ตอนที่ 202 กากบาทเพลิง
มือกระบี่ชุดเทาห้าคนดูเหมือนฝูงกากำลังมุ่งหน้าไปที่ยานเงิน มือกระบี่ชุดเทาทั้งห้านี้มีสีหน้าเยือกเย็นนัยน์ตาสีแดงกำลังควงกระบี่ยาวสีเทา
ในดวงตาแดงของพวกเขา ถังเทียนสามารถเห็นแววละโมบประหลาดใจและความคลั่งไคล้ได้
“คนร้ายพวกนั้น ข้าจะใช้หอกของข้าทะลวงให้หมด”
เสียงนุ่มนวลเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านข้างทันที ถังเทียนหันไปดูและเห็นหลิงซิ่ว เขาประหลาดใจ หลิงซิ่วที่อยู่ต่อหน้าเขาเยือกเย็นผิดธรรมดา ดวงตาสีส้มไม่ได้แสดงความโกรธและความรุนแรงเหมือนอย่างที่เคย
เหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่ง
หลิงซิ่วในชุดขาวขลิบทองถือหอกเงินตั้งตรง แต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกคุกคามแต่อย่างใดแต่ในทางตรงกันข้ามกลับทำให้คนรู้สึกสงบเป็นพิเศษเหมือนก่อนพายุจะมา
เจ้าเด็กนี่....
ภายใต้สายตาประหลาดใจของถังเทียนหลิงซิ่วถือหอกในมือขวาก้าวข้ามรั้วป้องกันด้านข้างของยานทันที ใบหน้าหล่อเหลาของเขาภายใต้แสงอาทิตย์ดูอ่อนโยนและเงียบสงบ
วูบ...เขาก้าวขึ้นบนราวกั้นยานและลอยตัวลงมาจากยาน ผมสีเงินของเขาพลิ้วไสวในท้องฟ้า เหมือนกับนกสีขาวหิมะพุ่งเข้าใส่มือกระบี่ชุดเทาทั้งห้า
ทั้งห้าคนกระจายกันจัดตั้งขบวน หน้าสองหลังสาม มีระยะห่างได้สัดส่วนจากซ้ายขวาและบนพุ่งเข้าหาหลิงซิ่ว
ในกลางอากาศหลิงซิ่วจ้องดูบุรุษทั้งห้าพุ่งตรงเข้าหาเขาโดยไม่ขยับสักนิ้ว
ทั้งห้าคนสะบัดควงกระบี่เทา กระบี่ทุกเล่มกลายเป็นมีประกายพร้อมกับเพลิงสีแดงทุกเล่มส่งเสียงหวีดหวิวพร้อมกัน รัศมีประกายเพลิงทั้งห้าขยายลามออกมาจากกระบี่เหมือนกลุ่มเปลวเพลิงขยายเปลวเป็นลำเพลิงส่งเสียงหวีดหวิวพุ่งเข้าหาหลิงซิ่ว
กระบี่กาเพลิงแห่งหมู่ดาวกา
ทั้งห้าคนใช้วิชากระบี่พร้อมกัน เป็นการประสานงานที่สมบูรณ์แบบ รังสีทั้งห้าของกระบี่กาเพลิงส่งเสียงหวีดหวิวออกมาพร้อมกัน
วืด วืด วืด...เสียงกระบี่ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
ทั้งห้าคนยังคงควงกระบี่กาเพลิงของพวกเขา แต่ละคนใช้กระบี่กาเพลิงหนุนเนื่องโจมตีเหมือนสายฝนใส่หลิงซิ่วในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน
หลิงซิ่วดูเหมือนว่ายืนที่ตรงนั้นไม่มีสีหน้าแสดงอารมณ์อย่าวเด่นสง่า
ท้องฟ้าทั้งหมดดูเหมือนเต็มไปด้วยกาเพลิงส่งเสียงหวีดหวิวบดบังทัศนวิสัยของเขาทั้งหมด เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหลบพ้น มือกระบี่ทั้งห้าอดดีใจไม่ได้ คู่ต่อสู้ยังกล้าอยู่เฉยอีกหรือ
พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าจะพบกับศัตรูที่หยิ่งยโสและโง่ในขณะเดียวกัน
