแท้มีพลังมหาศาลถังเทียนมีความรู้สึกเหมือนปะทะกับค้อนหนัก

แต่ศัตรูไม่ได้ดีกว่าเท่าใดเช่นกัน กรงเล็บเพลิงภูตพรายที่อันตรายและมีแรงระเบิดของถังเทียนผสานไปด้วยพลังงานกระเรียนที่แหลมคม

วิชากรงเล็บเป็นวิชามีพลังแหลมคมเฉียบขาดในตัวเองซึ่งสามารถทะลวงได้เกือบทุกอย่าง ด้วยพลังกรงเล็บนี้ร่างของจ้าวอสูรหินกรวดยังแทบทนไม่ได้

ถังเทียนตะโกนลั่น  กรงเล็บของเขาไวมากจนเกิดภาพพจน์ว่าใช้ความเร็วสยบความเร็ว

ติง ติง ติง!

เหมือนกับว่ากรงเล็บเหล็กโจมตีใส่ค้อนเหล็กอย่างต่อเนื่องจนมันกลายเป็นสีแดง  ทุกๆ การโจมตีใส่จะก่อให้เกิดประกายไฟ  เข้มข้นมากเสียจนคนไม่สามารถหายใจออก

ประกายไฟครอบคลุมตัวทั้งสอง เซี่ยชิงและเซี่ยหว่านสามารถเห็นได้แต่เพียงร่างทั้งสองต่อสู้กันอยู่ประกายไฟ

ถึงตอนนี้หลิงซิ่วเข่นฆ่ามาถึง

เมื่อถังเทียนตะโกนบอกเขา เขากำลังฝึกฝนติดพันและทั่วร่างยังเปียกโชกจากเหงื่อ  หลิงซิ่วกวาดมองรอบๆหอกเงินในมือของเขาเหมือนกับมังกรพิษออกจากถ้ำ ซู่ ซู่ ซู่!เสียงหอกยาวฉีกฝ่าอากาศ

หลิงซิ่วเดินทางตามลำพังเป็นเวลานานมากและประสบการณ์ในการต่อสู้มีมากมาย แม้ว่าในตอนแรกเขาจะได้พบกับอสูรหินกรวด แต่หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาก็จับจุดอ่อนเจ้าตัวใหญ่ได้

ร่างของเขาแข็งแรงบินไปข้างหน้าเหมือนสายฟ้า  ทุกๆ หอกจะโจมตีใส่ศัตรูตัวหนึ่ง

วิชาหอกใช้สังหารในสนามรบอย่างนี้เขาเหมือนพระยามัจจุราช ไม่ว่าที่ใดที่เขาผ่านไป ศัตรูจะถูกกระแทกพ่ายแพ้

“แข็งแกร่งทรงพลังมาก!”  เซี่ยหว่านมองดูด้วยความงงงวย  ตาของนางจับจ้องมองดูร่างของหลิงซิ่ว

หอกเหมือนกับดาวตกแดงเหมือนเปลวไฟนรก  ผมเงินประบ่าชุดขาวขลิบทอง

เขาดูเหมือนอายุยังน้อย

ทันทีที่เขาออกมา  ก็ดึงดูดสายตาของเซี่ยหว่านไว้ทันที

หลิงซิ่วไปตามกำแพงดินหมู่บ้านกระบี่และเข่นฆ่าไปรอบๆหลังจากนั้นไม่นานแรงกดดันบนกำแพงดินที่พังทลายก็ลดลง

เซี่ยชิงมีสีหน้าตะลึง เขาจ้องมองการต่อสู้ของถังเทียนกับจ้าวอสูรหินกรวด หนึ่งมนุษย์หนึ่งอสูรเป็นฉากการต่อสู้ที่ตื่นเต้นลายตาไปหมด

แม้ว่าพวกอสูรหินกรวดจะไม่กลัวตายก็ตาม  แต่ทั้งหมดก่อขบวนเป็นรูปเวทีวงกลมและพวกที่เพิกเฉยจะถูกฆ่าทันที

ถังเทียนมีความสุขกับการต่อสู้มาก

เขาสู้ไม่ถอยความจริงด้วยความสำเร็จวิชากรงเล็บเพลิงภูตพรายในปัจจุบันของเขา  เขาไม่มีทางเลือก ได้แต่ทุ่มเท  ทุกๆ การโจมตีต้องทุ่มเทพลังทั้งหมด  เขาใช้พลังไปมาก  และการต่อสู้รวดเร็วจนเขาต้องพึ่งพาสัญชาตญาณ

แต่....เป็นเรื่องที่น่าดีใจจริงๆ!

