ตอนที่ 203 พายุตั้งเค้า
สำหรับถังเทียนและหลิงซิ่วฉากเหตุการณ์บนถนนไม่มีค่าควรแก่การสนใจ แต่เหล่ามือกระบี่ที่มาสอดแนมแฝงตัวอยู่ในเงามืดถูกหลิงซิ่วขู่ขวัญไปแล้ว วิธีการของหลิงซิ่วดูเหมือนจะไม่ฉลาดเท่าไหร่ แต่เขากลับสมบูรณ์ไปด้วยพลัง พลังบริสุทธิ์อย่างนั้นทำให้คนกลัวมากกว่า
มือกระบี่แต่ละคนที่แฝงตัวมาดูการต่อสู้ มีเพียงวลีเดียวที่ปรากฏอยู่ในใจพวกเขา –นักสู้ระดับสวรรค์วิถี!
บุรุษทั้งห้าที่ถูกหลิงซิ่วกำจัดเป็นนักสู้ที่มีชื่อเสียง ห้าเสือตระกูลกัว ชื่อของพวกเขาตราตรึงอยู่ในหัวใจมือกระบี่พเนจร การผนึกพลังของพวกเขาเทียบเท่ากับนักสู้ระดับสวรรค์วิถีเลยทีเดียว
สามารถกำจัดพวกเขาได้แสดงว่าหลิงซิ่วมีพลังที่แข็งแกร่งมากและทำให้ผู้คนสงสัยว่าหลิงซิ่วเป็นนักสู้ระดับสวรรค์วิถี
นักสู้สวรรค์วิถีมีพลังที่แข็งแกร่งมากแตกต่างจากพลังในของชาวหมู่ดาวกาแม้จะในเส้นทางยามราตรี
แต่ขณะเดียวกันก็ดึงดูดความสนใจนักสู้ผู้แข็งแกร่งสองสามคน
สิ่งที่ถังเทียนไม่สามารถคาดถึงได้ก็คือในอีกฟากหนึ่ง ปิงกำลังดึงดูดพายุมาเช่นกัน
※※※
หน้าของหลิ่วย่าจือเขียวคล้ำและสหายที่ยืนอยู่ข้างๆ เขายังคงเงียบอยู่
หลิ่วย่าจือถูกสอบปากคำตลอดสองชั่วโมง เป็นเรื่องที่มีผลกระทบใหญ่จริงๆ องค์การนี้จัดตั้งมานานเกินกว่าพันปีแล้ว องค์กรนี้ก่อตั้งโดยวิศวะจักรกลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน พวกเขาคิดค้นหาวิธีสร้างหนทางฟื้นคืนยุคอาวุธจักรกล
ในที่สุด พวกเขาก็ประสบผลสำเร็จผสานอสูรดวงดาวกับพลังสายเลือดเข้าด้วยกันสร้างเป็นอาวุธจักรกลที่แตกต่าง อาวุธจักรกลชนิดใหม่นี้ถูกยกย่องว่าเป็นอาวุธพลังสายเลือด แม้ว่าจะเป็นรูปแบบที่แตกต่าง แต่ก็แข็งแกร่งทรงพลังมาก
หลังจากกบดานเงียบมาเป็นเวลาหลายปี องค์กรนี้รอเวลาสร้างความตื่นตะลึงให้กับโลกด้วยความสำเร็จที่สั่นสะเทือนได้ทั้งโลก
พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ ระดับเบื้องบนของทั้งองค์การได้รับผลกระทบกระเทือน คิงคองอาวุธจักรกลที่โดดเด่นที่สุดขององค์การและหลิ่วย่าจือยอดฝีมือผู้ชำนาญการขององค์การพ่ายแพ้ให้กับนักสู้สายจักรกลคนอื่น
ความจริงดูเหมือนอาวุธจักรกลของฝ่ายตรงข้ามจะโดดเด่นเท่ากันหรือดียิ่งกว่า
พวกเขาตกใจมากและต้องการรู้
“เราจำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน! เราต้องตรวจสอบให้ละเอียด! เป็นไปไม่ได้ที่อาวุธจักรกลนี้จะโผล่ออกมาอย่างไม่รู้ที่มา เบื้องหลังของมันต้องมีวิศวะจักรกลอยู่แน่! จำเป็นต้องค้นหาวิศวะเครื่องกลนี้และสิ่งที่เกี่ยวกับมัน! ไม่ว่าจะต้องทุ่มเทขนาดไหนก็ตาม” หนึ่งในผู้อาวุโสกล่าว
ผู้อาวุโสที่อยู่ในที่นั่งทุกคนสีหน้าคร่ำเคร่ง
ถ้าวิศวะจักรกลผู้นี้มีแค่คนเดียวนั่นคงจะรับมือได้ง่าย แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามมีอิทธิพลหนุนหลัง สำหรับพวกเขาแล้ว ก็หมายความว่าพวกเขามีคู่แข่งที่แข็งแกร่ง
นักสู้สายจักรกลที่ทรงพลังทั้งหมดจากองค์การถูกส่งออกไปหมดเพื่อติดตามร่องรอย พวกเขาจะต้องไล่ล่าติดตามให้ได้
มีรายงานเข้ามาว่าร่องรอยของฝ่ายตรงข้ามปรากฏอยู่ข้างหน้า
※※※
ปิงเหลือบมองในที่ไกลออกไป แววเย็นชาปรากฏในสายตาของเขา
“ข้าเล่นพอแล้ว ได้เวลากลับเสียที” น้ำเสียงของปิงดูเกียจคร้านมาก ในสายตาของเขา กลุ่มคนที่ไล่ตามเขาร้อยเปอร์เซนต์เป็นพวกมือใหม่ทั้งนั้น
เขาพาพวกนี้ให้วิ่งวนอ้อมเป็นวงกว้างจุดประสงค์เพื่อไม่ให้พวกเขารู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน
“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ายังจะมีคนที่สามารถสร้างอาวุธจักรกลประหลาดๆ อย่างนั้นได้” แววรังเกียจปรากฏเต็มหน้าปิง “แต่มันน่าเกลียดจริงๆ”
เกิดมาในกองทัพดาวกางเขนใต้ ปิงเกลียดอาวุธพลังสายเลือดแม้ว่าจะไม่มีเหตุผล แต่ในสายตาของเขามันน่ารังเกียจ
“แต่เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว ยุคทองของนักสู้สายจักรกลกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว” ปิงพึมพำกับตนเอง “ดูเหมือนข้าจำเป็นต้องจับถังเทียนน้อยฝึกหนักเสียแล้ว จะปล่อยให้กรงเล็บภูตพรายเอาตัวไปทั้งหมดไม่ได้ ด้วยทัศนคติของเจ้านั่น ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน”
ปิงคิดตัดสินใจเรื่อยเปื่อย
ในอดีตที่ผ่านมาเขาไม่ต้องการให้ถังเทียนให้ความสำคัญกับอาวุธจักรกลมากนัก เพราะเขารู้สึกว่ามันล่มสลายไปแล้วนั่นคือยุครุ่นที่ผิดพลาด จนเดินอยู่ในทางที่ผิด
แต่หลังจากช่วงเวลาที่มีปฏิสัมพันธ์กับพยัคฆ์ฟ้าและได้พบกับคิงคองนี้ ทำให้เขาตระหนักว่ายุคใหม่ของจักรกลกำลังจะมาถึง อาวุธจักรกลใหม่เหล่านี้เทียบกับในยุคของเขาแล้ว แข็งแกร่งมากกว่า
เขาไม่รู้ว่าเส้นทางนี้จะไปจบลงณ ที่ไหน
แต่ตราบใดที่ยังมีหวังแม้เพียงเล็กน้อย เขาจะปล่อยวางได้อย่างไร?
ปิงกระตือรือร้น
ทันใดนั้นเขาเรียกความรู้สึกกลับมา ใบหน้าไพ่ที่เต็มไปด้วยการวางมาดเริ่มหัวเราะให้กับตนเอง
เมื่อเห็นเจ้าพวกน่าสมเพชในตอนนี้แล้ว ปล่อยให้เซรีนสร้างอาวุธจักรกลต่อไป ใครจะรู้ว่าต้องกินเวลานานเพียงไหน
เมื่อได้ยินเสียงตามไล่หลัง ปิงหยุดฝันกลางวัน มองเห็นจุดเล็กดำในระยะไกล เขาอดยิ้มไม่ได้
เขาจงใจพานำคนเหล่านี้เดินทางไปผิดตำแหน่ง เรื่องระยะทางไปถึงเมืองสามวิญญาณ เขาไม่แน่ใจว่าอยู่ห่างเท่าใดคนพวกนี้คงไม่คิดอย่างนั้นแน่นอน ในภูมิภาควิญญาณ เขาสามารถเข้าห้องจิตวิญญาณพลังยุทธได้ตามปกติ ในภูมิภาควิญญาณ จะเชื่อมโยงระหว่างขุนพลวิญญาณและเจ้าของให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ปิงตระหนักว่า ในภูมิภาควิญญาณ ไม่ว่าจะไกลเพียงไหนเขาสามารถรู้สึกถึงถังเทียนและตำแหน่งทางเข้าห้องจิตวิญญาณพลังยุทธได้ชัดเจน สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดก็คือเขาสามารถกลับไปที่ทางเข้าห้องจิตวิญญาณพลังยุทธได้
ที่สำคัญคือ เขาเป็นแค่ขุนพลวิญญาณตนหนึ่ง....
ปิงไม่สามารถบอกได้ว่าเขาสุขหรือเศร้าได้แต่เพียงถอนหายใจ
ร่างของเขาค่อยๆจางลงและหายไปในที่สุด
ปิงกลับมาและไม่ได้สร้างความแปลกใจให้ถังเทียนขณะที่เขาคร่ำเคร่งฝนทั่ง
ปิงค่อยๆเดินไปที่ข้างๆ กรงเล็บภูตพรายช้าๆ “ดูเหมือนเขาก้าวหน้าไปมาก ช่วงเวลาอย่างนี้รู้สึกว่าเขาเชี่ยวชาญไม่เบา”
“ถ้าเจ้าพูดถึงเวลาที่แท้จริงยังคงมีเวลาอีกครึ่งเดือน” สายตาของกรงเล็บภูตพรายไม่เคยละไปจากร่างของถังเทียนแม้แต่นิด แต่ปิงสามารถบอกได้จากน้ำเสียงของเขาได้ว่ามีความสุขและอารมณ์ที่อธิบายไม่ได้แฝงอยู่ในนั้น
“ความเร็วของเขาดีขึ้นมากเลยนะ” ปิงเหลือบมองถังเทียนและอดทึ่งไม่ได้
“เขาฝึกฝนอย่างหนัก” กรงเล็บภูตพรายพูดเย็นชา
“ช่างทำให้ผู้คนคาดหวังจริงๆว่าคนผู้นี้จะทรงพลังได้ขนาดไหน” ปิงคาดหวังไว้มาก ถ้าถังเทียนเรียนรู้วิชากรงเล็บเพลิงภูตพรายวิชาระดับปรมาจารย์ได้สำเร็จบวกกับเกราะนกยูง พลังของเขาน่าจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
กรงเล็บภูตพรายไม่พูดอะไรและได้แต่จ้องมองร่างที่กำลังอ้าปากหอบหายใจในท่ามกลางประกายไฟ
กรงเล็บภูตพรายไม่เคยมีลูกศิษย์สักคนในชีวิตเด็กหนุ่มที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นคนที่เขาตัดสินใจทุ่มเทชีวิตจิตใจทั้งหมดให้เขา
ถังเทียนคร่ำเคร่งอยู่กับการฝึกฝนอย่างเดียว แม้ว่าสีของนิ้วทั้งสิบของเขาจะไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่ แต่ภายในร่างของเขา เส้นชีพจรเชื่อมโยงกับนิ้วทั้งสิบทำให้มั่นคงแข็งแกร่งขึ้นถึงห้าเท่า
การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เพียงแต่แค่นิ้วทั้งสิบเท่านั้นเหมือนกับว่าทั้งหมัดหรือฝ่ามือของเขาในตอนนี้มีพลังมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากมาย
นี่คือเหตุผลหลักว่าทำไมเขาจึงทุ่มเทฝึกฝนมากขนาดนั้น
ถ้าเขาฝนบดทั่งได้ถึงหนึ่งหมื่น อย่างนั้นเส้นชีพจรในไหล่ของเขา จะแข็งแกร่งมากขึ้นเพียงไหน
ถังเทียนกำลังมองไปข้างหน้า
※※※
“พี่น้องห้าเสือตระกูลกัวถูกฆ่าทั้งหมด” คนร่างสูงรายงานเขาอยู่ในชุดมือกระบี่สีดำ ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มน้อยๆ
“ห้าเสือน่ะหรือ? พวกมันคู่ควรหรือ?” คนพูดไม่ได้เงยหน้าขึ้น แต่น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ ไม่มีอะไรให้ควรแก่การคิด
เขาลับกระบี่ยาวของเขาอย่างระมัดระวัง เขามักจะยกกระบี่ขึ้นเล็งเพื่อตรวจดูแนวเส้นของกระบี่
มือกระบี่ชุดดำคุ้นเคยกับบุคลิกของสหายของเขาดีจึงหัวเราะเบาๆและกล่าวต่อ “พวกมันตายด้วยฝีมือของคนๆ เดียว”
“คนเดียว?” บุรุษที่กำลังลับกระบี่หยุดเคลื่อนไหวทันที
“อืม.. พวกเขาใช้ท่ากากบาทเพลิงตอนแรกพวกเขาคิดว่าพวกเขาสามารถชนะได้ ใครจะรู้กันว่ามือของคู่ต่อสู้จะไวกว่าพวกเขามากและกำจัดพวกเขาได้” มือกระบี่ชุดดำยืดหลังกล่าว
“ใช้ความรวดเร็วของมือเดียวเขาก็ฆ่าคนทั้งห้าได้หรือ? คนเดียวนี่นะ?” บุรุษที่กำลังลับกระบี่ขยับตัว
“อืม, คนผู้นั้นใช้หอกเล่มเดียว” บุรุษชุดดำหาว“เขาอาจจะเป็นนักสู้สวรรค์วิถีหรืออาจไม่ใช่ก็ได้ แต่คงไม่ห่างแน่”
สีสันต่างๆสะท้อนอยู่ในแววตาของบุรุษที่กำลังฝนกระบี่ สีหน้าของเขายังคงสงบ “เจ้ามาหาข้า คงไม่ใช่แค่บอกเรื่องเท่านี้สินะ”
“ฮ่าฮ่า ยังคงเป็นเจ้าที่เข้าใจข้า!” มือกระบี่ชุดดำหัวเราะลั่น “อีกไม่นานก็จะถึงวันเกิดอาจารย์ม่อ เราทั้งสองเป็นเต่ายากจนไม่มีอะไรจะให้เขา ข้าเห็นว่าถ้าได้ยานสักลำไม่เลวนักถ้าเราเอาอาชาสวรรค์ไปมอบให้อาจารย์ม่อได้ นั่นจึงจะมีความหมายขึ้นมาบ้าง”
บุรุษที่ลับกระบี่ขมวดคิ้ว “เจ้ามีแผนการอะไรกับอาจารย์ม่อ?”
มือกระบี่ชุดดำรู้สึกละอายใจ“ข้าได้ยินมาว่าในมือของอาจารย์ม่อมีกระบี่ชื่อว่ากระบี่หมู่ดาวปลาใต้ ข้าเคยเห็นมานานแล้ว เนื่องจากอาจารย์ม่อไม่เคยใช้มันเลยยานอาชาสวรรค์ชั้นเงินดูสวยสง่างามมาก ข้าคิดว่าอาจารย์ม่อคงยินดีจะแลกเปลี่ยนกับมัน”
“ฝ่ายตรงข้ามเป็นนักสู้ระดับสวรรค์วิถี” บุรุษผู้ลับกระบี่เตือนเขา
“นั่นคือเหตุผลที่ข้ามาตามหาเจ้า!” เขาหัวเราะ และรีบพูดต่อ “นอกจากนี้ถ้าเราเอาชนะเขาไม่ได้ เราก็สามารถหนีได้”
บุรุษที่ลับกระบี่คิดอยู่ชั่วขณะและกล่าว “อย่าเพิ่งเร่งรีบพี่น้องห้าเสือตระกูลกัวมาจากหมู่บ้านกระบี่ตระกูลกัว ตระกูลกัวดุร้ายไร้เหตุผล พวกเขาจะปล่อยผ่านเรื่องเช่นนี้ได้ยังไงกัน ข้าจำได้ว่าอาจารย์ของพี่น้องห้าเสือตระกูลกัวน่าจะเป็นกัวตงนะ”
“กัวตง!”สีหน้าที่ไม่สนใจอะไรของมือกระบี่ชุดดำหายไปทันที กลายเป็นความรู้สึกหนักใจ“อย่างนั้น นั่นก็คือเป็นปัญหาอย่างหนึ่ง”
“ถูกแล้ว” บุรุษที่ลับกระบี่พยักหน้า “เขาเป็นนักสู้สวรรค์วิถีคนหนึ่ง และติดอยู่ในอันหนึ่งหมื่นคนแรกอยู่เสมอ เขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านตระกูลกัวมาห้าปีแล้ว อันดับของเขาก็ยังไม่ตกคนผู้นี้ฝีมือแข็งแกร่งมาก”
มือกระบี่ชุดดำพยักหน้าเห็นด้วยในบรรดานักสู้สวรรค์วิถีทั้งหมดสามารถติดอยู่ในหมื่นอันดับแรกได้ พวกเขาต้องเป็นยอดฝีมืออย่างแท้จริง พวกที่เพิ่งเข้าสู่ระดับสวรรค์วิถีจะไม่มีอันดับถ้าเพียงแต่ท่านต่อสู้ต่อไป ก็จะพบหนทางใหม่เรื่อยไป อันดับของท่านก็เพิ่มขึ้นช้าๆ
การจัดอันดับสวรรค์วิถีถูกจัดรวบรวมโดยกลุ่มสองดาวใหญ่คือกลุ่มดาวเซฟิอุสและกลุ่มดาวค้างคาวและพวกเขาใช้วิธีจัดการที่ซับซ้อน
หมู่ดาวเซฟิอุสและหมู่ดาวค้างคาวมีนักสู้ที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ แต่วางตัวห่างจากเรื่องราวในโลกกว้างทั้งปวง พวกเขาร่วมมือกับชาวสวรรค์ไม่กี่ตนเพื่อสร้างหอสมุทรวิทยายุทธอมตะ มีการดำเนินการสืบต่อหลายรุ่นหอสมุดวิทยายุทธอมตะนี้ ได้เปิดโอกาสให้หมู่ดาวและดวงดาวของสวรรค์วิถีได้ใช้ประโยชน์
ไม่มีผู้ใดรู้จุดเริ่มต้นของการจัดอันดับสวรรค์วิถี แม้แต่เจ้าหน้าที่ปัจจุบันที่ผ่านการพัฒนามาเกินกว่าเจ็ดร้อยปีแล้วก็ตาม
คนของหมู่ดาวเซฟิอุสและหมู่ดาวค้างคาวทุกรุ่นมักจะรักษามุมมองที่เป็นกลางเสมอ และไม่เคยฝึกปรือพลังเพื่อการต่อสู้เลย ดังนั้นการจัดลำดับจึงยังได้รับความเชื่อถือของคนหมู่มาก
“อย่างนั้นพี่น้องห้าเสือตระกูลกัวก็เป็นศิษย์ของเขาสินะ” บุรุษชุดดำถอนหายใจ “อย่างนั้นพวกเขาได้ลำบากหนักแน่”