ทั้งห้าคนมาจากหมู่บ้านกระบี่แห่งหนึ่งพร้อมกันตั้งแต่ยังเยาว์วัยได้รับการยอมรับจากอาจารย์ พวกเขาร่วมมือประสานได้เป็นอย่างดี และกระบี่กาเพลิงไม่ใช่วิชาชั้นสูงจนยากเล่าเรียนฝึกฝน แต่ทั้งห้ากลับค้นคว้าและผสานเป็นวิชาที่ร่วมกันต่อสู้ นอกจากนี้ทั้งห้าคนมีระดับฝีมือที่คล้ายกัน เมื่อรวมกาเพลิงเข้าด้วยกันพลังของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมาก
ยานสีเงินสวยงามน่าทึ่งมาก ใครก็ตามที่ได้เห็นสามารถบอกได้เลยว่าเจ้าของต้องมาจากตระกูลร่ำรวย ทันทีที่ยานเข้าหมู่ดาวกาก็เป็นเหมือนกับหินที่ถูกโยนลงแม่น้ำที่สงบนิ่ง ก่อระลอกคลื่นนับไม่ถ้วน
ใครจะรู้กันเล่าว่ามีคนจับตาดูมีมากเท่าใด แต่พวกเขาเกือบทั้งหมดไม่มีพลังจะลงมือดำเนินการ
ทั้งห้าคนลังเลและปรึกษากันอยู่นานก่อนจะตัดสินใจลงมือและตรวจสอบถ้าพวกเขาชิงมาได้ นั่นจะเป็นทางมาแห่งรายได้มหาศาลเพราะถึงไม่ต้องพูดก็บอกได้ว่ายานที่หรูหรานั้นสามารถขายได้เงินมหาศาล
เมื่อหลิวซิ่วลอยตัวลงมาจากยานโดยสาร ทั้งห้าคนคิดว่าพวกเขาพบศัตรูแข็งแกร่ง
แต่หลังจากนั้นต่อมาเมื่อได้เห็นบุคลิกของหลิงซิ่ว พวกเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าเป็นโอกาสที่ดี
ทั้งห้าคนใช้วิชาสังหารออกมาโดยไม่ลังเลเลย
กระบี่เทาในมือทุกคนควงเป็นวงกลมขณะที่พวกเขาตวาดเสียงดังลั่น “ฆ่า!”
เมื่อเห็นท้องฟ้าทั้งสิ้นสว่างเต็มไปด้วยรังสีเพลิงกระบี่อีกา พวกเขาหายไปทั้งหมดทันทีเปลี่ยนเป็นรูปกระบี่เพลิงขนาดยักษ์และเปลี่ยนเป็นอีกาเพลิงขนาดมหึมาพุ่งเขาหาหลิงซิ่ว
ไม้ตายกากบาทเพลิง!
ร่างของกาเพลิงที่น่ากลัวมีไฟลุกท่วมตลอดทั้งร่าง เจตจำนงของกระบี่ไหลออกมา พลังความรุนแรงของมันครอบคลุมทั่วทั้งพื้นที่
ม่านตาของถังเทียนหรี่ลงทันที แม้ว่าเขาจะอยู่ในยานโดยสารแต่เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความกราดเกรี้ยวรุนแรงของปราณที่แผ่มาถึง คลื่นความร้อนปราณทำให้อุณหภูมิอากาศโดยรอบเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
ทั้งห้าคนมีพลังธรรมดา แต่วิชาที่พวกเขาผนึกกำลังร่วมกันนี้มีพลังระดับเดียวกับนักสู้สวรรค์วิถีแน่นอน
เปลวเพลิงสะท้อนอยู่บนใบหน้าที่หล่อเหลาและผมเงินทั้งหมดของหลิงซิ่วไว้ปรากฏเป็นระลอกคลื่นอยู่ในดวงตาสีส้มของเขาแผ่ลามสะท้อนไปทั้งใบหน้า
ความเยือกเย็นและความสงบถูกฉีกขาดสลายหายไป ระเบิดเป็นพลังพายุออกมา นัยน์ตาสีส้มจางลงด้วยความโกรธ เพียงในชั่วเวลาสั้นๆถังเทียนเห็นประจักษ์ว่าทั้งร่างของหลิงเปลี่ยนแปลงจากสงบเป็นดุร้ายกราดเกรี้ยว
“ฆ่า!”
เสียงตวาดลั่นเหมือนสายฟ้าฟาดกึกก้องดังทั่วท้องฟ้า
หอกเงินในมือของหลิงซิ่วหายไป ขณะเดียวหอกทะเลจุดก็เบ่งบานเต็มอยู่ในท้องฟ้า
“วืด วืด” เสียงกระบี่ถูกข่มอย่างสิ้นเชิง
อีกาเพลิงปะทะเข้าใส่หอกทะเลจุด
จุดเปลวไฟสว่างแพรวพราวอยู่บนร่างกาเพลิงเหมือนกับว่ากาเพลิงที่ดุร้ายตื่นขึ้นและหอกทะเลจุดที่ปรากฏอยู่ต่อหน้ากาเพลิงที่ดุร้ายก็ดูอ่อนแอมาก
หลังจากนั้นเปลวเพลิงก็ลุกพรึ่บจากกาเพลิงทันทีเพิ่มขึ้นแล้วก็หรี่ลงต่อเนื่องจนเข้มข้น
ทั้งห้าคนตั้งใจไว้แล้วแม้ว่าจะดูเหมือนว่าเปลวเพลิงเข้มข้นและดูน่ากลัวมาก แต่พวกเขารู้สึกได้ว่าความเสียหายที่กาเพลิงได้รับไม่ค่อยรุนแรง
ตราบใดที่พวกเขาสามารถผ่านชั้นของหอกทะเลจุดได้ อย่างนั้นฝ่ายตรงข้ามไม่มีทางป้องกันได้เพิ่มแน่
ทั้งห้าคนตัดสินใจรวดเร็ว กระบี่เทาในมือพวกเขายังคงเคลื่อนที่ต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง รังสีกระบี่หนุนเนื่องเข้าไปในร่างยักษ์กาเพลิงและร่างที่หมองสลัวลงของกาเพลิงพลันสว่างทันที พลังของมันขยายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
ชี่ ชี่ ชี่!
เสียงเหมือนผ้าฉีกขาดราวกับมีภูตผีคร่ำครวญดังก้องได้ยินอยู่ในหูทุกคน
หอกทะเลจุดเป็นเหมือนคลื่นทะเลหนุนเนื่องไม่หยุด เพลิงสว่างไสวเห็นได้ชัดปรากฏอยู่บนตัวกาเพลิงยักษ์และทำให้เพลิงของมันลดขนาดลงทุกทีจนหัวใจคนรู้สึกกดดัน
ใบหน้าพวกเขาเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ การโจมตีที่กาเพลิงยักษ์ได้รับนั้นเพิ่มพลังแข็งแกร่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
พวกเขาไม่มีทางเลือกได้แต่เพิ่มความเร็วในการสะบัดกระบี่เพิ่มพลังให้กาเพลิงยักษ์ทำให้เกิดฝูงกาเพลิงเข้าไปรวมตัวกับร่างกาเพลิงยักษ์
สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือร่างของกาเพลิงยักษ์กลับค่อยๆหมองลงๆ
ไม่ว่ารังสีกระบี่กาเพลิงจะหนุนเนื่องเสริมพลังเข้าไปเท่าใดก็ตามแต่มันกลับหมองลงช้าๆ
กระบี่ทั้งห้าเริ่มสะบัดกวัดแกว่งรวดเร็วขึ้นทุกที
การเปลี่ยนแปลงจังหวะไม่ได้อยู่ในความควบคุมของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากพลังกดดันมหาศาลทำให้พวกเขาได้แต่เพิ่มความเร็วในการสะบัดกระบี่เพิ่มขึ้นต่อไป
หน้าของพวกเขาซีดอย่างรวดเร็ว
ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าหอกทะเลจุดอ่อนแอ แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะทนและยืดหยุ่น กาเพลิงยักษ์ที่เป็นเหมือนอสูรดวงดาวเหมือนกับติดอยู่ในตาข่าย ไม่ว่าพยายามดิ้นรนอย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถออกไปได้
ความเร็วที่คมหอกแสดงออกมานั้นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและกดดันบุรุษทั้งห้าต่อเนื่องขึ้นเรื่อยๆ
บุรุษทั้งห้าคนหน้าซีดราวกับคนตาย
พวกเขามีประสบการณ์ต่อสู้มากมาย และรู้ว่าพวกเขาสูญเสียโอกาสชนะไปแล้ว เนื่องจากถูกฝ่ายตรงข้ามควบคุมได้โดยสิ้นเชิง
ชั้นจากทะเลคมหอกในสายตาของพวกเขาไม่ได้ดูลึกซึ้งมาก
อาจกล่าวได้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้มีอะไรที่เป็นความลับ การสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายเป็นเรื่องของจำนวนพลังรบที่ปลดปล่อยออกมาว่าใครมีมากกว่ากัน เมื่อทั้งห้าคนสูญเสียโอกาสได้เปรียบ ก็หมายความว่าจำนวนพลังปลายหอกที่ฝ่ายตรงข้ามปล่อยออกมานั้นมากกว่าจำนวนพลังกระบี่ที่ทั้งห้าปล่อยออกมารวมกันเสียอีก
นั่นเป็นไปไม่ได้
สีหน้าของทั้งห้าคนตกตะลึงเกินกว่าจะยอมเชื่อ
สำหรับไม้ตายกากบาทเพลิงนี้ พวกเขาฝึกฝนมาเป็นพิเศษเพื่อให้มือของพวกเขามีความเร็วปลดปล่อยพลังโจมตีได้มหาศาล และความเร็วที่ทั้งห้าคนปลดปล่อยพลังกระบี่กาเพลิงนั้นมีมาตรฐานสูงกว่ากระบี่กาเพลิงธรรมดาถึงสองเท่า
แต่...คู่ต่อสู้ปลดปล่อยพลังรบได้เร็วมากขนาดนั้นเกินกว่าที่พวกเขาทั้งห้าปลดปล่อยพลังโจมตีรวมกันเสียอีก
ถ้าพวกเขาไม่ได้ประสบพบเห็นกับตัวเอง พวกเขาคงไม่มีทางเชื่อแน่นอน
ด้วยสภาพเช่นนี้พวกเขาถูกตรึงไว้อย่างสิ้นเชิงและเริ่มเสียเปรียบขึ้นทุกที หมดโอกาสจะกอบกู้สถานการณ์ โอกาสที่จะคว้าชัยชนะตกไปอยู่ที่ฝ่ายตรงข้ามแล้ว
กาเพลิงขนาดมหึมาหมองลงช้าๆและอยู่ในสภาพริบหรี่เต็มที
ปัง!
กาเพลิงยักษ์ระเบิดแตกกระจายเป็นฝนเพลิง ทั้งห้าคนส่งเสียงครวญครางใบหน้าของพวกเขาเห็นได้ชัดว่าตระหนกตกใจ
แต่พวกเขายังไม่ทันสามารถได้ตั้งตัวทะเลจุดขนาดใหญ่ก็กลืนคนทั้งห้าหมด
พอเขาดึงหอกกลับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยทะเลหอกก็หายไปทันทีและความโกรธในดวงตัวของหลิงซิ่วค่อยๆลดลง เขากลับคืนสู่สภาพเยือกเย็นอีกครั้ง
เขาลอยตัวอยู่ในอากาศเงียบๆค่อยกวาดสายตามองดูรอบๆ ไม่ได้พูดอะไร เขาหันกลับและลอยตัวกลับเข้าไปในยานโดยสาร
ผมสีเงินและหอกเงินทำให้เขาดูสง่างามมีราศี!
เขาจรดปลายเท้าลงยืนบนพื้นยานโดยสารเบาๆผมสีเงินยังพัดปลิวพลิ้วไสว
“ว้าว..ซิ่วซิ่วน้อยเดี๋ยวนี้เจ้าก้าวหน้าใหญ่แล้ว” ถังเทียนทำตาโต แต่พูด “แต่ว่าทำไมเจ้าไม่ใช้ท่าทะลวงแก่นส้มยุติธรรมอะไรนั่นล่ะ?”
เขาชะงักฝีเท้า.. สีหน้าแข็งค้างหางตาเริ่มกระตุก
ทะลวงแก่นส้มยุติธรรม.... เย็นไว้, เย็นไว้ ... อย่าลดตัวไปทะเลาะกับไอ้สวะนี่...
“แต่ท่าทะลวงแก่นส้มยุติธรรมอะไรนั่นแข็งแกร่งกว่าจริงๆนะ เจ้าลืมไปแล้วเหรอ?” ถังเทียนลูบคาง ทำสีหน้าจริงจัง “ถ้าเจ้าลืมไปแล้ว อย่างนั้นมันน่าเสียดายจริงๆ! มันเป็นท่าที่ทรงพลังนะ! แต่ก็ไม่เป็นไป คิดมากไปได้บางทีเจ้าอาจจะจำได้อยู่..”
“ว้ากๆๆดูท่าทะลวงแก่นส้มยุติธรรมของข้าซะก่อน!”
ถังเทียนเริ่มทำท่ามือของเขา
หน้าของหลิงซิ่วเหมือนมีเมฆครึ้มมารวมตัวกัน เขียวคล้ำมากขึ้นทุกที
เย็นเข้าไว้ๆ..... ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!
หลิงซิ่วตะโกนกรอกใส่หูถังเทียนโดยไม่มีการเตือนไว้ก่อนทำให้ถังเทียนถอยหลบไม่ทันเวลา
“หุบปากไปเลย,เจ้าบัดซบ, นี่มันท่าบ้าบออะไรของเจ้า, เจ้าทำท่าบ้าๆ บอๆ อะไรกันแน่” หลิงซิ่วโกรธคว้าหอกเงินได้กระแทกใส่หน้าอกตัวเองปึ้ก ปึ้ก ปึ้ก และโวยวายขึ้น “มาเลย, มาสู้กันให้รู้ดำรู้แดงไปเลย ถ้าเจ้าไม่รู้สำนึก ก็คงเป็นข้า”
“เฮ้...”ถังเทียนมองดูหลิวซิ่วอย่างประหลาดใจ และพูดอย่างไม่รู้เรื่องราว “ทำไมล่ะ?นี่ข้ากำลังชมเจ้าอยู่นะ”
ถังเทียนเข้ามามองดูเขาใกล้ๆด้วยความเป็นห่วง “ซิ่วซิ่วน้อย เจ้าหักโหมฝึกหนักเกินไปเมื่อเร็วๆ นี้ใช่ไหม,แม้แต่สมองก็พลอยมอดไหม้ไปด้วย? โอว..ไม่นะ อย่าบอกข้านะว่าเพราะเรื่องนั้นทำให้เจ้าลืมเรื่องทะลวงแก่นส้มยุติธรรม?”
หลิวซิ่วรู้สึกว่าทั่วร่างของเขาแทบจะมีไฟลุกท่วมจวนเจียนระเบิดเต็มทีผมของเขาตั้งชัน เขาควงหอกและชี้มาที่ถังเทียน “เจ้า เจ้า เจ้า...! มาสิโว้ย... มาพิสูจน์ฝีมือกันไปเลย!”
ถังเทียนยิ่งแน่ใจกับการตัดสินของเขาเอง ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจขณะมองดูหลิงซิ่วแล้วกล่าว “ไม่เอา..ไม่สู้ไม่สู้ .... ซิ่วซิ่วน้อย เมื่อเจ้าป่วย เจ้าก็ต้องดูแลรักษาตนเองให้ดี ถ้าย่ำแย่หนักลงไปกว่านี้ จะอันตรายมากข้าขอบอกเจ้าไว้เลยว่า สมองสำคัญมาก อย่าห่วงเลย ข้าจะไม่ทิ้งเจ้า.. หมู่ดาวอีกาต้องมีหมอเก่งๆ แน่นอน...”
สมอง...มีปัญหา...
หลิงซิ่วรู้สึกว่าเขากำลังจะบ้า จึงตะโกนลั่น “หุบปาก! มาสู้กันเลย!”
แววตาเห็นอกเห็นใจของถังเทียนยิ่งเพิ่มมากกว่าเดิม เขาส่ายหน้าพูดจริงจัง “ซิ่วซิ่วน้อย แม้สมองเจ้าจะมีปัญหา ข้าก็จะไม่ปล่อยให้อาการกำเริบแน่นอน ข้าเป็นพี่ชายที่แสนดีอยู่แล้ว....”
“ว้ากกกกกกก..”
หลิงซิ่วคำรามด้วยความโกรธจัด เสียงเหมือนฟ้าผ่าดังไปไกล พวกคนที่มาดูลาดเลาสังเกตการณ์ที่เห็นแต่เพียงเป็นเงาตัวสั่นด้วยความกลัว