ถังเทียนไม่สามารถรอแหงนหน้าใส่ท้องฟ้าแล้วตะโกน  เขาทรมานกับการฝนทั่งมาหลายวันมาก   การฝึกฝนที่แสนจะน่าเบื่อวันแล้ววันเล่าอย่างนั้น ความอยากสู้ที่ถูกเก็บกดมานานได้ระเบิดออกในตอนนี้แล้ว

กรงเล็บภูตพรายไม่ได้สอนวิชากรงเล็บเพลิงภูตพรายตรงๆให้เขา และถังเทียนเพียงรู้แค่วิธีสร้างประกายไฟในอากาศ  แต่ถังเทียนไม่ได้กลัวเรื่องนั้นแม้แต่น้อยแต่เคล็ดและท่วงท่ากลับไหลเข้ามาในหัวของเขาโดยอัตโนมัติ

เขากำลังอาศัยสัญชาตญาณสิ้นเชิง  และนี่เองทำให้เขาเคลื่อนไหวได้ไหลลื่น

ประกายไฟรุนแรงกลายเป็นเรื่องยากจะเข้าใจ

จ้าวอสูรหินกรวดรู้แต่เพียงว่าแรงกดดันบนตัวมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นเสียงแหลมยาวทรงพลังดังขึ้นแต่ไกล เสียงหวีดเสียดหูทำให้อารมณ์ของถังเทียนชะงักค้างทันที ตาของจ้าวอสูรหินกรวดฉายประกายแสงและหดหายกลับไปทันที  มันบินหนีออกไปไกลโดยไม่ยอมมองถังเทียนทันที

ครืน ครืน  ครืน!

อสูรหินกรวดทุกตัวเหมือนกับคลื่นน้ำลดถอยกลับไปทิ้งไว้แต่พื้นที่เต็มไปด้วยทรายและหิน

พื้นยังคงสั่นสะเทือนจากพลังเคลื่อนที่ซึ่งทรงพลัง

แม้แต่ถังเทียนและหลิงซิ่วก็ยังทึ่งกับเสียงทรงพลังที่จู่ๆก็ดังขึ้นมาทันที แต่ไม่มีใครไล่ตามไป สายตาของถังเทียนจับจ้องดูจ้าวอสูรหินกรวด ขณะที่มันหายไปอย่างรวดเร็ว

หลิงซิ่วถอนหายใจเฮือกผมสีเงินของเขาทั้งหมดเปียกโชกเหงื่อ

เดิมทีเขาก็แทบไม่เหลือพลังอยู่แล้วหลังจากเข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่ง เขาเหนื่อยจนหอบหายใจ

“พวกมันถอนกำลังไปแล้ว!”

“อสูรหินกรวดกำลังถอยไป!”

….

ชาวบ้านระเบิดเสียงโห่ร้องฉลองชัยและมีสีหน้ายิ้มแย้มปรากฏ

ความรู้สึกนี้ยิ่งใหญ่ดีจริงๆ...

ทันใดนั้นมือที่อ่อนนุ่มข้างหนึ่งยื่นส่งผ้าเช็ดหน้าให้

“ขอบคุณท่าน”

เสียงของเด็กผู้หญิงอ่อนโยนเหมือนสายน้ำแฝงด้วยความเอียงอาย

หลิงซิ่วประหลาดใจ เขาเงยหน้าขึ้นและใบหน้าที่เรียวงดงามปรากฏในสายตาของเขา  เมื่อสบสายตาของหลิงซิ่วเซี่ยหว่านตื่นเต้นยัดผ้าเช็ดหน้าใส่มือหลิงซิ่วและวิ่งจากไป

หลิงซิ่วมึนงง เขามองดูผ้าเช็ดหน้าสีขาวหิมะจากนั้นเงยหน้าขึ้น ขณะที่ผมของเขาเปียกโชก

ของชิ้นเล็กอย่างนี้ถ้าข้าเช็ดไป..มันจะกลายเป็นของไร้ประโยชน์...

ใจของหลิงซิ่วคิดเช่นนั้นจึงยัดผ้าเช็ดหน้าไว้ในกระเป๋าและตัดสินใจว่าเขาค่อยอาบน้ำให้เต็มที่อีกครั้ง

เขาหันไปดูถังเทียนที่กำลังมองดูตำแหน่งที่จ้าวอสูรหินกรวดจากไปและดูเหมือนจะคงอยู่อย่างนั้น

หลิงซิ่วถือหอกของเขาเดินไปที่ถังเทียน  “เฮ้, เจ้ามองดูอะไร?”

“ตัวของข้า... มันขยับไม่ได้แล้ว....”

สีหน้าของถังเทียนตอนนี้เหมือนกับคนกำลังกลั้นอุจจาระไม่ให้ออกมา ตอนนี้เขาเพิ่งต่อสู้จนถึงจุดที่เขาไม่สนใจร่างกายและถังเทียนปล่อยวางสิ้นเชิง ขณะที่เขาต่อสู้ เขาไม่รู้สึกอะไร แต่ทันทีที่การต่อสู้จบ ถังเทียนก็ตระหนักว่า แม้จะเป็นเรื่องน่ายินดี  แต่ก็ทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บในระดับหนึ่ง

กล้ามเนื้อของเขาเขม็งตึงเหมือนกับโลหะ  เขาไม่สามารถคลายความตึงนั้นได้

เขาดูเหมือนรูปสลักหินที่ตั้งตรงอยู่นั้นขยับไม่ได้เลยแม้แต่นิ้วเดียว

หลิงซิ่วตะลึง  แต่แล้วก็หัวเราะลั่น  “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

เขาแตะไหล่ถังเทียนและพูดจากใจว่า“ทิวทัศน์ที่นี่ดูดีทีเดียว  ขอให้เจ้าเพลิดเพลินชมดูอย่างสบายใจเถอะนะ”

“เฮ้ เฮ้ เฮ้!  ซิ่วซิ่วน้อย เจ้าทำอย่างนั้นได้ไง”

“เฮ้, เฮ้, เฮ้ย!  ไอ้บ้า...”

….

หลิงซิ่วหมุนตัวและห่างออกไปจากรัศมีคำด่าของถังเทียน  หลังจากเดินออกมาได้สิบเมตร   เขาคุยกับเซี่ยชิงที่ขวางทางเขาอยู่ข้างหน้าอย่างจริงจัง “โปรดอย่าเพิ่งไปรบกวนเขา  เขากำลังคิดเรื่องสำคัญบางเรื่อง”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซี่ยชิงรีบพยักหน้า  “ได้เลย ได้เลย”

เซี่ยชิงรีบแจ้งชาวบ้านทันทีไม่ให้เข้าไปใกล้ถังเทียน  เพราะจะเป็นการรบกวนเขา

ทันใดนั้นลมพัดรุนแรง ฝนเริ่มโปรยเม็ด ในพริบตาก็เทตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

ถังเทียนผู้น่าสงสารเปียกโชกไปทั้งตัว

“ซิ่วซิ่วน้อย, เจ้าตายแน่!”

ถังเทียนกัดฟันด่าอยู่ในท่ามกลางสายฝน

ห่างออกไปร้อยเมตร หลิงซิ่วยิ้มขณะรับชาร้อนจากเซี่ยหว่านมาจิบช้าๆ  หลังจากอาบน้ำร้อนและเปลี่ยนชุดแห้งใหม่ดื่มชาร้อน ทำให้สะดวกสบายจนไม่อยากพูดอะไร

เซี่ยชิงมองดูร่างที่ยืนอยู่ลำพังในสายฝนสายตาดูอย่างชื่นชม เขากล่าว “พี่ถังมีหัวใจนักสู้และอดทนจริงๆ ภายใต้ฝนเทหนักขนาดนี้เขายังไม่สนใจตัวเอง  เขาคือแบบอย่างที่ดีของข้าจริงๆ”

ฝนยังคงตกหนักทั้งฟ้าและพื้นที่ห่างออกร้อยเมตร ร่างที่อยู่ห่างออกไปร้อยเมตรดูเลือนราง ถ้าไม่ใช่คนที่ทรงพลังคงมองเห็นได้ยากมาก

หลิงซิ่วกลั้นหัวเราะจนเกิดอาการท้องเกร็ง  แต่เขายังปั้นหน้าตรงๆ “ใช่แล้ว,เขาเป็นคนแบบนั้นเอง  เขาเป็นคนที่มีวิถีนักสู้อันบริสุทธิ์เป็นนักสู้ที่ยินยอมพบกับความยากลำบาก เมื่อพวกเจ้าเตรียมอาหารให้เขาต้องจดจำให้ดี  จัดให้เขาน้อยๆ และต้องไม่มีน้ำมันหรือเนื้อซาลาเปาครึ่งลูก  น้ำเย็นหนึ่งชามก็คงจะเพียงพอแล้ว”

เป็นโอกาสหายากที่จะได้เล่นงานถังเทียน  แม้แต่หลิงซิ่วก็รู้สึกว่าเขากำลังนอกลู่นอกทาง

เรื่องแย่ๆ เหล่านี้ปิงก็ทำอย่างนี้ด้วยไม่ใช่หรือ? ความจริงสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง ย่อมมีอิทธิพลที่แตกต่าง

เซี่ยชิงตื่นเต้น  “อย่างนั้น นั่นก็คือหนทางบำเพ็ญตบะ  ปณิธานของเขาช่างมั่นคงและแน่วแน่ยิ่งนักความแข็งแกร่งของเขามีถึงระดับนั้น เขายังคงมีวินัยฝึกฝนตนเองอย่างยากลำบาก  เขายอดเยี่ยมจริงๆ”

หลิงซิ่วทำหน้าสงสารเขา“ไม่มีทางเลือก นี่เป็นทางเลือกมรรคาวิชาบู๊ของเขา”

ขณะนั้นเซี่ยหว่านสังเกตว่าร่างที่อยู่ในสายฝนกำลังขยับ  นางจึงอุทาน “ผู้กล้าถังกำลังขยับแล้ว!”

เซี่ยชิงหันไปมองทันที  ตามคาด ร่างที่โดดเดี่ยวในสายฝนกำลังสั่นขณะเดียวกันก็เดินงุ่มง่ามเข้ามา

แผละ  ถังเทียนที่อยู่ในท่ามกลางสายฝนล้ม

เวลานี้ถังเทียนดูเหมือนจะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก  แต่ในสายตาของเซี่ยชิง นั่นเป็นความยากลำบากที่ตั้งใจไว้แล้วทั้งที่เป็นคนดีๆ ผู้เป็นนักสู้ที่ยอมทิ้งชีวิตที่สุขสบายเห็นแล้วเขาน่าประทับใจมาก

“นี่แหละนักสู้ตัวจริง!”

เซี่ยชิงพึมพำกับตัวเองสายตาของเขาเต็มไปด้วยความเคารพและเทิดทูน

เขาค่อยรู้สึกตัวทันทีและรีบสั่งน้องสาว  “น้องพี่, รีบไปเตรียมอาหาร!  จำไว้... ซาลาเปาครึ่งลูก  น้ำเย็นหนึ่งชาม”

เซี่ยหว่านพยักหน้าและรีบไปจัดเตรียมทันที

ถังเทียนยังคงเดินเซไปเซมาในท่ามกลางสายฝนในระยะห่างขนาดนั้นเขาล้มลงสองสามครั้ง ร่างของเขาสกปรกไปทั้งตัว

นี่แหละนักสู้ที่แท้จริง!

หัวใจของเซี่ยชิงตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูก

เมื่อถังเทียนวิ่งเข้ามาในศาลาเขานั่งอยู่บนม้าหินหอบหายใจเต็มที่ เขาหมดพลังไปกับกรงเล็บเพลิงภูตพราย การต่อสู้รุนแรงสูงต่อเนื่องทำให้สภาพถังเทียนในปัจจุบันนี้ไม่มีพลังเหลืออยู่เลย

จากนั้นถังเทียนถึงได้ตระหนักว่ากรงเล็บเพลิงภูตพรายเป็นวิทยายุทธระดับเจ็ดอย่างมิต้องสงสัย!

กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างของเขาสั่นเทิ้ม  ชีพจรในร่างของเขาเต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บ เขาต้องใช้เวลาสองสามวันจึงจะฟื้นฟูพลังได้เต็มที่

แม้แต่กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาก็มีระดับอาการบาดเจ็บที่แตกต่างกัน

เขาถลึงตาจ้องมองหลิงซิ่วราวกะมีเปลวไฟพวยพุ่งจากตา

แต่เพราะกล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาได้รับบาดเจ็บไปด้วย  สีหน้าปัจจุบันของเขาจึงดูเหมือนคนโง่งมปัญญาอ่อนมากกว่า

“ท่านผู้กล้า, เชิญทานอาหาร”  เซี่ยชิงพูดด้วยความนับถือ

กิน!

ความกระตือรือร้นของถังเทียนพุ่งขึ้นสูงทันที  ดีแล้ว รอให้พี่กินอิ่มเสียก่อน เราค่อยมาสะสางเรื่องนี้!

ถังเทียนตื่นเต้นมากขณะที่สายตาเขาจับจ้องอาหารที่อยู่ตรงหน้า มันดูงดงามอลังการเหลือเกิน และเซี่ยชิงเปิดกล่องด้วยความนอบน้อม

ชามน้ำเย็นหนึ่งชาม  ซาลาเปาครึ่งลูกสายตาของถังเทียนจ้องค้างอยู่อย่างนั้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด