ตอนที่แล้วตอนที่ 201 หมู่ดาวอีกา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 203 พายุตั้งเค้า

ตอนที่ 202 กากบาทเพลิง


มือกระบี่ชุดเทาห้าคนดูเหมือนฝูงกากำลังมุ่งหน้าไปที่ยานเงิน  มือกระบี่ชุดเทาทั้งห้านี้มีสีหน้าเยือกเย็นนัยน์ตาสีแดงกำลังควงกระบี่ยาวสีเทา

ในดวงตาแดงของพวกเขา  ถังเทียนสามารถเห็นแววละโมบประหลาดใจและความคลั่งไคล้ได้

“คนร้ายพวกนั้น ข้าจะใช้หอกของข้าทะลวงให้หมด”

เสียงนุ่มนวลเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านข้างทันที  ถังเทียนหันไปดูและเห็นหลิงซิ่ว  เขาประหลาดใจ หลิงซิ่วที่อยู่ต่อหน้าเขาเยือกเย็นผิดธรรมดา ดวงตาสีส้มไม่ได้แสดงความโกรธและความรุนแรงเหมือนอย่างที่เคย

เหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่ง

หลิงซิ่วในชุดขาวขลิบทองถือหอกเงินตั้งตรง  แต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกคุกคามแต่อย่างใดแต่ในทางตรงกันข้ามกลับทำให้คนรู้สึกสงบเป็นพิเศษเหมือนก่อนพายุจะมา

เจ้าเด็กนี่....

ภายใต้สายตาประหลาดใจของถังเทียนหลิงซิ่วถือหอกในมือขวาก้าวข้ามรั้วป้องกันด้านข้างของยานทันที ใบหน้าหล่อเหลาของเขาภายใต้แสงอาทิตย์ดูอ่อนโยนและเงียบสงบ

วูบ...เขาก้าวขึ้นบนราวกั้นยานและลอยตัวลงมาจากยาน ผมสีเงินของเขาพลิ้วไสวในท้องฟ้า เหมือนกับนกสีขาวหิมะพุ่งเข้าใส่มือกระบี่ชุดเทาทั้งห้า

ทั้งห้าคนกระจายกันจัดตั้งขบวน  หน้าสองหลังสาม มีระยะห่างได้สัดส่วนจากซ้ายขวาและบนพุ่งเข้าหาหลิงซิ่ว

ในกลางอากาศหลิงซิ่วจ้องดูบุรุษทั้งห้าพุ่งตรงเข้าหาเขาโดยไม่ขยับสักนิ้ว

ทั้งห้าคนสะบัดควงกระบี่เทา กระบี่ทุกเล่มกลายเป็นมีประกายพร้อมกับเพลิงสีแดงทุกเล่มส่งเสียงหวีดหวิวพร้อมกัน รัศมีประกายเพลิงทั้งห้าขยายลามออกมาจากกระบี่เหมือนกลุ่มเปลวเพลิงขยายเปลวเป็นลำเพลิงส่งเสียงหวีดหวิวพุ่งเข้าหาหลิงซิ่ว

กระบี่กาเพลิงแห่งหมู่ดาวกา

ทั้งห้าคนใช้วิชากระบี่พร้อมกัน  เป็นการประสานงานที่สมบูรณ์แบบ  รังสีทั้งห้าของกระบี่กาเพลิงส่งเสียงหวีดหวิวออกมาพร้อมกัน

วืด วืด วืด...เสียงกระบี่ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง

ทั้งห้าคนยังคงควงกระบี่กาเพลิงของพวกเขา แต่ละคนใช้กระบี่กาเพลิงหนุนเนื่องโจมตีเหมือนสายฝนใส่หลิงซิ่วในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน

หลิงซิ่วดูเหมือนว่ายืนที่ตรงนั้นไม่มีสีหน้าแสดงอารมณ์อย่าวเด่นสง่า

ท้องฟ้าทั้งหมดดูเหมือนเต็มไปด้วยกาเพลิงส่งเสียงหวีดหวิวบดบังทัศนวิสัยของเขาทั้งหมด เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหลบพ้น  มือกระบี่ทั้งห้าอดดีใจไม่ได้  คู่ต่อสู้ยังกล้าอยู่เฉยอีกหรือ

พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าจะพบกับศัตรูที่หยิ่งยโสและโง่ในขณะเดียวกัน

ทั้งห้าคนมาจากหมู่บ้านกระบี่แห่งหนึ่งพร้อมกันตั้งแต่ยังเยาว์วัยได้รับการยอมรับจากอาจารย์ พวกเขาร่วมมือประสานได้เป็นอย่างดี และกระบี่กาเพลิงไม่ใช่วิชาชั้นสูงจนยากเล่าเรียนฝึกฝน  แต่ทั้งห้ากลับค้นคว้าและผสานเป็นวิชาที่ร่วมกันต่อสู้ นอกจากนี้ทั้งห้าคนมีระดับฝีมือที่คล้ายกัน  เมื่อรวมกาเพลิงเข้าด้วยกันพลังของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมาก

ยานสีเงินสวยงามน่าทึ่งมาก ใครก็ตามที่ได้เห็นสามารถบอกได้เลยว่าเจ้าของต้องมาจากตระกูลร่ำรวย  ทันทีที่ยานเข้าหมู่ดาวกาก็เป็นเหมือนกับหินที่ถูกโยนลงแม่น้ำที่สงบนิ่ง ก่อระลอกคลื่นนับไม่ถ้วน

ใครจะรู้กันเล่าว่ามีคนจับตาดูมีมากเท่าใด แต่พวกเขาเกือบทั้งหมดไม่มีพลังจะลงมือดำเนินการ

ทั้งห้าคนลังเลและปรึกษากันอยู่นานก่อนจะตัดสินใจลงมือและตรวจสอบถ้าพวกเขาชิงมาได้ นั่นจะเป็นทางมาแห่งรายได้มหาศาลเพราะถึงไม่ต้องพูดก็บอกได้ว่ายานที่หรูหรานั้นสามารถขายได้เงินมหาศาล

เมื่อหลิวซิ่วลอยตัวลงมาจากยานโดยสาร  ทั้งห้าคนคิดว่าพวกเขาพบศัตรูแข็งแกร่ง

แต่หลังจากนั้นต่อมาเมื่อได้เห็นบุคลิกของหลิงซิ่ว พวกเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าเป็นโอกาสที่ดี

ทั้งห้าคนใช้วิชาสังหารออกมาโดยไม่ลังเลเลย

กระบี่เทาในมือทุกคนควงเป็นวงกลมขณะที่พวกเขาตวาดเสียงดังลั่น “ฆ่า!”

เมื่อเห็นท้องฟ้าทั้งสิ้นสว่างเต็มไปด้วยรังสีเพลิงกระบี่อีกา พวกเขาหายไปทั้งหมดทันทีเปลี่ยนเป็นรูปกระบี่เพลิงขนาดยักษ์และเปลี่ยนเป็นอีกาเพลิงขนาดมหึมาพุ่งเขาหาหลิงซิ่ว

ไม้ตายกากบาทเพลิง!

ร่างของกาเพลิงที่น่ากลัวมีไฟลุกท่วมตลอดทั้งร่าง  เจตจำนงของกระบี่ไหลออกมา  พลังความรุนแรงของมันครอบคลุมทั่วทั้งพื้นที่

ม่านตาของถังเทียนหรี่ลงทันที  แม้ว่าเขาจะอยู่ในยานโดยสารแต่เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความกราดเกรี้ยวรุนแรงของปราณที่แผ่มาถึง คลื่นความร้อนปราณทำให้อุณหภูมิอากาศโดยรอบเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

ทั้งห้าคนมีพลังธรรมดา แต่วิชาที่พวกเขาผนึกกำลังร่วมกันนี้มีพลังระดับเดียวกับนักสู้สวรรค์วิถีแน่นอน

เปลวเพลิงสะท้อนอยู่บนใบหน้าที่หล่อเหลาและผมเงินทั้งหมดของหลิงซิ่วไว้ปรากฏเป็นระลอกคลื่นอยู่ในดวงตาสีส้มของเขาแผ่ลามสะท้อนไปทั้งใบหน้า

ความเยือกเย็นและความสงบถูกฉีกขาดสลายหายไป ระเบิดเป็นพลังพายุออกมา  นัยน์ตาสีส้มจางลงด้วยความโกรธ  เพียงในชั่วเวลาสั้นๆถังเทียนเห็นประจักษ์ว่าทั้งร่างของหลิงเปลี่ยนแปลงจากสงบเป็นดุร้ายกราดเกรี้ยว

“ฆ่า!”

เสียงตวาดลั่นเหมือนสายฟ้าฟาดกึกก้องดังทั่วท้องฟ้า

หอกเงินในมือของหลิงซิ่วหายไป  ขณะเดียวหอกทะเลจุดก็เบ่งบานเต็มอยู่ในท้องฟ้า

“วืด วืด” เสียงกระบี่ถูกข่มอย่างสิ้นเชิง

อีกาเพลิงปะทะเข้าใส่หอกทะเลจุด

จุดเปลวไฟสว่างแพรวพราวอยู่บนร่างกาเพลิงเหมือนกับว่ากาเพลิงที่ดุร้ายตื่นขึ้นและหอกทะเลจุดที่ปรากฏอยู่ต่อหน้ากาเพลิงที่ดุร้ายก็ดูอ่อนแอมาก

หลังจากนั้นเปลวเพลิงก็ลุกพรึ่บจากกาเพลิงทันทีเพิ่มขึ้นแล้วก็หรี่ลงต่อเนื่องจนเข้มข้น

ทั้งห้าคนตั้งใจไว้แล้วแม้ว่าจะดูเหมือนว่าเปลวเพลิงเข้มข้นและดูน่ากลัวมาก แต่พวกเขารู้สึกได้ว่าความเสียหายที่กาเพลิงได้รับไม่ค่อยรุนแรง

ตราบใดที่พวกเขาสามารถผ่านชั้นของหอกทะเลจุดได้ อย่างนั้นฝ่ายตรงข้ามไม่มีทางป้องกันได้เพิ่มแน่

ทั้งห้าคนตัดสินใจรวดเร็ว กระบี่เทาในมือพวกเขายังคงเคลื่อนที่ต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง  รังสีกระบี่หนุนเนื่องเข้าไปในร่างยักษ์กาเพลิงและร่างที่หมองสลัวลงของกาเพลิงพลันสว่างทันที พลังของมันขยายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

ชี่ ชี่ ชี่!

เสียงเหมือนผ้าฉีกขาดราวกับมีภูตผีคร่ำครวญดังก้องได้ยินอยู่ในหูทุกคน

หอกทะเลจุดเป็นเหมือนคลื่นทะเลหนุนเนื่องไม่หยุด  เพลิงสว่างไสวเห็นได้ชัดปรากฏอยู่บนตัวกาเพลิงยักษ์และทำให้เพลิงของมันลดขนาดลงทุกทีจนหัวใจคนรู้สึกกดดัน

ใบหน้าพวกเขาเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ  การโจมตีที่กาเพลิงยักษ์ได้รับนั้นเพิ่มพลังแข็งแกร่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

พวกเขาไม่มีทางเลือกได้แต่เพิ่มความเร็วในการสะบัดกระบี่เพิ่มพลังให้กาเพลิงยักษ์ทำให้เกิดฝูงกาเพลิงเข้าไปรวมตัวกับร่างกาเพลิงยักษ์

สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือร่างของกาเพลิงยักษ์กลับค่อยๆหมองลงๆ

ไม่ว่ารังสีกระบี่กาเพลิงจะหนุนเนื่องเสริมพลังเข้าไปเท่าใดก็ตามแต่มันกลับหมองลงช้าๆ

กระบี่ทั้งห้าเริ่มสะบัดกวัดแกว่งรวดเร็วขึ้นทุกที

การเปลี่ยนแปลงจังหวะไม่ได้อยู่ในความควบคุมของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากพลังกดดันมหาศาลทำให้พวกเขาได้แต่เพิ่มความเร็วในการสะบัดกระบี่เพิ่มขึ้นต่อไป

หน้าของพวกเขาซีดอย่างรวดเร็ว

ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าหอกทะเลจุดอ่อนแอ แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะทนและยืดหยุ่น กาเพลิงยักษ์ที่เป็นเหมือนอสูรดวงดาวเหมือนกับติดอยู่ในตาข่าย  ไม่ว่าพยายามดิ้นรนอย่างไรก็ตาม  ก็ไม่สามารถออกไปได้

ความเร็วที่คมหอกแสดงออกมานั้นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและกดดันบุรุษทั้งห้าต่อเนื่องขึ้นเรื่อยๆ

บุรุษทั้งห้าคนหน้าซีดราวกับคนตาย

พวกเขามีประสบการณ์ต่อสู้มากมาย  และรู้ว่าพวกเขาสูญเสียโอกาสชนะไปแล้ว  เนื่องจากถูกฝ่ายตรงข้ามควบคุมได้โดยสิ้นเชิง

ชั้นจากทะเลคมหอกในสายตาของพวกเขาไม่ได้ดูลึกซึ้งมาก

อาจกล่าวได้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้มีอะไรที่เป็นความลับ  การสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายเป็นเรื่องของจำนวนพลังรบที่ปลดปล่อยออกมาว่าใครมีมากกว่ากัน  เมื่อทั้งห้าคนสูญเสียโอกาสได้เปรียบ  ก็หมายความว่าจำนวนพลังปลายหอกที่ฝ่ายตรงข้ามปล่อยออกมานั้นมากกว่าจำนวนพลังกระบี่ที่ทั้งห้าปล่อยออกมารวมกันเสียอีก

นั่นเป็นไปไม่ได้

สีหน้าของทั้งห้าคนตกตะลึงเกินกว่าจะยอมเชื่อ

สำหรับไม้ตายกากบาทเพลิงนี้  พวกเขาฝึกฝนมาเป็นพิเศษเพื่อให้มือของพวกเขามีความเร็วปลดปล่อยพลังโจมตีได้มหาศาล และความเร็วที่ทั้งห้าคนปลดปล่อยพลังกระบี่กาเพลิงนั้นมีมาตรฐานสูงกว่ากระบี่กาเพลิงธรรมดาถึงสองเท่า

แต่...คู่ต่อสู้ปลดปล่อยพลังรบได้เร็วมากขนาดนั้นเกินกว่าที่พวกเขาทั้งห้าปลดปล่อยพลังโจมตีรวมกันเสียอีก

ถ้าพวกเขาไม่ได้ประสบพบเห็นกับตัวเอง  พวกเขาคงไม่มีทางเชื่อแน่นอน

ด้วยสภาพเช่นนี้พวกเขาถูกตรึงไว้อย่างสิ้นเชิงและเริ่มเสียเปรียบขึ้นทุกที หมดโอกาสจะกอบกู้สถานการณ์ โอกาสที่จะคว้าชัยชนะตกไปอยู่ที่ฝ่ายตรงข้ามแล้ว

กาเพลิงขนาดมหึมาหมองลงช้าๆและอยู่ในสภาพริบหรี่เต็มที

ปัง!

กาเพลิงยักษ์ระเบิดแตกกระจายเป็นฝนเพลิง  ทั้งห้าคนส่งเสียงครวญครางใบหน้าของพวกเขาเห็นได้ชัดว่าตระหนกตกใจ

แต่พวกเขายังไม่ทันสามารถได้ตั้งตัวทะเลจุดขนาดใหญ่ก็กลืนคนทั้งห้าหมด

พอเขาดึงหอกกลับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยทะเลหอกก็หายไปทันทีและความโกรธในดวงตัวของหลิงซิ่วค่อยๆลดลง เขากลับคืนสู่สภาพเยือกเย็นอีกครั้ง

เขาลอยตัวอยู่ในอากาศเงียบๆค่อยกวาดสายตามองดูรอบๆ ไม่ได้พูดอะไร เขาหันกลับและลอยตัวกลับเข้าไปในยานโดยสาร

ผมสีเงินและหอกเงินทำให้เขาดูสง่างามมีราศี!

เขาจรดปลายเท้าลงยืนบนพื้นยานโดยสารเบาๆผมสีเงินยังพัดปลิวพลิ้วไสว

“ว้าว..ซิ่วซิ่วน้อยเดี๋ยวนี้เจ้าก้าวหน้าใหญ่แล้ว” ถังเทียนทำตาโต แต่พูด “แต่ว่าทำไมเจ้าไม่ใช้ท่าทะลวงแก่นส้มยุติธรรมอะไรนั่นล่ะ?”

เขาชะงักฝีเท้า.. สีหน้าแข็งค้างหางตาเริ่มกระตุก

ทะลวงแก่นส้มยุติธรรม.... เย็นไว้,  เย็นไว้ ... อย่าลดตัวไปทะเลาะกับไอ้สวะนี่...

“แต่ท่าทะลวงแก่นส้มยุติธรรมอะไรนั่นแข็งแกร่งกว่าจริงๆนะ  เจ้าลืมไปแล้วเหรอ?”  ถังเทียนลูบคาง ทำสีหน้าจริงจัง  “ถ้าเจ้าลืมไปแล้ว  อย่างนั้นมันน่าเสียดายจริงๆ! มันเป็นท่าที่ทรงพลังนะ! แต่ก็ไม่เป็นไป   คิดมากไปได้บางทีเจ้าอาจจะจำได้อยู่..”

“ว้ากๆๆดูท่าทะลวงแก่นส้มยุติธรรมของข้าซะก่อน!”

ถังเทียนเริ่มทำท่ามือของเขา

หน้าของหลิงซิ่วเหมือนมีเมฆครึ้มมารวมตัวกัน  เขียวคล้ำมากขึ้นทุกที

เย็นเข้าไว้ๆ.....  ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!

หลิงซิ่วตะโกนกรอกใส่หูถังเทียนโดยไม่มีการเตือนไว้ก่อนทำให้ถังเทียนถอยหลบไม่ทันเวลา

“หุบปากไปเลย,เจ้าบัดซบ, นี่มันท่าบ้าบออะไรของเจ้า, เจ้าทำท่าบ้าๆ บอๆ อะไรกันแน่”  หลิงซิ่วโกรธคว้าหอกเงินได้กระแทกใส่หน้าอกตัวเองปึ้ก ปึ้ก ปึ้ก และโวยวายขึ้น “มาเลย, มาสู้กันให้รู้ดำรู้แดงไปเลย ถ้าเจ้าไม่รู้สำนึก  ก็คงเป็นข้า”

“เฮ้...”ถังเทียนมองดูหลิวซิ่วอย่างประหลาดใจ และพูดอย่างไม่รู้เรื่องราว “ทำไมล่ะ?นี่ข้ากำลังชมเจ้าอยู่นะ”

ถังเทียนเข้ามามองดูเขาใกล้ๆด้วยความเป็นห่วง  “ซิ่วซิ่วน้อย  เจ้าหักโหมฝึกหนักเกินไปเมื่อเร็วๆ นี้ใช่ไหม,แม้แต่สมองก็พลอยมอดไหม้ไปด้วย? โอว..ไม่นะ อย่าบอกข้านะว่าเพราะเรื่องนั้นทำให้เจ้าลืมเรื่องทะลวงแก่นส้มยุติธรรม?”

หลิวซิ่วรู้สึกว่าทั่วร่างของเขาแทบจะมีไฟลุกท่วมจวนเจียนระเบิดเต็มทีผมของเขาตั้งชัน เขาควงหอกและชี้มาที่ถังเทียน “เจ้า เจ้า เจ้า...! มาสิโว้ย... มาพิสูจน์ฝีมือกันไปเลย!”

ถังเทียนยิ่งแน่ใจกับการตัดสินของเขาเอง ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจขณะมองดูหลิงซิ่วแล้วกล่าว “ไม่เอา..ไม่สู้ไม่สู้ .... ซิ่วซิ่วน้อย เมื่อเจ้าป่วย เจ้าก็ต้องดูแลรักษาตนเองให้ดี  ถ้าย่ำแย่หนักลงไปกว่านี้ จะอันตรายมากข้าขอบอกเจ้าไว้เลยว่า สมองสำคัญมาก อย่าห่วงเลย ข้าจะไม่ทิ้งเจ้า.. หมู่ดาวอีกาต้องมีหมอเก่งๆ แน่นอน...”

สมอง...มีปัญหา...

หลิงซิ่วรู้สึกว่าเขากำลังจะบ้า จึงตะโกนลั่น  “หุบปาก!  มาสู้กันเลย!”

แววตาเห็นอกเห็นใจของถังเทียนยิ่งเพิ่มมากกว่าเดิม  เขาส่ายหน้าพูดจริงจัง  “ซิ่วซิ่วน้อย แม้สมองเจ้าจะมีปัญหา ข้าก็จะไม่ปล่อยให้อาการกำเริบแน่นอน ข้าเป็นพี่ชายที่แสนดีอยู่แล้ว....”

“ว้ากกกกกกก..”

หลิงซิ่วคำรามด้วยความโกรธจัด เสียงเหมือนฟ้าผ่าดังไปไกล พวกคนที่มาดูลาดเลาสังเกตการณ์ที่เห็นแต่เพียงเป็นเงาตัวสั่นด้วยความกลัว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด